เซียวหลิงเย่ว์และท่านอ๋องสี่ที่แท้ก็รู้จักกัน วันนั้นลูกชายของหวางชิวที่ไปยังร้านฮัวคายชี่ไหล สาวใช้ชิวจวี๋คนนั้นของเซียวหลิงเย่ว์ก็ไปด้วยเช่นกัน"แต่ใต้เท้าเซียวไม่ใช่ว่าสนับสนุนท่านอ๋องสามหรอกเหรอ?" มู่จิ่วซีก็คิดว่าหากใต้เท้าเซียวต้องการใช้อุบายความงามกับจักรพรรดิองค์ก่อน งั้นไม่ใช่ว่าก็ควรจะสนับสนุนท่านอ๋องสี่หรือไง?"ไม่ใช่ว่าพระมเหสีซูต่อมาได้เสียชีวิตลงหรอกเหรอ? ตอนนั้นท่านอ๋องสี่เพิ่งอายุได้ 10 ขวบ พอไม่มีพระมเหสีให้ได้พึ่งพา ใต้เท้าเซียวก็ไม่อาจทนรอได้ "มุมปากของโม่จุนก็เผยรอยยิ้มเวทนาอันโหดร้าย"ให้ตายเถอะ ใต้เท้าเซียวคนนี้แผนสูงจริงๆ" มู่จิ่วซีขอคารวะเลย นี่ไม่ว่ายังไงก็จะสนับสนุนให้องค์ชายสักคนก่อกบฏให้ได้เลยสินะโม่จุนหันไปมองนาง มู่จิ่วซีก็รีบกล่าวขึ้นมา : "งั้นท่านอ๋องสี่กับเซียวหลิงเย่ว์มีความสัมพันธ์กันเป็นยังไงบ้าง?"โม่จุนชะงักไปครู่ก่อนจะขมวดคิ้วกล่าวขึ้นมา : "ก็ปกติ เซียวหลิงเย่ว์เป็นพี่สะใภ้ของท่านอ๋องสี่ เห็นว่าก็เกรงใจกันอยู่""โม่จุน ข้าขอถามเจ้าเรื่องหนึ่ง เจ้าห้ามหลอกข้า" ในหัวของมู่จิ่วซีคิดถึงเรื่องนี้มาตลอด"เจ้าพูดมา ขอเพียงข้ารู้ ข้าก็จะบอกเจ้า" โ
มุมปากของโม่จุนกระตุก เขาเปิดหน้าต่างออกอย่างเชื่อฟังและกระโจนออกไปวันรุ่งขึ้น มู่จิ่วซีก็เริ่มงานอย่างไม่หยุดพัก อย่างแรกไปที่ศาลต้าหลี่เพื่อเยี่ยมเย่อู่เหิง บาดแผลของเย่อู่เหิงดีขึ้นมาแล้ว ก็แค่ไม่สามารถเดินไปไหนตามใจได้มู่จิ่วซีมองเขาทำท่าแยกคิ้วยิงฟันขณะใช้ไม้เท้าค้ำพยุงเดิน จากนั้นก็คิดประโยคหนึ่งขึ้นมาได้ว่า "แค่เดินก็ปวดไข่"ส่วนเย่อู่เหิงพอนึกได้ว่าตนเองเคยถูกมู่จิ่วซีเห็นตอนเปลือยเปล่า ใบหน้าหล่อเหลาก็ร้อนผ่าวพร้อมกับกับหน้าแดงอย่างมากเป็นครั้งคราวแต่ว่าตอนอยู่ด้วยกันกับมู่จิ่วซีเป็นเวลาที่เขามีความสุขที่สุด ไม่ว่าจะพูดเรื่องคดีหรือเรื่องงาน เขาล้วนพอใจมากทั้งนั้นแต่พอมู่จิ่วซีจากไป เขาก็เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยว เขาส่ายหัวให้กับตัวเองอีกครั้ง เขารู้ดีว่าเขาชอบมู่จิ่วซีเข้าแล้วแต่พอนึกถึงช่างว่างความต่างของฐานะคนทั้งสอง นึกถึงความเป็นยอดอัจฉริยะของมู่จิ่วซี เขาต่อให้มีใจอยากจะสู่ขอนางก็ยังรู้สึกว่าตนเองไม่คู่ควรเลยจริงๆแต่ว่าเขาช่วงนี้ก็คงจะไม่คิดเรื่องนี้มากนัก ถึงอย่างไรมู่จิ่วซีก็เพิ่งถูกถอนหมั้นไปไม่นาน แน่นอนว่าคงจะไม่คิดเรื่องการแต่งงาน ผนวกกับแคว้นเกาอวิ๋นตอน
