คุกของอู่อิ้งเหวินอยู่ห่างจากคุกของนางพอสมควร จึงไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างนางกับจิ่งโม่เยี่ยตอนนี้เมื่อเขาได้ยินเฟิ่งชูอิ่งพูดแบบนั้น เขาจึงกล่าวว่า "ขอบคุณคุณหนูเฟิ่งขอรับ"เฟิ่งชูอิ่งว่างอยู่แล้ว จึงถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีของอู่อิ้งเหวิน เขาก็อธิบายอย่างละเอียดคดีนี้จริงๆ แล้วไม่ได้ซับซ้อนอะไร แค่ไม่มีใครกล้ารับทำคดีนี้เท่านั้นเองนางเข้าใจคดีนี้แล้ว จึงถามต่อว่านักโทษคนอื่นๆ มีใครถูกใส่ร้ายหรือไม่โอกาสแบบนี้สำหรับนักโทษที่ถูกใส่ร้าย เป็นโอกาสที่หาได้ยากมากพวกเขาผลัดกันเล่าเรื่องราวของตนให้เฟิ่งชูอิ่งฟังเฟิ่งชูอิ่งรู้สึกเบื่อที่ต้องอยู่ในคุก การฟังเรื่องราวการถูกใส่ร้ายของพวกเขา ทำให้วันเวลาของนางเต็มไปด้วยสีสันขึ้นมาทันทีอีกทั้งนางเข้าใจศาสตร์การดูโหงวเฮ้ง จากลักษณะใบหน้าของพวกเขา นางสามารถมองเห็นอดีตและอุปนิสัยของพวกเขาได้โดยประมาณดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถโกหกต่อหน้านางได้หลังจากที่นางเปิดโปงนักโทษบางคนที่พยายามแสร้งทำเป็นน่าสงสารและล้างมลทินต่อหน้าทุกคน สายตาของผู้คนที่มองนางก็เหมือนกำลังมองเทพเจ้าเฟิ่งชูอิ่งพูดเสียงเรียบ "พวกเจ้าอย่าพยายามโกหกต่อหน้าข้
ในตอนนี้ถึงแม้จิ่งสือเฟิงจะตายไปแล้ว แต่ตำแหน่งผู้สำเร็จราชการของจิ่งโม่เยี่ยก็ยังไม่มั่นคงนัก ดังนั้นวิธีการของเขาในตอนนี้ก็คือพยายามไม่ทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่พอใจจิ่งโม่เยี่ยมองเขาแล้วพูดว่า "ข้าจะบอกเจ้าสักประโยค เจ้าคิดจะไม่ทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่พอใจ แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก""แต่เรื่องนี้ข้าไม่ต้องการให้เจ้าแสดงท่าทีอะไร เจ้าแค่ทำหน้าที่ตัดสินคดีไปตามขั้นตอนก็พอ"เขาเชื่อมั่นในความสามารถของเฟิ่งชูอิ่ง นางสามารถพิสูจน์ตัวเองได้แต่การที่ผู้ว่าราชการประจำเมืองหลวงไม่ทำอะไรเลยแบบนี้ ตำแหน่งของเขาก็คงจะถึงคราวสิ้นสุดแล้วผู้ว่าราชการประจำเมืองหลวงได้ยินคำพูดนี้ก็เข้าใจความหมายของจิ่งโม่เยี่ยทันที สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันใดจิ่งโม่เยี่ยก็ไม่พูดอะไรกับเขาอีก หมุนตัวเดินจากไปผู้ว่าราชการประจำเมืองหลวงอยากจะดึงตัวเขาไว้ แต่ไม่กล้าเขาได้แต่มองจิ่งโม่เยี่ยจากไปต่อหน้า ด้วยความรู้สึกปวดหัวอย่างมากเรื่องนี้มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่รู้จะจบมันยังไงดีในขณะที่เขากำลังปวดหัว ทหารยามคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามา "ท่านใต้เท้าขอรับ มีเรื่องเกิดขึ้นในคุกแล้วขอรับ"ผู้ว่าราชการประจำเมืองหลวงกระโดดขึ้นจ
