แชร์

บทที่ 46

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
เฟิ่งชูอิ่งได้ยินเช่นนั้นแล้วก็อยากเทศนาบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของเขาทันที!

นางอดไม่ได้ที่จะแขวะจิ่งโม่เยี่ยว่า “ท่านอ๋อง ไม่ว่าใครหากตายไปแล้ว ก็ไม่เหลืออะไรทั้งนั้นแหละเพคะ”

จิ่งโม่เยี่ยเหล่ตามองเฟิ่งชูอิ่งแวบหนึ่ง “ข้าเห็นว่าเจ้าก็หาเรื่องตายอยู่ทุกวันนะ”

เฟิ่งชูอิ่ง “......”

ครู่ต่อมา นางก็ถูกจิ่งโม่เยี่ยขับไล่ลงมาจากรถม้า

นางยังไม่ทันจะยืนมั่นคง รถม้าก็ห้อตะบึงผ่านร่างของนางไปอย่างว่องไว แรงเหวี่ยงแทบจะทำนางหมุนรอบตัวเอง เกือบล้มคว่ำไปกองกับพื้น

นางโกรธจนกระทืบเท้าตึงตัง ชี้รถม้าตะโกนด่าว่า “จิ่งโม่เยี่ย ไอ้เจ้าลูก...”

จิ่งโม่เยี่ยใช้มือเลิกม่านรถม้าขึ้นเล็กน้อย คำพูดที่จะหลุดจากปากของเฟิ่งชูอิ่งจึงหยุดชะงัก ก่อนจะเปลี่ยนคำอย่างรวดเร็ว “ท่านอ๋องหล่อเหลามากเพคะ!”

จิ่งโม่เยี่ยกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วปิดม่านลงดั่งเดิม

เฟิ่งชูอิ่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ก่นด่าเสียงเบาว่า “ไอ้บุรุษชาติหมา ไอ้คนเฮงซวย สมน้ำหน้าเจ้าแล้วที่ถูกพระเอกฆ่าตาย!”

นางด่าจบก็รู้สึกอัดอั้นตันใจไปหมด

เครื่องประดับศีรษะชุดใหญ่ที่งดงามขนาดนั้น เผลอพริบตาเดียวก็ถูกชิงไปเสียแล้ว!

โมโหชะมัด!

เสียแรงนางอุตส่าห์คิดว่าเขากลายเป็
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Issayaporn Surateekosol
จะไม่เสียตังค์อีกแล้ว
goodnovel comment avatar
Issayaporn Surateekosol
แลกแต้มแล้วไม่ได้อ่านเลย
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 47

    ฮว๋าซื่อได้ยินแล้วแทบเป็นลม “เจ้ายกเครื่องประดับศีรษะชุดนั้นให้คนอื่นไปแล้ว?”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ หากท่านป้าอยากได้เครื่องประดับศีรษะชุดนั้นคืน ก็เข้าวังไปทวงจากขันทีพวกนั้นเองเถอะ“อ้อ แต่ตอนนั้นข้ามัวแต่ห่วงชีวิตตัวเอง ก็เลยไม่ทันถามว่าขันทีเหล่านั้นชื่อว่าอะไรกันบ้าง“ท่านป้าเป็นคนรอบรู้ จะต้องตามหาตัวพวกเขาเจอแน่นอนเจ้าค่ะ”นางกล่าวจบก็แสร้งทำเป็นหาวหวอดใหญ่ “ข้าไม่ได้นอนมาทั้งคืนเลย ง่วงจะตายอยู่แล้ว ข้าขอตัวกลับห้องไปพักผ่อนก่อนนะเจ้าคะ”นางกล่าวจบก็ไม่สนใจใยดีฮว๋าซื่ออีก ก้าวฉับๆ กลับห้องตัวเองทันทีฮว๋าซื่อตะโกนอย่างเดือดดาล “เฟิ่งชูอิ่ง เจ้ารีบเข้าวังไปเอาเครื่องประดับศีรษะคืนมาเดี๋ยวนี้นะ!”หลินชูเจิ้งแม้จะเป็นรองเจ้ากรมขุนนางขั้นที่สาม แต่วังหลวงก็ไม่ใช่สถานที่ที่ฮว๋าซื่อจะเข้าออกตามอำเภอใจได้การบอกให้นางเข้าวังหลวงไปทวงเครื่องประดับศีรษะจากขันทีที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อ เป็นเรื่องที่ฟังดูเหลวไหลสิ้นดีเลยเฟิ่งชูอิ่งโบกมือไปมาแล้วกล่าว “ไม่ไปเจ้าค่ะ อยากไปท่านป้าก็ไปเองสิ”ฮว๋าซื่อคิดจะสั่งให้พวกบ่าวขวางเฟิ่งชูอิ่ง แต่เฟิ่งชูอิ่งกลับหยิบมีดเล่มหนึ่งออกมาจากอกเสื้อพวก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 48

    บ่าวหญิงแซ่จูตอบกลับอย่างยินดี “ช่วงหลังมานี้บ่าวเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลาเจ้าค่ะ“ฮูหยินวางใจได้เลย ขอแค่ข้ามีโอกาสลงมือ ข้าจะต้องฆ่านังเฟิ่งชูอิ่งนั่นแน่นอน”ฮว๋าซื่อรู้สึกรำคาญจึงพยักหน้าเบาๆ “เจ้าออกไปก่อนเถอะ!”หลังบ่าวหญิงแซ่จูออกไป หลินหว่านถิงก็เดินสวนเข้ามา นางกล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ท่านแม่ ข้าได้ยินว่าเฟิ่งชูอิ่งทำเครื่องประดับศีรษะทับทิมชุดนั้นหายไปแล้ว?”ฮว๋าซื่อยังไม่ทันจะได้ตอบ นางก็กระทืบเท้าด้วยความโมโห “นางคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? กล้าดีอย่างไรถึงทำแบบนั้น?”พวกเขาลืมสิ้นหมดแล้วว่าทุกวันนี้พวกเขาอยู่ดีมีสุขได้ เป็นเพราะอาศัยสมบัติจำนวนมหาศาลที่เฟิ่งชูอิ่งขนติดตัวมาด้วยในยามนั้นพวกเขาหลงลืมไปหมดแล้วว่าสมบัติเหล่านั้นของเฟิ่งชูอิ่ง อย่าว่าแต่เครื่องประดับศีรษะทับทิมชุดเดียวเลย ต่อให้เป็นเครื่องประดับร้อยชุดก็ยังเทียบกันไม่ติด พวกเขาคิดเพียงแค่ว่า สมบัติทั้งหมดที่เฟิ่งชูอิ่งขนมาล้วนเป็นทรัพย์สินของพวกเขามันคงจะดีมากหากการตายของเฟิ่งชูอิ่งสามารถสร้างประโยชน์ให้จวนสกุลหลินได้ พวกเขาจะเหยียบย่ำศพของนางเพื่อผลประโยชน์ที่มากกว่าเดิมฮว๋าซื่อในยามนี้สงบสติอารมณ์ได้แล้ว นางจึ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 49

    ก่อนหน้านี้นางตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว ทราบดีว่าป้ายหยกชิ้นนี้พิเศษนิดหน่อย เพราะเป็นหยกบำรุงวิญญาณที่หาได้ยากยิ่งเพราะป้ายหยกชิ้นนี้แหละ นางจึงคาดเดาตัวตนที่แท้จริงของบิดาร่างเดิมได้ เพียงแต่ในความทรงจำของร่างเดิม บิดาของนางเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งนางชอบป้ายหยกชิ้นนี้มาก ดังนั้นวันที่ต้องเข้าวังถึงได้หยิบติดมือไปแล้วผูกไว้ที่เอวตอนนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็อยู่ด้วย แล้วยังมีนักพรตของสำนักโหรหลวงที่บุกเข้ามาในกรมราชทัณฑ์อีก นางจึงไม่รู้เลยว่าเฉี่ยวหลิงเข้ามาสิงในป้ายหยกของนางตอนไหนเฟิ่งชูอิ่งกล่าวยิ้มแย้ม “นี่เป็นทางที่เจ้าเลือกเอง ข้าไม่ซักไซ้หรอก“เพียงแต่เจ้าอย่ามาติดตามข้าเลย เจ้าออกจากกรมราชทัณฑ์ได้แล้วก็ถือว่าเป็นอิสระ เจ้าไปท่องเที่ยวทั่วพิภพเสียเถอะ!”เฉี่ยวหลิงส่ายหน้า “หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าก็คงจะออกจากกรมราชทัณฑ์ไม่ได้ ข้าคิดว่าจะอยู่รับใช้ตอบแทนบุญคุณเจ้าสักพัก”เฟิ่งชูอิ่งโบกมือไปมา “ไม่ต้องหรอก เจ้ามารับใช้ข้าแบบนี้ มันแตกต่างจากการไปเกิดใหม่เป็นข้ารับใช้คนอื่นตรงไหนล่ะ?”เฉี่ยวหลิงได้ยินนางพูดแบบนั้นก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนโต้กลับว่า “มันไม่เหมือนกันนะ! ก่อนหน้านี้ข้ารับใช้คนอ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 50

    บิดามารดาของเฟิ่งชูอิ่งจากไปตั้งแต่นางยังเด็ก หลุมศพของพวกเขาจึงไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ตอนที่ร่างเดิมย้ายเข้ามาอยู่เมืองหลวงใหม่ๆ ก็นำป้ายวิญญาณของทั้งสองไปไว้ในอารามดังนั้นหากตอนนี้นางต้องบอกข่าวเรื่องงานแต่งให้บิดามารดาทราบ ก็ต้องเดินทางไปจุดธูปที่อารามเฟิ่งชูอิ่งพยักหน้ารับปาก ฮว๋าซื่อจึงช่วยนางจัดแจงเรื่องของจำเป็นในพิธีกราบไหว้ให้ยามปกติฮว๋าซื่อขี้เหนียวกับนางจะตายไป ทว่าครั้งนี้กลับจัดเตรียมของทำพิธีเซ่นไหว้ให้นางอย่างครบครันฮว๋าซื่อกล่าวกับนางด้วยท่าทางเป็นมิตร “ถึงเจ้าจะไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ ของข้า แต่ในใจของข้าก็มองเจ้าเป็นดั่งบุตรสาวในอุทรเสมอมา“เพียงแต่ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ค่อยจะได้ความนัก เรื่องอะไรก็ทำออกมาแย่ไปเสียหมด ข้าก็เลยอดที่จะกังวลไม่ได้“พอข้าร้อนใจขึ้นมาก็เลยพูดจาไม่น่าฟังไปหน่อย แต่ใจจริงข้าหวังดีต่อเจ้ามากนะ”หลังจากฮว๋าซื่อหายป่วยจากการถูกสาวใช้คนนั้นแทงจนบาดเจ็บ นางก็พักรักษาตัวจนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ เฟิ่งชูอิ่งค่อนข้างจะนับถือฮว๋าซื่อที่สามารถพูดจาโกหกได้หน้าตาเฉยเช่นนี้ แล้วยังอ้างเหตุผลที่ฟังขึ้นเสียด้วย มิน่าเล่าร่างเดิมถึงได้ถูกพวกเขารังแกซ้ำๆ จนตายนา

