"เจ้าคือมู่จิ่วซีจริงๆ อย่างงั้นเหรอ?" โม่จุนพูดออกมาอย่างเรียบเฉย ทำให้มู่จิ่วซีกลับรู้สึกปวดใจขึ้นมา"คิดว่าข้าคือมู่ปาซีหรือไง?" มู่จิ่วซีกรพริบตาปริบๆ ท่าทางมีเลศนัยอย่างมาก"ข้าแค่รู้สึกว่าพ่อของเจ้าไม่มีทางมีลูกสาวที่ยอดเยี่ยมแบบเจ้าได้" คำพูดของโม่จุนทำให้ทุกคนต่างพยักหน้ามู่เจินจูแทบจะร้องไห้พร้อมกับกล่าวออกมา : "ท่านพี่ ท่านจะมากเกินไปแล้ว ตอนเด็กๆ ท่านแม่เอาไม้เรียวเขี่ยวเข็นข้าให้เรียนบรรเลงฉิน ส่วนเจ้าตอนนั้นบรรเลงจนหมอหอนผียังร้องไห้ ทำไมตอนนี้จู่ๆ ถึงได้บรรเลงได้ไพเราะขึ้นมา ทำนองบรรเลงพวกนี้ข้าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน...""ฮิๆๆ ข้าไม่ใช่ว่าก็แค่อยากทำให้เจ้ากับท่านแม่ได้ตกใจไม่ใช่หรือไง" มู่จิ่วซีกล่าวปลอบใจ "ทำนองเพลงของข้านั้นง่ายมาก ไม่ได้ซับซ้อนเหมือนที่พวกเจ้าร่ำเรียน ข้าบรรเลงทำนองซับซ้อนไม่เป็นหรอก ก็เลยคิดทำนองง่ายๆ ขึ้นมา"มุมปากของฮั้วอวิ๋นเทียนก็กระตุก นางสามารถบรรเลง"หงส์ฟ้าหาคู่" "ลำนำแห่งกว่างหลิง" นางโกหกจนเขาอยากจะตีนางเสียจริงแต่ว่าเห็นได้ชัดว่าจิตใจของมู่จิ่วซีนั้นดีงาม เพียงเพื่อปลอมโยนผู้คน กลับไม่ลังเลที่จะพูดให้ตัวเองดูแย่"ข้าอยากเรียน ข้าอยาก
มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็ย่อทำความเคารพและหัวเราะยิ้มกล่าว : "เชิญเสด็จท่านผู้สำเร็จราชการแทน!"จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นเลิกคิ้วใส่เขาและก็กล่าว : "ท่านผู้สำเร็จราชการแทนหากว่างก็มาเล่นสนุกกันบ่อยๆ นะ"ท่าทางนั้นเหมือนกับแม่นางที่ขายยิ้มในหอนางโลมจริงๆ ขาดก็แค่ผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งที่โบกในมือมุมปากของโม่จุนก็กระตุกขึ้นมา แต่กลับเหมือนอยากจะหัวเราะ ในใจก็คิดว่าทำไมถึงได้มีผู้หญิงแปลกประหลาดแบบนี้ได้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาพยายามอดกลั้น จากนั้นก็พูดกับทุกคนในห้องรับรองส่วนตัว : "ข้ามีธุระ คงต้องขอตัวก่อน"พูดจบก็ไม่ได้รอให้คนอื่นพูดพร้อมกับหันหลังเดินลงไปทุกคนก็เห็นใบหน้าอันโศกเศร้าของอานเย่และก็ตามออกไป เย่ฮานก็มองอานเย่ทำท่าเหมือนอยากจะให้อยู่ต่อ จนเขาอดไม่ได้ขำยิ้มออกมาติดตามคุณหนูใหญ่ดีกว่าติดตามท่านผู้สำเร็จราชการแทนตั้งเยอะ"เห็นแล้วหรือยัง ท่านผู้สำเร็จราชการแทนเหมือนนกยูงหัวสูงหยิ่งทระนงไหมล่ะ?" ฮั้วอวิ๋นเทียนยิ้มแย้มพร้อมกับดื่มเหล้า ในหัวก็คิดถึงบทเพลงทั้งสองของมู่จิ่วซีทุกคนต่างก็กลั้นยิ้มเอาไว้ มู่จิ่วซีพอกลับมาถึงห้องอีกครั้งก็พูดคุยและหัวเราะฮั้วอวิ๋นเทียนได้ให้เกียรติและไ
