มุมปากของโม่จุนกระตุก เขาเปิดหน้าต่างออกอย่างเชื่อฟังและกระโจนออกไปวันรุ่งขึ้น มู่จิ่วซีก็เริ่มงานอย่างไม่หยุดพัก อย่างแรกไปที่ศาลต้าหลี่เพื่อเยี่ยมเย่อู่เหิง บาดแผลของเย่อู่เหิงดีขึ้นมาแล้ว ก็แค่ไม่สามารถเดินไปไหนตามใจได้มู่จิ่วซีมองเขาทำท่าแยกคิ้วยิงฟันขณะใช้ไม้เท้าค้ำพยุงเดิน จากนั้นก็คิดประโยคหนึ่งขึ้นมาได้ว่า "แค่เดินก็ปวดไข่"ส่วนเย่อู่เหิงพอนึกได้ว่าตนเองเคยถูกมู่จิ่วซีเห็นตอนเปลือยเปล่า ใบหน้าหล่อเหลาก็ร้อนผ่าวพร้อมกับกับหน้าแดงอย่างมากเป็นครั้งคราวแต่ว่าตอนอยู่ด้วยกันกับมู่จิ่วซีเป็นเวลาที่เขามีความสุขที่สุด ไม่ว่าจะพูดเรื่องคดีหรือเรื่องงาน เขาล้วนพอใจมากทั้งนั้นแต่พอมู่จิ่วซีจากไป เขาก็เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยว เขาส่ายหัวให้กับตัวเองอีกครั้ง เขารู้ดีว่าเขาชอบมู่จิ่วซีเข้าแล้วแต่พอนึกถึงช่างว่างความต่างของฐานะคนทั้งสอง นึกถึงความเป็นยอดอัจฉริยะของมู่จิ่วซี เขาต่อให้มีใจอยากจะสู่ขอนางก็ยังรู้สึกว่าตนเองไม่คู่ควรเลยจริงๆแต่ว่าเขาช่วงนี้ก็คงจะไม่คิดเรื่องนี้มากนัก ถึงอย่างไรมู่จิ่วซีก็เพิ่งถูกถอนหมั้นไปไม่นาน แน่นอนว่าคงจะไม่คิดเรื่องการแต่งงาน ผนวกกับแคว้นเกาอวิ๋นตอน
ภายในแววตาของหวางชิวทอประกายมืดมนขึ้นมาในทันใด แน่นอนว่าเขานั้นได้ยิน"มู่จิ่วซี เจ้าเลิกเสแสร้งเถอะ เจ้ารีบฆ่าข้าเสียเถอะ เสียดายอาหารเปล่าๆ!" หวางชิวตะโกนด้วยโทสะ"หวางชิว เจ้าคือคนของแคว้นเป่ยจิ้น สำหรับแคว้นเป่ยจิ้นถือว่าเป็นบุคคลสำคัญ ข้าตอนนี้ยังไม่รู้ตัวตนแท้จริงของเจ้า แต่ข้าเชื่อว่าจะได้รู้ในเร็วๆ นี้" มุมปากของมู่จิ่วซีเผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป"มู่จิ่วซี หยุดก่อน เจ้าพูดเพ้อเจ้ออะไร! ข้าเป็นหัวหน้าของพวกไส้ศึก ข้าจะไปมีตัวตนอะไรได้อีก เจ้ามันพูดเพ้อเจ้อ!" หวางชิวทันใดนั้นก็กระวนกระวายตื่นเต้นขึ้นมามู่จิ่วซีก็หันกลับมาพูด : "หวางชิว เจ้าคิดจริงหรือว่าจับเจ้าคนเดียวจะเพียงพอแล้ว? พวกเราจับมาตั้งหลายคนแล้ว ยังไงก็ต้องมีสักคนรู้เรื่องของเจ้า มีคนบอกแล้วว่าเจ้าคือบุคคลสำคัญของแคว้นเป่ยจิ้น ดูเหมือนว่าจะพูดไม่ผิดจริงๆ""ใคร? เขามันบังอาจมาพูดไร้สาระ!" หวางชิวกล่าวอย่างเดือดดาล "ข้าไม่ใช่คนของแคว้นเป่ยจิ้น มู่จิ่วซี ถ้าเจ้ากล้าก็ฆ่าข้าเลยสิ!""ขอโทษที ข้าไม่กล้า อีกอย่างข้าอยากจะเอาเจ้าไปแลกกับของบางอย่างจากแคว้นเป่ยจิ้นมากกว่า" มู่จิ่วซีพูดจบก็กล่
