แชร์

บทที่ 687

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
เรื่องที่เฉี่ยวหลิงทำร้ายคนนั้นพวกเขาพอจะเข้าใจได้ ถือว่าอยู่ในขอบเขตปกติ

แต่ยันต์าสายฟ้าของเฟิ่งชูอิ่งนั้นเกินความเข้าใจของพวกเขา ในสายตาของพวกเขา นางช่างลึกลับเหลือคณานับ และยากที่จะรับมือมาก

เฟิ่งชูอิ่งยิ้มให้พวกเขาเล็กน้อย "ถ้าพวกเขาไม่อยากเล่นกับข้า ก็มาช่วยกันทำความสะอาดที่นี่หน่อยสิ ที่นี่สกปรกมากจริงๆ!"

พอนางพูดจบ เฉี่ยวหลิงก็ชี้ไปที่นักโทษคนหนึ่งแล้วพูดว่า "เจ้ามาเก็บหญ้าพวกนี้ให้หมด"

นักโทษคนนั้นแน่นอนว่าไม่ยอมฟังนางง่ายๆ ก่อนจะโดนนางซ้อมจนยอมทำงานอย่างว่าง่าย

เฉี่ยวหลิงชี้ไปที่นักโทษอีกคนแล้วพูดว่า "เจ้าไปเช็ดพื้นให้สะอาด"

นักโทษคนนั้นไม่กล้าขัดขืน แค่พูดว่า "แต่ที่นี่ไม่มีน้ำ"

เฟิ่งชูอิ่งพูดเสียงเรียบ "เรื่องง่ายๆ"

นางพูดจบก็หยิบยันต์น้ำออกมา แล้วลากถังใบหนึ่งมาจากข้างๆ

เมื่อนางเรียกใช้ยันต์น้ำ ในถังก็มีน้ำเต็มถังในทันที

นักโทษทุกคนที่เห็นภาพนี้ “!!!!!!!”

นี่มันเก่งกว่าคนเล่นกลบนสะพานลอยตั้งเยอะ!

หลังจากที่เฟิ่งชูอิ่งแสดงฝีมือแบบนี้หลายครั้ง ประกอบกับมีเฉี่ยวหลิงอยู่ด้วย ทำให้พวกนักโทษยอมทำตามคำสั่งทุกอย่าง ไม่มีใครกล้าขัดขืน

พอยามกลับมาเดินตรวจตรา พวกนักโทษก็ท
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 688

    เฉี่ยวหลิงกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เฟิ่งชูอิ่งที่อยู่ข้างๆ ยิ้มและพูดว่า "เฉี่ยวหลิง ฟังคำสั่งของใต้เท้าก็พอ"เฉี่ยวหลิงส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ แล้วเดินตามเจ้าหน้าที่เหล่านั้นไปเจ้าหน้าที่เหล่านั้นใช้กลอุบายเดิมอีกครั้ง และพากันเดินหายไปสักพักพวกเขาคิดว่าครั้งนี้เฟิ่งชูอิ่งจะต้องได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแน่นอนแต่เมื่อพวกเขากลับมาตรวจสอบ กลับพบว่าพวกนักโทษตัวใหญ่ๆ ทั้งหมดกำลังขัดพื้นอยู่คุกที่สกปรกที่สุดในจวนผู้ว่าราชการได้กลายเป็นคุกที่สะอาดที่สุดไปแล้วยามทั้งหลายตกตะลึง ไม่รู้เลยว่านางทำได้อย่างไรยามจับนักโทษคนหนึ่งที่กำลังขัดพื้นออกมา และสอบถามอย่างละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นนักโทษคนนั้นร้องไห้คร่ำครวญ "ใต้เท้าขอรับ ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่มนุษย์เลยสักนิด""นางมีวิธีการแปลกๆ พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางเลย""ข้าขอร้องละ ย้ายข้าออกจากคุกนั้นเถอะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ข้าจะถูกนางตีตายแน่ๆ!"เขาพูดจบก็พับแขนเสื้อให้ยามดู บนนั้นเต็มไปด้วยรอยช้ำม่วงยามรู้สึกว่านักโทษพวกนี้ช่างไร้ประโยชน์จริงๆ แค่เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ก็ทำไม่ได้ในที่สุดพวกเขาก็รายงานเรื่องนี้ไปยังผู้บังคับบัญชาเมื่อผู้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 689