เขารู้สึกไม่ค่อยแน่ใจ จึงหันไปมองห้องขังของเฟิ่งชูอิ่งตอนนี้นางฟังเรื่องราวจากนักโทษจนเหนื่อย จึงปิดม่านพักผ่อน เขาไม่สามารถเห็นอะไรได้เลยเขาพูดอย่างไม่พอใจว่า "ทำไมที่นั่นถึงมีม่านด้วย?"ยามที่อยู่ข้างๆ ตอบว่า "นั่นเป็นสิ่งที่อ๋องผู้สำเร็จราชการมาติดตั้งให้นางด้วยตัวเอง"ผู้ว่าราชการประจำเมืองหลวง “......”จิ่งโม่เยี่ยเป็นคนติดตั้ง แม้เขาจะมีความกล้าอีกสิบเท่า เขาก็ไม่กล้ารื้อออกตอนนี้เขาเพิ่งเห็นผู้ชายตัวใหญ่หลายคนนั่งอยู่หน้าประตูคุก "ทำไมถึงมีผู้ชายอยู่ในห้องขังนี้?"ยามกระซิบตอบว่า "นี่เป็นการจัดการของรองผู้ว่าราชการตู้เอง"ผู้ว่าราชการประจำเมืองหลวงรู้สึกว่าเขากำลังจะถูกรองผู้ว่าราชการตู้ทำให้เสียหาย!เขาพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง "จะให้นักโทษชายหญิงอยู่ปะปนกันได้อย่างไร รีบย้ายนักโทษเหล่านั้นไปห้องขังอื่นเดี๋ยวนี้!"ยามทั้งหลายรีบเปิดประตูคุกและย้ายคนออกไป นักโทษเหล่านั้นต่างรู้สึกซาบซึ้งใจตอนนี้แม้จะให้พวกเขามีความกล้าร้อยเท่า พวกเขาก็ไม่กล้าอยู่ในห้องขังเดียวกับเฟิ่งชูอิ่งอีกแล้ว นี่เหมือนเป็นการช่วยชีวิตพวกเขา!ผู้ว่าราชการประจำเมืองหลวงคิดสักครู่ แล้วเดินไปที่หน้าม
รองผู้ว่าตู้ไม่สนใจคำพูดของผู้ว่าราชการเลย เรียกคนสนิทมาถามว่าได้สอบสวนทรมานเฟิ่งชูอิ่งแล้วหรือยังคนสนิทของเขาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้ฟังทั้งหมดรองผู้ว่าตู้ฟังจบก็เลิกคิ้วเล็กน้อย "เจ้ากำลังแต่งเรื่องโกหกข้าอยู่หรือ?"คนสนิททำหน้าเศร้า พูดว่า "ข้าน้อยไม่กล้า เพียงแต่เฟิ่งชูอิ่งมีอะไรบางอย่างที่แปลกประหลาดจริงๆ""ท่านใต้เท้า ไม่สู้ปล่อยตัวเฟิ่งชูอิ่งไปเสีย แล้วเลิกแล้วต่อกันไปเลย..."เขาพูดยังไม่ทันจบก็โดนรองผู้ว่าตู้ตบหน้าฉาดใหญ่ "เจ้ากล้าสอนข้าทำงานรึ?"คนสนิทหดคอลงรีบบอกว่าไม่กล้าดวงตาของรองผู้ว่าตู้เต็มไปด้วยความเย็นชา "พวกเจ้าต่างพูดว่าแตะต้องเฟิ่งชูอิ่งไม่ได้ งั้นข้าจะลองแตะดูสักหน่อย""ข้าอยากรู้นักว่านางจะประหลาดได้ขนาดไหน"พูดจบเขาก็สั่งการ "แจ้งไปว่าคืนนี้ข้าจะสอบสวนเฟิ่งชูอิ่งด้วยตัวเอง!"หนึ่งเค่อหลังจากนั้น เขาก็นั่งรออยู่ในห้องทรมาน เฟิ่งชูอิ่งถูกยามนำตัวเข้ามารองผู้ว่าตู้ไม่เคยพบเฟิ่งชูอิ่งมาก่อน ตอนนี้เห็นนางเดินเข้ามาอย่างอ่อนช้อยบอบบาง แสงไฟส่องกระทบร่างของนางครึ่งหนึ่ง ทำให้นางดูเหมือนจะล้มพับลงได้ทุกเมื่อเขาหัวเราะเยาะในใจ แค่รูปลักษณ์อ่อนแอ