ในจวนอ๋องสามได้เงียบร้างมาโดยตลอด มู่จิ่วซีรู้สึกดูหมิ่นเล็กน้อย ถึงอย่างไรพระพันปีหลวงก็ปฏิบัติกับพวกเขาไม่เลว อีกทั้งยังให้เงินไม่น้อยอีกด้วย แต่ต้องแสร้งทำอย่างกับจะเป็นจะตายและน่าสงสารเวทนาด้วยงั้นหรอ?บ่าวรับใช้ไม่กี่คนกับองครักษ์ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์รอบนอกที่เฝ้าท่านอ๋องสามก็ล้วนใช้เงินของราชวงศ์ ดังนั้นสำหรับพวกเขาแล้ว ชีวิตแทบจะสบายอย่างมากพอมาถึงห้องของเซียวหลิงเย่ว์ ก็เห็นเซียวหลิงเย่ว์พิงอยู่ตรงหัวเตียง ใบหน้ายังคงค่อนข้างซีดขาว แต่ว่าแววตากลับคมกริบอย่างมาก"มู่จิ่วซี เจ้ามาทำอะไร?" เซียวหลิงเย่ว์ทำสีหน้าไม่ดีใส่มู่จิ่วซี แม้ว่าครั้งนี้มู่จิ่วซีจะช่วยนางเอาไว้ แต่นางกลับพูดต่อหน้าโม่จุนว่าไม่ใช่นาง ในใจของนางโกรธแค้นมากมาตลอด อีกอย่างโม่จุนก็ไม่ได้มาเยี่ยมนางอีกเลย"ก็มาเยี่ยมดูบาดแผลของพระชายาสามว่าเป็นอย่างไรบ้างแล้วไง?" มู่จิ่วซีกล่าว "เอ๋ ไม่ใช่บอกว่าองค์หญิงสือได้เข้ามาอยู่ในจวนอ๋องสามแล้วหรอกเหรอ? ทำไมไม่เห็นเลยล่ะ?""องค์หญิงสือกับท่านอ๋องสามเล่นหมากรุกกันอยาก" ชิวจวี๋ที่อยู่ข้างๆ ตอบ"หรอ?" มู่จิ่วซียิ้มขึ้นมา "ดีมาก ท่านอ๋องสามก็คงเบื่อและเหงา พระชายาสามอ
"เจ้าเองตอนนั้นไม่รู้สึกหรอ? หรือว่าตอนนั้นไม่ได้เล็งไปที่หัวใจของเจ้า? ไม่ได้เล็งมาที่จุดตาย?" มู่จิ่วซีเหลือจะเชื่อเลยจริงๆ"ตอนนั้นศัตรูลงมือรวดเร็วมาก กระโจนเข้ามาในทันควัน ข้าเห็นเพียงแสงสีเงินที่สะท้อนเล็งมาที่เอวของข้า แต่เนื่องด้วยความสามารถของข้าก็เลยเอี้ยวหลบนิดหน่อย เลยแทงมาที่ข้างเอว""ส่วนเอว งั้นก็ไม่แตกต่างกับตรงหัวใจ เลือดพอไหลก็จะไหลจนแห้งหมดตัว ดาบลงลึกขนาดนั้น เห็นได้ชัดว่าต้องการเอาชีวิตเจ้า เห็นคนที่ลงมือชัดไหม?"มู่จิ่วซีในที่สุดก็เข้าใจ ฝ่ายตรงข้ามต้องการเอาชีวิตเซียวหลิงเย่ว์แววตาของเซียวหลิงเย่ว์ซับซ้อนมาก แฝงไปด้วยร่องรอยของความหวาดผวา จากนั้นก็ส่ายหัวกล่าว : "ข้าไม่รู้ เป็นแค่ชายคลุมปิดใบหน้าคนหนึ่ง""เซียวหลิงเย่ว์ เจ้ามันทำผิดก็ยังไม่รู้ตัวว่าผิด เจ้ามันไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ข้ากำลังช่วยเจ้าอยู่นะ!" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เจ้า เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง" เซียวหลิงเย่ว์ชะเง้อคอออกมาราวกับต้องการทราบความจริง"เจ้าเมื่อคืนนั้นไปพบองค์ชายสามกับองค์หญิงสือของแคว้นซีเย่ว์ไม่ใช่หรือ? พอขากลับก็เจอเข้ากับนักฆ่า ไม่ใช่ว่าเป็นการสร้างกระแสหลังจากพวกเ