    เฟิ่งชูอิ่งหันกลับมามองผู้คุมขังด้วยรอยยิ้มและพูดว่า "ใต้เท้า อย่าลืมบอกผู้บังคับบัญชาของท่านว่าข้าให้เวลาเขาแค่สามวันนะเจ้าคะ"เมื่อพูดจบ นางก็เดินกลับเข้าคุกอย่างสง่างาม เฉี่ยวหลิงก็เดินตามนางกลับไปยังห้องขังนั้นสีหน้าของเจ้าหน้าที่ดูไม่ดีเอาเสียเลยเขาอยากจะลงมือ แต่ความจริงตรงหน้าบอกเขาว่าถ้าเขากล้าลงมือ เขาจะต้องถูกหักแขนหักขาแน่ๆ เขาพลันพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ พวกเขาไม่ได้จับนักโทษกลับมา แต่กลับจับเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่กลับมามากกว่านายท่านผู้ใหญ่คนนี้นิสัยไม่ค่อยดีนัก และยังจ้องจะตรวจสอบการสืบสวนของพวกเขาอีกด้วยเรื่องนี้ไม่เหมือนกับที่พวกเขาวางแผนกันไว้เลย!ระหว่างทางที่เฟิ่งชูอิ่งเดินกลับห้องขัง นางถูกสายตามากมายจับจ้องเหตุผลก็ง่ายๆ นางเป็นคนเดียวในคุกที่ไม่เพียงแต่ไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่ยังทำให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บอีกด้วยนี่ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับคุกของจวนผู้ว่าราชการเลยทีเดียวนักโทษทั้งหลายมองนางด้วยสายตาที่ซับซ้อนเฟิ่งชูอิ่งยิ้มทักทายนักโทษเหล่านั้นตลอดทาง "ถ้าใครมีความอยุติธรรมอะไรก็มาหาข้าได้นะ ข้าจะช่วยร้องเรียนให้""ส่วนคนที่ทำเรื่องไม่ดีแ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 690

    เหล่านักโทษต่างตั้งหูฟังอย่างตั้งใจ ทุกคนมีสีหน้าตกตะลึงแม้พวกเขาจะไม่มีความรู้มากนัก แต่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงของอ๋องผู้สำเร็จราชการแห่งแคว้น---จิ่งโม่เยี่ย!จิ่งโม่เยี่ยเป็นชายที่ไม่มีใครกล้าแตะต้องมากที่สุดในใต้หล้าแห่งนี้อย่างแน่นอน!เฟิ่งชูอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย "ข้าได้หย่าขาดกับท่านอ๋องแล้ว ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับท่านอ๋องอีกต่อไป""ต่อไปขอให้ท่านอ๋องขีดเส้นแบ่งกับข้าด้วย เราไม่ควรติดต่อกันอีก เช่นเดียวกับเรื่องในวันนี้ ข้าจัดการเองก็พอ""การที่ท่านอ๋องแวะมา จะทำให้พวกเขาคิดว่าท่านยังมีใจให้ข้า และจะยิ่งทำให้ข้าลำบากมากขึ้น"จิ่งโม่เยี่ยพยักหน้า "จริงอย่างที่เจ้าว่า แต่เรื่องนี้ข้าทนไม่ไหวจริงๆ""อย่างไรเสียความรู้สึกก็เป็นสิ่งที่หากควบคุมได้ ก็คงไม่ใช่ความรู้สึกอีกต่อไป""หากข้าไม่มาดูด้วยตัวเอง เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็คงไม่สบายใจเป็นแน่"เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางพบว่าหลังจากเหตุการณ์ครั้งที่แล้ว จิ่งโม่เยี่ยก็เปลี่ยนไปมากคำพูดเช่นนี้ ด้วยนิสัยหยิ่งผยองของเขาแต่ก่อน ไม่มีทางที่จะพูดออกมาได้อย่างแน่นอนตอนนี้เขาไม่เพียงแต่พูดออกมา ยังพูดด้วยความจริงใจอย่าง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 691

    จิ่งโม่เยี่ยพูดเสียงเรียบ "ร่างกายเจ้าไม่แข็งแรง ไม่ควรปล่อยปละละเลย""แม้ว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่แค่สองสามวัน ก็ต้องอยู่ให้สบายหน่อย""ถ้าเจ้าล้มป่วย ข้าจะเป็นห่วง"เฟิ่งชูอิ่ง “......”ช่วยด้วย!จิ่งโม่เยี่ยแบบนี้ยากจะรับมือจริงๆ!แต่จิ่งโม่เยี่ยดูเหมือนไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำแบบนี้ จะทำให้นางรู้สึกอย่างไรเขายังรู้สึกขอบคุณปู๋เยี่ยโหวด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะปู๋เยี่ยโหวถูกจับเข้าคุกตอนนั้น เขาอาจจะคิดไม่ถึงเรื่องพวกนี้การติดคุกกลับทำให้พวกเขาได้เรียนรู้อะไรมากมายเขาถามว่า "วันนี้เจ้าเดินมาไกลพอสมควร ขารู้สึกยังไงบ้าง?"เฟิ่งชูอิ่งไม่อยากคุยเรื่องพวกนี้กับเขาอีก จึงพูดว่า "ข้าสบายดี รีบไปได้แล้ว!"แต่จิ่งโม่เยี่ยกลับพูดว่า "ข้าดูแผลที่ขาของเจ้าเสร็จแล้วจะไป"พูดจบเขาก็เดินไปข้างๆ นาง ยื่นมือจับขานางไว้ แล้วค่อยๆ พับขากางเกงขึ้น เผยให้เห็นน่องเรียวเล็กน่องขาวเนียนราวหยก ไม่เห็นร่องรอยบาดแผลที่เคยได้รับแล้วแต่เพราะขาข้างนี้ไม่ได้ออกแรงมานาน แม้ช่วงนี้จะฟื้นฟูอยู่ตลอด แต่กล้ามเนื้อที่ฝ่อลงก็ยังไม่ฟื้นคืนสภาพเดิมทั้งหมดจิ่งโม่เยี่ยอยากดูขาที่บาดเจ็บของนางมานานแล้ว แต่ไม่เคยมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 692

