Share

บทที่ 48

Author: ดอกถังร่วงหล่น
last update Last Updated: 2024-06-29 00:45:24
บ่าวหญิงแซ่จูตอบกลับอย่างยินดี “ช่วงหลังมานี้บ่าวเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลาเจ้าค่ะ

“ฮูหยินวางใจได้เลย ขอแค่ข้ามีโอกาสลงมือ ข้าจะต้องฆ่านังเฟิ่งชูอิ่งนั่นแน่นอน”

ฮว๋าซื่อรู้สึกรำคาญจึงพยักหน้าเบาๆ “เจ้าออกไปก่อนเถอะ!”

หลังบ่าวหญิงแซ่จูออกไป หลินหว่านถิงก็เดินสวนเข้ามา นางกล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ท่านแม่ ข้าได้ยินว่าเฟิ่งชูอิ่งทำเครื่องประดับศีรษะทับทิมชุดนั้นหายไปแล้ว?”

ฮว๋าซื่อยังไม่ทันจะได้ตอบ นางก็กระทืบเท้าด้วยความโมโห “นางคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? กล้าดีอย่างไรถึงทำแบบนั้น?”

พวกเขาลืมสิ้นหมดแล้วว่าทุกวันนี้พวกเขาอยู่ดีมีสุขได้ เป็นเพราะอาศัยสมบัติจำนวนมหาศาลที่เฟิ่งชูอิ่งขนติดตัวมาด้วยในยามนั้น

พวกเขาหลงลืมไปหมดแล้วว่าสมบัติเหล่านั้นของเฟิ่งชูอิ่ง อย่าว่าแต่เครื่องประดับศีรษะทับทิมชุดเดียวเลย ต่อให้เป็นเครื่องประดับร้อยชุดก็ยังเทียบกันไม่ติด

พวกเขาคิดเพียงแค่ว่า สมบัติทั้งหมดที่เฟิ่งชูอิ่งขนมาล้วนเป็นทรัพย์สินของพวกเขา

มันคงจะดีมากหากการตายของเฟิ่งชูอิ่งสามารถสร้างประโยชน์ให้จวนสกุลหลินได้ พวกเขาจะเหยียบย่ำศพของนางเพื่อผลประโยชน์ที่มากกว่าเดิม

ฮว๋าซื่อในยามนี้สงบสติอารมณ์ได้แล้ว นางจึ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 49

    ก่อนหน้านี้นางตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว ทราบดีว่าป้ายหยกชิ้นนี้พิเศษนิดหน่อย เพราะเป็นหยกบำรุงวิญญาณที่หาได้ยากยิ่งเพราะป้ายหยกชิ้นนี้แหละ นางจึงคาดเดาตัวตนที่แท้จริงของบิดาร่างเดิมได้ เพียงแต่ในความทรงจำของร่างเดิม บิดาของนางเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งนางชอบป้ายหยกชิ้นนี้มาก ดังนั้นวันที่ต้องเข้าวังถึงได้หยิบติดมือไปแล้วผูกไว้ที่เอวตอนนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็อยู่ด้วย แล้วยังมีนักพรตของสำนักโหรหลวงที่บุกเข้ามาในกรมราชทัณฑ์อีก นางจึงไม่รู้เลยว่าเฉี่ยวหลิงเข้ามาสิงในป้ายหยกของนางตอนไหนเฟิ่งชูอิ่งกล่าวยิ้มแย้ม “นี่เป็นทางที่เจ้าเลือกเอง ข้าไม่ซักไซ้หรอก“เพียงแต่เจ้าอย่ามาติดตามข้าเลย เจ้าออกจากกรมราชทัณฑ์ได้แล้วก็ถือว่าเป็นอิสระ เจ้าไปท่องเที่ยวทั่วพิภพเสียเถอะ!”เฉี่ยวหลิงส่ายหน้า “หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าก็คงจะออกจากกรมราชทัณฑ์ไม่ได้ ข้าคิดว่าจะอยู่รับใช้ตอบแทนบุญคุณเจ้าสักพัก”เฟิ่งชูอิ่งโบกมือไปมา “ไม่ต้องหรอก เจ้ามารับใช้ข้าแบบนี้ มันแตกต่างจากการไปเกิดใหม่เป็นข้ารับใช้คนอื่นตรงไหนล่ะ?”เฉี่ยวหลิงได้ยินนางพูดแบบนั้นก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนโต้กลับว่า “มันไม่เหมือนกันนะ! ก่อนหน้านี้ข้ารับใช้คนอ