ภายในแววตาของหวางชิวทอประกายมืดมนขึ้นมาในทันใด แน่นอนว่าเขานั้นได้ยิน"มู่จิ่วซี เจ้าเลิกเสแสร้งเถอะ เจ้ารีบฆ่าข้าเสียเถอะ เสียดายอาหารเปล่าๆ!" หวางชิวตะโกนด้วยโทสะ"หวางชิว เจ้าคือคนของแคว้นเป่ยจิ้น สำหรับแคว้นเป่ยจิ้นถือว่าเป็นบุคคลสำคัญ ข้าตอนนี้ยังไม่รู้ตัวตนแท้จริงของเจ้า แต่ข้าเชื่อว่าจะได้รู้ในเร็วๆ นี้" มุมปากของมู่จิ่วซีเผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป"มู่จิ่วซี หยุดก่อน เจ้าพูดเพ้อเจ้ออะไร! ข้าเป็นหัวหน้าของพวกไส้ศึก ข้าจะไปมีตัวตนอะไรได้อีก เจ้ามันพูดเพ้อเจ้อ!" หวางชิวทันใดนั้นก็กระวนกระวายตื่นเต้นขึ้นมามู่จิ่วซีก็หันกลับมาพูด : "หวางชิว เจ้าคิดจริงหรือว่าจับเจ้าคนเดียวจะเพียงพอแล้ว? พวกเราจับมาตั้งหลายคนแล้ว ยังไงก็ต้องมีสักคนรู้เรื่องของเจ้า มีคนบอกแล้วว่าเจ้าคือบุคคลสำคัญของแคว้นเป่ยจิ้น ดูเหมือนว่าจะพูดไม่ผิดจริงๆ""ใคร? เขามันบังอาจมาพูดไร้สาระ!" หวางชิวกล่าวอย่างเดือดดาล "ข้าไม่ใช่คนของแคว้นเป่ยจิ้น มู่จิ่วซี ถ้าเจ้ากล้าก็ฆ่าข้าเลยสิ!""ขอโทษที ข้าไม่กล้า อีกอย่างข้าอยากจะเอาเจ้าไปแลกกับของบางอย่างจากแคว้นเป่ยจิ้นมากกว่า" มู่จิ่วซีพูดจบก็กล่
ในจวนอ๋องสามได้เงียบร้างมาโดยตลอด มู่จิ่วซีรู้สึกดูหมิ่นเล็กน้อย ถึงอย่างไรพระพันปีหลวงก็ปฏิบัติกับพวกเขาไม่เลว อีกทั้งยังให้เงินไม่น้อยอีกด้วย แต่ต้องแสร้งทำอย่างกับจะเป็นจะตายและน่าสงสารเวทนาด้วยงั้นหรอ?บ่าวรับใช้ไม่กี่คนกับองครักษ์ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์รอบนอกที่เฝ้าท่านอ๋องสามก็ล้วนใช้เงินของราชวงศ์ ดังนั้นสำหรับพวกเขาแล้ว ชีวิตแทบจะสบายอย่างมากพอมาถึงห้องของเซียวหลิงเย่ว์ ก็เห็นเซียวหลิงเย่ว์พิงอยู่ตรงหัวเตียง ใบหน้ายังคงค่อนข้างซีดขาว แต่ว่าแววตากลับคมกริบอย่างมาก"มู่จิ่วซี เจ้ามาทำอะไร?" เซียวหลิงเย่ว์ทำสีหน้าไม่ดีใส่มู่จิ่วซี แม้ว่าครั้งนี้มู่จิ่วซีจะช่วยนางเอาไว้ แต่นางกลับพูดต่อหน้าโม่จุนว่าไม่ใช่นาง ในใจของนางโกรธแค้นมากมาตลอด อีกอย่างโม่จุนก็ไม่ได้มาเยี่ยมนางอีกเลย"ก็มาเยี่ยมดูบาดแผลของพระชายาสามว่าเป็นอย่างไรบ้างแล้วไง?" มู่จิ่วซีกล่าว "เอ๋ ไม่ใช่บอกว่าองค์หญิงสือได้เข้ามาอยู่ในจวนอ๋องสามแล้วหรอกเหรอ? ทำไมไม่เห็นเลยล่ะ?""องค์หญิงสือกับท่านอ๋องสามเล่นหมากรุกกันอยาก" ชิวจวี๋ที่อยู่ข้างๆ ตอบ"หรอ?" มู่จิ่วซียิ้มขึ้นมา "ดีมาก ท่านอ๋องสามก็คงเบื่อและเหงา พระชายาสามอ
