มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วและกล่าวขึ้นมา: "ดูเหมือนว่าตัวตนของเจ้าในแค้วนอูคงจะน่าอับอายมาก"ฮั้วอวิ๋นเทียนเดิมทีที่รู้สึกโศกเศร้า พอได้ยินคำพูดของมู่จิ่วซีก็หัวเราะขึ้นมา"จิ่วซี เจ้าทำไมถึงพูดแบบนั้น?"มู่จิ่วซียักไหล่และก็กล่าวขึ้นมา : "แค้วนอูเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยตำนานเทพเจ้า ปกติสถานที่ที่มีตำนานเทพเจ้า ก็จะมีเรื่องราวแปลกๆ พิศดารเกิดขึ้น เจ้าไม่ได้รักแค้วนอู แน่นอนว่าคงได้รับการขับไล่จากแค้วนอู ถ้าหากเป็นคนปกติคงจะไม่โศกเศร้าขนาดนี้ แต่เจ้ากลับดูกลัดกลุ้ม""เจ้าช่างเฉียบแหลมมาก ไม่สามารถปิดบังอะไรเจ้าได้เลยจริงๆ" ฮั้วอวิ๋นเทียนก็ยิ้มออกมาเป็นธรรมชาติ มู่จิ่วซีทำให้เขาแปลกปละหลาดใจมากมายเสียจริงทำไมถึงมีคนแบบนี้ที่ขณะพูดคุยก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายด้วยได้ แล้วยังเป็นแค่หญิงสาวแค่คนเดียวอีกฮั้วอวิ๋นเทียนรู้สึกเหมือนกับได้เจออัญมณีท่ามกลางแมกไม้นับพันต้นจนทำให้หัวใจของเขารุ่มร้อนขึ้นมา"นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะรู้ตำนานเทพเจ้าของแค้วนอูด้วย?" ฮั้วอวิ๋นเทียนกล่าวด้วยความสนใจอย่างมาก"รู้ไม่เยอะหรอก ที่มีชื่อเสียงมากสุดไม่ใช่ว่าเป็นตำนานกริชชิงหลงหรอกหรอ?" มู่จิ่วซียิ้มขึ้นมา
ฮั้วอวิ๋นเทียนลูกตาแทบจะถลนหลุดออกจากเบ้าอีกครั้ง ไม่คาดคิดว่ามู่จิ่วซีจะทะเยอทะยานไกลขนาดนี้ ทันใดนั้นก็ทำให้เขารู้สึกต่ำต้อยฮั้วอวิ๋นเทียนทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตนเองในฐานะผู้ชายยังเทียบไม่ได้กับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียว"ฮาๆๆ ตกใจเลยใช่ไหมล่ะ แบบนี้ข้าถือว่ามีความผิดเป็นกบฎ ยังดีที่ข้าเป็นผู้หญิง ถ้าเป็นผู้ชายล่ะก็ จักรพรรดิองค์น้อยคงกังวลว่าข้าวางแผนชิงบัลลังก์เขาอยู่แน่ ฮาๆๆ" มู่จิ่วซีขำกับมุขตลกของนางเอง"จักรพรรดิองค์น้อยของแคว้นเกาอวิ๋นมีเจ้า ถือว่าเป็นโชควาสนาครั้งใหญ่" ฮั้วอวิ๋นเทียนเข้าใจอย่างลึกซึ้งมู่จิ่วซีหัวเราะฮาๆๆ และก็กล่าว : "ตอนนี้รู้หรือยังว่าข้าช่างพูดช่างเจรจา?""ฮาๆๆ จิ่วซี ช่างพูดช่างเจรจาถือว่าเป็นความสามารถหนึ่ง หากมีวิชาความรู้อยู่กับตัว ไม่มีความคิดเป็นของตนเอง แบบนั้นจะช่างพูดช่างเจรจาได้อย่างไร?""อีกอย่าง เจ้าก็ได้แสดงออกมาให้เห็นแล้ว เจ้าช่างมีความสามารถมากมาย ช่างน่าประทับใจชมเชย ข้าคิดไม่ตกจริงๆ เจ้าอายุน้อยขนาดนี้ การมีความสามารถเชี่ยวชาญสักด้านก็นับว่าไม่เลวแล้ว หากเชี่ยวชาญสองด้าน นั่นจะต้องพยายามอย่างมากถึงจะได้มา""อย่างเช่น'หงส์ฟ้าหาคู่'ของข