    Last Updated : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 50

    บิดามารดาของเฟิ่งชูอิ่งจากไปตั้งแต่นางยังเด็ก หลุมศพของพวกเขาจึงไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ตอนที่ร่างเดิมย้ายเข้ามาอยู่เมืองหลวงใหม่ๆ ก็นำป้ายวิญญาณของทั้งสองไปไว้ในอารามดังนั้นหากตอนนี้นางต้องบอกข่าวเรื่องงานแต่งให้บิดามารดาทราบ ก็ต้องเดินทางไปจุดธูปที่อารามเฟิ่งชูอิ่งพยักหน้ารับปาก ฮว๋าซื่อจึงช่วยนางจัดแจงเรื่องของจำเป็นในพิธีกราบไหว้ให้ยามปกติฮว๋าซื่อขี้เหนียวกับนางจะตายไป ทว่าครั้งนี้กลับจัดเตรียมของทำพิธีเซ่นไหว้ให้นางอย่างครบครันฮว๋าซื่อกล่าวกับนางด้วยท่าทางเป็นมิตร “ถึงเจ้าจะไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ ของข้า แต่ในใจของข้าก็มองเจ้าเป็นดั่งบุตรสาวในอุทรเสมอมา“เพียงแต่ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ค่อยจะได้ความนัก เรื่องอะไรก็ทำออกมาแย่ไปเสียหมด ข้าก็เลยอดที่จะกังวลไม่ได้“พอข้าร้อนใจขึ้นมาก็เลยพูดจาไม่น่าฟังไปหน่อย แต่ใจจริงข้าหวังดีต่อเจ้ามากนะ”หลังจากฮว๋าซื่อหายป่วยจากการถูกสาวใช้คนนั้นแทงจนบาดเจ็บ นางก็พักรักษาตัวจนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ เฟิ่งชูอิ่งค่อนข้างจะนับถือฮว๋าซื่อที่สามารถพูดจาโกหกได้หน้าตาเฉยเช่นนี้ แล้วยังอ้างเหตุผลที่ฟังขึ้นเสียด้วย มิน่าเล่าร่างเดิมถึงได้ถูกพวกเขารังแกซ้ำๆ จนตายนา

    Last Updated : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 51

    มุมปากของนางยกสูงขึ้นเล็กน้อย คิ้วเรียวเลิกสูงเบาๆหลังจากเฟิ่งชูอิ่งสับเปลี่ยนของที่เป็นตัวแทนในคืนนั้น ฮวงจุ้ยของจวนสกุลหลินก็เปลี่ยนแปลงไปก่อนหน้านี้หลินชูเจิ้งสูบโชคชะตาจากร่างเดิม ส่งผลให้ช่วงหลายปีมานี้เขาใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขราบรื่นตอนนี้อาจจะยังไม่ชัดเจนมาก แต่พอผ่านไปอีกสักพักจวนสกุลหลินจะต้องเกิดเรื่องซวยขึ้นแน่ตอนที่นางคิดจะเดินไปขึ้นรถม้า กลับถูกฮว๋าซื่อใช้ข้ออ้างบอกว่ามิค่อยสบายนัก ไล่นางไปนั่งรถม้าคันข้างหลังแทนเฟิ่งชูอิ่งก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร นางเดินไปที่รถม้าคันข้างหลัง ตอนที่ก้าวขึ้นรถม้านางก็ลอบมองสารถีแวบหนึ่ง เยี่ยมมาก สารถีคือสามีของบ่าวหญิงแซ่จูนางเดินอ้อมไปที่รถม้าคันข้างหน้าแล้วบอกกับฮว๋าซื่อว่า “ท่านป้า พวกเรานั่งรถม้าคันเดียวกันเถอะ ข้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับท่านเยอะแยะเลย”ฮว๋าซื่อไม่อยากคุยกับนางแม้แต่น้อย จึงตอบว่า “ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก ไม่อยากพูดคุยกับใคร”เฟิ่งชูอิ่งจึงแสร้งทำหน้าเสียดาย ยกมือลูบม้าเทียมรถของฮว๋าซื่อเบาๆ กล่าวว่า “ก็ได้เจ้าค่ะ!”นางกล่าวจบก็เดินกลับมาที่รถม้าของตัวเอง ขยับเข้าไปใกล้สารถีแล้วเอ่ยว่า “เจ้าเชื่อเรื่องดวงไหม?”สารถี