ฮั้วอวิ๋นเทียนลังเลเล็กน้อยพร้อมกับหันมองนางและกล่าวขึ้นมา: "หากนางไปคนเดียว ร่างกายของนางจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?""เหอะๆ ไม่มีปัญหาหรอก นางกระโดดโลดเต้นได้สบาย แต่ว่านางคงอยากจะไปกับเจ้า" มู่จิ่วซีในใจก็คิดว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แค่ร่างกายแข็งแรงดี แถมยังมีวรยุทธแข็งแกร่งด้วย คงไม่ตายง่ายๆฮั้วอวิ๋นเทียนก็ถอนหายใจและกล่าวออกมา : "หากร่างกายนางแข็งแรงดี อันที่จริงก็ไม่ควรจะอยู่กับข้าตลอดเวลา มีแต่จะทำให้นางเสียเวลา""นางคงจะมีความรู้สึกลึกซึ้งกับเจ้า" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"จิ่วซี เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าปฏิบัติกับนางเหมือนนางสาว นางเองก็เห็นว่าข้าเป็นพี่ชาย""เจ้าเข้าใจผู้หญิงดีกว่า หรือว่าข้าเข้าใจผู้หญิงดีกว่ากัน? ข้าเห็นสายตาของนางที่มองเจ้าก็รู้แล้ว ข้าคิดว่านี่เป็นปัญหาที่ยากมาก เจ้าอยากจะมีความสุขหลังจากนี้ งั้นก็ควรต้องทำให้ชัดเจนแต่เนิ่นๆ" มู่จิ่วซีเลิกคิ้วกล่าว "ข้าในฐานะเพื่อน ถือซะว่าเตือนเจ้าอย่างเป็นมิตร"ฮั้วอวิ๋นเทียนหลังจากคิดอยู่พักหนึ่งก็กล่าวขึ้นมา : "ข้าเข้าใจแล้ว ใช่แล้ว เจ้าเรียนเฟิงเหยียนหยูเฟยเป็นยังไงบ้าง?" ขณะพูด เขาก็ได้เอาส่วนที่ 3 ให้กับมู่จิ่วซี"ส่วนที่ 1
มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วและกล่าวขึ้นมา: "ดูเหมือนว่าตัวตนของเจ้าในแค้วนอูคงจะน่าอับอายมาก"ฮั้วอวิ๋นเทียนเดิมทีที่รู้สึกโศกเศร้า พอได้ยินคำพูดของมู่จิ่วซีก็หัวเราะขึ้นมา"จิ่วซี เจ้าทำไมถึงพูดแบบนั้น?"มู่จิ่วซียักไหล่และก็กล่าวขึ้นมา : "แค้วนอูเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยตำนานเทพเจ้า ปกติสถานที่ที่มีตำนานเทพเจ้า ก็จะมีเรื่องราวแปลกๆ พิศดารเกิดขึ้น เจ้าไม่ได้รักแค้วนอู แน่นอนว่าคงได้รับการขับไล่จากแค้วนอู ถ้าหากเป็นคนปกติคงจะไม่โศกเศร้าขนาดนี้ แต่เจ้ากลับดูกลัดกลุ้ม""เจ้าช่างเฉียบแหลมมาก ไม่สามารถปิดบังอะไรเจ้าได้เลยจริงๆ" ฮั้วอวิ๋นเทียนก็ยิ้มออกมาเป็นธรรมชาติ มู่จิ่วซีทำให้เขาแปลกปละหลาดใจมากมายเสียจริงทำไมถึงมีคนแบบนี้ที่ขณะพูดคุยก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายด้วยได้ แล้วยังเป็นแค่หญิงสาวแค่คนเดียวอีกฮั้วอวิ๋นเทียนรู้สึกเหมือนกับได้เจออัญมณีท่ามกลางแมกไม้นับพันต้นจนทำให้หัวใจของเขารุ่มร้อนขึ้นมา"นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะรู้ตำนานเทพเจ้าของแค้วนอูด้วย?" ฮั้วอวิ๋นเทียนกล่าวด้วยความสนใจอย่างมาก"รู้ไม่เยอะหรอก ที่มีชื่อเสียงมากสุดไม่ใช่ว่าเป็นตำนานกริชชิงหลงหรอกหรอ?" มู่จิ่วซียิ้มขึ้นมา
