บรรดากลุ่มคนที่ช่วยกันทำร้ายร่างกายหลินอีฉุน เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชูอิ่งถูกจับมาด้วย พวกเขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีเหิมเกริมเหมือนตอนที่ทำร้ายหลินอีฉุนอีกต่อไป ตอนนี้พวกเขาต่างนั่งตัวคุดคู้อยู่ตามมุมห้องตอนที่พวกเขาเห็นเฟิ่งชูอิ่งเดินเข้ามาก็พากันเหลือบมองนางแวบหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ที่เดิมเฟิ่งชูอิ่งและคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดถูกพาตัวมาไว้ในห้องเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งที่นี่คือห้องสอบสวนของจวนว่าราชการประจำเมืองหลวงเฟิ่งชูอิ่งเคยมาที่นี่อยู่ครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นสถานะของนางแตกต่างออกไปคดีทะเลาะวิวาทแบบนี้ จะไม่ได้รับการพิจารณาโดยตรงจากผู้ว่าราชการประจำเมืองหลวง แต่จะมีเจ้าหน้าที่ระดับรองมาสอบสวนไล่ไปทีละคนขณะที่พวกเขากำลังสอบสวนอยู่นั้น เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพก็เข้ามาเพื่อตรวจศพของหลินอีฉุนเมื่อเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพเปิดผ้าขาวที่คลุมร่างของหลินอีฉุนออก เฟิ่งชูอิ่งก็รู้สึกได้เลยว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเพราะจมูกของหลินอีฉุนยุบลงไปจนแทบจะแบนราบ และดูเหมือนกะโหลกศีรษะจะแตกละเอียดด้วยเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพหลังจากตรวจสอบร่างของหลินอีฉุนเสร็จแล้วก็รายงานต่อเจ้าหน้าที่สืบสวนว่า "แม้ศพจะ
เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะเบาๆ แล้วบอกให้เฉี่ยวหลิงพยุงนางเดิน ก่อนจะพากันเดินตามเจ้าหน้าที่ไปยังคุกอย่างสง่างามและเยือกเย็นเจ้าหน้าที่เห็นท่าทางของนางแล้วรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า ลักษณะท่าทางของนางไม่เหมือนคนที่มาเพื่อติดคุก กลับดูเหมือนเจ้าหน้าที่มาเดินตรวจตรามากกว่าถ้ารองหัวหน้าศาลต้าหลี่ได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้ เขาคงจะบอกว่าท่าทางของเฟิ่งชูอิ่งนั้นเหมือนกับปู๋เยี่ยโหวทุกประการ คนแบบนี้ไม่ควรไปยุ่งด้วยหรอกแต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่รู้ถึงตัวตนของเฟิ่งชูอิ่ง และไม่รู้ถึงวีรกรรมของนางพูดง่ายๆ คือวันนี้เขาแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้นเขาทำงานค่อนข้างรอบคอบ เมื่อรู้สึกว่าบุคลิกของเฟิ่งชูอิ่งไม่เหมือนคนทั่วไป เขาก็ส่งคนไปสอบถามว่านางเป็นใครพอสอบถามจนได้คำตอบแล้วก็ทำให้เขาขนลุกซู่ คนอื่นบอกเขาว่าเฟิ่งชูอิ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลินอีฉุน หรือก็คือพระชายาของอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ยินเช่นนั้นก็เกือบจะเป็นลมล้มพับลงไปกับพื้นแม้เขาจะไม่รู้จักเฟิ่งชูอิ่ง แต่เขารู้จักหญิงสาวที่แต่งงานกับอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมเฟิ่งชูอิ่งถึงไม่ยอมเปิดเผยตัวตน แล้
