ไป๋ชิงยิ้มขึ้นมาเบาๆ: "เจ้าสำนักฮั้วและท่านผู้สำเร็จราชการแทนเคยมีเรื่องกันงั้นเหรอ?"ฮั้วอวิ๋นเทียนก็นั่งลงด้วยท่าทางครึ้มอกครึ้มใจ : "ชายคนนั้นก็เหมือนแค่นกยูงหัวสูงหยิ่งทระนง ทุกคนจะทำหน้าเคร่งครึม แน่นอนว่าขัดหูขัดตาข้า" ขณะพูดก็หัวเราะยิ้มออกมา"นกยูงหัวสูงหยิ่งทระนง?" ไป๋เฟิ่งหว่านถึลงตาโต นางถึงกับหลุดขำพริดออกมา "ข้าคิดว่าเหมือนน้ำแข็งพันปีและไม่มีวันจะละลายมากกว่า""ข้าเห็นด้วยกับท่านพี่หว่าน ท่านผู้สำเร็จราชการแทนเป็นคนเย็นชาจริงๆ ไม่มีใครจะเข้าใกล้เขาได้เลย" มู่เจินจูก็กล่าวอย่างหน้าแดงขึ้นมา"ท่านผู้สำเร็จราชการแทนเป็นถึงบุคคลระดับสูงที่มีอำนาจ จะมาทำหน้ายิ้มแย้มกับพวกเจ้าได้ที่ไหน" ไป๋ชิงก็ยิ้มและส่ายหัวขึ้นมา "แต่ว่านกยูงหัวสูงหยิ่งทระนงอย่างที่เจ้าสำนักฮั้วพูด ข้ากลับไม่คิดว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนั้นไม่เหมือน"เย่อู่เหิงก็ยิ้มโดยไม่พูดอะไรและช่วยรินชาให้กับทุกคน"เดี๋ยวพวกเจ้าก็จะได้รู้แล้ว" ฮั้วอวิ๋นเทียนยิ้มขึ้นมา ดวงตาโฉบเฉี่ยวของพญาหงส์หันไปตรงประตู ท่วงท่าของเขางดงามน่าดึงดูดประตูใหย่หอชมจันทร์ ในที่สุดโม่จุนก็ได้มาถึงแล้ว เขากับอานเย่ยืนอยู่ตรงปากประตูพร้อ
มู่จิ่วซีรู้สึกว่าสายของโม่จุนนั้นคมกริบและแฝงไปด้วยคำเตือน"ไม่ต้องหรอก ข่าวกรองนี้ข้ายกให้เป็นของขวัญกับคุณหนูใหญ่มู่ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับท่านผู้สำเร็จราชการแทนอย่างท่าน" ฮั้วอวิ๋นเทียนกล่าวอย่างไม่รักษาน้ำใจเลยไป๋ชิง ไป๋เฟิ่งหว่านและมู่เจินจูซึ่งนั่งอยู่ตรงโต๊ะก็ไม่กล้าพูดอะไรตั้งแต่โม่จุนเข้ามา แต่ชายหนุ่มรูปงามทั้งสามช่างทำให้จิตใจเบิกบานจริงๆแต่บรรยากาศที่เปลี่ยนไปในพริบตาแบบนี้ ก็ทำให้พวกนางถึงกับตกใจเนื้อเต้นฮั้วอวิ๋นเทียนและท่านผู้สำเร็จราชการแทนที่แท้ก็ไม่ใช่เพื่อนกัน"ฮิๆ ขอบคุณท่านพี่ฮั้วที่มอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ข้า" มู่จิ่วซีรีบพูดขึ้นมา "มาๆๆ กว่าจะออกมารวมตัวกันได้ทั้งที พวกเรามาดื่มกันสักแก้วเถอะ"มู่จิ่วซีก็ยกจอกเหล้าขึ้นมายังดีที่ทุกคนให้เกียรติไว้หน้า โม่จุนยกจอกเหล้าคนมาช้าเป้นคนสุดท้าย แต่อย่างน้อยเขาก็ยกขึ้นมา"เจ้าวันนี้เล่นอุบายอะไรของเจ้า?" โม่จุนหลังจากวางจอกเหล้าลง แววตาสีดำอันดุเดือดก็หันไปมองนางและกล่าว"โม่จุน เจ้าเลิกเคร่งเครียดขนาดนี้ได้ไหม ข้าแค่เรียกพวกเจ้าออกมาทานข้าว ถ้าไม่เชื่อ เจ้าไปถามอู่เหิงพวกเขาดู"เย่อู่เหิงก็ยิ้มกล่าวขึ้นมา : "เมื