เขาเป็นฝ่ายเสียท่าในเขตอำนาจของตัวเอง ซึ่งทำให้เขารู้สึกโกรธมากเขาพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่พบว่าไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของเฉี่ยวหลิงได้เฟิ่งชูอิ่งยกขาที่บาดเจ็บของนางขึ้น เอนตัวพิงพนักเก้าอี้แล้วพูดว่า "ข้าถาม เจ้าตอบ"รองผู้ว่าราชการตู้ตะโกนด้วยความโกรธ "นังแม่มดชั่ว เจ้ากล้าลงมือในจวนผู้ว่าราชการ เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!"เฟิ่งชูอิ่งเอามือเท้าคางพิงที่พนักเก้าอี้ นางพูดเสียงเรียบ "ตบปาก"เฉี่ยวหลิงยกมือตบหน้ารองผู้ว่าราชการตู้หลายที นางมีแรงเยอะมาก แค่ไม่กี่ทีก็ทำให้เขาปากเต็มไปด้วยเลือด ฟันกรามหลุดไปสองซี่รองผู้ว่าราชการตู้ “!!!!!!!”เขาตกตะลึงไปหมด ไม่คิดว่าพวกนางจะกล้าลงมือกับเขาจริงๆ!เฟิ่งชูอิ่งพูดเสียงเรียบ "ตอนนี้พูดดีๆ ได้หรือยัง?"รองผู้ว่าราชการตู้ตะโกนด้วยความโกรธ "เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!"เขาพูดยังไม่ทันจบ เฉี่ยวหลิงก็ต่อยเข้าที่ท้องของเขาทันที ทำให้เขาเจ็บจนต้องงอตัวเฟิ่งชูอิ่งเป่าเล็บมือเบาๆ ราวกับมีฝุ่นทั้งที่ไม่มีอยู่จริง แล้วพูดเสียงเรียบ "เฉี่ยวหลิงของข้ายังมีไม้เด็ดอีกอย่าง""นางแค่เตะทีเดียวก็สามารถเหยียบลูกชายของเจ้าให้แตก
เฟิ่งชูอิ่งไม่ได้แปลกใจกับคำพูดนี้ เพียงแต่การออกมาเดินเล่นของนางเป็นการตัดสินใจกะทันหัน เว้นแต่จะมีคนคอยจับตาดูนางตลอดเวลารองผู้ว่าราชการตู้ตอบ "ข้าก็ไม่รู้ว่าคนนั้นเป็นใคร เพราะไม่สำคัญว่าคนนั้นเป็นใคร สิ่งสำคัญคือข้อมูลนี้"เฟิ่งชูอิ่งถาม "เจ้าไม่กลัวถูกหลอกหรือ?"รองผู้ว่าราชการตู้กัดฟันพูด "ไม่ใช่ว่าข้าไม่กลัวถูกหลอก แต่เรื่องนี้มันเป็นประโยชน์กับข้า"เฟิ่งชูอิ่งนึกถึงคำพูดที่จิ่งโม่เยี่ยมาหานางก่อนหน้านี้ ดวงตาของนางล้ำลึกขึ้นเล็กน้อยนางพูดเสียงเรียบ "ดังนั้นพวกเจ้าก็มองหาโอกาสที่จะฆ่าจิ่งโม่เยี่ยมาตลอดสินะ?"รองผู้ว่าราชการตู้พยักหน้า "ใช่"เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะเยาะ "พวกเจ้าอยากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยก็ไปฆ่าเขาสิ มาลงมือกับข้านี่เรียกตัวเองว่าผู้ชายได้ยังไง?"รองผู้ว่าราชการตู้มองนางแล้วพูด "จิ่งโม่เยี่ยทำอะไรรอบคอบมาก พวกเราหาจุดอ่อนของเขาไม่เจอ""จากปฏิกิริยาของเขาครั้งนี้ เจ้าสำคัญกับเขามาก""จิ่งโม่เยี่ยทำอะไรบ้าคลั่ง ข้าไม่เคยเห็นเขาบ้าคลั่งขนาดนี้เพื่อใครมาก่อน""ดังนั้นการกระทำของข้าครั้งนี้ไม่มีปัญหาอะไรเลย ปัญหาเดียวคือข้าประเมินเจ้าต่ำไป"ดวงตาของเฟิ่งชูอิ่งหรี่ลงเล