    Last Updated : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 52

    เหมยเซียงไม่เคยขับรถม้ามาก่อน จึงตอบอย่างร้อนรน “ฮูหยิน บ่าวทำไม่ได้เจ้าค่ะ!”ฮว๋าซื่อตวาดลั่น “ปกติเจ้าก็เคยเห็นรถม้าขึ้นรถม้าออกบ่อย ดูมานานขนาดนั้นทำไมถึงทำอะไรไม่เป็นบ้างเลย เจ้าออกแรงดึงสายบังเหียนไว้ก็พอ!”เหมยเซียงรวบรวมความกล้าคว้าสายบังเหียนมาถือไว้ แต่ถึงนางจะเป็นสาวใช้ ก็เป็นสาวใช้ข้างกายของฮว๋าซื่อ ไม่เคยต้องทำงานหนักๆ มาก่อนเลย จะไปมีแรงควบคุมม้าที่กำลังคลั่งได้อย่างไร?นางร้องห่มร้องไห้ว่า “ฮูหยิน ดึงไม่ไหวเจ้าค่ะ ทำอย่างไรดี?”ฮว๋าซื่อตระหนักดีว่าม้าตื่นเช่นนี้อันตรายขนาดไหน ยามนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจฐานะ จึงเข้าไปช่วยดึงสายบังเหียนม้าอีกแรงทว่ามันสายเกินไปแล้วม้าที่กำลังตื่นตระหนกวิ่งพล่านไม่เลือกเส้นทาง มันพุ่งตรงไปข้างหน้าซึ่งเป็นทะเลสาบแห่งหนึ่งเพราะวิ่งมาเร็วมาก ยามที่ตกลงน้ำจึงมีแรงต้านมหาศาล ฮว๋าซื่อไม่ทันตั้งตัวจึงถูกลากลงไปในน้ำพร้อมรถพริบตาที่นางตกลงไปในน้ำ ศีรษะของฮว๋าซื่อหล่นกระแทกผิวน้ำเป็นอย่างแรก แรงปะทะทำให้นางสลบไปทันทีสารถีแซ่หลิวไม่ทันสังเกตเห็นว่าสารถีของรถม้าคันหน้าถูกม้าเตะสลบอยู่ข้างพงหญ้า เขาเห็นแค่รถม้าคันหน้าพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าจึงเต

    Last Updated : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 53

    นางคิดว่าพวกเขาช่างจำเจกันเหลือเกิน ก่อนหน้านี้หลินหว่านถิงก็กล่อมให้นางหนีตามเฉินเยี่ยนเซิง หวังจะใช้แผนการพรากความบริสุทธิ์นางแล้วค่อยฆ่าทิ้งเหมือนกันนางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าชอบเส้นทางที่แหกปากตะโกนก็ไม่มีใครได้ยินที่สุดเลย”นางกล่าวจบก็เอ่ยด้วยความรังเกียจว่า “พวกเจ้านี่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์บ้างเลย”เดิมที่สารถีแซ่หลิวรู้สึกพึงพอใจท่าทางหวาดกลัวจนมือไม้สั่นของนางอย่างยิ่ง เขารู้สึกเหมือนได้เติมเต็มความวิปริตในจิตใจ ทว่าตอนนี้นางกลับสงบนิ่งผิดปกติ ความพึงพอใจที่จะได้แก้แค้นของเขาจึงลดฮวบไปด้วยเขาเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “เจ้าไม่หวาดกลัวหรือไง?”เฟิ่งชูอิ่งยกมือกอดอก กล่าวด้วยท่าทางเสแสร้งสุดฤทธิ์ “ไอ้หยา ข้ากลัวจังเลย!”สารถีแซ่หลิว “......”นัยน์ตาเขาเต็มไปด้วยความดุร้าย “นังเด็กสมควรตาย ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ สินะ!“ทุกคนเข้ามาพร้อมกันเลย ใครผลักนางล้มได้ก่อนก็เป็นคนแรกที่ได้นอนกับนาง!”ชายฉกรรจ์เหล่านั้นได้ยินที่สารถีแซ่หลิวพูดก็พากันดีใจ พากันพ่นวาจาสัปดนสารพัด ขณะพุ่งตัวเข้าไปหาเฟิ่งชูอิ่งราวกับหมาป่าตะครุบเหยื่อเฟิ่งชูอิ่งยกมือขึ้นสร้างมุทรา ก่อนจะประทับตราใส่ชายฉกรรจ์ที

    Last Updated : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 54

    สารถีแซ่หลิวได้ยินเช่นนั้นก็กลัวจนตัวสั่น ละลักละล่ำเอ่ยว่า “มิกล้า มิกล้า!”เฟิ่งชูอิ่งกลับยิ้มหวานบอกว่า “คราวนี้เจ้าต้องกล้า”สารถีแซ่หลิว “......”เขารู้สึกว่ารอยยิ้มของเฟิ่งชูอิ่งน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!สัญชาตญาณของเขาร้องบอกว่ามันไม่มีทางเป็นเรื่องดีแน่เฟิ่งชูอิ่งหยิบยันต์แผ่นหนึ่งออกมาแปะกลางหน้าผากของเขา เพียงพริบตาเดียวสมองของเขาก็ขาวโพลน ก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางเหมือนคนโง่งมเฟิ่งชูอิ่งพอใจประสิทธิภาพของยันต์แผ่นนี้มากเลยหลังจากนางมาที่โลกใบนี้ ยังแอบกังวลอยู่เลยว่าร่างกายนี้จะไม่สามารถเขียนยันต์ได้หลังจากทดลองดูแล้วถึงได้ทราบว่า ถึงร่างกายนี้จะไม่เคยฝึกฝนวิชาเต๋ามาก่อน แต่ร่างกายนี้กลับเหมาะสมกับการร่ำเรียนวิชาเต๋ามากประกอบกับก่อนนางจะทะลุมิติมาเป็นถึงอัจฉริยะที่พันปีจะปรากฏขึ้นสักครั้ง วิชาเต๋าทุกอย่างเพียงร่ำเรียนครั้งเดียวก็เชี่ยวชาญแล้ว แล้วยังคุ้นเคยกับพลังภายในทุกรูปแบบด้วยหลังจากนางทะลุมิติมาที่นี่การเริ่มต้นใหม่อีกครั้งจึงไม่ยากเย็นอะไร เพียงแต่ตอนนี้ร่างกายของนางอ่อนแอไปหน่อย ยังไม่สามารถใช้วิชาอะไรมากมายได้อย่างเดียวที่นางประหลาดใจมากคือร่างกายนี้บริสุทธิ์ผุด

