มู่จิ่วซีหลังจากตกตะลึงก็ยิ้มอย่างเขินอายและกล่าว: "ไม่ใช่แค่นั้น แต่ท่านอ๋องสี่คนนี้ดูจะเอ้อระเหยลอยชายมากเกินไปหน่อย""ทำไมพูดแบบนั้น?" ฮั้วอวิ๋นเทียนมองนางและกล่าวอย่างสงสัย"เขาอย่างน้อยก็เป็นท่านอ๋องสี่ใช่ไหมล่ะ การประลองแข่งขันระหว่างแคว้นเกาอวิ๋นและแคว้นซีเย่ว์ เขาก็แทบจะไม่มาดู เขาเองก็ไม่ได้ออกจากแคว้นเกาอวิ๋นไปไหน แล้วทำไมถึงไม่มา?""บางทีเขาอาจยุ่งกับธุรกิจก็ได้?" ฮั้วอวิ๋นเทียนหาข้ออ้างให้กับโม่อี้ซิวมู่จิ่วซียิ้มและหยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าว : "ในเมื่อเขาเห็นธุรกิจสำคัญ งั้นเพียงเพื่อเรื่องเล็กน้อยในเรือนหล่านจวี๋ เขากลับมอบร้านขนมที่ไม่เลวแห่งหนึ่งให้กับข้าเลยงั้นเหรอ? ปัญหาพวกนี้แค่ท่านอ๋องสี่ออกหน้ามาก็จัดการได้แล้ว แต่เขากลับมอบร้านค้าให้ข้า"ฮั้วอวิ๋นเทียนสีหน้าไม่เข้าใจ มู่จิ่วซีก็ยิ้มหัวเราะและกล่าว : "ถ้าไม่พูดเรื่องนี้ ข้าเองก็เคลือบแคลงใจว่าจะมอบหอหงหยุนให้ข้าจริงๆ งั้นเหรอ?""ข้าตอนนี้ยกให้เจ้า เจ้าจะส่งสงสัยข้าว่ามีเจตนาไม่ดีใช่ไหม?" ฮั้วอวิ๋นเทียนยิ้มอย่างขมขื่น"นั่นก็ไม่ใช่ ข้าจะวาดออกแบบแปลนให้กับเจ้า ของพวกนี้สำหรับบางคนอาจมีค่าแค่เงินเหวินเดียว แ
"ข้าน้อยเคยคุยกับเขาบ้าง พวกเขาคือพ่อค้าแคว้นเป่ยจิ้นขอรับ" อาเฉิงกล่าวมู่จิ่วซีทันใดนั้นก็เหลือบสายตาหันไปมองฮั้วอวิ๋นเทียน ฮั้วอวิ๋นเทียนก็ยิ้ม จากนั้นก็ถามขึ้นมา : "หอจินหม่านคือบ่อนพนันของท่านอ๋องสี่ เจ้าได้เห็นท่านอ๋องสี่มารึเปล่า?"อาเฉิงคิดอยู่ครู่และก็พูดขึ้นมา : "มาบ้างขอรับ แต่ว่าน้อยครั้งมาก เดือนหนึ่งเจอไม่ถึงครั้ง เขาได้เคยมาทานอาหารนี้ด้วย เขาคงจะมาตรวจสอบยอมขายขอรับ""ทุกครั้งเขามาแค่คนเดียวหรอ?""มีองครักษ์มาด้วยสองนายขอรับ ท่านอ๋องสี่เป็นกันเองอย่างมาก ไม่ได้วางมาดอะไรเลย ไม่แปลกในทำไมธุรกิจถึงได้ดีขนาดนั้น""ก็จริง เจ้าออกไปก่อนเถอะ" ฮั้วอวิ๋นเทียนให้อาเฉิงออกไปก่อน"จิ่วซี เจ้ายิ่งสงสัยสินะ?"มู่จิ่วซีก็ยิ้ม : "พูดตรงๆ ข้ากลัวมากที่จะสงสัยเรื่องพวกนี้ เพราะถ้าหากเป็นจริง นั่นจะต้องเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดในแคว้นเกาอวิ๋น ดังนั้นข้าเลยหวังว่าข้าจะไม่สงสัยอะไร"นางจู่ๆ ก็นึกถึงร้านเฟิงเหอ พ่อค้าของแคว้นเป่ยจิ้นที่มาเปิด แต่หากไม่มีคนอยู่เบื้องหลัง งั้นจะเปิดกิจการไปได้ตลอดเหรอ? คนของแคว้นเป่ยจิ้นได้ร้านมาโดยผ่านใครมา เรื่องต่อจากนั้นก็ไม่ได้ขุดลึกลงไปนางนึกถึง