เพียงแค่กำแพงกั้นไว้ แต่กลับเหมือนตัดขาดความหวังทั้งหมดของเขาวิธีการของเฟิ่งชูอิ่งนั้นง่ายและรุนแรง แต่กลับทำให้รองผู้ว่าราชการตู้ได้ลิ้มรสที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนสิ่งที่เขาเคยทำกับนักโทษในอดีต ตอนนี้ถูกเฟิ่งชูอิ่งแก้แค้นคืนทั้งหมดและตอนนี้เขาไม่มีความสามารถที่จะต่อต้านนางแม้แต่น้อยคืนนี้กลายเป็นคืนที่มืดมนที่สุดในชีวิตของเขาเขาคิดว่าเฟิ่งชูอิ่งจะเป็นคนที่ถูกรังแกได้ง่าย แต่นางกลับใช้ความสามารถสอนบทเรียนที่สำคัญที่สุดในชีวิตให้กับเขาถ้าให้เลือกอีกครั้ง เขาขอสู้กับจิ่งโม่เยี่ยดีกว่าที่จะต้องเผชิญหน้ากับนางในขณะนี้ จิ่งโม่เยี่ยนั่งดื่มชาอย่างสงบในห้องส่วนตัวของร้านน้ำชานอกจวนผู้ว่าราชการเมื่อเทียบกับความใจเย็นของเขา ฉินจื๋อเจี้ยนดูกระวนกระวายกว่ามาก เขาเดินไปมาในห้องไม่หยุดหลางซานเข้ามารายงาน "ท่านอ๋อง รองผู้ว่าราชการตู้กลับมาที่จวนผู้ว่าราชการแล้วพ่ะย่ะค่ะ"ตอนบ่าย หลังจากที่รองผู้ว่าราชการตู้จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็มีคนจากวังมาเชิญเขาเข้าวัง ดังนั้นเขาจึงไม่อยู่ที่จวนผู้ว่าราชการในตอนบ่ายดวงตาของจิ่งโม่เยี่ยเย็นชา "ส่งคนไปเฝ้าทุกทางออกจากจวนผู้ว่าราชการ ตั้งแต่ต
ฉินจื๋อเจี้ยน "......"เขาชูนิ้วโป้งให้จิ่งโม่เยี่ย "ท่านอ๋องช่างใส่ใจจริงๆ ถ้าพระชายาทราบคงจะดีใจมากทีเดียว"ก่อนหน้านี้แม้ว่าจิ่งโม่เยี่ยจะชอบเฟิ่งชูอิ่ง แต่ก็ไม่ค่อยใส่ใจคิดอะไรให้นางมากนักหลังจากที่ทั้งสองแยกจากกันครั้งล่าสุด จิ่งโม่เยี่ยดูเหมือนจะเข้าใจเรื่องการอยู่ร่วมกับเฟิ่งชูอิ่งในทันทีเขาเข้าใจว่าอะไรคือความรู้สึก อะไรคือการให้เกียรติแต่การที่จิ่งโม่เยี่ยเข้าใจสิ่งเหล่านี้ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่แพงมหาศาลจิ่งโม่เยี่ยพูดอย่างช้าๆ ว่า "ก็ไม่มีอะไรต่างจากเมื่อก่อนหรอก ข้าแค่ไม่อยากให้นางเกลียดข้าอีกเท่านั้น"ฉินจื๋อเจี้ยนได้ยินคำพูดนี้แล้วรู้สึกสงสารเขา จิ่งโม่เยี่ยช่างลำบากจริงๆเขาถามคำถามที่อยู่ในใจ "ตามปกติรองผู้ว่าราชการตู้แม้จะเผด็จการ แต่การกระทำก็ยังมีหลักการอยู่บ้าง อย่างน้อยก็คงไม่ลงมือกับพระชายาโดยตรงแบบนี้""ทำไมครั้งนี้เขาถึงได้ลงมือรุนแรงกับพระชายาแบบนี้? ถึงขนาดไม่สนใจว่าจะขัดแข้งขัดขากับจวนผู้ว่าราชการ?"ดวงตาของจิ่งโม่เยี่ยเย็นชา "คงเป็นเพราะมีคนบอกเขาว่าชูอิ่งสำคัญกับข้าแค่ไหน""ฮองเฮาและมหาราชครูเกลียดข้าเพราะการตายของจิ่งสือเฟิง พวกเขาพยายามหาโอก
เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ
ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี
สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก
แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน
ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ
หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ
เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้
เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ
เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท