เย่ฮานกลัวจนนิ่งค้างไป พอเห็นอู๋ถงซึ่งโชกไปด้วยเลือดทั้งตัวก็รู้สึกว่าทำเกินไปจริงๆ อีกทั้งนี่มันเท่ากับการตบหน้าคุณหนูใหญ่ตรงๆรู้อยู่ชัดๆ ว่าร้านชานมนี้เป็นของคุณหนูใหญ่มู่ อู๋ถงเองก็เป็นคนของคุณหนูใหญ่ นึกไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าลงโทษอย่างรุนแรงก่อนที่คุณหนูใหญ่จะมาถึง เย่ฮานรู้สึกว่าคนที่ลงโทษคงเบื่อที่จะทนมีชีวิตอยู่แล้วสินะเขารีบปล่อยอู๋ถงลงมา ด้านนอกก็มีเจ้าหน้าที่หลายคนกรูกันเข้ามา พอพวกเขาเห็นมู่จิ่วซีกำลังคลุ้มคลั่งก็ตกใจจนหน้าซีดขาว พร้อมกับรีบช่วยเย่ฮานหามอู๋ถงเอาไปไว้บนกระดานไม้ข้างๆ"เย่ฮาน ไปจับไอพวกเจ้าหน้าที่ชาติหมาออกมาให้ข้า!" มู่จิ่วซีโกรธจัดจนหน้าแดงขึ้นมา"คุณหนูใหญ่มู่ ตอนนี้กระทรวงราชทัณฑ์เป็นใต้เท้าสวีสั่งการขอรับ" มีบางคนคุกเข่าลงในทันทีและพูดกับมู่จิ่วซี"ใต้เท้าสวี? เป็นใคร?" มู่จิ่วซีถาม"รองเสนาบดีกระทรวงราชทัณฑ์สวีซานเหอขอรับ เพราะเรื่องในจวนของเลขาธิการใตเท้าฉีหู่ซาน ช่วงนี้เขาเลยไม่ได้มาที่กระทรวงราชทัณฑ์ ทั้งหมดเลยมอบให้ใต้เท้าสวีตัดสินใจขอรับ""สวีซานเหอ งั้นเป็นเขาใช่ไหมที่ออกคำสั่งให้เฆี่ยนตีอู๋ถง?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้วกล่าว"ขอรับ ใช่ขอรับ" บรรดาเ
ขุนนางฝ่ายชันสูตรพอเห็นเทคนิคของมู่จิ่วซี ในใจก็รู้สึกชื่นชม นางจัดการบาดแผลทั้งเร็วและดีเยี่ยม อีกทั้งยังใส่ใจระมัดระวังมากเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ หลังจากห่มผ้าผืนสะอาดให้กับอู๋ถง มู่จิ่วซีก็ฝังเข็มลงไปท่ามกลางผู้คนจากนั้นภายใต้สายของทุกคน อู๋ถงก็ค่อยๆ ฟื้นได้สติขึ้นมา"อู๋ถง อู๋ถง..." มู่จิ่วซีเรียกเขาเบาๆอู๋ถงหลังจากสะลึมสะลืออยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็ลืมตาตื่นตาขึ้นมา จากนั้นความเจ็บปวดทั่วร่างก็ทำให้เขาโอดครวญขึ้นมาในทันที ทั้งใบหน้าขมวดแน่น"คุณหนูใหญ่..." อู๋ถงเห็นแววตากังวลและเจ็บใจบนใบหน้าอันงดงามตรงหน้าเขาอย่างชัดเจน ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดนั้นน้อยลงไปมาก"อู๋ถง ข้าขอโทษที่เจ้าต้องมาทนลำบากมากขนาดนี้" เสียงของมู่จิ่วซีแหบพร่าขึ้นมาเล็กน้อย เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าพุ่งเป้ามาที่มู่จิ่วซี แต่กลับลากอู๋ถงผู้บริสุทธิ์ให้มาเกี่ยวข้อง"คุณหนูใหญ่ ข้า ข้าไม่เป็นไร" อู๋ถงรีบกล่าวขึ้นมา สีหน้าวิตกกังวลเล็กน้อย ถึงอย่างไรมู่จิ่วซีก็ขอโทษเขาแล้ว เขาเป็นแค่บ่าวรับใช้คงทนรับคำขอโทษไว้ไม่ได้"จัดการเสร็จบาดแผลให้เสร็จแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล ใครที่ทำร้ายเจ้า ข้าจะสนองคืนให้
