แต่เขาเข้าใจมู่จิ่วซี มู่จิ่วซีไม่ได้ดูถูกหลอกเขา"เอาล่ะ เจ้าจัดการดูเอาเองแล้วกัน ตอนนี้เจ้าบอกมาก่อนว่าจะเข้าไปพบท่านอ๋องสี่ยังไง" มู่จิ่วซียักไหล่แล้วยิ้มกล่าว"จิ่วซี ข้าพบว่าเจ้าไม่เสียดายความแข่งแกร่งของข้า แต่เสียดายความแข็งแกร่งของโม่จุน" ฮั้วอวิ๋นเทียนถามเปลี่ยนเรื่องมู่จิ่วซีก็เข้าใจทันทีว่าเขาคิดอะไรและหัวเราะขึ้นมาเสียงก้องพร้อมกับกล่าว : "นิสัยอารมณ์ของเจ้าดีกว่าผู้ชายชาติหมาคนนั้นตั้งเยอะ อีกอย่างเจ้าพูดใช้เหตุผล ข้าชอบจะแลกเปลี่ยนความคิดกับคนมีเหตุผล""เป็นเกียรติอย่างมาก" ฮั้วอวิ๋นเทียนทันใดนั้นก็รู้สึกเป็นสุขในใจ เหมือนกับว่าในบางความหมาย อันที่จริงก็เพราะว่านางนั้นเชื่อใจเขา"คืนนี้ท่านอ๋องสี่ได้เลือกสาวงามอายุน้อยจากแคว้นอื่นซึ่งตระกูลพ่อค้าร่ำรวยได้เลือกมาให้ เพื่อมอบให้กับข้าราชการผู้สูงศักดิ์ระดับสูงในพระนคร ใครให้ราคาสูงคนนั้นก็ได้ไป" ฮั้วอวิ๋นเทียนเริ่มพูดเข้าประเด็นมู่จิ่วซีก็นิ่งไปพร้อมกับกล่าว : "ไม่คาดคิดว่าท่านอ๋องสี่จะทำเรื่องแบบนี้? แบบนี้ไม่ใช่ว่าเป็นการส่งคนเข้าไปยังจวนข้าราชการต่างๆ หรอกเหรอ?" ดวงตาของมู่จิ่วซีหดเล็กลง แบบนี้มันจะโจ่งแจ้งเกินไ
มู่จิ่วซีเห็นคนคุ้นหน้าคนนั้นเป็นใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีไป๋ชินเตี่ยน เป็นลุงไป๋ของนางเองในใจก็คิดว่าลุงไป๋ทำใจได้เร็วขนาดนี้เลยงั้นเหรอ ?หรือจะบอกว่าลุงไป๋ชอบกิจกรรมพวกนี้ เพราะถึงอย่างไรจ้วงชิงเหมยก็มาจากหอนางโลมยังดีที่นางตอนนี้ได้สวมหมวกสีขาวปีกกว้างและผ้าคลุมหน้าสีขาว นางเองก็อยู่ในชุดของผู้ชาย ผนวกกับนางมีบุคลิกห่าม ๆ เสียงเองก็เปลี่ยน แน่นอนว่าไม่มีใครจำนางว่าเป็นมู่จิ่วซีได้แน่เพราะพอเห็นไป๋ชินเตี่ยนเข้า มู่จิ่วซีก็ยิ่งสนใจมากขึ้นจากนั้นนางก็เห็นใต้เท้ากู้ของกระทรวงครัวเรือน เมื่อก่อนถูกไส้ศึกแคว้นเป่ยจิ้นลอบสังหาร แต่ว่าไม่สำเร็จ เลยทำให้เปิดโปงเรื่องของจินเป้ยออกมาแล้วก็ยังมีจองหงวนราชสำนักอีกหลายคน ทุกคนต่วงล้วนรู้จักกันอีกทั้งยังทักทายกัน แต่ว่าก็ยังมีบางคนที่สวมหมวกปีกกว้างเหมือนกับพวกเขา"คุณชายถัง ท่านนี้คือ?" บ่าวรับใช้ตรงหน้าประตูพอเห็นฮั้วอวิ๋นเทียนก็เชิญอย่างสนิทสนมเหมือนเมื่อก่อนและหันไปมองมู่จิ่วซี"ท่านนี้คือน้องชายข้าเอง เจ้าเรียกเขาคุณชายจิ่วก็ได้" ฮั้วอวิ๋นเทียนกล่าว"ได้ขอรับ คุณชายถัง คุณชายจิ่วเชิญขอรับ" บ่าวรับใช้หยิบแท่งเงินตำลึงของฮั้วอวิ๋นเที
