Share

บทที่ 52

Author: ดอกถังร่วงหล่น
เหมยเซียงไม่เคยขับรถม้ามาก่อน จึงตอบอย่างร้อนรน “ฮูหยิน บ่าวทำไม่ได้เจ้าค่ะ!”

ฮว๋าซื่อตวาดลั่น “ปกติเจ้าก็เคยเห็นรถม้าขึ้นรถม้าออกบ่อย ดูมานานขนาดนั้นทำไมถึงทำอะไรไม่เป็นบ้างเลย เจ้าออกแรงดึงสายบังเหียนไว้ก็พอ!”

เหมยเซียงรวบรวมความกล้าคว้าสายบังเหียนมาถือไว้ แต่ถึงนางจะเป็นสาวใช้ ก็เป็นสาวใช้ข้างกายของฮว๋าซื่อ ไม่เคยต้องทำงานหนักๆ มาก่อนเลย จะไปมีแรงควบคุมม้าที่กำลังคลั่งได้อย่างไร?

นางร้องห่มร้องไห้ว่า “ฮูหยิน ดึงไม่ไหวเจ้าค่ะ ทำอย่างไรดี?”

ฮว๋าซื่อตระหนักดีว่าม้าตื่นเช่นนี้อันตรายขนาดไหน ยามนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจฐานะ จึงเข้าไปช่วยดึงสายบังเหียนม้าอีกแรง

ทว่ามันสายเกินไปแล้ว

ม้าที่กำลังตื่นตระหนกวิ่งพล่านไม่เลือกเส้นทาง มันพุ่งตรงไปข้างหน้าซึ่งเป็นทะเลสาบแห่งหนึ่ง

เพราะวิ่งมาเร็วมาก ยามที่ตกลงน้ำจึงมีแรงต้านมหาศาล ฮว๋าซื่อไม่ทันตั้งตัวจึงถูกลากลงไปในน้ำพร้อมรถ

พริบตาที่นางตกลงไปในน้ำ ศีรษะของฮว๋าซื่อหล่นกระแทกผิวน้ำเป็นอย่างแรก แรงปะทะทำให้นางสลบไปทันที

สารถีแซ่หลิวไม่ทันสังเกตเห็นว่าสารถีของรถม้าคันหน้าถูกม้าเตะสลบอยู่ข้างพงหญ้า เขาเห็นแค่รถม้าคันหน้าพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าจึงเต
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 53

    นางคิดว่าพวกเขาช่างจำเจกันเหลือเกิน ก่อนหน้านี้หลินหว่านถิงก็กล่อมให้นางหนีตามเฉินเยี่ยนเซิง หวังจะใช้แผนการพรากความบริสุทธิ์นางแล้วค่อยฆ่าทิ้งเหมือนกันนางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าชอบเส้นทางที่แหกปากตะโกนก็ไม่มีใครได้ยินที่สุดเลย”นางกล่าวจบก็เอ่ยด้วยความรังเกียจว่า “พวกเจ้านี่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์บ้างเลย”เดิมที่สารถีแซ่หลิวรู้สึกพึงพอใจท่าทางหวาดกลัวจนมือไม้สั่นของนางอย่างยิ่ง เขารู้สึกเหมือนได้เติมเต็มความวิปริตในจิตใจ ทว่าตอนนี้นางกลับสงบนิ่งผิดปกติ ความพึงพอใจที่จะได้แก้แค้นของเขาจึงลดฮวบไปด้วยเขาเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “เจ้าไม่หวาดกลัวหรือไง?”เฟิ่งชูอิ่งยกมือกอดอก กล่าวด้วยท่าทางเสแสร้งสุดฤทธิ์ “ไอ้หยา ข้ากลัวจังเลย!”สารถีแซ่หลิว “......”นัยน์ตาเขาเต็มไปด้วยความดุร้าย “นังเด็กสมควรตาย ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ สินะ!“ทุกคนเข้ามาพร้อมกันเลย ใครผลักนางล้มได้ก่อนก็เป็นคนแรกที่ได้นอนกับนาง!”ชายฉกรรจ์เหล่านั้นได้ยินที่สารถีแซ่หลิวพูดก็พากันดีใจ พากันพ่นวาจาสัปดนสารพัด ขณะพุ่งตัวเข้าไปหาเฟิ่งชูอิ่งราวกับหมาป่าตะครุบเหยื่อเฟิ่งชูอิ่งยกมือขึ้นสร้างมุทรา ก่อนจะประทับตราใส่ชายฉกรรจ์ที

