ไป๋เฟิ่งหว่านตกใจกล่าว: "ทำไมเย่อู่เหิงมาด้วยล่ะ? หรือว่ามู่จิ่วซีจะเชิญเขามา?""เดี๋ยวก็ได้รู้แล้ว" ไป๋ชิงยิ้มกล่าว พวกนางเคยเจอเย่อู่เหิงมาก่อน และก็รู้ว่าเย่อู่เหิงและมู่จิ่วซีสนิทกันไม่เลวชายรูปงามคนนี้ก็เป็นที่ต้องการหมายปองของหญิงสาวในพระนคร"ท่านพี่ ท่านพ่อบอกว่าเย่อู่เหิงชอบมู่จิ่วซีจริงงั้นเหรอ? เห็นว่าพูดต่อหน้าทุกคนด้วย" ไป๋เฟิ่งหว่านก็รู้ถึงเรื่องในงานเลี้ยงตอนกลางคืนวันนั้น"จิ่วซีออกจะโดดเด่นขนาดนั้น ถ้าข้าเป็นผู้ชายก็คงชอบ ไม่เห็นจะแปลก" ไป๋ชิงยิ้มกล่าวอย่างเรียบเฉยไป๋เฟิ่งหว่านก็เบ้ปากพูดออกมา : "มู่จิ่วซีทำไมถึงได้เปลี่ยนไปเก่งกาจขนาดนี้ ผู้ชายดีล้วนชอบนาง แล้วพวกเราจะทำอย่างไรดี?""ต่อให้ทุกคนชอบนาง นางก็แต่งงานด้วยได้แค่คนเดียว ผู้ชายคนอื่นยังไงก็ต้องสู่ขอภรรยาแต่งงาน เจ้าจะรีบร้อนอะไร?" ไป๋ชิงก็หัวเราะไป๋เฟิ่งหว่านขึ้นมา"ท่านพี่!" ไป๋เฟิ่งหว่านกระทืบเท้าและก็เห็นมู่จิ่วซียืนอยู่บนชั้น 3 กำลังหัวเราะพวกนาง"จิ่วซี" ไป๋ชิงก็ยิ้มเรียกนาง"กระแอ่ม มู่จิ่วซี เจ้าก็เชิญใต้เท้าเย่มาด้วยเหรอ?" ไป๋เฟิ่งหว่านถามอย่างเขินอายมู่จิ่วซีก็ยิ้มกล่าว : "ใช่ ข้าเชิญหนุ่
เย่อู่เหิงยิ้มกล่าว: "ฮั้วอวิ๋นเทียนคือเจ้าสำนักของหอดาราจันทรา อ้างจากคำพูดของจิ่วซีแล้ว เขาถือว่าเป็นชายรูปงามด้านบุ๋นก็เป็นเลิศ ด้านบู๊ก็มีพรสวรรค์เก่งกาจ""หอดาราจันทรา? นั่นไม่ใช่ว่าเป็นองค์กรมือสังหารหรอกเหรอ?" ไป๋ชิงกล่าวอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย"ไม่ผิดนัก ฉีฟั่งที่ลอบสังหารจิ่วซีก่อนหน้านี้ก็คือมือสังหารของหอดาราจันทรา แต่ว่าหอดาราจันทราแค่เปิดร้านทำธุรกิจ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกลัว""แค่มีเงินก็สามารถจ้างมือสังหารให้ลอบฆ่าคนได้แล้วหรอ?" ไป๋เฟิ่งหว่านอกสั่นขวัญแขวน"หลักการแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ดูจากเป้าหมายลอบสังหารแล้ว ข้าคิดว่าตอนนี้ฮั้วอวิ๋นเทียนไม่มีทางรับจ้างวานลอบสังหารจิ่วซีหรอก พวกเขาถือได้ว่าเป็นเพื่อนกัน" เย่อู่เหิงยิ้มกล่าวเบาๆด้านล่างของหอก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมา ไม่นานมู่จิ่วซีก็พาชายในชุดคลุมยาวสีแดงเดินขึ้นมาทั้งสี่คนก็ได้ลุกขึ้นมา มีเพียงผู้หญิงสามคนที่เผยสีหน้าตกใจหวาดกลัวขึ้นมาใบหน้าหล่อเหลาของฮั้วอวิ๋นเทียนกับใบหน้าคมคายดั่งชายชาตรีของโม่จุนและความหล่อเหลาสง่างามของเย่อู่เหิงไม่เหมือนกัน เป็นความงดงามอรชรอันมีเสน่ห์ เป็นใบหน้าที่ยากจะแยกออกได้ว่าคือสตรี