    แต่การมาของจิ่งโม่เยี่ยครั้งนี้ได้ทำลายกระบวนการทั้งหมดของนางเฟิ่งชูอิ่งสูดหายใจลึกๆ และพูดว่า "ข้ากับจิ่งโม่เยี่ยหย่ากันแล้ว ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับเขาอีก!"นักโทษคนนั้นพูดว่า "ใช่ๆๆ พระชายากับท่านอ๋องไม่มีความสัมพันธ์กันแล้ว ข้าน้อยไม่ทราบจึงล่วงเกินพระชายาไป ขอพระชายาโปรดละเว้นชีวิตด้วย"เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางไม่รู้ว่าคนพวกนี้ฉลาดหรือโง่กันแน่ ขอร้องให้นางไว้ชีวิตแต่ยังเรียกนางว่าพระชายาซ้ำแล้วซ้ำเล่าการหย่าเป็นเรื่องที่ทำร้ายศักดิ์ศรีของผู้ชายพอสมควรเพราะในเรื่องการแต่งงานในยุคสมัยนี้ ผู้หญิงทำผิดจะถูกหย่า ผู้ชายทำผิดถึงจะแยกทางเมื่อครู่เฟิ่งชูอิ่งพูดถึงเรื่องแยกทางต่อหน้าจิ่งโม่เยี่ย จิ่งโม่เยี่ยก็ไม่ได้ปฏิเสธอีกทั้งท่าทีของจิ่งโม่เยี่ยที่มีต่อเฟิ่งชูอิ่งเมื่อครู่นี้ก็สนิทสนมมาก ชัดเจนว่าไม่ได้โกรธนาง แถมยังมีท่าทีเหมือนจะเอาใจนางด้วยซ้ำนี่แสดงว่าถึงแม้นางจะไม่ได้เป็นพระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนแล้ว แต่หัวใจของอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนก็ยังอยู่ที่นางคำพูดเพียงประโยคเดียวของนาง อาจกำหนดชะตาชีวิตของพวกเขาได้นักโทษทั้งหมดรู้สึกว่า พวกเขาคิดอะไรอยู่ถึงได้คิดจะหาเรื

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 693

    เรื่องนี้แม้แต่อยากจะลงโทษนางก็ทำไม่ได้วิธีการฆ่าคนแบบนี้ พวกเขาไม่เคยพบเห็นหรือได้ยินมาก่อนจริงๆเหล่านักโทษพากันตะโกน "ใช้การลงโทษอย่างไม่เป็นธรรม ฟ้าผ่าลงมา นี่คือสวรรค์มีตาแล้ว!"พวกยามเห็นสถานการณ์แบบนี้ก็รีบวิ่งหนีทันที ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีกนักโทษที่ถูกทำร้ายตะโกนดังๆ "ขอบคุณพระชายา!"เฟิ่งชูอิ่งเคยบอกกับพวกนักโทษว่าถ้ามีเรื่องอะไรไม่เป็นธรรมก็มาหานางได้ แต่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครเชื่อหลังจากจิ่งโม่เสี่ยมา เฟิ่งชูอิ่งก็ฟาดยามคนหนึ่งตายต่อหน้าทุกคน พวกเขาจึงเชื่อทันใดนั้นก็มีคนพูดขึ้น "พระชายา ข้าถูกใส่ร้าย ขอท่านช่วยทวงความยุติธรรมให้ข้าด้วย!"เฟิ่งชูอิ่งตอนนี้ว่างไม่มีอะไรทำ จึงพูดว่า "เจ้าลองเล่ามาสิ เจ้าถูกใส่ร้ายอย่างไร?"นักโทษคนนั้นพอพูดถึงความอยุติธรรมที่ตนเองได้รับ ก็ร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล "ข้าเดิมทีเป็นชาวบ้านนอกเมืองหลวง""สามปีก่อนมีคนเล็งที่ดินผืนหนึ่งนอกเมืองหลวง อยากจะเอาไปเป็นของตัวเอง จึงบังคับให้ข้าขายที่ดิน""ครอบครัวข้าเป็นครอบครัวชาวนาที่รักการศึกษา มีคำสั่งสอนจากบรรพบุรุษว่าห้ามขายที่ดินเด็ดขาด ข้าจึงปฏิเสธไป""ไม่คิดว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้า