มู่จิ่วซีพาเย่ฮานและชิงเฟิงไปที่หอโม่ช่างเหวิน พอเห็นว่าไป๋ชิงและไป๋เฟิ่งหว่านกำลังยุ่งอยู่ นางก็เผยยิ้มตรงปากขึ้นมานางรู้ว่าการลากสองพี่น้องนี้เข้ามาจะต้องเป็นเรื่องที่ถูกต้องหอโม่ช่างเหวินช่วงไม่กี่วันนี้กำลังก่อสร้างตกแต่ง ส่วนความเห็นของมู่จิ่วซีก็ได้บอกกับไป๋ชิงไปแล้ว ดังนั้นไป๋ชิงก็ช่วยนางดูแลจัดการอย่างเป็นระบบขั้นตอนมากส่วนไป๋เฟิ่งหว่านก็สนใจในร้านชานมมาก นางทำชานมด้วยตัวเองและรู้สึกภูมิใจอย่างเต็มเปี่ยม ใบหน้าของนางเมื่อก่อนมักจะยโสโอหังอยู่ตลอด แต่ตอนนี้กลับประดับด้วยรอยยิ้มของสาววัยเยาว์ ราวกับว่าหาความสุขในชีวิตจนเจอมู่จิ่วซีพอเห็นก็ปลื้มปิติยินดีอย่างมาก แต่ว่าคุณหนูของจวนอัครมหาเสนาบดีทั้งสองท่านออกมาเผยโฉมต่อสาธารณะชนแบบนี้ นางถือว่ามีความผิดไหม?แต่ทว่าเห็นได้ชัดว่านางคิดมากเกินไป พอมีมู่จิ่วซีอย่างนางซึ่งเป็นแบบอย่างของคุณหนูใหญ่ หญิงสาวคนอื่นพอทำตามก็ไม่ได้เรียกว่าแปลกแยก"มู่จิ่วซี!" ไป๋ชิงอยู่ตรงชั้นสองเห็นมู่จิ่วซีมาถึง ทันใดนั้นก็ดีใจจนตะโกนเรียกและหันหลังวิ่งลงมาชั้นล่าง"ไป๋ชิง เจ้าช่างมีความสามารถ หลังจากนี้ชายใดได้แต่งงานกับเจ้าถือว่าเป็นบุญวาสนามาก
นางรู้ว่านางไม่มีเวลาจัดการ แต่ว่านางค่อนข้างวางใจกับคนพวกนี้"ต้องการคนคุ้มกันบางส่วนด้วย จิ่วซี ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาข้าพบว่ามีคนอยู่ระแวกรอบ ๆ เอาแต่มองมาทางด้านนี้" ไป๋ชิงขมวดคิ้วกล่าวมู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยนไปและพูดขึ้นมา : "เป็นใครพอรู้ไหม?""อาจจะเป็นคนสายอาชีพเดียวกัน" ไป๋ชิงส่ายหัวและกล่าว "และก็อาจไม่ใช่ ทุกวันจะมาให้เห็น วันนี้ยังไม่เห็นเลย ปกติจะมาเดินดูก่อนเที่ยง""มาคนเดียวหรอ?" มู่จิ่วซีหรี่ตาลงและกล่าว"ไม่ ทุกครั้งจะมากัน 2-3 คน อีกอย่างจากที่ข้าเห็นก็ไม่น่าใช่คนธรรมดา เหมือนกับว่าจะเป็นวรยุทธด้วย" ไป๋ชิงเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมามู่จิ่วซีพยักหน้าและกล่าว : "อย่ากังวล ข้าจะรีบส่งองครักษ์บางส่วนมา" จากนั้นนางก็เรียกชิงเฟิงให้เข้ามาหา ให้เขาไปพาคนของทหารมังกรดำมาให้ 4 คนแน่นอนว่านี่เป็นเพียงแผนถ่วงเวลา จากนี้ยังต้องจ้างอีกบางส่วนมาคอยคุ้มกันเรือนหลังจากนั้น มู่จิ่วซีก็เดินเข้าไปในห้องครัว และเริ่มสอนการทำอาหารให้กับคนครัว เช่นไก่ผัดพิทักษ์วัง ไก่ผัดพริก ปีกไก่ย่างและอาหารที่ค่อนข้างทำง่ายอื่น ๆ ให้พวกเขาได้เรียนรู้ก่อน (ไก่ผัดพิทักษ์วัง เป็นหนึ่งในเมนูตำหรับเสชวนท