    Last Updated : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 55

    เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางรู้ดีว่าเรื่องพวกนี้เขากล้าทำอย่างที่พูดเอาไว้จริงๆ เพราะเขามันเป็นคนบ้าแบบสมบูรณ์แบบเลยนางรีบกล่าว “ท่านอ๋อง ไม่เห็นจะต้องดุกันขนาดนี้เลย มีอะไรก็พูดกันดีๆ เถอะ!”จิ่งโม่เยี่ยไม่สนใจนาง ยามที่กระบี่ในมือของเขาหลุดออกจากฝักก็บังเกิดเสียงเคร้ง เคร้ง ราวกับกำลังเชือดเฉือนหัวใจของเฟิ่งชูอิ่งเฟิ่งชูอิ่งรีบร้อนเอ่ยว่า “อันที่จริงข้ามีเรื่องหนึ่งที่สงสัยมาโดยตลอด ทำไมท่านอ๋องจะต้องยืนยันให้ได้ล่ะว่าข้าเป็นคนสำนักลี้ลับหรือไม่”จิ่งโม่เยี่ยปรายตามองนางแวบหนึ่ง “เพราะหากเจ้าเป็นคนของสำลักลี้ลับ ก็หมายความว่าชีวิตเจ้ายังมีค่าอยู่“แต่หากเจ้าไม่ใช่คนของสำนักลี้ลับ ตอนนี้ก็เตรียมตัวตายได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งฟังแล้วปวดหัว “แต่ข้าไม่ใช่คนของสำนักลี้ลับจริงๆ ข้าเป็นคนของลัทธิเต๋าแทนได้ไหมล่ะ?”จิ่งโม่เยี่ย “......”ทั้งสองอย่างนี้มันแตกต่างกันด้วยหรือ?เขาเชิดหน้ามองนาง “เจ้าจงตอบคำถามข้าด้วยความสัจจริง หากมีคำโกหกแม้แต่นิดเดียว ข้าจะฆ่าเจ้าทันที”เฟิ่งชูอิ่งชูมือสองข้าง “ได้ ท่านอ๋องถามมาเถอะ”จิ่งโม่เยี่ยเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ยันต์พวกนี้เจ้าร่ำเรียนมาจากใคร?”เฟิ่งชูอิ่งถอนหายใจเ

    Last Updated : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 56

    เขาจะฆ่านางดี? หรือว่าไม่ฆ่านางดีล่ะ?ด้วยนิสัยของเขา หากถูกคนโกหกซ้ำๆ เช่นนี้ เขาจะต้องใช้จัดการทิ้งในพริบตาเดียวแน่นอนแต่นางเป็นคนที่เชี่ยวชาญวิชาสำนักลี้ลับมากที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอในปัจจุบัน มีโอกาสแก้คำสาปของเขาได้มากที่สุด เฟิ่งชูอิ่งเห็นนัยน์ตาของเขาสีเข้มขึ้น จิตสังหารที่ปรากฏเริ่มเลือนหายไป ทว่าพริบตาถัดมาก็โผล่มาอีกครั้งเขาช่างยุ่งเหยิงเสียจริงๆ!แล้วก็น่ากลัวมากด้วย!ทว่าตอนนั้นเอง นกฝูงหนึ่งก็บินผ่านศีรษะของพวกเขาไปสีหน้าของจิ่งโม่เยี่ยแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะยกกระบี่ขึ้นบังศีรษะตัวเองเฟิ่งชูอิ่งมองเห็นนกตัวหนึ่งในฝูงขยับก้นของมันเล็กน้อย จากนั้นวัตถุบางอย่างก็ตกลงมาจากท้องฟ้า หล่นแหมะลงบนศีรษะของจิ่งโม่เยี่ยอย่างแม่นยำกระบี่ที่เขายกขึ้นขวางเหนือศีรษะช่วยป้องกันวัตถุปริศนาที่หล่นลงมาได้พอดีตอนที่เฟิ่งชูอิ่งเห็นสิ่งที่แปะอยู่บนกระบี่ของจิ่งโม่เยี่ยชัดๆ มุมปากของนางก็กระตุกยิกๆ โชคชะตาเขาถูกสูบจนหมดสิ้นแล้ว!จิ่งโม่เยี่ยปรายตามองมาทางนาง นางจึงรีบซ่อนรอยยิ้มมุมปากของตัวเองทันที แล้วยังสบถด่าอีกว่า “เจ้านกบ้านี่ตาบอดหรืออย่างไร!”ทว่าในใจนางกลับบอกว่า ‘เจ้านกน้อยสุ