"เจ้าเองตอนนั้นไม่รู้สึกหรอ? หรือว่าตอนนั้นไม่ได้เล็งไปที่หัวใจของเจ้า? ไม่ได้เล็งมาที่จุดตาย?" มู่จิ่วซีเหลือจะเชื่อเลยจริงๆ"ตอนนั้นศัตรูลงมือรวดเร็วมาก กระโจนเข้ามาในทันควัน ข้าเห็นเพียงแสงสีเงินที่สะท้อนเล็งมาที่เอวของข้า แต่เนื่องด้วยความสามารถของข้าก็เลยเอี้ยวหลบนิดหน่อย เลยแทงมาที่ข้างเอว""ส่วนเอว งั้นก็ไม่แตกต่างกับตรงหัวใจ เลือดพอไหลก็จะไหลจนแห้งหมดตัว ดาบลงลึกขนาดนั้น เห็นได้ชัดว่าต้องการเอาชีวิตเจ้า เห็นคนที่ลงมือชัดไหม?"มู่จิ่วซีในที่สุดก็เข้าใจ ฝ่ายตรงข้ามต้องการเอาชีวิตเซียวหลิงเย่ว์แววตาของเซียวหลิงเย่ว์ซับซ้อนมาก แฝงไปด้วยร่องรอยของความหวาดผวา จากนั้นก็ส่ายหัวกล่าว : "ข้าไม่รู้ เป็นแค่ชายคลุมปิดใบหน้าคนหนึ่ง""เซียวหลิงเย่ว์ เจ้ามันทำผิดก็ยังไม่รู้ตัวว่าผิด เจ้ามันไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ข้ากำลังช่วยเจ้าอยู่นะ!" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เจ้า เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง" เซียวหลิงเย่ว์ชะเง้อคอออกมาราวกับต้องการทราบความจริง"เจ้าเมื่อคืนนั้นไปพบองค์ชายสามกับองค์หญิงสือของแคว้นซีเย่ว์ไม่ใช่หรือ? พอขากลับก็เจอเข้ากับนักฆ่า ไม่ใช่ว่าเป็นการสร้างกระแสหลังจากพวกเ
มู่จิ่วซีพาเย่ฮานและชิงเฟิงไปที่หอโม่ช่างเหวิน พอเห็นว่าไป๋ชิงและไป๋เฟิ่งหว่านกำลังยุ่งอยู่ นางก็เผยยิ้มตรงปากขึ้นมานางรู้ว่าการลากสองพี่น้องนี้เข้ามาจะต้องเป็นเรื่องที่ถูกต้องหอโม่ช่างเหวินช่วงไม่กี่วันนี้กำลังก่อสร้างตกแต่ง ส่วนความเห็นของมู่จิ่วซีก็ได้บอกกับไป๋ชิงไปแล้ว ดังนั้นไป๋ชิงก็ช่วยนางดูแลจัดการอย่างเป็นระบบขั้นตอนมากส่วนไป๋เฟิ่งหว่านก็สนใจในร้านชานมมาก นางทำชานมด้วยตัวเองและรู้สึกภูมิใจอย่างเต็มเปี่ยม ใบหน้าของนางเมื่อก่อนมักจะยโสโอหังอยู่ตลอด แต่ตอนนี้กลับประดับด้วยรอยยิ้มของสาววัยเยาว์ ราวกับว่าหาความสุขในชีวิตจนเจอมู่จิ่วซีพอเห็นก็ปลื้มปิติยินดีอย่างมาก แต่ว่าคุณหนูของจวนอัครมหาเสนาบดีทั้งสองท่านออกมาเผยโฉมต่อสาธารณะชนแบบนี้ นางถือว่ามีความผิดไหม?แต่ทว่าเห็นได้ชัดว่านางคิดมากเกินไป พอมีมู่จิ่วซีอย่างนางซึ่งเป็นแบบอย่างของคุณหนูใหญ่ หญิงสาวคนอื่นพอทำตามก็ไม่ได้เรียกว่าแปลกแยก"มู่จิ่วซี!" ไป๋ชิงอยู่ตรงชั้นสองเห็นมู่จิ่วซีมาถึง ทันใดนั้นก็ดีใจจนตะโกนเรียกและหันหลังวิ่งลงมาชั้นล่าง"ไป๋ชิง เจ้าช่างมีความสามารถ หลังจากนี้ชายใดได้แต่งงานกับเจ้าถือว่าเป็นบุญวาสนามาก