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 54

    สารถีแซ่หลิวได้ยินเช่นนั้นก็กลัวจนตัวสั่น ละลักละล่ำเอ่ยว่า “มิกล้า มิกล้า!”เฟิ่งชูอิ่งกลับยิ้มหวานบอกว่า “คราวนี้เจ้าต้องกล้า”สารถีแซ่หลิว “......”เขารู้สึกว่ารอยยิ้มของเฟิ่งชูอิ่งน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!สัญชาตญาณของเขาร้องบอกว่ามันไม่มีทางเป็นเรื่องดีแน่เฟิ่งชูอิ่งหยิบยันต์แผ่นหนึ่งออกมาแปะกลางหน้าผากของเขา เพียงพริบตาเดียวสมองของเขาก็ขาวโพลน ก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางเหมือนคนโง่งมเฟิ่งชูอิ่งพอใจประสิทธิภาพของยันต์แผ่นนี้มากเลยหลังจากนางมาที่โลกใบนี้ ยังแอบกังวลอยู่เลยว่าร่างกายนี้จะไม่สามารถเขียนยันต์ได้หลังจากทดลองดูแล้วถึงได้ทราบว่า ถึงร่างกายนี้จะไม่เคยฝึกฝนวิชาเต๋ามาก่อน แต่ร่างกายนี้กลับเหมาะสมกับการร่ำเรียนวิชาเต๋ามากประกอบกับก่อนนางจะทะลุมิติมาเป็นถึงอัจฉริยะที่พันปีจะปรากฏขึ้นสักครั้ง วิชาเต๋าทุกอย่างเพียงร่ำเรียนครั้งเดียวก็เชี่ยวชาญแล้ว แล้วยังคุ้นเคยกับพลังภายในทุกรูปแบบด้วยหลังจากนางทะลุมิติมาที่นี่การเริ่มต้นใหม่อีกครั้งจึงไม่ยากเย็นอะไร เพียงแต่ตอนนี้ร่างกายของนางอ่อนแอไปหน่อย ยังไม่สามารถใช้วิชาอะไรมากมายได้อย่างเดียวที่นางประหลาดใจมากคือร่างกายนี้บริสุทธิ์ผุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 55

    เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางรู้ดีว่าเรื่องพวกนี้เขากล้าทำอย่างที่พูดเอาไว้จริงๆ เพราะเขามันเป็นคนบ้าแบบสมบูรณ์แบบเลยนางรีบกล่าว “ท่านอ๋อง ไม่เห็นจะต้องดุกันขนาดนี้เลย มีอะไรก็พูดกันดีๆ เถอะ!”จิ่งโม่เยี่ยไม่สนใจนาง ยามที่กระบี่ในมือของเขาหลุดออกจากฝักก็บังเกิดเสียงเคร้ง เคร้ง ราวกับกำลังเชือดเฉือนหัวใจของเฟิ่งชูอิ่งเฟิ่งชูอิ่งรีบร้อนเอ่ยว่า “อันที่จริงข้ามีเรื่องหนึ่งที่สงสัยมาโดยตลอด ทำไมท่านอ๋องจะต้องยืนยันให้ได้ล่ะว่าข้าเป็นคนสำนักลี้ลับหรือไม่”จิ่งโม่เยี่ยปรายตามองนางแวบหนึ่ง “เพราะหากเจ้าเป็นคนของสำลักลี้ลับ ก็หมายความว่าชีวิตเจ้ายังมีค่าอยู่“แต่หากเจ้าไม่ใช่คนของสำนักลี้ลับ ตอนนี้ก็เตรียมตัวตายได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งฟังแล้วปวดหัว “แต่ข้าไม่ใช่คนของสำนักลี้ลับจริงๆ ข้าเป็นคนของลัทธิเต๋าแทนได้ไหมล่ะ?”จิ่งโม่เยี่ย “......”ทั้งสองอย่างนี้มันแตกต่างกันด้วยหรือ?เขาเชิดหน้ามองนาง “เจ้าจงตอบคำถามข้าด้วยความสัจจริง หากมีคำโกหกแม้แต่นิดเดียว ข้าจะฆ่าเจ้าทันที”เฟิ่งชูอิ่งชูมือสองข้าง “ได้ ท่านอ๋องถามมาเถอะ”จิ่งโม่เยี่ยเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ยันต์พวกนี้เจ้าร่ำเรียนมาจากใคร?”เฟิ่งชูอิ่งถอนหายใจเ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 56