ใบหน้าของไป๋ชิงก็ร้อนผ่าวขึ้นมาพร้อมกับพูด : "เมื่อก่อนตอนไปที่ร้านของอู๋ถง ข้าได้คุยกับเขาอยู่สองสามครั้ง รู้สึกว่าเขาไม่เลวเลย ถือว่าเป็นเพื่อน ดังนั้นก็เลยอยากมาเยี่ยมเขามู่จิ่วซีเลิกคิ้วกล่าว : "อย่างนั้นหรอ? แล้วทีตอนใต้เท้าเย่เย่อู่เหิงได้รับบาดเจ็บ ทำไมไม่เห็นเจ้าไปเยี่ยมเขาเลย เขาก็ถือว่าเป็นเพื่อนของเจ้าปะ"ไป๋ชิงนิ่งชะงักไป จากนั้นก็หน้าแดงขึ้นมาพร้อมกับพูด : "ใต้เท้าเย่ไม่ใช่ว่ามีเพื่อนเยอะแยะหรอกเหรอ อู๋ถงเขาน่าสงสารกว่า""หรอ.... น่าสงสาร คุณหนูใหญ่ไป๋ของเราเห็นอกเห็นใจอู๋ถงสินะ" น้ำเสียงของมู่จิ่วซีน่าขำยิ่งกว่าอะไร"ไอ้หยา จิ่วซี เจ้าเลิกพูดเพ้อเจ้อได้แล้ว เขาไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว งั้นข้าไปล่ะ" ไป๋ชิงเขินอายจนนางต้องรีบวิ่งออกไป"นี่ๆๆ ทำผิดอะไรหรือไงถึงได้วิ่งหนีเร็วขนาดนี้" มู่จิ่วซีคว้านางเอาไว้ "มื้อเย็นข้าต้องกลับจวนไปทาน เจ้าอยากไปเยี่ยมอู๋ถงไหมล่ะ?"ไป๋ชิงชะงักไป จากนั้นก็มองท้องฟ้าข้างนอก : "งั้นข้าขอกลับหอโม่ช่างเหวินก่อน เดี๋ยวดึกหน่อยข้าค่อยไปหาเจ้าที่จวนมู่""ได้" มู่จิ่วซีมองยิ้มให้กับไป๋ชิง รอยยิ้มนั้นชั่วร้ายอย่างมากไป๋ชิงทันใดนั้นก็นางอย่างเคืองๆ
"ใคร? ใครที่บอกให้เจ้าออกเดินทางล่วงหน้า?" มู่จิ่วซีถาม"ข้าเองก็ไม่รู้ เป็นเด็กคนหนึ่งเอากระดาษข้อความมาให้ อยู่ที่ อยู่ที่บนโต๊ะห้องทำงานของข้า" บนศีรษะของสวีซานเหอนองไปด้วยเลือดเจ้าหน้าที่กระทรวงราชทัณฑ์ก็รีบวิ่งไปตรวจสอบบนโต๊ะทำงานของสวีซานเหอ ทันใดนั้นก็หยิบกระดาษข้อความแผ่นหนึ่งมามู่จิ่วซีรับมาและเปิดอ่าน สิ่งที่สวีซานเหอพูดไม่ใช่ความเท็จ ความจริงคือเขาถูกเรียกให้ไปเตรียมการล่วงหน้า"ต่อให้ไม่ใช่เจ้าเป็นคนวางยาพิษ แต่เจ้าทำไมยังไม่ทันสอบปากคำเขาก็ลงโทษทรมานเขาแล้ว? เจ้าไม่รู้หรือไงว่าร้านชานมนั่นเป็นของคุณหนูใหญ่อย่างข้า? ไม่รู้หรือไงว่าอู๋ถงเป็นคนของข้า?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างเฉือดเชือนหลังจากใบหน้าของสวีซานเหอแดงขึ้นมาก็เปลี่ยนเป็นซีดขาว และก็กลับมาแดงขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะกล่าว : "เพราะรู้ว่าเป็นคนของเจ้าไงล่ะ ข้าเลยกล้าลงมือ!""ทำไม? พวกเรามีความแค้นกันหรือไง?" มู่จิ่วซีหรี่ตาลงทันใดนั้นสวีซานเหอก็มองจ้องนางด้วยสายตาอันแหลมคมก่อนจะกล่าว : "คุณหนูใหญ่มู่ เจ้าลืมสวีหยางไปแล้วหรอ?""สวีหยาง?" ในหัวของมู่จิ่วซีก็พยายามนึก "ที่จวนอัครมหาเสนาบดีคนนั้น?""ใช่ เขาคนนั้นคือน้