    Last Updated : 2024-06-29

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 950

    จิ่งสือเยี่ยนคิดว่าการเดินทางผ่านหมู่บ้านอาจเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก จึงเลือกที่จะเดินทางผ่านป่าแทนแต่แล้วม้าของเขาก็ติดกับดักอีกครั้ง ครั้งนี้ม้าเกิดอาการตื่นตระหนกม้าที่เขาเพิ่งเปลี่ยนมาจากองครักษ์นั้นดีดดิ้นเหมือนกำลังคุ้มคลั่ง จนเขากระเด็นตกจากหลังม้าครั้งนี้เขาไม่โชคดีเท่าไหร่ ตอนที่ถูกม้าเหวี่ยงออกไป ร่างของเขาฟาดเข้ากับต้นไม้อย่างแรงมีเสียงดัง “โครม!” ก่อนจิ่งสือเยี่ยนจะกลิ้งลงมาจากต้นไม้ครั้งนี้เขารู้สึกเหมือนเอวจะหัก ปวดจนทนแทบไม่ไหวองครักษ์ของเขาช่วยพยุงเขาขึ้นมาและดึงม้าที่ตื่นตระหนกกลับมาจิ่งสือเยี่ยนสูดหายใจเข้าลึกๆ ในใจรู้สึกหงุดหงิดยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนก็ไม่ได้เป็นอะไร มีแค่ม้าของเขาเท่านั้นที่มีปัญหาเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเขารู้สึกว่าวันนี้ตัวเองค่อนข้างโชคร้ายคืนนี้การเดินทางไม่คืบหน้าไปไหน แล้วเขายังต้องตกม้าถึงสองครั้ง เจอเรื่องแบบนี้แม้แต่พระอิฐพระปูนก็ยังโมโห นับประสาอะไรกับจิ่งสือเยี่ยนที่เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้วเขาสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับความโกรธแต่การตกม้าครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรง เขาเคล็ดเอวด้วยจึงไม่สามารถขี่ม้าได้อีกสักพักเ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 949

    “ข้าไม่ใช้วิชาชั่วร้ายแบบที่เทียนซือใช้กับเจ้าก่อนหน้านี้หรอก ข้าใช้แต่คาถาสายธรรมมะเท่านั้น”“วิธีนี้ไม่สร้างอันตรายถึงชีวิต แต่จะทำให้โชควาสนาของเขาน้อยลง”“จากนี้ไป เขาจะไม่ใช่จิ่งสือเยี่ยนที่ใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นอีกต่อไป แต่จะเป็นจิ่งสือเยี่ยนคนธรรมดา”จิ่งโม่เยี่ยรู้ว่าวิชาศาลตร์ลี้ลับของนางสูงส่งมาก นางแค่พูดแบบถ่อมตัวนั่นหมายความว่าจิ่งสือเยี่ยนอาจจะต้องประสบโชคร้ายสักหน่อยเขาถามว่า “วิชาของเจ้าจะอยู่ได้นานแค่ไหน?”เฟิ่งชูอิ่งตอบว่า “ประมาณเจ็ดวัน แต่ถ้าโชคชะตาของเขาแข็งแกร่งเกินไป เวลาก็จะสั้นลงอีกหน่อย”“ดังนั้น เจ้าต้องตามหาเขาให้เจอโดยเร็วที่สุด แล้วจัดการเขาให้เรียบร้อย”“เพราะเจ็ดวันหลังจากนี้ เท่าที่ดูจากกระดานคำนวณครั้งก่อน เขาอาจจะพากองทัพกลับมาเอาคืนได้”จิ่งโม่เยี่ยพยักหน้าแล้วเหวี่ยงตัวขึ้นไปบนอาชาเฟิ่งชูอิ่พูดกับแผ่นหลังของเขาว่า “ตอนที่เจ้าสู้กับเขา ต้องระวังตัวให้มากนะ”จิ่งโม่เยี่ยหันกลับมามองนาง นางกัดริมฝีปากก่อนจะพูดว่า “เจ้าต้องมีชีวิตรอดกลับมาให้ได้!”“เมื่อเจ้ากลับมาแล้ว พวกเราจะแต่งงานกัน”จิ่งโม่เยี่ยได้ยินคำพูดนี้ก็ตาเป็นประกาย ในขณะนั้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 948