    เขาจะฆ่านางดี? หรือว่าไม่ฆ่านางดีล่ะ?ด้วยนิสัยของเขา หากถูกคนโกหกซ้ำๆ เช่นนี้ เขาจะต้องใช้จัดการทิ้งในพริบตาเดียวแน่นอนแต่นางเป็นคนที่เชี่ยวชาญวิชาสำนักลี้ลับมากที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอในปัจจุบัน มีโอกาสแก้คำสาปของเขาได้มากที่สุด เฟิ่งชูอิ่งเห็นนัยน์ตาของเขาสีเข้มขึ้น จิตสังหารที่ปรากฏเริ่มเลือนหายไป ทว่าพริบตาถัดมาก็โผล่มาอีกครั้งเขาช่างยุ่งเหยิงเสียจริงๆ!แล้วก็น่ากลัวมากด้วย!ทว่าตอนนั้นเอง นกฝูงหนึ่งก็บินผ่านศีรษะของพวกเขาไปสีหน้าของจิ่งโม่เยี่ยแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะยกกระบี่ขึ้นบังศีรษะตัวเองเฟิ่งชูอิ่งมองเห็นนกตัวหนึ่งในฝูงขยับก้นของมันเล็กน้อย จากนั้นวัตถุบางอย่างก็ตกลงมาจากท้องฟ้า หล่นแหมะลงบนศีรษะของจิ่งโม่เยี่ยอย่างแม่นยำกระบี่ที่เขายกขึ้นขวางเหนือศีรษะช่วยป้องกันวัตถุปริศนาที่หล่นลงมาได้พอดีตอนที่เฟิ่งชูอิ่งเห็นสิ่งที่แปะอยู่บนกระบี่ของจิ่งโม่เยี่ยชัดๆ มุมปากของนางก็กระตุกยิกๆ โชคชะตาเขาถูกสูบจนหมดสิ้นแล้ว!จิ่งโม่เยี่ยปรายตามองมาทางนาง นางจึงรีบซ่อนรอยยิ้มมุมปากของตัวเองทันที แล้วยังสบถด่าอีกว่า “เจ้านกบ้านี่ตาบอดหรืออย่างไร!”ทว่าในใจนางกลับบอกว่า ‘เจ้านกน้อยสุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 57