กระดาษหนังวัวออกเหลืองแผ่นนี้เป็นนางที่มอบให้กับท่านพ่อ เป็นผู้ดูแลมู่ที่พบกระดาษรายชื่อของไส้ศึกที่ลู่เวยหย่าเอาไปซ่อนจนพบเพราะก่อนหน้านี้มู่จิ่วซีได้สังเกตอย่างละเอียดมาก คุณภาพของกระดาษข้อความแผ่นนี้เทียบกับกระดาษหนังวัวทั่วไปแล้วจะหนากว่าหน่อย เป็นงานฝีมือที่ใช้การอัดกระดาษแบบพิเศษ ปรากฎเป็นรอยพิมพ์รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนหากไม่ได้สังเกตอย่างละเอียดก็จะมองไม่เห็นอะไรประเด็นคือมู่จิ่วซีเป็นคนเฉียบแหลมเกินไป แค่ถือกระดาษข้อความแผ่นนั้นก็รู้สึกได้ถึงความต่าง ดังนั้นก็เลยเอากลับมาเทียบตรวจสอบ ที่แท้คุณภาพกระดาษ 2 แผ่นนี้เหมือนกันทุกประการมุมปากของนางเผยรอยยิ้มอันเย็นเยือก ทันใดนั้นนางก็เรียกเย่ฮานและไปยังศาลต้าหลี่ด้วยกันสองคนเพราะว่าเย่อู่เหิงค่อนข้างจะศึกษาเรื่องพวกนี้มาบ้าง ถึงอย่างไรคดีของศาลต้าหลี่ก็ล้วนเป็นคดีใหญ่ เรื่องแปลกๆ หายากที่เกี่ยวข้องจะมีค่อนข้างเยอะอยู่บ้างเย่อู่เหิงไม่คาดคิดว่าพบมู่จิ่วซีตอนเช้าแล้ว ตอนเย็นนางก็จะยังมาหาอีก ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกตื่นเต้น นางกำลังเป็นห่วงเขางั้นเหรอ ?แต่พอมู่จิ่วซีหยิบกระดาษออกมา เขาก็รู้ทันทีว่าเขานั้นคิดเองเออเอง"กระดา
"ซีเอ๋อร์ พิษได้ตรวจสอบเจอแล้ว แต่หลายคนก็ล้วนมีพิษกระเรียนแดง คงตรวจสอบยาก" มู่เทียนซิงขมวดคิ้วกล่าว"ไม่เป็นไร พวกเรายังมีเบาะแสอีกชิ้นหนึ่ง ถึงอย่างไรพวกเขาก็ใช้กลอุบายเล่นงานลูก นี่พอฆ่าลูกไม่ตายก็เลยเล่นงานธุรกิจลูกให้ทำเงินไม่ได้" มู่จิ่วซีดูถูกพวกศัตรู"ซีเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าใครเป็นคนทำแบบนี้?""เดิมทีเป็นไปได้มากว่าเป็นคนในวงการอาชีพเดียวกัน แต่ตอนนี้น่ะเหรอ ลูกคิดว่าเป็นไส้ศึกแคว้นเป่ยจิ้นกำลังเล่นสกปรกอยู่" มู่จิ่วซีบอกเรื่องกระดาษข้อความให้ฟังมู่เทียนซิงหลังจากฟังก็พูดขึ้นมา : "เจ้าพูดถึงกระดาษแผ่นนั้นของป้าสะใภ้รองสินะ มันเป็นกระดาษที่พ่อไปซื้อมาจากร้านฝูลู่เทียนฉายเมื่อตอนนั้น ป้าสะใภ้รองของเจ้าชอบใช้กระดาษประเภทนี้มาก""กระดาษข้อความที่เด็กคนนั้นให้กับสวีซานเหอก็คือกระดาษชนิดนี้ ท่านว่าเป็นเรื่องบังเอิญรึเปล่า?" มู่จิ่วซีถามมู่เทียนซิงพยักหน้าและก็กล่าว : "ข้าจำได้ว่าป้าสะใภ้รองของเจ้าได้เคยเอากระดาษพวกนี้ให้กับคนๆ หนึ่ง"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นมาและกล่าว : "ใคร?""เซี่ยเฟิง" มู่เทียนซิงตอบ"เซี่ยเฟิง? ปรมาจารย์เซี่ยเฟิงแห่งกรมพระราชวังนครบาลคนนั้นน่ะเหรอ