นางรู้ว่านางไม่มีเวลาจัดการ แต่ว่านางค่อนข้างวางใจกับคนพวกนี้"ต้องการคนคุ้มกันบางส่วนด้วย จิ่วซี ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาข้าพบว่ามีคนอยู่ระแวกรอบ ๆ เอาแต่มองมาทางด้านนี้" ไป๋ชิงขมวดคิ้วกล่าวมู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยนไปและพูดขึ้นมา : "เป็นใครพอรู้ไหม?""อาจจะเป็นคนสายอาชีพเดียวกัน" ไป๋ชิงส่ายหัวและกล่าว "และก็อาจไม่ใช่ ทุกวันจะมาให้เห็น วันนี้ยังไม่เห็นเลย ปกติจะมาเดินดูก่อนเที่ยง""มาคนเดียวหรอ?" มู่จิ่วซีหรี่ตาลงและกล่าว"ไม่ ทุกครั้งจะมากัน 2-3 คน อีกอย่างจากที่ข้าเห็นก็ไม่น่าใช่คนธรรมดา เหมือนกับว่าจะเป็นวรยุทธด้วย" ไป๋ชิงเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมามู่จิ่วซีพยักหน้าและกล่าว : "อย่ากังวล ข้าจะรีบส่งองครักษ์บางส่วนมา" จากนั้นนางก็เรียกชิงเฟิงให้เข้ามาหา ให้เขาไปพาคนของทหารมังกรดำมาให้ 4 คนแน่นอนว่านี่เป็นเพียงแผนถ่วงเวลา จากนี้ยังต้องจ้างอีกบางส่วนมาคอยคุ้มกันเรือนหลังจากนั้น มู่จิ่วซีก็เดินเข้าไปในห้องครัว และเริ่มสอนการทำอาหารให้กับคนครัว เช่นไก่ผัดพิทักษ์วัง ไก่ผัดพริก ปีกไก่ย่างและอาหารที่ค่อนข้างทำง่ายอื่น ๆ ให้พวกเขาได้เรียนรู้ก่อน (ไก่ผัดพิทักษ์วัง เป็นหนึ่งในเมนูตำหรับเสชวนท
เย่ฮานกลัวจนนิ่งค้างไป พอเห็นอู๋ถงซึ่งโชกไปด้วยเลือดทั้งตัวก็รู้สึกว่าทำเกินไปจริงๆ อีกทั้งนี่มันเท่ากับการตบหน้าคุณหนูใหญ่ตรงๆรู้อยู่ชัดๆ ว่าร้านชานมนี้เป็นของคุณหนูใหญ่มู่ อู๋ถงเองก็เป็นคนของคุณหนูใหญ่ นึกไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าลงโทษอย่างรุนแรงก่อนที่คุณหนูใหญ่จะมาถึง เย่ฮานรู้สึกว่าคนที่ลงโทษคงเบื่อที่จะทนมีชีวิตอยู่แล้วสินะเขารีบปล่อยอู๋ถงลงมา ด้านนอกก็มีเจ้าหน้าที่หลายคนกรูกันเข้ามา พอพวกเขาเห็นมู่จิ่วซีกำลังคลุ้มคลั่งก็ตกใจจนหน้าซีดขาว พร้อมกับรีบช่วยเย่ฮานหามอู๋ถงเอาไปไว้บนกระดานไม้ข้างๆ"เย่ฮาน ไปจับไอพวกเจ้าหน้าที่ชาติหมาออกมาให้ข้า!" มู่จิ่วซีโกรธจัดจนหน้าแดงขึ้นมา"คุณหนูใหญ่มู่ ตอนนี้กระทรวงราชทัณฑ์เป็นใต้เท้าสวีสั่งการขอรับ" มีบางคนคุกเข่าลงในทันทีและพูดกับมู่จิ่วซี"ใต้เท้าสวี? เป็นใคร?" มู่จิ่วซีถาม"รองเสนาบดีกระทรวงราชทัณฑ์สวีซานเหอขอรับ เพราะเรื่องในจวนของเลขาธิการใตเท้าฉีหู่ซาน ช่วงนี้เขาเลยไม่ได้มาที่กระทรวงราชทัณฑ์ ทั้งหมดเลยมอบให้ใต้เท้าสวีตัดสินใจขอรับ""สวีซานเหอ งั้นเป็นเขาใช่ไหมที่ออกคำสั่งให้เฆี่ยนตีอู๋ถง?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้วกล่าว"ขอรับ ใช่ขอรับ" บรรดาเ