เย่ฮานกลัวจนนิ่งค้างไป พอเห็นอู๋ถงซึ่งโชกไปด้วยเลือดทั้งตัวก็รู้สึกว่าทำเกินไปจริงๆ อีกทั้งนี่มันเท่ากับการตบหน้าคุณหนูใหญ่ตรงๆรู้อยู่ชัดๆ ว่าร้านชานมนี้เป็นของคุณหนูใหญ่มู่ อู๋ถงเองก็เป็นคนของคุณหนูใหญ่ นึกไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าลงโทษอย่างรุนแรงก่อนที่คุณหนูใหญ่จะมาถึง เย่ฮานรู้สึกว่าคนที่ลงโทษคงเบื่อที่จะทนมีชีวิตอยู่แล้วสินะเขารีบปล่อยอู๋ถงลงมา ด้านนอกก็มีเจ้าหน้าที่หลายคนกรูกันเข้ามา พอพวกเขาเห็นมู่จิ่วซีกำลังคลุ้มคลั่งก็ตกใจจนหน้าซีดขาว พร้อมกับรีบช่วยเย่ฮานหามอู๋ถงเอาไปไว้บนกระดานไม้ข้างๆ"เย่ฮาน ไปจับไอพวกเจ้าหน้าที่ชาติหมาออกมาให้ข้า!" มู่จิ่วซีโกรธจัดจนหน้าแดงขึ้นมา"คุณหนูใหญ่มู่ ตอนนี้กระทรวงราชทัณฑ์เป็นใต้เท้าสวีสั่งการขอรับ" มีบางคนคุกเข่าลงในทันทีและพูดกับมู่จิ่วซี"ใต้เท้าสวี? เป็นใคร?" มู่จิ่วซีถาม"รองเสนาบดีกระทรวงราชทัณฑ์สวีซานเหอขอรับ เพราะเรื่องในจวนของเลขาธิการใตเท้าฉีหู่ซาน ช่วงนี้เขาเลยไม่ได้มาที่กระทรวงราชทัณฑ์ ทั้งหมดเลยมอบให้ใต้เท้าสวีตัดสินใจขอรับ""สวีซานเหอ งั้นเป็นเขาใช่ไหมที่ออกคำสั่งให้เฆี่ยนตีอู๋ถง?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้วกล่าว"ขอรับ ใช่ขอรับ" บรรดาเ
ขุนนางฝ่ายชันสูตรพอเห็นเทคนิคของมู่จิ่วซี ในใจก็รู้สึกชื่นชม นางจัดการบาดแผลทั้งเร็วและดีเยี่ยม อีกทั้งยังใส่ใจระมัดระวังมากเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ หลังจากห่มผ้าผืนสะอาดให้กับอู๋ถง มู่จิ่วซีก็ฝังเข็มลงไปท่ามกลางผู้คนจากนั้นภายใต้สายของทุกคน อู๋ถงก็ค่อยๆ ฟื้นได้สติขึ้นมา"อู๋ถง อู๋ถง..." มู่จิ่วซีเรียกเขาเบาๆอู๋ถงหลังจากสะลึมสะลืออยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็ลืมตาตื่นตาขึ้นมา จากนั้นความเจ็บปวดทั่วร่างก็ทำให้เขาโอดครวญขึ้นมาในทันที ทั้งใบหน้าขมวดแน่น"คุณหนูใหญ่..." อู๋ถงเห็นแววตากังวลและเจ็บใจบนใบหน้าอันงดงามตรงหน้าเขาอย่างชัดเจน ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดนั้นน้อยลงไปมาก"อู๋ถง ข้าขอโทษที่เจ้าต้องมาทนลำบากมากขนาดนี้" เสียงของมู่จิ่วซีแหบพร่าขึ้นมาเล็กน้อย เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าพุ่งเป้ามาที่มู่จิ่วซี แต่กลับลากอู๋ถงผู้บริสุทธิ์ให้มาเกี่ยวข้อง"คุณหนูใหญ่ ข้า ข้าไม่เป็นไร" อู๋ถงรีบกล่าวขึ้นมา สีหน้าวิตกกังวลเล็กน้อย ถึงอย่างไรมู่จิ่วซีก็ขอโทษเขาแล้ว เขาเป็นแค่บ่าวรับใช้คงทนรับคำขอโทษไว้ไม่ได้"จัดการเสร็จบาดแผลให้เสร็จแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล ใครที่ทำร้ายเจ้า ข้าจะสนองคืนให้
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่