    แต่เพื่อความสะดวกในการสะกดรอยตามจิ่งสือเยี่ยน เฟิ่งชูอิ่งจึงใช้ศาสตร์ลี้ลับกับเขาเล็กน้อยดังนั้นเขาจึงสามารถเก็บของบางอย่างไว้กับตัวได้ อย่างเช่นกางเกงในสองสามตัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกตอนนี้เขาถูกกระจกปราบปีศาจกดทับจนขยับไม่ได้ เฟิ่งชูอิ่งจึงร่ายคาถาช่วยเขาป้องกันการโจมตีของกระจกปราบปีศาจชั่วคราว ทันใดนั้นเขาก็หายวับไปอยู่ด้านหลัง ตรงจุดที่กระจกปราบปีศาจโจมตีไม่ถึงเมื่อจิ่งสือเฟิงเป็นอิสระ เขาก็เริ่มบิดตัวไปมา “เกือบจะถูกทับตายอยู่แล้วเชียว!”“ข้าไม่ได้ทำร้ายใครสักหน่อย ทำไมต้องโจมตีกันด้วย?”เฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็ลอบกลอกตาไปมา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เอาของออกมา”จิ่งสือเฟิงกลัวจะถูกนางทุบตี จึงรีบหยิบกางเกงในออกมาให้นางจิ่งโม่เยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าไม่มีของอย่างอื่นให้หยิบมาหรือไง?”เขามองจิ่งสือเฟิงด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาช่างกล้าหาญนัก กล้าให้เฟิ่งชูอิ่งดูกางเกงในของผู้ชายคนอื่นจิ่งสือเฟิงหดคอแล้วพูดว่า “ข้าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่หยิบติดมือมาส่งเดช”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวด้วยท่าทางหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ช่างเถอะ ใช้งานได้ก็พอ ตอนนี้ไม่ใช่เ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 947

    นางจ้องเขม็งไปทางจิ่งสือเฟิงด้วยความขุ่นเคือง พับเก็บแผนการที่จะกระทืบเขาไว้ชั่วคราวจิ่งโม่เยี่ยรู้สึกประหลาดใจที่เห็นนางอยู่ที่นี่ “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”เขาพูดพลางถอดเสื้อคลุมของตัวเองมาห่มให้นางคืนนี้หิมะตก อากาศหนาวมาก เฟิ่งชูอิ่งรีบร้อนออกมาจนลืมหยิบเสื้อคลุมตอนนี้เสื้อคลุมของเขากำลังห่มคลุมร่างของนาง ความอบอุ่นและกลิ่นอายของเขากำลังโอบล้อมนาง ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นอย่างมากนางตอบ “ข้ามาหาจิ่งสือเฟิง เขาติดตามจิ่งสือเยี่ยนมาที่นี่ แต่โดนกระจกปราบปีศาจที่หน้าประตูเมืองสะกดเอาไว้”จิ่งโม่เยี่ยมองจิ่งสือเฟิงด้วยสายตาเหยียดหยาม เจ้าบ้านี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ แค่ตามคนยังตามได้ไม่ดี ต้องเดือดร้อนให้เฟิ่งชูอิ่งมาช่วยเหลือกลางดึกจิ่งสือเฟิงรีบหดตัวเป็นก้อนเล็กๆ พยายามทำตัวให้โดดเด่นน้อยที่สุดเขารู้สึกว่าเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของเขาเสียทีเดียว ใครจะไปรู้ว่าที่นี่จะมีกระจกปราบปีศาจบานใหญ่ขนาดนี้อยู่ที่สำคัญคือเขาเพิ่งเป็นผีได้ไม่นาน ยังไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่จิ่งโม่เยี่ยพูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “อากาศหนาว เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะไปตามจิ่งสือเยี่ยนเอง”เฟิ่งชูอิ่งถ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 946