มู่จิ่วซีหลังจากตกตะลึงก็ยิ้มอย่างเขินอายและกล่าว: "ไม่ใช่แค่นั้น แต่ท่านอ๋องสี่คนนี้ดูจะเอ้อระเหยลอยชายมากเกินไปหน่อย""ทำไมพูดแบบนั้น?" ฮั้วอวิ๋นเทียนมองนางและกล่าวอย่างสงสัย"เขาอย่างน้อยก็เป็นท่านอ๋องสี่ใช่ไหมล่ะ การประลองแข่งขันระหว่างแคว้นเกาอวิ๋นและแคว้นซีเย่ว์ เขาก็แทบจะไม่มาดู เขาเองก็ไม่ได้ออกจากแคว้นเกาอวิ๋นไปไหน แล้วทำไมถึงไม่มา?""บางทีเขาอาจยุ่งกับธุรกิจก็ได้?" ฮั้วอวิ๋นเทียนหาข้ออ้างให้กับโม่อี้ซิวมู่จิ่วซียิ้มและหยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าว : "ในเมื่อเขาเห็นธุรกิจสำคัญ งั้นเพียงเพื่อเรื่องเล็กน้อยในเรือนหล่านจวี๋ เขากลับมอบร้านขนมที่ไม่เลวแห่งหนึ่งให้กับข้าเลยงั้นเหรอ? ปัญหาพวกนี้แค่ท่านอ๋องสี่ออกหน้ามาก็จัดการได้แล้ว แต่เขากลับมอบร้านค้าให้ข้า"ฮั้วอวิ๋นเทียนสีหน้าไม่เข้าใจ มู่จิ่วซีก็ยิ้มหัวเราะและกล่าว : "ถ้าไม่พูดเรื่องนี้ ข้าเองก็เคลือบแคลงใจว่าจะมอบหอหงหยุนให้ข้าจริงๆ งั้นเหรอ?""ข้าตอนนี้ยกให้เจ้า เจ้าจะส่งสงสัยข้าว่ามีเจตนาไม่ดีใช่ไหม?" ฮั้วอวิ๋นเทียนยิ้มอย่างขมขื่น"นั่นก็ไม่ใช่ ข้าจะวาดออกแบบแปลนให้กับเจ้า ของพวกนี้สำหรับบางคนอาจมีค่าแค่เงินเหวินเดียว แ
"ข้าน้อยเคยคุยกับเขาบ้าง พวกเขาคือพ่อค้าแคว้นเป่ยจิ้นขอรับ" อาเฉิงกล่าวมู่จิ่วซีทันใดนั้นก็เหลือบสายตาหันไปมองฮั้วอวิ๋นเทียน ฮั้วอวิ๋นเทียนก็ยิ้ม จากนั้นก็ถามขึ้นมา : "หอจินหม่านคือบ่อนพนันของท่านอ๋องสี่ เจ้าได้เห็นท่านอ๋องสี่มารึเปล่า?"อาเฉิงคิดอยู่ครู่และก็พูดขึ้นมา : "มาบ้างขอรับ แต่ว่าน้อยครั้งมาก เดือนหนึ่งเจอไม่ถึงครั้ง เขาได้เคยมาทานอาหารนี้ด้วย เขาคงจะมาตรวจสอบยอมขายขอรับ""ทุกครั้งเขามาแค่คนเดียวหรอ?""มีองครักษ์มาด้วยสองนายขอรับ ท่านอ๋องสี่เป็นกันเองอย่างมาก ไม่ได้วางมาดอะไรเลย ไม่แปลกในทำไมธุรกิจถึงได้ดีขนาดนั้น""ก็จริง เจ้าออกไปก่อนเถอะ" ฮั้วอวิ๋นเทียนให้อาเฉิงออกไปก่อน"จิ่วซี เจ้ายิ่งสงสัยสินะ?"มู่จิ่วซีก็ยิ้ม : "พูดตรงๆ ข้ากลัวมากที่จะสงสัยเรื่องพวกนี้ เพราะถ้าหากเป็นจริง นั่นจะต้องเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดในแคว้นเกาอวิ๋น ดังนั้นข้าเลยหวังว่าข้าจะไม่สงสัยอะไร"นางจู่ๆ ก็นึกถึงร้านเฟิงเหอ พ่อค้าของแคว้นเป่ยจิ้นที่มาเปิด แต่หากไม่มีคนอยู่เบื้องหลัง งั้นจะเปิดกิจการไปได้ตลอดเหรอ? คนของแคว้นเป่ยจิ้นได้ร้านมาโดยผ่านใครมา เรื่องต่อจากนั้นก็ไม่ได้ขุดลึกลงไปนางนึกถึง