    “แล้วท่านอ๋องยังระวังตัวขนาดนี้อีก แปลว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องดวงซวยธรรมดา น่าจะเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสกว่านั้น”นางกล่าวถึงตรงนี้ก็ส่งยิ้มให้เขา “ท่านอ๋อง ข้ากล่าวถูกต้องหรือไม่?”จิ่งโม่เยี่ยมองสบตานาง “เจ้าคาดเดาเก่งแบบนี้ อยากจะลองเดาดูไหมว่าตัวเองจะตายอย่างไร?”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะคิกคัก “ข้าเฉลียวฉลาดขนาดนี้ ท่านอ๋องจะตัดใจสังหารข้าลงจริงๆ หรือ?“ข้าไม่ได้โม้นะ บนโลกใบนี้นอกจากข้าแล้ว อาจจะไม่มีใครสามารถช่วยเหลือท่านอ๋องได้อีกแล้ว”ตอนที่จิ่งโม่เยี่ยนอนกอดนางแล้วหลับไป นางก็เริ่มคิดถึงต้นสายปลายเหตุแล้วในเมื่อเขาไม่สนใจเรือนร่างของนางอย่างชัดเจน แต่ก็ยังจะนอนกอดนางให้ได้ ก่อนหน้านี้นางยังไม่เข้าใจนัก แต่ยามนี้นางกระจ่างแจ้งแล้วจะต้องเป็นเพราะคาถาสงบจิตของนางใช้ได้ผลกับเขาอย่างแน่นอนเมื่อก่อนนางไม่รู้ว่าตัวเองยังมีค่ากับเขาอยู่ ถึงได้กลัวเขาจะเป็นบ้าลุกขึ้นมาเอาดาบฟันนางแต่หลังจากนางทราบความสำคัญของตัวเอง นางก็รู้สึกเหมือนได้สลัดคราบของบ่าวรับใช้ทิ้งไปในพริบตา และไม่รู้สึกหวาดกลัวเขาอีกต่อไปจิ่งโม่เยี่ยคล้ายจะมองความคิดของนางออก นัยน์ตาดอกท้อจึงโค้งลงเล็กน้อย “ข้าคิดเสมอมาว่าการ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 58

    ก่อนเฟิ่งชูอิ่งจะทะลุมิติมา น้องสาวของนางเคยบอกว่าจิ่งโม่เยี่ยทำตัวเป็นศัตรูกับพระเอก เพราะว่าเขาหลงรักนางเอกของเรื่อง ก็เลยเป็นบ้าอาละวาดเพราะนางเอกจิ่งโม่เยี่ยรู้ว่าเฟิ่งชูอิ่งชอบพูดจาไร้สาระเป็นเรื่องปกติ จึงคิดว่าคำพูดที่ออกจากปากของนางไม่ควรเก็บมาใส่ใจ นางก็แค่พยายามประจบเอาใจเขาเท่านั้นสำหรับเขาแล้ว สตรีที่สามารถทำให้เขาจดจำได้ นอกจากมารดาของเขาแล้ว ก็มีแต่นางนี่แหละคนในดวงใจอะไรนั่น มันไม่มีมาตั้งแต่แรกแล้วเขาจับประเด็นสำคัญได้หนึ่งอย่าง “แกล้งตาย?”เฟิ่งชูอิ่งตอบกลับ “ใช่เพคะ อย่างไรเสียว่าที่พระชายาของท่านอ๋องก็ตายไปตั้งเยอะแล้ว เพิ่มข้าอีกสักคนจะเป็นไรไป“หลังจากข้าแกล้งตายและออกจากเมืองหลวงแล้ว จะต้องอยู่ให้ห่างจากท่านอ๋องที่สุด หลังจากนี้ไปจะไม่โผล่มาให้เห็นหน้าหรือทำให้อารมณ์ของท่านอ๋องขุ่นมัว”สีหน้าของจิ่งโม่เยี่ยไม่บ่งบอกอารมณ์ใดใดทั้งนั้น เขาถามว่า “เจ้าตั้งใจจะแกล้งตายแล้วหนีออกจากเมืองตอนไหนล่ะ?”เฟิ่งชูอิ่งตอบว่า “ท่านลุงของข้าฉวยโอกาสตอนที่ข้ายังเป็นเด็กไม่รู้ความ ฮุบสมบัติที่บิดามารดาของข้าทิ้งไว้ให้ไปหมดเลย“หลังจากข้าทวงสมบัติทั้งหมดของข้าคืนจากจวนสกุลหลินได