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 51

    มุมปากของนางยกสูงขึ้นเล็กน้อย คิ้วเรียวเลิกสูงเบาๆหลังจากเฟิ่งชูอิ่งสับเปลี่ยนของที่เป็นตัวแทนในคืนนั้น ฮวงจุ้ยของจวนสกุลหลินก็เปลี่ยนแปลงไปก่อนหน้านี้หลินชูเจิ้งสูบโชคชะตาจากร่างเดิม ส่งผลให้ช่วงหลายปีมานี้เขาใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขราบรื่นตอนนี้อาจจะยังไม่ชัดเจนมาก แต่พอผ่านไปอีกสักพักจวนสกุลหลินจะต้องเกิดเรื่องซวยขึ้นแน่ตอนที่นางคิดจะเดินไปขึ้นรถม้า กลับถูกฮว๋าซื่อใช้ข้ออ้างบอกว่ามิค่อยสบายนัก ไล่นางไปนั่งรถม้าคันข้างหลังแทนเฟิ่งชูอิ่งก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร นางเดินไปที่รถม้าคันข้างหลัง ตอนที่ก้าวขึ้นรถม้านางก็ลอบมองสารถีแวบหนึ่ง เยี่ยมมาก สารถีคือสามีของบ่าวหญิงแซ่จูนางเดินอ้อมไปที่รถม้าคันข้างหน้าแล้วบอกกับฮว๋าซื่อว่า “ท่านป้า พวกเรานั่งรถม้าคันเดียวกันเถอะ ข้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับท่านเยอะแยะเลย”ฮว๋าซื่อไม่อยากคุยกับนางแม้แต่น้อย จึงตอบว่า “ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก ไม่อยากพูดคุยกับใคร”เฟิ่งชูอิ่งจึงแสร้งทำหน้าเสียดาย ยกมือลูบม้าเทียมรถของฮว๋าซื่อเบาๆ กล่าวว่า “ก็ได้เจ้าค่ะ!”นางกล่าวจบก็เดินกลับมาที่รถม้าของตัวเอง ขยับเข้าไปใกล้สารถีแล้วเอ่ยว่า “เจ้าเชื่อเรื่องดวงไหม?”สารถี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 52

    เหมยเซียงไม่เคยขับรถม้ามาก่อน จึงตอบอย่างร้อนรน “ฮูหยิน บ่าวทำไม่ได้เจ้าค่ะ!”ฮว๋าซื่อตวาดลั่น “ปกติเจ้าก็เคยเห็นรถม้าขึ้นรถม้าออกบ่อย ดูมานานขนาดนั้นทำไมถึงทำอะไรไม่เป็นบ้างเลย เจ้าออกแรงดึงสายบังเหียนไว้ก็พอ!”เหมยเซียงรวบรวมความกล้าคว้าสายบังเหียนมาถือไว้ แต่ถึงนางจะเป็นสาวใช้ ก็เป็นสาวใช้ข้างกายของฮว๋าซื่อ ไม่เคยต้องทำงานหนักๆ มาก่อนเลย จะไปมีแรงควบคุมม้าที่กำลังคลั่งได้อย่างไร?นางร้องห่มร้องไห้ว่า “ฮูหยิน ดึงไม่ไหวเจ้าค่ะ ทำอย่างไรดี?”ฮว๋าซื่อตระหนักดีว่าม้าตื่นเช่นนี้อันตรายขนาดไหน ยามนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจฐานะ จึงเข้าไปช่วยดึงสายบังเหียนม้าอีกแรงทว่ามันสายเกินไปแล้วม้าที่กำลังตื่นตระหนกวิ่งพล่านไม่เลือกเส้นทาง มันพุ่งตรงไปข้างหน้าซึ่งเป็นทะเลสาบแห่งหนึ่งเพราะวิ่งมาเร็วมาก ยามที่ตกลงน้ำจึงมีแรงต้านมหาศาล ฮว๋าซื่อไม่ทันตั้งตัวจึงถูกลากลงไปในน้ำพร้อมรถพริบตาที่นางตกลงไปในน้ำ ศีรษะของฮว๋าซื่อหล่นกระแทกผิวน้ำเป็นอย่างแรก แรงปะทะทำให้นางสลบไปทันทีสารถีแซ่หลิวไม่ทันสังเกตเห็นว่าสารถีของรถม้าคันหน้าถูกม้าเตะสลบอยู่ข้างพงหญ้า เขาเห็นแค่รถม้าคันหน้าพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าจึงเต