"ระวัง!" ฮั้วอวิ๋นเทียนตะโกนอย่างสุดเสียง เขาได้ลุกขึ้นมาทั้งตัวขณะเดียวกัน มู่จิ่วซีก็เอนตัวไปด้านหลังพร้อมกับเก้าอี้จนหงายล้มลงไปประกายแสงสีเงินได้เฉียดผ่านหน้านางไป ถ้านางถอยหลังช้ากว่านี้อีกนิดเดียว หัวสมองของนางคงได้ถูกเสียบไปแล้วทั้งสองคนล้วนหันไปมองตรงพื้นก็เห็นธนูสีเงินดอกหนึ่งปักลงไปยังไม้กระดานหายเข้าไปครึ่งดอก เห็นได้ชัดว่าแรงยิงธนูนี้มหาศาลมากทั้งสองคนรีบหันไปมองยังยอดอาคารฝั่งตรงข้าม เพราะตำแหน่งจะต้องมาจากยอดอาคารของอีกด้านหนึ่ง ไม่งั้นคงไม่มีทางยิงตรงมาถึงยอดอาคารนี้ฮั้วอวิ๋นเทียนกำลังจะทยานตัวออกไป มู่จิ่วซีก็รีบกล่าวขึ้นมา : "ท่านพี่ฮั้ว ไม่ต้องตาม"ฮั้วอวิ๋นเทียนที่พึ่งพุ่งตัวเป็นเงาออกไปก็หันกลับมายังในอาคาร เขาเห็นมู่จิ่วซีเดินตรงมายังลูกธนูดอกนั้นและดึกลูกธนูออกมาตอนนี้หน้าผากของฮั้วอวิ๋นเทียนเต็มไปด้วยเหงื่อ หัวใจของเขาตื่นกลัวจนแทบจะหยุดเต้น เมื่อครู่นี้เขาคิดว่ามู่จิ่วซีตายแล้วแน่นอน ธนูดอกนั้นเร็วจนเพียงพริบตาก็จะถึงแล้วต่อให้เขายื่นมืออกไปก็ไม่ทัน คนที่มีความสามารถยิงธนูขั้นนี้ พละกำลังคงไม่มีทางน้อยไปกว่าเขาแน่แต่ว่าปฏิกิริยาตอบสนองของมู่จิ่ว
อันที่จริงความรู้สึกแรกของมู่จิ่วซีคิดว่าเป็นเซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารแห่วแคว้นเกาอวิ๋น แต่ว่าชายคนนี้ยังอยู่แคว้นเกาอวิ๋นอยู่ไหม? อีกไม่ถึงเดือนแคว้นเป่ยจิ้นก็จะมาขอเจรจาแล้ว โม่จุนหมายความว่ามกุฎราชกุมารเซวียนหยวนเชาจะต้องมาแน่นอนงั้นเขาอยู่ที่แคว้นเกาอวิ๋นมาโดยตลอดโดยไม่ได้ไปไหนงั้นเหรอ?แล้วก็ยังมีอามู่และแคว้นซีเย่ว์ที่ยังไม่ได้กลับออกไป เพราะปัญหาการขนส่งธัญพืช ทั้งหมดล้วนอยู่ที่โรงเตี๊ยมงั้นองค์ชายสามของแคว้นซีเย่ว์ส่งอามู่มาฆ่านางหรือเปล่า?ถึงอย่างไรการยิงเมื่อครู่ อามู่เองก็มีความสามารถพอมู่จิ่วซีคิดไปคิดมา ทั้งสองคนล้วนมีความแค้นกับนาง เป็นคนร้ายได้ทั้งสองคน อีกทั้งความเป็นไปได้ก็เยอะมาก"ธนูดอกนี้ข้าจะเอากลับไปให้โม่จุนดู" มู่จิ่วซีกล่าวฮั้วอวิ๋นเทียนพยักหน้า ไม่นานทั้งสองก็กลับไป ฮั้วอวิ๋นเทียนกลัวว่ามู่จิ่วซีจะเจออันตรายระหว่างทางก็เลยยืนกรานจะไปส่งนางกลับจวนบังเอิญว่ามู่เทียนซิงท่านพ่อของมู่จิ่วซีกลับมาพอดี พอเขาเห็นฮั้วอวิ๋นเทียนก็ช็อกนิ่งไปฮั้วอวิ๋นเทียนทักทายไม่กี่คำก็กลับ มู่เทียนซิงก็ยังไม่ได้สติกลับมา"เขาคือฮั้วอวิ๋นเทียนหรอ?" มู่เทียนซิงอีกนิดก็เก