ฮั้วอวิ๋นเทียนลูกตาแทบจะถลนหลุดออกจากเบ้าอีกครั้ง ไม่คาดคิดว่ามู่จิ่วซีจะทะเยอทะยานไกลขนาดนี้ ทันใดนั้นก็ทำให้เขารู้สึกต่ำต้อยฮั้วอวิ๋นเทียนทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตนเองในฐานะผู้ชายยังเทียบไม่ได้กับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียว"ฮาๆๆ ตกใจเลยใช่ไหมล่ะ แบบนี้ข้าถือว่ามีความผิดเป็นกบฎ ยังดีที่ข้าเป็นผู้หญิง ถ้าเป็นผู้ชายล่ะก็ จักรพรรดิองค์น้อยคงกังวลว่าข้าวางแผนชิงบัลลังก์เขาอยู่แน่ ฮาๆๆ" มู่จิ่วซีขำกับมุขตลกของนางเอง"จักรพรรดิองค์น้อยของแคว้นเกาอวิ๋นมีเจ้า ถือว่าเป็นโชควาสนาครั้งใหญ่" ฮั้วอวิ๋นเทียนเข้าใจอย่างลึกซึ้งมู่จิ่วซีหัวเราะฮาๆๆ และก็กล่าว : "ตอนนี้รู้หรือยังว่าข้าช่างพูดช่างเจรจา?""ฮาๆๆ จิ่วซี ช่างพูดช่างเจรจาถือว่าเป็นความสามารถหนึ่ง หากมีวิชาความรู้อยู่กับตัว ไม่มีความคิดเป็นของตนเอง แบบนั้นจะช่างพูดช่างเจรจาได้อย่างไร?""อีกอย่าง เจ้าก็ได้แสดงออกมาให้เห็นแล้ว เจ้าช่างมีความสามารถมากมาย ช่างน่าประทับใจชมเชย ข้าคิดไม่ตกจริงๆ เจ้าอายุน้อยขนาดนี้ การมีความสามารถเชี่ยวชาญสักด้านก็นับว่าไม่เลวแล้ว หากเชี่ยวชาญสองด้าน นั่นจะต้องพยายามอย่างมากถึงจะได้มา""อย่างเช่น'หงส์ฟ้าหาคู่'ของข
มู่จิ่วซีหลังจากตกตะลึงก็ยิ้มอย่างเขินอายและกล่าว: "ไม่ใช่แค่นั้น แต่ท่านอ๋องสี่คนนี้ดูจะเอ้อระเหยลอยชายมากเกินไปหน่อย""ทำไมพูดแบบนั้น?" ฮั้วอวิ๋นเทียนมองนางและกล่าวอย่างสงสัย"เขาอย่างน้อยก็เป็นท่านอ๋องสี่ใช่ไหมล่ะ การประลองแข่งขันระหว่างแคว้นเกาอวิ๋นและแคว้นซีเย่ว์ เขาก็แทบจะไม่มาดู เขาเองก็ไม่ได้ออกจากแคว้นเกาอวิ๋นไปไหน แล้วทำไมถึงไม่มา?""บางทีเขาอาจยุ่งกับธุรกิจก็ได้?" ฮั้วอวิ๋นเทียนหาข้ออ้างให้กับโม่อี้ซิวมู่จิ่วซียิ้มและหยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าว : "ในเมื่อเขาเห็นธุรกิจสำคัญ งั้นเพียงเพื่อเรื่องเล็กน้อยในเรือนหล่านจวี๋ เขากลับมอบร้านขนมที่ไม่เลวแห่งหนึ่งให้กับข้าเลยงั้นเหรอ? ปัญหาพวกนี้แค่ท่านอ๋องสี่ออกหน้ามาก็จัดการได้แล้ว แต่เขากลับมอบร้านค้าให้ข้า"ฮั้วอวิ๋นเทียนสีหน้าไม่เข้าใจ มู่จิ่วซีก็ยิ้มหัวเราะและกล่าว : "ถ้าไม่พูดเรื่องนี้ ข้าเองก็เคลือบแคลงใจว่าจะมอบหอหงหยุนให้ข้าจริงๆ งั้นเหรอ?""ข้าตอนนี้ยกให้เจ้า เจ้าจะส่งสงสัยข้าว่ามีเจตนาไม่ดีใช่ไหม?" ฮั้วอวิ๋นเทียนยิ้มอย่างขมขื่น"นั่นก็ไม่ใช่ ข้าจะวาดออกแบบแปลนให้กับเจ้า ของพวกนี้สำหรับบางคนอาจมีค่าแค่เงินเหวินเดียว แ