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 53

    นางคิดว่าพวกเขาช่างจำเจกันเหลือเกิน ก่อนหน้านี้หลินหว่านถิงก็กล่อมให้นางหนีตามเฉินเยี่ยนเซิง หวังจะใช้แผนการพรากความบริสุทธิ์นางแล้วค่อยฆ่าทิ้งเหมือนกันนางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าชอบเส้นทางที่แหกปากตะโกนก็ไม่มีใครได้ยินที่สุดเลย”นางกล่าวจบก็เอ่ยด้วยความรังเกียจว่า “พวกเจ้านี่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์บ้างเลย”เดิมที่สารถีแซ่หลิวรู้สึกพึงพอใจท่าทางหวาดกลัวจนมือไม้สั่นของนางอย่างยิ่ง เขารู้สึกเหมือนได้เติมเต็มความวิปริตในจิตใจ ทว่าตอนนี้นางกลับสงบนิ่งผิดปกติ ความพึงพอใจที่จะได้แก้แค้นของเขาจึงลดฮวบไปด้วยเขาเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “เจ้าไม่หวาดกลัวหรือไง?”เฟิ่งชูอิ่งยกมือกอดอก กล่าวด้วยท่าทางเสแสร้งสุดฤทธิ์ “ไอ้หยา ข้ากลัวจังเลย!”สารถีแซ่หลิว “......”นัยน์ตาเขาเต็มไปด้วยความดุร้าย “นังเด็กสมควรตาย ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ สินะ!“ทุกคนเข้ามาพร้อมกันเลย ใครผลักนางล้มได้ก่อนก็เป็นคนแรกที่ได้นอนกับนาง!”ชายฉกรรจ์เหล่านั้นได้ยินที่สารถีแซ่หลิวพูดก็พากันดีใจ พากันพ่นวาจาสัปดนสารพัด ขณะพุ่งตัวเข้าไปหาเฟิ่งชูอิ่งราวกับหมาป่าตะครุบเหยื่อเฟิ่งชูอิ่งยกมือขึ้นสร้างมุทรา ก่อนจะประทับตราใส่ชายฉกรรจ์ที

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 54

    สารถีแซ่หลิวได้ยินเช่นนั้นก็กลัวจนตัวสั่น ละลักละล่ำเอ่ยว่า “มิกล้า มิกล้า!”เฟิ่งชูอิ่งกลับยิ้มหวานบอกว่า “คราวนี้เจ้าต้องกล้า”สารถีแซ่หลิว “......”เขารู้สึกว่ารอยยิ้มของเฟิ่งชูอิ่งน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!สัญชาตญาณของเขาร้องบอกว่ามันไม่มีทางเป็นเรื่องดีแน่เฟิ่งชูอิ่งหยิบยันต์แผ่นหนึ่งออกมาแปะกลางหน้าผากของเขา เพียงพริบตาเดียวสมองของเขาก็ขาวโพลน ก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางเหมือนคนโง่งมเฟิ่งชูอิ่งพอใจประสิทธิภาพของยันต์แผ่นนี้มากเลยหลังจากนางมาที่โลกใบนี้ ยังแอบกังวลอยู่เลยว่าร่างกายนี้จะไม่สามารถเขียนยันต์ได้หลังจากทดลองดูแล้วถึงได้ทราบว่า ถึงร่างกายนี้จะไม่เคยฝึกฝนวิชาเต๋ามาก่อน แต่ร่างกายนี้กลับเหมาะสมกับการร่ำเรียนวิชาเต๋ามากประกอบกับก่อนนางจะทะลุมิติมาเป็นถึงอัจฉริยะที่พันปีจะปรากฏขึ้นสักครั้ง วิชาเต๋าทุกอย่างเพียงร่ำเรียนครั้งเดียวก็เชี่ยวชาญแล้ว แล้วยังคุ้นเคยกับพลังภายในทุกรูปแบบด้วยหลังจากนางทะลุมิติมาที่นี่การเริ่มต้นใหม่อีกครั้งจึงไม่ยากเย็นอะไร เพียงแต่ตอนนี้ร่างกายของนางอ่อนแอไปหน่อย ยังไม่สามารถใช้วิชาอะไรมากมายได้อย่างเดียวที่นางประหลาดใจมากคือร่างกายนี้บริสุทธิ์ผุด

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status