เย่ฮานก็รีบรับคำและออกไปอย่างรวดเร็วหลังของเขาถึงกับขนลุกชัน คุณท่านทำไมถึงมองเขาด้วยดวงตาโหดเหี้ยมแบบนั้น อยากกับจะกินเลือดกินเนื้อเขา เขาเองทำอะไรผิด?ภายในห้องตำรา มู่เทียนซิงก็รีบหยิบพู่กันและก็วาดรูปร่างธนูของแคว้นซีเย่ว์มู่จิ่วซีหยิบเอาขึ้นมาดู เหมือนมากจริงๆ แต่กลับรู้สึกว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง"แต่ว่าแคว้นซีเย่ว์ไม่ได้ใช้วัสดูแบบนี้ วัสดุนี้แข็งแรงทนทานมาก หัวธนูก็ทำมาจากเงิน ดอกธนูนี้ถือว่ามีราคา" มู่เทียนซิงพูดถึงดอกธนูที่กำลังเล่นอยู่จากนั้นก็หันมองมู่จิ่วซีและกล่าว : "ซีเอ๋อร์ ไม่ว่าจะเป็นใคร ล้วนให้ความสำคัญกับเจ้ามาก ถึงกับต้องการจะฆ่าเจ้าให้ได้""เหอะๆๆ" มู่จิ่วซีก็ยิ้มแห้งๆ ขึ้นมา "ก็มาเลย ลูกสาวคนนี้ไม่ได้กลัว""เจ้าไม่กลัว แต่พ่อกลัว! ซีเอ๋อร์ เจ้าอย่าออกไปเลย เรียกท่านผู้สำเร็จราชการแทนส่งคนมาคุ้มกันเจ้าเพิ่มหน่อยเถอะ" มู่เทียนซิงมองไปยังธนูอันนั้นพร้อมกับใจที่หวาดกลัว"ท่านพ่อ ทำไมท่านทำแบบนี้ ข้าถูกคนลอบยิงสังหาร ท่านช่วยปล่อยข้าไปไม่ได้หรือไง? ข้าจะต้องจับมาให้ได้และยิงใส่มันสักดอก""เจ้าลูกคนนี้ แค่ความสามารถเล็กน้อยของเจ้า เจ้าจะไปเทียบกับพวกยอดฝีมือที
หลังจากอาหารเย็น โม่จุนก็ได้มาถึง รีบเดินเข้ามาในเรือนของมู่จิ่วซีด้วยใบหน้ารีบร้อนมู่เทียนซิงพอรู้เข้า ในใจก็คิดว่าไอโม่จุนผู้ชายเฮงซวยคนนี้สมควรตายจริงๆ ไม่ได้สนใจชื่อเสียงกลุสตรีของนางเลย พอถอนหมั้นแล้วก็ไม่ใส่ใจซีเอ๋อร์เลยหรอ?แต่พอนึกถึงเรื่องของลูกสาวที่ถูกลอบยิงเมื่อบ่าย พอเขาคิดแล้วก็ไม่ได้รีบออกไป แต่กลับไปหามู่เจินจูเพื่อถามว่าวันนี้ไปทำอะไรมามู่เจินจูก็ดีใจตื่นเต้นพูดถึงงานเลี้ยงอาหารกลางวัน สีหน้าเบิกบานและปลาบปลื้มพี่สาวมู่จิ่วซี ทำให้ใบหน้าแก่ชราของมู่เทียนซิงดูจะปลื้มใจแต่ในใจของเขากลับเหมือนมีหนามยอกไว้ นั่นก็คือเขาไม่เห้นแม้แต่เงาของลู่เวยหย่า เขาแอบให้คนในกระทรวงของเขาแอบตามหา ซึ่งก็หาไม่พบตอนนี้ประตูเมืองต่างตรวจสอบอย่างเข้มงวด นางจะต้องอยู่ในพระนคร แต่ว่านางจะไปซ่อนตัวที่ไหนได้?ทุกครั้งเมื่อได้เจอหน้ามู่เจินจูก็จะคิดถึงลู่เวยหย่า ดังนั้นหนามที่ยอกอยู่ในใจของมู่เทียนซิงจึงไม่อาจบ่งเอาออกไปได้โม่จุนพามาถึงยังในเรือนของมู่จิ่วซี ลู่เอ๋อร์ก็กำลังจะไปเรียกมู่จิ่วซี โม่จุนกลับทำมือว่าห้ามส่งเสียง เขาเองก็ได้เดินเข้าไปยังห้องข้างๆ ที่มีไฟส่องสว่าง มู่จิ่วซีกำล