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 694

    ในความทรงจำของเฟิ่งชูอิ่ง ท่านมหาราชครูเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์สุจริต นางคิดว่าครอบครัวแบบนี้น่าจะมีธรรมเนียมปฏิบัติที่ดีงามการที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในครอบครัวแบบนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากนักโทษคนนั้นตอบว่า "ใช่ขอรับ ข้าได้สืบดูแล้ว เขาเป็นหลานชายของครอบครัวฮองเฮาจริงๆ"เฟิ่งชูอิ่งสูดหายใจลึกแล้วพูดว่า "ได้ ข้ารู้เรื่องนี้แล้ว"นักโทษคนนั้นร้องไห้พลางพูดว่า "เพราะเรื่องนี้เป็นฝีมือของพระญาติฮองเฮา จึงไม่มีใครกล้ารับคดีของข้าเลย""ข้าไม่ขออะไรมาก ขอเพียงความยุติธรรมให้พ่อแม่ที่ตายอย่างไม่เป็นธรรมเท่านั้น"เขาไม่ยอมขายที่ดินของครอบครัว จึงทำให้ครอบครัวพังพินาศ และความตายของพ่อแม่ก็ถูกโยนมาให้เขารับผิดชอบเขาถูกผู้คนชี้นิ้วต่อว่าและแบกรับความกดดันมหาศาล ช่วงนี้ชีวิตเขาแทบจะเหมือนตายทั้งเป็นเฟิ่งชูอิ่งรู้ว่าฮองเฮามีโอรสองค์ใหญ่ แม้ว่าฮ่องเต้เจาหยวนยังไม่ได้แต่งตั้งรัชทายาท แต่ทุกคนคิดว่าจิ่งสือเฟิงจะได้เป็นฮ่องเต้พระองค์ต่อไปท่านมหาราชครูก็มีชื่อเสียงในราชสำนักสูงมาก มีลูกศิษย์อยู่ทั่วแผ่นดินพูดตรงๆ ในสถานการณ์แบบนี้ ขุนนางในราชสำนักที่เอาใจพวกเขามีมากมายนับไม่ถ้วน ไม่มีใค

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 695

    คุกของอู่อิ้งเหวินอยู่ห่างจากคุกของนางพอสมควร จึงไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างนางกับจิ่งโม่เยี่ยตอนนี้เมื่อเขาได้ยินเฟิ่งชูอิ่งพูดแบบนั้น เขาจึงกล่าวว่า "ขอบคุณคุณหนูเฟิ่งขอรับ"เฟิ่งชูอิ่งว่างอยู่แล้ว จึงถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีของอู่อิ้งเหวิน เขาก็อธิบายอย่างละเอียดคดีนี้จริงๆ แล้วไม่ได้ซับซ้อนอะไร แค่ไม่มีใครกล้ารับทำคดีนี้เท่านั้นเองนางเข้าใจคดีนี้แล้ว จึงถามต่อว่านักโทษคนอื่นๆ มีใครถูกใส่ร้ายหรือไม่โอกาสแบบนี้สำหรับนักโทษที่ถูกใส่ร้าย เป็นโอกาสที่หาได้ยากมากพวกเขาผลัดกันเล่าเรื่องราวของตนให้เฟิ่งชูอิ่งฟังเฟิ่งชูอิ่งรู้สึกเบื่อที่ต้องอยู่ในคุก การฟังเรื่องราวการถูกใส่ร้ายของพวกเขา ทำให้วันเวลาของนางเต็มไปด้วยสีสันขึ้นมาทันทีอีกทั้งนางเข้าใจศาสตร์การดูโหงวเฮ้ง จากลักษณะใบหน้าของพวกเขา นางสามารถมองเห็นอดีตและอุปนิสัยของพวกเขาได้โดยประมาณดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถโกหกต่อหน้านางได้หลังจากที่นางเปิดโปงนักโทษบางคนที่พยายามแสร้งทำเป็นน่าสงสารและล้างมลทินต่อหน้าทุกคน สายตาของผู้คนที่มองนางก็เหมือนกำลังมองเทพเจ้าเฟิ่งชูอิ่งพูดเสียงเรียบ "พวกเจ้าอย่าพยายามโกหกต่อหน้าข้

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status