แต่จิ่งโม่เยี่ยก็รู้ดีว่า พวกคนจากจวนผู้ว่าราชการคงไม่ปล่อยนางไปง่ายๆ แน่ เขากลัวว่านางจะต้องทนทุกข์ทรมานในคุกดังนั้นหากว่ากันตามหลักเหตุผลจริงๆ แล้ว เขาไม่อาจเมินเฉยต่อเรื่องนี้ได้ฉินจื๋อเจี้ยนพูดด้วยความกังวลว่า "ท่านอ๋อง นี่เป็นโอกาสดีที่ท่านจะได้สร้างความประทับใจต่อหน้าพระชายา""แต่เรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นการโจมตีท่านอ๋องโดยตรง หากท่านอ๋องเข้าไปยุ่ง อาจจะเป็นการจุดไฟเผาตัวเองได้"ดวงตารูปดอกท้อของจิ่งโม่เยี่ยเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย "เจ้าคิดว่าถ้าข้าไม่ยุ่งกับเรื่องนี้ ไฟนั้นก็จะไม่ลามมาถึงตัวข้าหรือ?""พวกเขารอโอกาสมาตลอด โอกาสที่จะกำจัดข้าให้สิ้นซาก""คราวนี้เรื่องของชูอิ่งก็คือโอกาสที่พวกเขารออยู่"ฉินจื๋อเจี้ยนชะงักไปครู่หนึ่ง จิ่งโม่เยี่ยยิ้มมุมปาก "ในสายตาของพวกเขา ชูอิ่งยังคงเป็นพระชายาของข้า"“ในเมื่อพวกเขาพยายามจะลากข้าลงโคลนตมให้ได้ ระหว่างถูกกระทำกับเป็นฝ่ายทำเอง ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะขอก้าวลงไปในบ่อโคลนเอง”"เตรียมรถม้า ข้าจะไปดูชูอิ่งที่จวนผู้ว่าราชการ"ฉินจื๋อเจี้ยนเข้าใจความหมายในคำพูดของเขาทันที จึงไปเตรียมรถม้าให้ด้วยตัวเองเฟิ่งชูอิ่งถูกจัดให้อยู่ในคุกที่สกป
เฉี่ยวหลิงตอบรับสั้นๆ "ได้"เมื่อชายคนนั้นวิ่งเข้ามา เฉี่ยวหลิงก็คว้ามือเขาไว้แล้วดึงแขนเขาทุ่มลงพื้นอย่างแรงหลังจากทุ่มเสร็จ นางรู้สึกว่าท่านี้แรงเกินไปนิด อาจทำให้คนตายได้ จึงดึงขึ้นมาแล้วทุ่มไปอีกด้านหนึ่งครั้งนี้นางลดแรงลงเล็กน้อย แม้จะทุ่มลงเสียงดังโครมครามแต่ก็ไม่ถึงกับหักกระดูกหรือทำลายอวัยวะภายใน แค่ทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บบาดแผลแบบนี้ไม่ถึงตาย แต่ทำให้ เกิดความเจ็บปวดและดูน่ากลัวมากชายคนนั้นร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด แต่คุกที่ปกติมียามลาดตระเวนอยู่ตลอด ตอนนี้กลับไม่เห็นยามสักคนในคุกของจวนผู้ว่าราชการมีนักโทษหลากหลายประเภท ช่วงใกล้ปีใหม่จับโจรขโมยมาได้ไม่น้อย ข้างในจึงแน่นขนาดไปด้วยนักโทษคนของจวนผู้ว่าราชการต้องการทำลายเฟิ่งชูอิ่งให้ราบคาบ จึงขังนางไว้คุกตรงกลางที่มีคนมากที่สุดพวกเขายังจงใจเลือกเวลาเปลี่ยนเวรยามมาขังนาง เพื่อสร้างช่วงเวลาที่ไม่มีคนลาดตระเวน ปล่อยให้นักโทษพวกนั้นรังแกนางโดยปกติแล้วนักโทษในจวนผู้ว่าราชการไม่ได้ทำความผิดร้ายแรง แต่ห้องขังที่เฟิ่งชูอิ่งถูกขังอยู่นั้น ล้วนแต่เป็นคนชั่วร้ายทั้งนั้นในนั้นมีทั้งมหาโจร ฆาตกรต่อเนื่อง พวกข่มขืนล้วงละเมิด