"ข้าน้อยเคยคุยกับเขาบ้าง พวกเขาคือพ่อค้าแคว้นเป่ยจิ้นขอรับ" อาเฉิงกล่าวมู่จิ่วซีทันใดนั้นก็เหลือบสายตาหันไปมองฮั้วอวิ๋นเทียน ฮั้วอวิ๋นเทียนก็ยิ้ม จากนั้นก็ถามขึ้นมา : "หอจินหม่านคือบ่อนพนันของท่านอ๋องสี่ เจ้าได้เห็นท่านอ๋องสี่มารึเปล่า?"อาเฉิงคิดอยู่ครู่และก็พูดขึ้นมา : "มาบ้างขอรับ แต่ว่าน้อยครั้งมาก เดือนหนึ่งเจอไม่ถึงครั้ง เขาได้เคยมาทานอาหารนี้ด้วย เขาคงจะมาตรวจสอบยอมขายขอรับ""ทุกครั้งเขามาแค่คนเดียวหรอ?""มีองครักษ์มาด้วยสองนายขอรับ ท่านอ๋องสี่เป็นกันเองอย่างมาก ไม่ได้วางมาดอะไรเลย ไม่แปลกในทำไมธุรกิจถึงได้ดีขนาดนั้น""ก็จริง เจ้าออกไปก่อนเถอะ" ฮั้วอวิ๋นเทียนให้อาเฉิงออกไปก่อน"จิ่วซี เจ้ายิ่งสงสัยสินะ?"มู่จิ่วซีก็ยิ้ม : "พูดตรงๆ ข้ากลัวมากที่จะสงสัยเรื่องพวกนี้ เพราะถ้าหากเป็นจริง นั่นจะต้องเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดในแคว้นเกาอวิ๋น ดังนั้นข้าเลยหวังว่าข้าจะไม่สงสัยอะไร"นางจู่ๆ ก็นึกถึงร้านเฟิงเหอ พ่อค้าของแคว้นเป่ยจิ้นที่มาเปิด แต่หากไม่มีคนอยู่เบื้องหลัง งั้นจะเปิดกิจการไปได้ตลอดเหรอ? คนของแคว้นเป่ยจิ้นได้ร้านมาโดยผ่านใครมา เรื่องต่อจากนั้นก็ไม่ได้ขุดลึกลงไปนางนึกถึง
"ระวัง!" ฮั้วอวิ๋นเทียนตะโกนอย่างสุดเสียง เขาได้ลุกขึ้นมาทั้งตัวขณะเดียวกัน มู่จิ่วซีก็เอนตัวไปด้านหลังพร้อมกับเก้าอี้จนหงายล้มลงไปประกายแสงสีเงินได้เฉียดผ่านหน้านางไป ถ้านางถอยหลังช้ากว่านี้อีกนิดเดียว หัวสมองของนางคงได้ถูกเสียบไปแล้วทั้งสองคนล้วนหันไปมองตรงพื้นก็เห็นธนูสีเงินดอกหนึ่งปักลงไปยังไม้กระดานหายเข้าไปครึ่งดอก เห็นได้ชัดว่าแรงยิงธนูนี้มหาศาลมากทั้งสองคนรีบหันไปมองยังยอดอาคารฝั่งตรงข้าม เพราะตำแหน่งจะต้องมาจากยอดอาคารของอีกด้านหนึ่ง ไม่งั้นคงไม่มีทางยิงตรงมาถึงยอดอาคารนี้ฮั้วอวิ๋นเทียนกำลังจะทยานตัวออกไป มู่จิ่วซีก็รีบกล่าวขึ้นมา : "ท่านพี่ฮั้ว ไม่ต้องตาม"ฮั้วอวิ๋นเทียนที่พึ่งพุ่งตัวเป็นเงาออกไปก็หันกลับมายังในอาคาร เขาเห็นมู่จิ่วซีเดินตรงมายังลูกธนูดอกนั้นและดึกลูกธนูออกมาตอนนี้หน้าผากของฮั้วอวิ๋นเทียนเต็มไปด้วยเหงื่อ หัวใจของเขาตื่นกลัวจนแทบจะหยุดเต้น เมื่อครู่นี้เขาคิดว่ามู่จิ่วซีตายแล้วแน่นอน ธนูดอกนั้นเร็วจนเพียงพริบตาก็จะถึงแล้วต่อให้เขายื่นมืออกไปก็ไม่ทัน คนที่มีความสามารถยิงธนูขั้นนี้ พละกำลังคงไม่มีทางน้อยไปกว่าเขาแน่แต่ว่าปฏิกิริยาตอบสนองของมู่จิ่ว