"ระวัง!" ฮั้วอวิ๋นเทียนตะโกนอย่างสุดเสียง เขาได้ลุกขึ้นมาทั้งตัวขณะเดียวกัน มู่จิ่วซีก็เอนตัวไปด้านหลังพร้อมกับเก้าอี้จนหงายล้มลงไปประกายแสงสีเงินได้เฉียดผ่านหน้านางไป ถ้านางถอยหลังช้ากว่านี้อีกนิดเดียว หัวสมองของนางคงได้ถูกเสียบไปแล้วทั้งสองคนล้วนหันไปมองตรงพื้นก็เห็นธนูสีเงินดอกหนึ่งปักลงไปยังไม้กระดานหายเข้าไปครึ่งดอก เห็นได้ชัดว่าแรงยิงธนูนี้มหาศาลมากทั้งสองคนรีบหันไปมองยังยอดอาคารฝั่งตรงข้าม เพราะตำแหน่งจะต้องมาจากยอดอาคารของอีกด้านหนึ่ง ไม่งั้นคงไม่มีทางยิงตรงมาถึงยอดอาคารนี้ฮั้วอวิ๋นเทียนกำลังจะทยานตัวออกไป มู่จิ่วซีก็รีบกล่าวขึ้นมา : "ท่านพี่ฮั้ว ไม่ต้องตาม"ฮั้วอวิ๋นเทียนที่พึ่งพุ่งตัวเป็นเงาออกไปก็หันกลับมายังในอาคาร เขาเห็นมู่จิ่วซีเดินตรงมายังลูกธนูดอกนั้นและดึกลูกธนูออกมาตอนนี้หน้าผากของฮั้วอวิ๋นเทียนเต็มไปด้วยเหงื่อ หัวใจของเขาตื่นกลัวจนแทบจะหยุดเต้น เมื่อครู่นี้เขาคิดว่ามู่จิ่วซีตายแล้วแน่นอน ธนูดอกนั้นเร็วจนเพียงพริบตาก็จะถึงแล้วต่อให้เขายื่นมืออกไปก็ไม่ทัน คนที่มีความสามารถยิงธนูขั้นนี้ พละกำลังคงไม่มีทางน้อยไปกว่าเขาแน่แต่ว่าปฏิกิริยาตอบสนองของมู่จิ่ว
อันที่จริงความรู้สึกแรกของมู่จิ่วซีคิดว่าเป็นเซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารแห่วแคว้นเกาอวิ๋น แต่ว่าชายคนนี้ยังอยู่แคว้นเกาอวิ๋นอยู่ไหม? อีกไม่ถึงเดือนแคว้นเป่ยจิ้นก็จะมาขอเจรจาแล้ว โม่จุนหมายความว่ามกุฎราชกุมารเซวียนหยวนเชาจะต้องมาแน่นอนงั้นเขาอยู่ที่แคว้นเกาอวิ๋นมาโดยตลอดโดยไม่ได้ไปไหนงั้นเหรอ?แล้วก็ยังมีอามู่และแคว้นซีเย่ว์ที่ยังไม่ได้กลับออกไป เพราะปัญหาการขนส่งธัญพืช ทั้งหมดล้วนอยู่ที่โรงเตี๊ยมงั้นองค์ชายสามของแคว้นซีเย่ว์ส่งอามู่มาฆ่านางหรือเปล่า?ถึงอย่างไรการยิงเมื่อครู่ อามู่เองก็มีความสามารถพอมู่จิ่วซีคิดไปคิดมา ทั้งสองคนล้วนมีความแค้นกับนาง เป็นคนร้ายได้ทั้งสองคน อีกทั้งความเป็นไปได้ก็เยอะมาก"ธนูดอกนี้ข้าจะเอากลับไปให้โม่จุนดู" มู่จิ่วซีกล่าวฮั้วอวิ๋นเทียนพยักหน้า ไม่นานทั้งสองก็กลับไป ฮั้วอวิ๋นเทียนกลัวว่ามู่จิ่วซีจะเจออันตรายระหว่างทางก็เลยยืนกรานจะไปส่งนางกลับจวนบังเอิญว่ามู่เทียนซิงท่านพ่อของมู่จิ่วซีกลับมาพอดี พอเขาเห็นฮั้วอวิ๋นเทียนก็ช็อกนิ่งไปฮั้วอวิ๋นเทียนทักทายไม่กี่คำก็กลับ มู่เทียนซิงก็ยังไม่ได้สติกลับมา"เขาคือฮั้วอวิ๋นเทียนหรอ?" มู่เทียนซิงอีกนิดก็เก