เรื่องที่เฉี่ยวหลิงทำร้ายคนนั้นพวกเขาพอจะเข้าใจได้ ถือว่าอยู่ในขอบเขตปกติแต่ยันต์าสายฟ้าของเฟิ่งชูอิ่งนั้นเกินความเข้าใจของพวกเขา ในสายตาของพวกเขา นางช่างลึกลับเหลือคณานับ และยากที่จะรับมือมากเฟิ่งชูอิ่งยิ้มให้พวกเขาเล็กน้อย "ถ้าพวกเขาไม่อยากเล่นกับข้า ก็มาช่วยกันทำความสะอาดที่นี่หน่อยสิ ที่นี่สกปรกมากจริงๆ!"พอนางพูดจบ เฉี่ยวหลิงก็ชี้ไปที่นักโทษคนหนึ่งแล้วพูดว่า "เจ้ามาเก็บหญ้าพวกนี้ให้หมด"นักโทษคนนั้นแน่นอนว่าไม่ยอมฟังนางง่ายๆ ก่อนจะโดนนางซ้อมจนยอมทำงานอย่างว่าง่ายเฉี่ยวหลิงชี้ไปที่นักโทษอีกคนแล้วพูดว่า "เจ้าไปเช็ดพื้นให้สะอาด"นักโทษคนนั้นไม่กล้าขัดขืน แค่พูดว่า "แต่ที่นี่ไม่มีน้ำ"เฟิ่งชูอิ่งพูดเสียงเรียบ "เรื่องง่ายๆ"นางพูดจบก็หยิบยันต์น้ำออกมา แล้วลากถังใบหนึ่งมาจากข้างๆเมื่อนางเรียกใช้ยันต์น้ำ ในถังก็มีน้ำเต็มถังในทันทีนักโทษทุกคนที่เห็นภาพนี้ “!!!!!!!”นี่มันเก่งกว่าคนเล่นกลบนสะพานลอยตั้งเยอะ!หลังจากที่เฟิ่งชูอิ่งแสดงฝีมือแบบนี้หลายครั้ง ประกอบกับมีเฉี่ยวหลิงอยู่ด้วย ทำให้พวกนักโทษยอมทำตามคำสั่งทุกอย่าง ไม่มีใครกล้าขัดขืนพอยามกลับมาเดินตรวจตรา พวกนักโทษก็ท
เฉี่ยวหลิงกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เฟิ่งชูอิ่งที่อยู่ข้างๆ ยิ้มและพูดว่า "เฉี่ยวหลิง ฟังคำสั่งของใต้เท้าก็พอ"เฉี่ยวหลิงส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ แล้วเดินตามเจ้าหน้าที่เหล่านั้นไปเจ้าหน้าที่เหล่านั้นใช้กลอุบายเดิมอีกครั้ง และพากันเดินหายไปสักพักพวกเขาคิดว่าครั้งนี้เฟิ่งชูอิ่งจะต้องได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแน่นอนแต่เมื่อพวกเขากลับมาตรวจสอบ กลับพบว่าพวกนักโทษตัวใหญ่ๆ ทั้งหมดกำลังขัดพื้นอยู่คุกที่สกปรกที่สุดในจวนผู้ว่าราชการได้กลายเป็นคุกที่สะอาดที่สุดไปแล้วยามทั้งหลายตกตะลึง ไม่รู้เลยว่านางทำได้อย่างไรยามจับนักโทษคนหนึ่งที่กำลังขัดพื้นออกมา และสอบถามอย่างละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นนักโทษคนนั้นร้องไห้คร่ำครวญ "ใต้เท้าขอรับ ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่มนุษย์เลยสักนิด""นางมีวิธีการแปลกๆ พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางเลย""ข้าขอร้องละ ย้ายข้าออกจากคุกนั้นเถอะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ข้าจะถูกนางตีตายแน่ๆ!"เขาพูดจบก็พับแขนเสื้อให้ยามดู บนนั้นเต็มไปด้วยรอยช้ำม่วงยามรู้สึกว่านักโทษพวกนี้ช่างไร้ประโยชน์จริงๆ แค่เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ก็ทำไม่ได้ในที่สุดพวกเขาก็รายงานเรื่องนี้ไปยังผู้บังคับบัญชาเมื่อผู้