มู่จิ่วซีพยักหน้าและกล่าว: "ใช่ เป็นกล่องหลู่ปันอันพิศวงมากชนิดหนึ่ง เขาบอกว่าจะใช้เหล็กดำทำขึ้นมา หลังจากนี้ข่าวกรองหลังจากถูกสกัดกั้นก็จะไม่ถูกคนเปิดออกได้ในทันที"โม่จุนก็ได้เดินกลับมา แววตาดาสีดำอันมืดมนก็ได้มองใบหน้าอันงดงามของนางมู่จิ่วซีพอหันมองเขาก็เผยยิ้มและกล่าวออกมา : "ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไร เจ้าอย่าขี้งกไปหน่อยเลย ข้ารู้จักขอบเขตดี อีกอย่างของสิ่งนี้ข้าทำกับมือเอง แน่นอนว่าข้าเปิดออกได้""เครือค่ายการสอดแนมของทหารมังกรดำของข้าก็ต้องการของแบบนี้ด้วย" น้ำเสียงของโม่จุนไม่พอใจเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้ไม่คิดถึงเครือข่ายข่าวกรองของเขาบ้างเลยหรือไง?"เจ้ามีแผ่นเหล็กที่ทำลายเปิดออกได้ยากรึเปล่า?" มู่จิ่วซีถามโม่จุนกล่าว : "อยากให้มี ก็มีได้แน่นอน แต่ว่ากล่องนั้นจะต้องละเอียดซับซ้อนมากกว่าของเขา""ได้ๆๆ ขอเพียงเจ้ามีวัสดุในการทำ ข้าก็จะวาดให้เจ้าตกลงไหม?" มู่จิ่วซีหมดคำจะพูดกับผู้ชายคนนี้จริงๆ รู้สึกว่าเขาอยากจะเอาชนะฮั้วอวิ๋นเทียนอย่างใดอย่างนั้น"ตอนบ่ายไปดื่มชากับเขาคงมีความสุขมากสินะ?" โม่จุนเปลี่ยนเรื่องและถามขึ้นมามู่จิ่วซีก็เลิกคิ้ว ขณะกำลังจะตอบกลับเขา โม่จุนก้หัน
สีหน้าชิงเฟิงแปลกออกไป มู่เทียนซิงก็กล่าวอย่างโมโหขึ้นมา: "เจ้ามีเรื่องปิดบังข้าใช่ไหม?""คุณท่าน ข้าได้ยินมาจากใต้เท้าเย่บอกว่ามีคนเจอฮูหยินรองแล้วขอรับ"มู่เทียนซิงก็ตกใจนิ่งค้างไป จากนั้นก็พูดขึ้นมา : "เจ้าจะบอกว่าอยู่ที่จวนฉีหรอ?"ชิงเฟิงยิ้มอย่างเขินๆ และพยักหน้า จากนั้นก็เห็นมู่เทียนซิงตะโกนเสียงดัง : "รีบไปเอาม้าข้ามาโดยด่วน!""คุณท่าน ท่านอย่าไปเลยจะดีกว่า ให้คุณหนูทำเรื่องนี้จะดีกว่า" ชิงเฟิงอยากจะอุดหูของเขา แต่เขาเองก็ลำบากใจจริงๆ"เจ้าจะไปเข้าใจอะไร ไอแก่ฉีหู่ซานคนนั้นรับมือง่ายซะที่ไหน ข้ากลัวว่าจิ่วซีจะเสียเปรียบ!" มู่เทียนซิงก็รีบกล่าวออกมาชิงเฟิงก็เลิกคิ้ว ในใจลึกๆ ของเขาไม่เชื่อ ขนาดท่านผู้สำเร็จราชการแทนโม่จุน คุณหนูใหญ่ของพวกเขาก็ยังไม่กลัว แล้วจะมากลัวฉีหู่ซาน?คุณท่าน ข้าอ้างของท่านแย่เกินไปแล้วแต่ว่าชิงเฟิงก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่กลับขึ้นรถม้าไปยังกระทรวงครัวเรือนส่งม้วนตำรามู่เทียนซิงพอรอจนม้าของเขาจูงออกมาแล้วก็รีบพาองครักษ์สองคนไปยังจวนฉีมู่จิ่วซีและเย่อู่เหิงพอมาถึงปากประตูของจวนฉี ใต้เท้าฉีฉีหู่ซานก็เพิ่งกลับมาจากราชสำนักในตอนเช้า พอเขาลงมาจากรถม้
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่