    จิ่งสือเฟิงนอนกลัดกลุ้มอยู่บนพื้นแล้วจะทำอย่างไรต่อดี?ถึงแม้เขาจะหลุดพ้นจากกระจกปราบปีศาจที่ประตูเมืองได้ และย้อนกลับไปแจ้งข่าวเฟิ่งชูอิ่งก็ไม่ทันการณ์แล้วเพราะเขาเห็นจิ่งสือเยี่ยนคุยกับแม่ทัพผู้รักษาประตูเมืองเพียงไม่กี่คำ ก็สามารถเดินออกจากเมืองหลวงไปได้อย่างผ่าเผยจิ่งสือเฟิงเห็นท่าทางแบบนั้นของจิ่งสือเยี่ยนก็แอบสบถในใจและในขณะนี้เอง เขาก็รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างเขากับจิ่งสือเยี่ยนก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเขารวบรวมผู้คนได้มากมาย เขาเก่งกาจมากแต่ไม่มีใครในกลุ่มคนเหล่านั้นสามารถพาเขาออกจากเมืองหลวงได้เลยเมื่อเทียบกับจิ่งสือเยี่ยน จิ่งสือเฟิงก็รู้สึกว่าตัวเองโง่จริงๆ เพราะคนที่เขาซื้อตัวมานั้นไม่สามารถทำงานเป็นระบบแบบแผนเหมือนคนของจิ่งสือเยี่ยนไม่ว่าจิ่งสือเยี่ยนจะทำอะไร ก็มีคนที่สามารถใช้งานได้ตลอดจิ่งสือเฟิงก็เป็นองค์ชาย รู้ว่ากว่าจะทำได้ถึงขั้นนี้มันยากขนาดไหนเพราะการซื้อตัวขุนนางที่มีอำนาจสูงต่ำต่างกัน ต้องใช้ความพยายามที่แตกต่างกันด้วยหากจะให้สรุปง่ายๆ คือเขาไม่มีปัญญาทำเฟิ่งชูอิ่งติดยันต์ไว้บนตัวจิ่งสือเฟิง ตอนที่เขาถูกกระจกปราบปีศาจสะกด นางก็รู้สึกได้ทันที

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 945

    ต้องออกจากเมืองหลวงให้ได้ เขาถึงจะปลอดภัยอย่างแท้จริงกองกำลังของเขายังต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะถึงเมืองหลวง ตอนนี้เขาต้องออกจากเมืองหลวงไปสมทบกับพวกเขาตราบใดที่พวกเขารวมตัวกันได้ เขาก็จะปลอดภัยเพียงแต่เรื่องนี้ พูดง่าย แต่ทำได้ยากเพราะอีกไม่นานจิ่งโม่เยี่ยก็จะรู้ตัวว่าเขาหนีออกมาแล้ว จากนั้นก็จะส่งทหารมาตามล่าเขาดังนั้นเขาต้องรีบออกจากเมืองหลวงให้เร็วที่สุด!วันนี้ตอนที่เขาเข้าวัง เขาได้เตรียมการมาอย่างรอบคอบ เขากลัวว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น ดังนั้นจึงให้ทหารองครักษ์ของเขารอเขาอยู่นอกวังตอนนี้ทหารองครักษ์ของเขาตามหาเขาพบแล้ว เขาจึงออกคำสั่งว่า "ออกจากเมืองหลวง"ทหารองครักษ์ทำท่าลำบากใจแล้วรายงานว่า "ตอนที่ท่านอ๋องเข้าวัง พวกข้าได้ทำตามคำสั่งของท่านอ๋อง สืบดูสถานการณ์ในเมืองหลวงแล้ว""เป็นอย่างที่ท่านอ๋องคาดการณ์ไว้ อ๋องผู้สำเร็จราชการได้สั่งปิดประตูเมืองแล้ว""ตอนนี้ประตูเมืองปิดหมดทุกบาน พวกเราออกไปไม่ได้แล้ว"จิ่งสือเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "ไม่เป็นไร ที่ประตูติ้งหวามีคนของข้าอยู่ พวกเราจะไปที่ประตูติ้งหวากัน"ทหารองครักษ์ตอบรับ แล้วรีบพาเขาไปทางนั้นพวกเขาไม่ท

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 944

    จิ่งโม่เยี่ยเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าเคยมุดนะ”ปู๋เยี่ยโหวนึกอยากจะเถียงว่าเขามุดรูหมาลอดตอนไหน แต่ก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเด็กๆ ได้ จึงเงียบปากลงทันทีจิ่งโม่เยี่ยพูดต่อ “ได้ยินว่าวันนี้เจ้าไปก่อเรื่องใหญ่ในวังหลวงอีกแล้ว?”พอเขาเข้าวัง ก็มีทหารมาเล่าเรื่องที่ศพฮ่องเต้เจาหยวนถูกทำลายจนแหลกละเอียดให้ฟังคนอื่นอาจจะโดนปู๋เยี่ยโหวหลอกได้ แต่จิ่งโม่เยี่ยไม่มีทางโดนหลอกแน่นอนเขารู้ว่าปู๋เยี่ยโหวต้องเป็นคนทำลายศพฮ่องเต้แน่ๆปู๋เยี่ยโหวเลิกคิ้ว “เรื่องนั้นข้าไม่ได้ทำจริงๆ เสนาบดีฝ่ายซ้ายเป็นพยานให้ข้าได้”จิ่งโม่เยี่ยได้แต่หัวเราะในใจกับคำพูดนี้ ใครบ้างไม่รู้จักนิสัยของปู๋เยี่ยโหวปู๋เยี่ยโหวก็ไม่ได้คิดจะปิดบังเขา ตอนนี้ไม่มีใครอยู่รอบๆ ปู๋เยี่ยโหวจึงขยับเข้าไปใกล้เขาแล้วพูดว่า “ฮ่องเต้เจาหยวนยังไม่ตาย”จิ่งโม่เยี่ยเหลือบมองเขา ปู๋เยี่ยโหวจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบตอนแรกปู๋เยี่ยโหวคิดว่าฮ่องเต้เจาหยวนถูกผีสิง แต่เขาก็นึกถึงที่เฟิ่งชูอิ่งเคยบอกว่าวิญญาณร้ายเข้าวังหลวงไม่ได้ดังนั้น ตอนที่ฮ่องเต้เจาหยวนดีดตัวลุกขึ้นมานั่งในโลงศพ คงต้องมีแผนการบางอย่างแน่แต่ฮ่อ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 943