ไป๋ชิงยิ้มขึ้นมาเบาๆ: "เจ้าสำนักฮั้วและท่านผู้สำเร็จราชการแทนเคยมีเรื่องกันงั้นเหรอ?"ฮั้วอวิ๋นเทียนก็นั่งลงด้วยท่าทางครึ้มอกครึ้มใจ : "ชายคนนั้นก็เหมือนแค่นกยูงหัวสูงหยิ่งทระนง ทุกคนจะทำหน้าเคร่งครึม แน่นอนว่าขัดหูขัดตาข้า" ขณะพูดก็หัวเราะยิ้มออกมา"นกยูงหัวสูงหยิ่งทระนง?" ไป๋เฟิ่งหว่านถึลงตาโต นางถึงกับหลุดขำพริดออกมา "ข้าคิดว่าเหมือนน้ำแข็งพันปีและไม่มีวันจะละลายมากกว่า""ข้าเห็นด้วยกับท่านพี่หว่าน ท่านผู้สำเร็จราชการแทนเป็นคนเย็นชาจริงๆ ไม่มีใครจะเข้าใกล้เขาได้เลย" มู่เจินจูก็กล่าวอย่างหน้าแดงขึ้นมา"ท่านผู้สำเร็จราชการแทนเป็นถึงบุคคลระดับสูงที่มีอำนาจ จะมาทำหน้ายิ้มแย้มกับพวกเจ้าได้ที่ไหน" ไป๋ชิงก็ยิ้มและส่ายหัวขึ้นมา "แต่ว่านกยูงหัวสูงหยิ่งทระนงอย่างที่เจ้าสำนักฮั้วพูด ข้ากลับไม่คิดว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนั้นไม่เหมือน"เย่อู่เหิงก็ยิ้มโดยไม่พูดอะไรและช่วยรินชาให้กับทุกคน"เดี๋ยวพวกเจ้าก็จะได้รู้แล้ว" ฮั้วอวิ๋นเทียนยิ้มขึ้นมา ดวงตาโฉบเฉี่ยวของพญาหงส์หันไปตรงประตู ท่วงท่าของเขางดงามน่าดึงดูดประตูใหย่หอชมจันทร์ ในที่สุดโม่จุนก็ได้มาถึงแล้ว เขากับอานเย่ยืนอยู่ตรงปากประตูพร้อ
มู่จิ่วซีรู้สึกว่าสายของโม่จุนนั้นคมกริบและแฝงไปด้วยคำเตือน"ไม่ต้องหรอก ข่าวกรองนี้ข้ายกให้เป็นของขวัญกับคุณหนูใหญ่มู่ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับท่านผู้สำเร็จราชการแทนอย่างท่าน" ฮั้วอวิ๋นเทียนกล่าวอย่างไม่รักษาน้ำใจเลยไป๋ชิง ไป๋เฟิ่งหว่านและมู่เจินจูซึ่งนั่งอยู่ตรงโต๊ะก็ไม่กล้าพูดอะไรตั้งแต่โม่จุนเข้ามา แต่ชายหนุ่มรูปงามทั้งสามช่างทำให้จิตใจเบิกบานจริงๆแต่บรรยากาศที่เปลี่ยนไปในพริบตาแบบนี้ ก็ทำให้พวกนางถึงกับตกใจเนื้อเต้นฮั้วอวิ๋นเทียนและท่านผู้สำเร็จราชการแทนที่แท้ก็ไม่ใช่เพื่อนกัน"ฮิๆ ขอบคุณท่านพี่ฮั้วที่มอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ข้า" มู่จิ่วซีรีบพูดขึ้นมา "มาๆๆ กว่าจะออกมารวมตัวกันได้ทั้งที พวกเรามาดื่มกันสักแก้วเถอะ"มู่จิ่วซีก็ยกจอกเหล้าขึ้นมายังดีที่ทุกคนให้เกียรติไว้หน้า โม่จุนยกจอกเหล้าคนมาช้าเป้นคนสุดท้าย แต่อย่างน้อยเขาก็ยกขึ้นมา"เจ้าวันนี้เล่นอุบายอะไรของเจ้า?" โม่จุนหลังจากวางจอกเหล้าลง แววตาสีดำอันดุเดือดก็หันไปมองนางและกล่าว"โม่จุน เจ้าเลิกเคร่งเครียดขนาดนี้ได้ไหม ข้าแค่เรียกพวกเจ้าออกมาทานข้าว ถ้าไม่เชื่อ เจ้าไปถามอู่เหิงพวกเขาดู"เย่อู่เหิงก็ยิ้มกล่าวขึ้นมา : "เมื