"ข้าเองล้วนสนใจในหญิงงาม แค่ไม่ทราบว่าจะจ่ายไหวหรือไม่" มู่จิ่วซีก็พูดออกมา"คุณชายจิ่วหากสนใจ ข้ามอบสาวงามให้คุณชายจิ่วคนหนึ่งก็ได้" ฮั้วอวิ๋นเทียนหยอกล้อมู่จิ่วซี"หากพูดจริง งั้นน้องชายอย่างข้าก็ขอไม่เกรงล่ะนะ ซื้อสาวงามมาไว้ข้างกายสักคนสิ แค่เป็นอาหารตาอาหารใจก็ดีมากแล้ว ฮิๆ"คำพูดของมู่จิ่วซีทำให้ฮั้วอวิ๋นเทียนพ่ายแพ้ในทันทีผู้หญิงคนนี้ไม่ได้คิดว่าตัวนางเองเป็นผู้หญิงแล้วทันใดนั้น ด้านในก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น จากนั้นชายในชุดคลุมยาวหรูหราพร้อมกับสวมมงกุฎหยกบนหัวก็ได้เดินออกมาใบหน้าหล่อเหลานั้นได้เผยรอยยิ้มและแววตาสีดำอันอบอุ่นทั้งสองข้าง ภายใต้แสงไฟสลัวๆ มองไปแล้วก็ดูเป็นมิตรและใจดีขณะเดียวก็เหมือนกับเกิดมาพร้อมกับบรรยากาศสูงศักดิ์ ล้วนมีท่วงท่าอิริยาบถดั่งผู้ดี"ถวายบังคมท่านอ๋องสี่" ทุกคนพอเห็นท่านอ๋องสี่โม่อี้ซิวออกมา ต่างก็ทยอยกันลุกขึ้นมาถวายบังคม"ทุกคนไม่ต้องเกรงใจ วันนี้เราจะคุยกันแต่เรื่องครื้นเครง ไม่คุยเรื่องอื่นกัน ข้ารู้ว่าทุกท่านชอบสาวงาม เลยอุตส่าห์เรียกคนให้ไปรวบรวมสาวงามจากทุกแคว้นมาให้ทุกท่านได้เชยชม สาวงามอายุน้อยสุดคือ 15 ปี มากสุดคือ 19 ปี ทั้งหมดล
สายตาของทุกคนหันไปมองทางเดินข้างๆ ท่านอ๋องสี่ ก็เห็นหญิงสาวสวมผ้าคลุมหน้าพร้อมกับสวมชุดกระโปรงสีกระเรียนเหลืองค่อยๆ เดินออกมาจากตรงพรมแดงรูปร่างเพรียวบางและละเอียดอ่อน แต่ทว่าตรงส่วนที่ควรใหญ่ก็ใหญ่จริงๆ เอวของนางเล็กบางอย่างมาก ดูไปแล้วเหมือนสาวงามนุ่มนวล"หญิงงามหมายเลขหนึ่งมีนามว่าลู่ลู่ เป็นหญิงงามของแคว้นตงเฉิน คุณชายท่านใหนชอบก็เสนอราคามาได้เลย" ด้านหลังท่านอ๋องสี่มีสาวสวยคนหนึ่งคล้ายแม่เล้าเดินออกมา มู่จิ่วซีหดสายตาเล็กลง นี่คือพี่หญิงหงของหอหล่านจวี๋ไม่ใช่เหรอ?ทำไมถึงได้มาเป็นผู้จัดประมูลได้? ความสามารถในสายอาชีพจัดได้ว่าไม่เลวเลยมู่จิ่วซีเห็นป้ายตรงเอวของลู่ลู่ ด้านบนเขียนว่าทองคำ 1,000 ตำลึงให้ตายเถอะ ที่นี่ขายสาวงามคนหนึ่งแพงขนาดนั้นเลยหรอ เทียบกับนายโลมนางโลมในหอนางโลมกับหอหล่านจวี๋แพงกว่าอย่างมากแต่ว่าสินค้าก็แพงตามความหายาก นางเป็นถึงสาวงามของแคว้นตงเฉิน เดินทางมาตั้งไกล ไหนจะค่าม้า ค่ากิน ค่าอยู่ก็ต้องคิดรวมเข้าไปที่แท้ท่านอ๋องสี่ก็มีฝีมือในการทำธุรกิจ"รีบถอดผ้าคลุมหน้าออกสิ ทองตั้ง 1,000 ตำลึงเลยนะ อย่างน้อยก็ต้องเห็นหน้าสักหน่อยว่าคุ้มไม่คุ้ม" มีคนตะโกนข