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 59

    นางเหลือบไปเห็นเนินดินที่มีร่องรอยถูกขุด เมื่อกี้นี้ยังไม่มีรอยพวกนี้เลยนะก่อนหน้านี้นางแค่เดินไปล้างกระบี่ที่ลำธารใกล้ๆ มันใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่เองแล้วนางยังไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวอะไรเลย คนของจิ่งโม่เยี่ยกลับขุดหลุมฝังพวกชายฉกรรจ์หมดแล้ว?ที่สำคัญ นางแทบไม่รู้ไม่เห็นเลยว่าคนของจิ่งโม่เยี่ยลงมือตอนไหน!จิ่งโม่เยี่ยเห็นสายตาตื่นตระหนกของนางจึงแค่นเสียงเย็นชาในลำคอ “ทำไมล่ะ? เจ้าเองก็อยากลองถูกฝังทั้งเป็นดูบ้างหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งส่ายหน้ารัวๆ “ขอบพระทัย แต่ไม่อยากลองเพคะ!”หากคนอื่นเป็นคนพูดก็คงคิดว่าแค่หยอกเย้านางเล่นเท่านั้น แต่หากเขาเป็นคนพูดต้องทำจริงแน่!จิ่งโม่เยี่ยใช้หางตาเหลือบมองนางแล้วกล่าวว่า “ไม่อยากลองก็ตามมา”เฟิ่งชูอิ่งรีบกอดกระบี่แล้ววิ่งตามเขาไปอย่างว่องไว นางไม่อยากถูกฝังทั้งเป็นอยู่ที่นี่หรอกตอนที่นางเดินผ่านสารถีแซ่หลิว ก็ขยับมือสร้างมุทราคราหนึ่ง เขาก็หยุดยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ราวกับคนเหม่อลอยทันทีจิ่งโม่เยี่ยเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวก็เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจสาเหตุที่เขากลบฝังพวกชายฉกรรจ์ทั้งหมดนั่นทั้งเป็น เพราะว่าเขารังเกียจเดียดฉันท์การกระทำต่ำช

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 60

    นางกล่าวถึงตรงนี้ก็ระแวดระวังทันที “ยันต์ที่ข้าใช้กับชายฉกรรจ์พวกนั้นเป็นยันต์ตรึงกายา แต่ยันต์ที่ท่านอ๋องใช้กับเจ้าอาวาสเป็นยันต์อสนีบาตเพคะ”ตอนนี้นางรู้สึกดีใจอยู่อย่างหนึ่ง ถึงแม้ร่างกายนี้จะเหมาะสมกับการเรียนวิชาเต๋ามาก แต่อย่างไรเสียก็ยังมีเวลาเรียนจำกัดอยู่ นางจึงยังเขียนยันต์ปัญจอสนีไม่ได้ เขียนได้เพียงยันต์อสนีบาตธรรมดาหากเมื่อครู่นี้เจ้าอาวาสโดนแปะยันต์ปัญจอสนี เกรงว่าเขาจะถูกสายฟ้าฟาดจนกลับไปยังปรโลกแล้วจิ่งโม่เยี่ยยื่นมือไปประคองเจ้าอาวาสแล้วถามนาง “ทำไมเจ้าถึงเอายันต์อสนีบาตให้ข้าล่ะ?”จิ่งโม่เยี่ยตอบด้วยใบหน้าใสซื่อ “ท่านอ๋องบอกให้ข้าส่งยันต์ให้หนึ่งแผ่น ไม่ได้เจาะจงนี่เพคะว่าเป็นยันต์อะไร“ข้าก็เลยล้วงหยิบแบบส่งเดช ยันต์อสนีบาตดันอยู่บนสุด ข้าก็เลยส่งยันต์แผ่นนั้นให้ท่านอ๋องไป“ข้าก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าท่านอ๋องจะเอาไปใช้แปะศีรษะของเจ้าอาวาสเช่นนั้น!”จิ่งโม่เยี่ยถลึงตาโตจ้องมองเฟิ่งชูอิ่ง นางก็เลยถลึงตาโตจ้องเขากลับไปเจ้าอาวาสถูกฟ้าผ่าจนสติสัมปชัญญะหลุดลอย หลังได้ยินบทสนทนาของพวกเขาทั้งสองก็รู้สึกสงสารตัวเองขึ้นมาจับใจ ตัวเองไม่เกี่ยวข้องอะไรแท้ๆ ดันต้องรับกรรมเสียอย

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status