มู่จิ่วซีชะงักนิ่งไป ทันใดนั้นก็กล่าวขึ้นมาอย่างดีใจ : "ป่าวเอ๋อร์ เจ้ารู้จริงๆ เหรอว่าพ่อของเจ้าอยู่ไหน?"เซี่ยป่าวเอ๋อร์พยักหน้า ดวงตากลมโตกระพริบอยู่สองสามครั้ง เหมือนกับรอให้มู่จิ่วซีสัญญากับนาง"อืม หากป่าวเอ๋อร์รู้ที่อยู่ของพ่อเจ้าจริงๆ ข้าจะให้เจ้ากับแม่ของเจ้าได้อยู่ที่นี่เหมือนเดิม" มู่จิ่วซีรีบกล่าวขึ้นมาเซี่ยป่าวเอ๋อร์ดีใจในทันทีและบอกกับนาง : "พี่สาว งั้นก็ตามข้ามาได้เลย"ขณะเซี่ยป่าวเอ๋อร์พูดก็วิ่งออกไปตรงประตูเรือนมู่จิ่วซีก็โบกมือเรียกพาเย่ฮานและคนของกรมพระราชวังนครบาลกลุ่มหนึ่งตามเซี่ยป่าวเอ๋อร์ไปมู่จิ่วซีเดินมาหาข้างๆ เซี่ยป่าวเอ๋อร์และกล่าว : "ป่าวเอ๋อร์ เจ้าจะพาพี่สาวไปไหนงั้นหรอ?""เดี๋ยวก็ถึงแล้ว ป่าวเอ๋อร์เห็นท่านพ่อแอบวิ่งออกมาข้างนอกตอนกลางดึกหลายครั้ง เขาไปแต่ที่นั่น" เซี่ยป่าวเอ๋อร์รีบวิ่งพร้อมกับกล่าวอย่างเหนื่อยหอบในใจของมู่จิ่วซีกลับมีความสุข ดูเหมือนต่อให้เซี่ยเฟิงคิดเป็นพันเป็นหมื่นครั้งก็คงจะคาดไม่ถึงว่าลูกสาวของเขาเองจะเป็นห่วงเขาที่กบดานของเซี่ยเฟิงอันที่จริงห่างจากกรมพระราชวังนครบาลไม่ไกลมาก เหมือนกับชุมชนภายในเมือง ด้านในมีบ้านเรือนมากม
"เซี่ยเฟิง ไม่คาดคิดว่าจะเป็นเจ้าจริงๆ!" มู่จิ่วซียิ้มเยาะ พร้อมกับโขกศีรษะกระแทกกับเซี่ยเฟิง เพราะนางรู้สึกว่าเซี่ยเฟิงจะต้องกัดพิษปลิดชีพตัวเองแน่นอนเสียง "ปึก!" ดังขึ้น เซี่ยเฟิงคร่ำครวญออกมา หัวของเขาถูกศีรษะของมู่จิ่วซีกระแทกใส่จนมึนงง มู่จิ่วซีอาศัยจังหวะใช้มืออีกข้างหนึ่งต่อยไปที่แก้มขวาตรงหน้าของเขาเซี่ยเฟิงร้องอย่างเวทนา ฟันหลายซี่ของเขาถูกต่อยจนลอยออกมานอกปากมู่จิ่วซีใช้เท้าทีบไปอย่างแรงตรงท้องของเขา ทั้งตัวของเซี่ยเฟิงล้มลงไปกองกับพื้นกระบี่ยาวของเย่ฮานจ่อไปตรงลำคอของเขา"มู่จิ่วซี เจ้ามันตามหลอกหลอนไม่เลิกจริงๆ!" เซี่ยเฟิงพูดออกมาไม่ชัดเจน"ขอบคุณที่ชม!" มู่จิ่วซียิ้มเยาะพร้อมกับกล่าว "แต่ว่าเจ้าคงคาดไม่ถึงว่าข้าจะมาเจอเจ้าที่นี่สินะ!"เซี่ยเฟิงก็กล่าวอย่างกลุ้มใจ : "เจ้าหาที่นี่เจอได้อย่างไร? ทำไมถึงเร็วขนาดนี้!""นั่นต้องขอบคุณลูกสาวสุดที่รักของเจ้าแล้วล่ะ นางเพียงเพื่อจะช่วยท่านแม่ของนาง ก็เลยยอมบอกสถานที่นี้ให้กับข้า" มู่จิ่วซีเห็นเซี่ยเฟิงทำหน้านิ่วขมวดไม่อยากจะเชื่อ ความเย็นเยือกตรงมุมปากก็ยิ่งถลำลึก"เย่ฮาน มัดเขาเอาไว้และพากลับไปสอบปากคำ!" มู่จิ่วซีกล่า