ในใจของมู่จิ่วซีก็คิดว่าหากท่านอ๋องสี่เจตนาไม่ดีจริงๆ พวกผู้หญิงเหล่านี้พอเข้าไปยังเรือนในขององคมนตรีในราชสำนัก เขาก็เท่ากับได้เรือนในของทั้งแคว้นเกาอวิ๋นมาครอง เครือข่าวกรองที่แข็งแกร่งเช่นนี้น่ากลัวมากเสียจริงเพียงแต่ท่านอ๋องสี่จะทำแบบนั้นจริงๆ เหรอ? ผู้หญิงพวกนี้ล้วนฟังคำสั่งของท่านอ๋องสี่งั้นหรอ?นางต้องการหลักฐานความจริงแต่ต่อให้ไม่มี สัญชาตญาณของนางก็บอกว่าการซื้อขายนี้มีพิรุธอย่างมากท่านอ๋องสี่มีธุรกิจมากมายขนาดนี้ จำเป็นด้วยหรือที่ต้องมาดูแลคนพวกนี้ด้วยตัวเอง? เห็นได้ชัดว่ากำลังสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับข้าราชการชั้นสูงและเศรษฐีผู้สูงศักดิ์"จากนี้ไปจะเป็นคุณหนูเขอเข่อหมายเลขหก สาวงามจากแคว้นซีเย่ว์ มูลค่า 3,000 ตำลึงทอง" พี่หญิงหงยิ้มกล่าว "คุณชายจิ่ว คุณหนูเขอเข่อมีวรยุทธ สามารถหลอกล่อคุณชายจิ่วได้ด้วยนะ"ทุกคนทันใดนั้นก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมาและหันไปมองทางมู่จิ่วซี"จริงเหรอ? เร็วๆๆ รีบถอดผ้าคลุมหน้าให้เห็นหน่อย" มู่จิ่วซีพอเห็นคุณหนูเขอเข่อสวมชุดสีแดง รูปร่างผอมสูง ทรวดทรงดูร้อนแรงอย่างมาก อันที่จริงแค่เห็นก็เหมือนกับนางแบบประเภทนั้นแล้วพอผ้าคลุมหน้าค่อยเปิดออกจนใบหน้
มู่จิ่วซีในใจก็คิดว่าท่านอ๋องสี่ต้องการจะเอาเขอเข่อให้กับใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีอย่างชัดเจน นี่เป็นไปได้ว่าอาจจะเตรียมการไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วอีกทั้งเขอเข่อคนนี้อันที่จริงก็ไม่เหมือนกับหญิงสาวปกติคนอื่น มู่จิ่วซีพูดไม่ออกว่าเพราะอะไร แต่ใบหน้าที่เหมือนกับของอาจื่อถึงหกส่วนทำให้สัญชาตญาณของนางตระหนักได้ว่าที่นี่มีพิรุธให้ตายเถอะ คงไม่ใช่ว่าอาจื่อกับท่านอ๋องสี่มีความเกี่ยวข้องกันหรอกนะ?ความคิดที่ผุดขึ้นมาอย่างกระทันหันทำให้มู่จิ่วซีเองรู้สึกหวั่นเกรง เป็นความรู้สึกที่พอคิดแล้วก็หวาดกลัวบรรยากาศรอบตัวของฮั้วอวิ๋นเทียนล้วนเป็นความหนาวเย็น เหมือนกับว่าอุณหภูมิจะลดลงไปในทันที ทันใดนั้นก็เขียนลงไปในกระดาษว่า 10,000 ตำลึงทอง ทำเอามู่จิ่วซีเกือบจะตกใจจนโดดตัวลอยขึ้นมา"คุณชายถัง เจ้าตั้งใจจริงใช่ไหม ให้ราคาแพงขนาดนั้นเลยเหรอ? นี่มันเอาไปซื้อได้หลายคนเลยนะ" มู่จิ่วซีเขย่าไหล่ของฮั้วอวิ๋นเทียน"คุณชายจิ่ว ถ้าหากท่านไม่ชอบ งั้นข้าก็ขอเอาไว้เอง ขอเพียงข้าชอบ นับประสาอะไรกับแค่ทองคำ" ฮั้วอวิ๋นเทียนพูดกล่าวอย่างยโสโอหัง แต่ความเย็นเยือกในน้ำเสียงกลับสามารถฟังออกได้อย่างชัดเจน"ได้ๆๆ เจ้าชอบก