มู่จิ่วซีก็ดีใจขึ้นมาทันทีและยิ้มกล่าว: "แน่นอนว่าเป็นของสนุก มาสิ แต่ละคนเอาไปคนละอัน"ขณะพูดก็เอากล่องไม้แจกจ่ายให้พวกผู้ชายคนละใบ ส่วนของที่ทำมาจากลวดเหล็กก็เอาไปแบ่งให้กับพวกผู้หญิง"นี่คือกล่องกลไกหรอ?" ฮั้วอวิ๋นเทียนlสนใจเป็นอย่างมาก สายตาก็ทอเป็นประกาย เขาพอหยิบขึ้นมาบนมือก็รู้ได้ทันที"ไม่เชิง นี่คือกล่องหลู่ปันที่ออกแบบมาไม่ซ้ำกัน ค่อนข้างน่าสนใจ สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำก็แค่เปิดออกมา อย่าแรงมากนัก" มู่จิ่วซีพยักหน้าและก็กล่าว (หลู่ปัน เทพเจ้าแห่งการก่อสร้างของจีน ช่างไม้จากนครหลู่เมืองที่ถือขนบขงจื๊อทางตอนเหนือของจีน ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงระหว่างศตวรรษที่แปดถึงศตวรรษที่ห้าก่อนคริสตกาล)จากนั้นก็ยิ้มกล่าวกับพวกผู้หญิงทั้งสามคน : "ในมือของพวกเจ้าเองก็เป็นกลไกเช่นกัน ลวดเหล็กสองเส้นได้ผูกพันเข้าด้วยกัน สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำก็คือแก้ปมออก พอแก้ออกแล้วลวดเหล็กจะมีลักษณะเหมือนกัน แล้วก็อย่าใช้แรงพยายามแก้ปมล่ะ"น่าสนใจ น่าสนใจ จิ่วซีต้องการจะประเมินสมันสมองของทุกคนสินะ" ฮั้วอวิ๋นเทียนก็ดูสนใจมีเลศนัยขึ้นมา"แหม มันสมองหรอ ข้าไม่ไวหรอก ข้าโง่มากเลย" ไป๋เฟิ่งหว่านหยิบขึ้นมาไว้ในมือและ
"ที่แท้วันนี้เจ้าก็ให้พวกข้ามาลองทดสอบให้เจ้างั้นสินะ" ในใจโม่จุนก็คิดว่ามู่จิ่วซีผู้หญิงคนนี้มีหรือจะทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์เสียง "แกร๊ก" ดังขึ้น กล่องไม้ในมือโม่จุนได้ถูกเปิดออกและในเวลาเดียวกัน กล่องในมือของฮั้วอวิ๋นเทียนก็มีเสียงแกร๊กดังเปิดออกมาส่วนเย่อู่เหิงนั้นช้าอยู่หน่อย แต่เขาก็เปิดออกมาได้แล้ว"กล่องพวกนี้น่าพิศวงจริงๆ" ดวงตาเย่อู่เหิงทอประกายทั้งสองข้าง "พวกเราแลกกันหน่อยไหม?" เขาสนใจมากขึ้นไปอีกฮั้วอวิ๋นเทียนยิ้มขึ้นมาและพยักหน้ากล่าว : "หัวสมองของจิ่วซีทำมาจากอะไร ขนาดกลไกแบบนี้นางยังคิดออกมาได้" จกานั้นเขากับเย่อู่เหิงก็สลับแลกกันแต่เขายังไม่ได้เริ่มแก้ปริศนาในทันที แต่กลับส่งต่อให้โม่จุนโม่จุนก็เหลือบมองเขาครู่หนึ่ง และเอาในมือแลกกับของเขา แบบนั้นในมือทั้งสามคนก็สลับไม่เหมือนกันทันใดนั้นทั้งสามคนก็ก้มหน้างุ่มง่ามขึ้นมามู่จิ่วซีเองก็นั่งลงทานอาหารและยิ้มกล่าวออกมา : "ในหัวของข้ามีเรื่องสนุกอีกหลายอย่าง เดี๋ยวค่อยกลับไปทำออกมา จากนั้นก็เอาไปไว้ที่หอโม่ช่างเหวิน ถ้าชายงามอย่างพวกเจ้าสามคนมักไปนั่งที่หอโม่ช่างเหวินล่ะก็ ธุรกิจของข้าก็คงจะรุ่งเรืองดีวันดีคืน"
มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็ดวงตาทอเป็นประกายและกล่าวขึ้นมา: "ให้ตายสิ ท่านพี่ฮั้ว เจ้าพูดได้ดีจริงๆ พูดได้ตามมาตรฐานหลักเกณฑ์ในการเลือกคู่ครองเลย ฮาๆๆ มาๆๆ มาดื่มด้วยกันสักจอก"ฮั้วอวิ๋นเทียนก็หัวเราะออกมาทันที พอกันไปมองโม่จุนก็ยิ้มกล่าวออกมา : "จิ่วซี เจ้าเมื่อก่อนไม่ใช่คนแบบนี้""เจ้าก็เอาแต่พูดถึงเมื่อก่อน เมื่อก่อนเป็นความคิดของหญิงสาว ขอเพียงเป็นหนุ่มรูปงามก็ล้วนได้ทั้งหมด ตอนนี้พอคิดดูแล้วตอนนี้ก็ไร้เดียงสาเกินไป รูปงามไปแล้วมีข้าวกินอื่มหรือไง? รูปงามไปเอาไว้เฉยชมได้ทั้งชีวิตหรือไง?" มู่จิ่วซีหลังจากดื่มเหล้าก็ส่ายหัวและเงยหน้าขึ้นมา "ไม่ได้ไง ดังนั้น ข้าตอนนี้ก็เลยเปลี่ยนแปลง"โม่จุนแค่ฟังก็รู้สึกไม่สบายใจ นางกำลังพูดถึงเขางั้นเหรอ? แต่ก่อนนางมองว่าเขาดูดี เลยอยากจะแต่งกับเขา แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว?"แกร๊ก!" กล่องในมือของเย่อู่เหิงก็ส่งเสียงดังออกมา เขาเปิดออกได้แล้ว"ช่างน่าพิศวงจริงๆ" เย่อู่เหิงกล่าวอย่างอารมณ์ดีคึกคัก จากนั้นก็มองในมือของฮั้วอวิ๋นเทียน มันยังมีอีกกล่องที่เขายังไม่ได้ลองเล่น เขาอยากจะเล่น"อู่เหิง เจ้าทานสักหน่อยสิ พวกเขายังแก้ไม่ได้เลย" มู่จิ่วซีก็ยิ้มกล่าว "อะ
"ได้ๆๆ เจ้าโมโหอีกแล้ว คราวนี้ข้าไม่ได้หานายโลม แค่ไปหอนางโลมเฟ้นหาแม่นางที่มีความสามารถ ถึงอย่างไรโรงสุราก็มีแขกผู้ชายมากกว่า ถ้าให้เสี่ยวเอ้อทั้งหมดเป็นแม่นางที่หน้าตาดีทั้งหมด แบบนี้ธุรกิจต้องดีขึ้นมากแน่ไม่ใช่หรอ?" แววตาสองข้างของมู่จิ่วซีก็ปรากฎ$$ขึ้นมาโม่จุนอีกนิดก็แทบจะโมโหตาย ฮั้วอวิ๋นเทียนกลับเลิกคิ้วและกล่าวขึ้นมา : "จิ่วซี ธุรกิจของเจ้าไม่เลวเลย ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีหัวด้านการค้า โรงสุราของข้ามีชื่อว่าหอหงหยุน ไม่ทราบว่าเจ้าเคยไปไหม?""ฮาๆๆ หอหงหยุนนี่เอง ไม่ใช่ว่าอยู่ตรงข้ามบ่อนพนันหอจินหม่านหรอกเหรอ? ข้าไปมาหลายครั้งแล้ว แต่ว่าไปหอจินหม่านบ่อยมากกว่า" มู่จิ่วซีกล่าวยิ้มอย่างเขินๆ"ท่านพี่ เจ้าแต่ก่อนก็แพ้พนันไปไม่น้อย ท่านแม่ของข้าแทบจะโมโหตาย" มู่เจินจูรีบกล่าวขึ้นมามู่จิ่วซีก็เกาหัวและก็กล่าว : "10 ครั้งแพ้ 9 ครั้งเป็นเรื่องจริง แต่ว่าหากข้าไม่ได้แพ้มากขนาดนั้น ตอนนี้ก็คงไม่มีทางจะเดิมพันอะไรก็ชนะทุกอย่างหรอกเหรอ แบบนี้เรียกว่าคนเราต้องฝึกฝนมีประสบการณ์ต่างหากสิ?""พรืด!" เย่อู่เหิงสำลักพ่นเหล้าออกมา ยังดีที่เขาหันหน้าไปด้านข้างทันเวลา ไม่งั้นคงกระจายลงอาหารทั้งโต๊ะ
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่