    เฟิ่งชูอิ่งมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป “ไม่เห็นจะปัญญาอ่อนเลย ข้าว่าเขาเป็นแบบนี้น่ารักจะตาย”เหมยตงยวนกลอกตาไปมา เขามองไม่เห็นจริงๆ ว่าจิ่งโม่เยี่ยน่ารักตรงไหนเฟิ่งชูอิ่งเห็นสีหน้าของเขาจึงพูดขึ้นทันทีว่า “ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว ข้าว่าท่านพ่อพูดถูก เขาโง่จริงๆ นั่นแหละ”“ขนาดเดินยังไม่ถูกทางเลย ไม่โง่จะเรียกว่าอะไร?”มุมปากของเหมยตงยวนกระตุกเบาๆถึงแม้เขาจะรู้ว่าเฟิ่งชูอิ่งพูดแบบนี้เพื่อปลอบใจเขา แต่มันก็ปิดกั้นความรู้สึกดีของเขาไม่ได้ลูกสาวของเขายังคงเอาใจใส่เขา คอยดูแลความรู้สึกของเขาในฐานะพ่อเสมอถึงแม้ว่าเหมยตงยวนจะรู้สึกว่าจิ่งโม่เยี่ยไม่คู่ควรกับลูกสาวของเขา แต่เขาก็พอจะยอมรับจิ่งโม่เยี่ยได้อย่างมากที่สุดก็คือตอนที่จิ่งโม่เยี่ยทำไม่ดีกับเฟิ่งชูอิ่งในอนาคต เขาจะไปซ้อมจิ่งโม่เยี่ยให้หนักเองเขาพูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “มืดแล้ว เจ้ากลับห้องไปพักผ่อนเถอะ”วันนี้นางใช้พลังทำนายมากเกินไป ร่างกายจึงอ่อนล้า ต้องพักผ่อนให้เพียงพอตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งรู้สึกมึนหัวจริงๆ นางเดินโซเซกลับไปที่ห้องของตัวเองแต่เมื่อนางกลับมาที่ห้อง นางกลับพบว่าตัวเองนอนไม่หลับไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เนื้อเรื่อ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 942

    แววตาของจิ่งโม่เยี่ยเยือกเย็นลงในทันที พร้อมกับจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวเขาเขาไม่ได้ยึดติดกับบัลลังก์ แต่ตอนนี้เขาต้องการมีชีวิตอยู่เขาต้องมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น ถึงจะสามารถอยู่เคียงข้างเฟิ่งชูอิ่งได้เพื่อที่จะได้อยู่เคียงข้างนาง เขาสามารถทำทุกอย่างได้เดิมทีเขาไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าจิ่งสือเยี่ยน แต่ในวินาทีนี้ เขากลับรู้สึกว่าจิ่งสือเยี่ยนสมควรตายได้แล้วเขาพูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “ข้าจะกลับเข้าวังก่อน”กลับไปเพื่อฆ่าจิ่งสือเยี่ยนแต่เหมยตงยวนกลับรั้งเขาไว้ว่า “เจ้าช้าก่อน”จิ่งโม่เยี่ยหันไปมองเขา เหมยตงยวนจึงยื่นกระบี่ในมือให้เขา “ใช้สิ่งนี้ไปฆ่าจิ่งสือเยี่ยน”จิ่งโม่เยี่ยค่อนข้างงุนงง เหมยตงยวนอธิบายว่า “กระบี่เกล็ดน้ำค้างเหมันต์ของเจ้าถึงแม้จะคมกริบ แต่เจ้าหล่อเลี้ยงมันด้วยจิตสังหารมามากเกินไปในช่วงหลายปีมานี้”“จิตสังหารที่รุนแรงเช่นนี้ เมื่อชักกระบี่ออกมา แท้จริงแล้วคนที่ได้รับความเสียหายที่สุดคือตัวเจ้าเอง มันจะส่งผลต่อโชคชะตาของเจ้า”“สำหรับเจ้าในอดีต จิตสังหารเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลเสียอะไร แต่ตอนนี้โชคชะตาของเจ้ากำลังเฟื่องฟู หากจิตสังหารหนักเกินไป มันจะส่งผลกระทบต่อโชคช

DMCA.com Protection Status