แต่นางเสียดาย แม้มู่จิ่วซีจะคิดเช่นนี้ แต่ท่านอ๋องสี่ไม่ได้คิดเช่นนั้น เขาพอเห็นคุณชายถังซื้อสาวงามไปสองคน ใบหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นอย่างมากเหมือนกับว่าสาวงามสองคนที่ถูกคุณชายถังซื้อไปกลับทำให้เขาไม่พอใจอย่างมากแต่เขาเป็นคนพูดเองว่าคนที่ให้ราคาสูงจะเป็นคนได้ไป อีกทั้งยังให้เสนอราคาได้อย่างเปิดกว้าง ดังนั้นแม้เขาจะเสียดายสาวงามทั้งสองคน แต่ก็ได้แต่จำใจขายออกไปมู่จิ่วซีเห็นว่าข้างกายของใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีไม่มีสาวงามเลยสักคน แต่เขากลับยังคงยิ้มแย้มและแสดงความยินดีกับทุกคน รวมถึงใต้เท้ากู้แห่งกระทรวงครัวเรือนก็ด้วย เขาเองก็ไม่มีสาวงาม นี่เลยทำให้มู่จิ่วซีปลื้มใจไม่มากก็น้อยข้าราชการราชสำนักจะมาทำตัวสับสนลามกไม่ได้ไม่นานนักทุกคนก็แยกย้ายกัน ฮั้วอวิ๋นเทียนหลังจากได้สัญญาทาสของสาวงามทั้งสองคน เขากับมู่จิ่วซีก็กลับทันทีแต่ว่าเขาไม่ได้กลับไปที่หอดาราจันทรา ทว่าฮั้วอวิ๋นเทียนกลับพาพวกนางไปยังเรือนเล็กอันเป็นเอกลักษณ์แห่งหนึ่งภายในเรือนเดิมทีมีคนอยู่แล้ว คงจะเป็นอสังหาหลังหนึ่งของฮั้วอวิ๋นเทียนฮั้วอวิ๋นเทียนได้ให้หญิงสาวสองคนได้เลือกห้องสำหรับพักผ่อนก่อน จากนั้นเขาก็ค่อยส่งมู่จิ่วซี
บนใบหน้าดุจปีศาจของฮั้วอวิ๋นเทียน ในดวงตาของเขาอันโฉบเฉี่ยวแฝงไปด้วยความไม่แน่ใจ ในหัวเหมือนกับนึกย้อนคิดอะไรบางอย่าง"งั้นเจ้าวางแผนจะทำอย่างไร?" มู่จิ่วซีถาม"ตอนนี้ดูแลพวกนางเป็นการชั่วคราวไปก่อนแล้วค่อยๆ คลี่คลายความจริง ตอนนี้ท่านอ๋องสี่ทำให้ข้าสนใจขึ้นมากจริงๆ" ฮั้วอวิ๋นเทียนยิ้มอย่างเย็นชาขึ้นมา"ไม่ใช่เรื่องดีแน่เลยใช่ไหม?" มู่จิ่วซีก็รีบกระพริบตากลมโตของนางปริบๆ และยิ้มกล่าวฮั้วอวิ๋นเทียนตลกกับมุขของนางและกล่าว : "ตอนนี้อันที่จริงข้ามีความรู้สึกแบบนั้น สาวงามพวกนี้ล้วนถูกฝึกอบรมมาอย่างดี อีกทั้งยังเป็นสาวงามของแต่ละแคว้น แล้วก็ยังผ่านการผ่าตัดเลียนแบบสาวงามคนอื่น นี่ถ้าหากเป็นห่วงโซ่ธุรกิจอย่างแท้จริง รับรองกำไรมหาศาลแน่""ไม่ใช่แค่กำไรมหาศาล แต่อาจสติฟั่นเฟือนด้วย ผู้หญิงพวกนี้มาจากไหนกัน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าแต่ละคนล้วนเป็นเด็กกำพร้า อีกอย่างแค่มองก็รู้ว่าไม่ได้ฝึกฝนกันมาแค่วันสองวัน แต่ละคนล้วนเชี่ยวชาญฉิน หมาก อักษร วาดภาพและร้องเต้น ซึ่งนั่นจะต้องทุ่มเทพยายามอย่างมากและเวลาในการฝึกฝน"มู่จิ่วซียิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าท่านอ๋องสี่น่าสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆการฝึกฝนหญิงสาวแบบ
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่