เฟิ่งชูอิ่งหันกลับมามองผู้คุมขังด้วยรอยยิ้มและพูดว่า "ใต้เท้า อย่าลืมบอกผู้บังคับบัญชาของท่านว่าข้าให้เวลาเขาแค่สามวันนะเจ้าคะ"เมื่อพูดจบ นางก็เดินกลับเข้าคุกอย่างสง่างาม เฉี่ยวหลิงก็เดินตามนางกลับไปยังห้องขังนั้นสีหน้าของเจ้าหน้าที่ดูไม่ดีเอาเสียเลยเขาอยากจะลงมือ แต่ความจริงตรงหน้าบอกเขาว่าถ้าเขากล้าลงมือ เขาจะต้องถูกหักแขนหักขาแน่ๆ เขาพลันพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ พวกเขาไม่ได้จับนักโทษกลับมา แต่กลับจับเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่กลับมามากกว่านายท่านผู้ใหญ่คนนี้นิสัยไม่ค่อยดีนัก และยังจ้องจะตรวจสอบการสืบสวนของพวกเขาอีกด้วยเรื่องนี้ไม่เหมือนกับที่พวกเขาวางแผนกันไว้เลย!ระหว่างทางที่เฟิ่งชูอิ่งเดินกลับห้องขัง นางถูกสายตามากมายจับจ้องเหตุผลก็ง่ายๆ นางเป็นคนเดียวในคุกที่ไม่เพียงแต่ไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่ยังทำให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บอีกด้วยนี่ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับคุกของจวนผู้ว่าราชการเลยทีเดียวนักโทษทั้งหลายมองนางด้วยสายตาที่ซับซ้อนเฟิ่งชูอิ่งยิ้มทักทายนักโทษเหล่านั้นตลอดทาง "ถ้าใครมีความอยุติธรรมอะไรก็มาหาข้าได้นะ ข้าจะช่วยร้องเรียนให้""ส่วนคนที่ทำเรื่องไม่ดีแ
เหล่านักโทษต่างตั้งหูฟังอย่างตั้งใจ ทุกคนมีสีหน้าตกตะลึงแม้พวกเขาจะไม่มีความรู้มากนัก แต่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงของอ๋องผู้สำเร็จราชการแห่งแคว้น---จิ่งโม่เยี่ย!จิ่งโม่เยี่ยเป็นชายที่ไม่มีใครกล้าแตะต้องมากที่สุดในใต้หล้าแห่งนี้อย่างแน่นอน!เฟิ่งชูอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย "ข้าได้หย่าขาดกับท่านอ๋องแล้ว ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับท่านอ๋องอีกต่อไป""ต่อไปขอให้ท่านอ๋องขีดเส้นแบ่งกับข้าด้วย เราไม่ควรติดต่อกันอีก เช่นเดียวกับเรื่องในวันนี้ ข้าจัดการเองก็พอ""การที่ท่านอ๋องแวะมา จะทำให้พวกเขาคิดว่าท่านยังมีใจให้ข้า และจะยิ่งทำให้ข้าลำบากมากขึ้น"จิ่งโม่เยี่ยพยักหน้า "จริงอย่างที่เจ้าว่า แต่เรื่องนี้ข้าทนไม่ไหวจริงๆ""อย่างไรเสียความรู้สึกก็เป็นสิ่งที่หากควบคุมได้ ก็คงไม่ใช่ความรู้สึกอีกต่อไป""หากข้าไม่มาดูด้วยตัวเอง เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็คงไม่สบายใจเป็นแน่"เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางพบว่าหลังจากเหตุการณ์ครั้งที่แล้ว จิ่งโม่เยี่ยก็เปลี่ยนไปมากคำพูดเช่นนี้ ด้วยนิสัยหยิ่งผยองของเขาแต่ก่อน ไม่มีทางที่จะพูดออกมาได้อย่างแน่นอนตอนนี้เขาไม่เพียงแต่พูดออกมา ยังพูดด้วยความจริงใจอย่าง