เย่ฮานก็รีบรับคำและออกไปอย่างรวดเร็วหลังของเขาถึงกับขนลุกชัน คุณท่านทำไมถึงมองเขาด้วยดวงตาโหดเหี้ยมแบบนั้น อยากกับจะกินเลือดกินเนื้อเขา เขาเองทำอะไรผิด?ภายในห้องตำรา มู่เทียนซิงก็รีบหยิบพู่กันและก็วาดรูปร่างธนูของแคว้นซีเย่ว์มู่จิ่วซีหยิบเอาขึ้นมาดู เหมือนมากจริงๆ แต่กลับรู้สึกว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง"แต่ว่าแคว้นซีเย่ว์ไม่ได้ใช้วัสดูแบบนี้ วัสดุนี้แข็งแรงทนทานมาก หัวธนูก็ทำมาจากเงิน ดอกธนูนี้ถือว่ามีราคา" มู่เทียนซิงพูดถึงดอกธนูที่กำลังเล่นอยู่จากนั้นก็หันมองมู่จิ่วซีและกล่าว : "ซีเอ๋อร์ ไม่ว่าจะเป็นใคร ล้วนให้ความสำคัญกับเจ้ามาก ถึงกับต้องการจะฆ่าเจ้าให้ได้""เหอะๆๆ" มู่จิ่วซีก็ยิ้มแห้งๆ ขึ้นมา "ก็มาเลย ลูกสาวคนนี้ไม่ได้กลัว""เจ้าไม่กลัว แต่พ่อกลัว! ซีเอ๋อร์ เจ้าอย่าออกไปเลย เรียกท่านผู้สำเร็จราชการแทนส่งคนมาคุ้มกันเจ้าเพิ่มหน่อยเถอะ" มู่เทียนซิงมองไปยังธนูอันนั้นพร้อมกับใจที่หวาดกลัว"ท่านพ่อ ทำไมท่านทำแบบนี้ ข้าถูกคนลอบยิงสังหาร ท่านช่วยปล่อยข้าไปไม่ได้หรือไง? ข้าจะต้องจับมาให้ได้และยิงใส่มันสักดอก""เจ้าลูกคนนี้ แค่ความสามารถเล็กน้อยของเจ้า เจ้าจะไปเทียบกับพวกยอดฝีมือที
หลังจากอาหารเย็น โม่จุนก็ได้มาถึง รีบเดินเข้ามาในเรือนของมู่จิ่วซีด้วยใบหน้ารีบร้อนมู่เทียนซิงพอรู้เข้า ในใจก็คิดว่าไอโม่จุนผู้ชายเฮงซวยคนนี้สมควรตายจริงๆ ไม่ได้สนใจชื่อเสียงกลุสตรีของนางเลย พอถอนหมั้นแล้วก็ไม่ใส่ใจซีเอ๋อร์เลยหรอ?แต่พอนึกถึงเรื่องของลูกสาวที่ถูกลอบยิงเมื่อบ่าย พอเขาคิดแล้วก็ไม่ได้รีบออกไป แต่กลับไปหามู่เจินจูเพื่อถามว่าวันนี้ไปทำอะไรมามู่เจินจูก็ดีใจตื่นเต้นพูดถึงงานเลี้ยงอาหารกลางวัน สีหน้าเบิกบานและปลาบปลื้มพี่สาวมู่จิ่วซี ทำให้ใบหน้าแก่ชราของมู่เทียนซิงดูจะปลื้มใจแต่ในใจของเขากลับเหมือนมีหนามยอกไว้ นั่นก็คือเขาไม่เห้นแม้แต่เงาของลู่เวยหย่า เขาแอบให้คนในกระทรวงของเขาแอบตามหา ซึ่งก็หาไม่พบตอนนี้ประตูเมืองต่างตรวจสอบอย่างเข้มงวด นางจะต้องอยู่ในพระนคร แต่ว่านางจะไปซ่อนตัวที่ไหนได้?ทุกครั้งเมื่อได้เจอหน้ามู่เจินจูก็จะคิดถึงลู่เวยหย่า ดังนั้นหนามที่ยอกอยู่ในใจของมู่เทียนซิงจึงไม่อาจบ่งเอาออกไปได้โม่จุนพามาถึงยังในเรือนของมู่จิ่วซี ลู่เอ๋อร์ก็กำลังจะไปเรียกมู่จิ่วซี โม่จุนกลับทำมือว่าห้ามส่งเสียง เขาเองก็ได้เดินเข้าไปยังห้องข้างๆ ที่มีไฟส่องสว่าง มู่จิ่วซีกำล