มู่จิ่วซีก็ดีใจขึ้นมาทันทีและยิ้มกล่าว: "แน่นอนว่าเป็นของสนุก มาสิ แต่ละคนเอาไปคนละอัน"ขณะพูดก็เอากล่องไม้แจกจ่ายให้พวกผู้ชายคนละใบ ส่วนของที่ทำมาจากลวดเหล็กก็เอาไปแบ่งให้กับพวกผู้หญิง"นี่คือกล่องกลไกหรอ?" ฮั้วอวิ๋นเทียนlสนใจเป็นอย่างมาก สายตาก็ทอเป็นประกาย เขาพอหยิบขึ้นมาบนมือก็รู้ได้ทันที"ไม่เชิง นี่คือกล่องหลู่ปันที่ออกแบบมาไม่ซ้ำกัน ค่อนข้างน่าสนใจ สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำก็แค่เปิดออกมา อย่าแรงมากนัก" มู่จิ่วซีพยักหน้าและก็กล่าว (หลู่ปัน เทพเจ้าแห่งการก่อสร้างของจีน ช่างไม้จากนครหลู่เมืองที่ถือขนบขงจื๊อทางตอนเหนือของจีน ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงระหว่างศตวรรษที่แปดถึงศตวรรษที่ห้าก่อนคริสตกาล)จากนั้นก็ยิ้มกล่าวกับพวกผู้หญิงทั้งสามคน : "ในมือของพวกเจ้าเองก็เป็นกลไกเช่นกัน ลวดเหล็กสองเส้นได้ผูกพันเข้าด้วยกัน สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำก็คือแก้ปมออก พอแก้ออกแล้วลวดเหล็กจะมีลักษณะเหมือนกัน แล้วก็อย่าใช้แรงพยายามแก้ปมล่ะ"น่าสนใจ น่าสนใจ จิ่วซีต้องการจะประเมินสมันสมองของทุกคนสินะ" ฮั้วอวิ๋นเทียนก็ดูสนใจมีเลศนัยขึ้นมา"แหม มันสมองหรอ ข้าไม่ไวหรอก ข้าโง่มากเลย" ไป๋เฟิ่งหว่านหยิบขึ้นมาไว้ในมือและ
"ที่แท้วันนี้เจ้าก็ให้พวกข้ามาลองทดสอบให้เจ้างั้นสินะ" ในใจโม่จุนก็คิดว่ามู่จิ่วซีผู้หญิงคนนี้มีหรือจะทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์เสียง "แกร๊ก" ดังขึ้น กล่องไม้ในมือโม่จุนได้ถูกเปิดออกและในเวลาเดียวกัน กล่องในมือของฮั้วอวิ๋นเทียนก็มีเสียงแกร๊กดังเปิดออกมาส่วนเย่อู่เหิงนั้นช้าอยู่หน่อย แต่เขาก็เปิดออกมาได้แล้ว"กล่องพวกนี้น่าพิศวงจริงๆ" ดวงตาเย่อู่เหิงทอประกายทั้งสองข้าง "พวกเราแลกกันหน่อยไหม?" เขาสนใจมากขึ้นไปอีกฮั้วอวิ๋นเทียนยิ้มขึ้นมาและพยักหน้ากล่าว : "หัวสมองของจิ่วซีทำมาจากอะไร ขนาดกลไกแบบนี้นางยังคิดออกมาได้" จกานั้นเขากับเย่อู่เหิงก็สลับแลกกันแต่เขายังไม่ได้เริ่มแก้ปริศนาในทันที แต่กลับส่งต่อให้โม่จุนโม่จุนก็เหลือบมองเขาครู่หนึ่ง และเอาในมือแลกกับของเขา แบบนั้นในมือทั้งสามคนก็สลับไม่เหมือนกันทันใดนั้นทั้งสามคนก็ก้มหน้างุ่มง่ามขึ้นมามู่จิ่วซีเองก็นั่งลงทานอาหารและยิ้มกล่าวออกมา : "ในหัวของข้ามีเรื่องสนุกอีกหลายอย่าง เดี๋ยวค่อยกลับไปทำออกมา จากนั้นก็เอาไปไว้ที่หอโม่ช่างเหวิน ถ้าชายงามอย่างพวกเจ้าสามคนมักไปนั่งที่หอโม่ช่างเหวินล่ะก็ ธุรกิจของข้าก็คงจะรุ่งเรืองดีวันดีคืน"
มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็ดวงตาทอเป็นประกายและกล่าวขึ้นมา: "ให้ตายสิ ท่านพี่ฮั้ว เจ้าพูดได้ดีจริงๆ พูดได้ตามมาตรฐานหลักเกณฑ์ในการเลือกคู่ครองเลย ฮาๆๆ มาๆๆ มาดื่มด้วยกันสักจอก"ฮั้วอวิ๋นเทียนก็หัวเราะออกมาทันที พอกันไปมองโม่จุนก็ยิ้มกล่าวออกมา : "จิ่วซี เจ้าเมื่อก่อนไม่ใช่คนแบบนี้""เจ้าก็เอาแต่พูดถึงเมื่อก่อน เมื่อก่อนเป็นความคิดของหญิงสาว ขอเพียงเป็นหนุ่มรูปงามก็ล้วนได้ทั้งหมด ตอนนี้พอคิดดูแล้วตอนนี้ก็ไร้เดียงสาเกินไป รูปงามไปแล้วมีข้าวกินอื่มหรือไง? รูปงามไปเอาไว้เฉยชมได้ทั้งชีวิตหรือไง?" มู่จิ่วซีหลังจากดื่มเหล้าก็ส่ายหัวและเงยหน้าขึ้นมา "ไม่ได้ไง ดังนั้น ข้าตอนนี้ก็เลยเปลี่ยนแปลง"โม่จุนแค่ฟังก็รู้สึกไม่สบายใจ นางกำลังพูดถึงเขางั้นเหรอ? แต่ก่อนนางมองว่าเขาดูดี เลยอยากจะแต่งกับเขา แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว?"แกร๊ก!" กล่องในมือของเย่อู่เหิงก็ส่งเสียงดังออกมา เขาเปิดออกได้แล้ว"ช่างน่าพิศวงจริงๆ" เย่อู่เหิงกล่าวอย่างอารมณ์ดีคึกคัก จากนั้นก็มองในมือของฮั้วอวิ๋นเทียน มันยังมีอีกกล่องที่เขายังไม่ได้ลองเล่น เขาอยากจะเล่น"อู่เหิง เจ้าทานสักหน่อยสิ พวกเขายังแก้ไม่ได้เลย" มู่จิ่วซีก็ยิ้มกล่าว "อะ
"ได้ๆๆ เจ้าโมโหอีกแล้ว คราวนี้ข้าไม่ได้หานายโลม แค่ไปหอนางโลมเฟ้นหาแม่นางที่มีความสามารถ ถึงอย่างไรโรงสุราก็มีแขกผู้ชายมากกว่า ถ้าให้เสี่ยวเอ้อทั้งหมดเป็นแม่นางที่หน้าตาดีทั้งหมด แบบนี้ธุรกิจต้องดีขึ้นมากแน่ไม่ใช่หรอ?" แววตาสองข้างของมู่จิ่วซีก็ปรากฎ$$ขึ้นมาโม่จุนอีกนิดก็แทบจะโมโหตาย ฮั้วอวิ๋นเทียนกลับเลิกคิ้วและกล่าวขึ้นมา : "จิ่วซี ธุรกิจของเจ้าไม่เลวเลย ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีหัวด้านการค้า โรงสุราของข้ามีชื่อว่าหอหงหยุน ไม่ทราบว่าเจ้าเคยไปไหม?""ฮาๆๆ หอหงหยุนนี่เอง ไม่ใช่ว่าอยู่ตรงข้ามบ่อนพนันหอจินหม่านหรอกเหรอ? ข้าไปมาหลายครั้งแล้ว แต่ว่าไปหอจินหม่านบ่อยมากกว่า" มู่จิ่วซีกล่าวยิ้มอย่างเขินๆ"ท่านพี่ เจ้าแต่ก่อนก็แพ้พนันไปไม่น้อย ท่านแม่ของข้าแทบจะโมโหตาย" มู่เจินจูรีบกล่าวขึ้นมามู่จิ่วซีก็เกาหัวและก็กล่าว : "10 ครั้งแพ้ 9 ครั้งเป็นเรื่องจริง แต่ว่าหากข้าไม่ได้แพ้มากขนาดนั้น ตอนนี้ก็คงไม่มีทางจะเดิมพันอะไรก็ชนะทุกอย่างหรอกเหรอ แบบนี้เรียกว่าคนเราต้องฝึกฝนมีประสบการณ์ต่างหากสิ?""พรืด!" เย่อู่เหิงสำลักพ่นเหล้าออกมา ยังดีที่เขาหันหน้าไปด้านข้างทันเวลา ไม่งั้นคงกระจายลงอาหารทั้งโต๊ะ
"ทั้งบรรเลงและขับร้อง? ดูเหมือนว่าเจ้าสำนักอย่างข้าจะเข้าใจเจ้าน้อยไป"สีหน้าของฮั้วอวิ๋นเทียนรอคอยอย่างมาก ก่อนหน้านี้บทเพลง"ลำนำแห่งกว่างหลิง"ก็ได้ทำให้เขาตกใจอย่างมากแล้ว คราวนี้ไม่คิดว่าจะขับร้องด้วย?มู่จิ่วซีนั่งอยู่ตรงหน้ากู่ฉินเพื่อทดสอบเสียง จากนั้นก็เงยหน้ามองคนที่โต๊ะและเผยรอยยิ้ม : "บทเพลงนี้ข้าแต่งขึ้นเอง พวกเจ้าลองทนฟังหน่อยแล้วกัน""ท่านพี่ ท่านยังแต่งเพลงเองได้ด้วยหรอ สุกยอดไปเลย" มู่เจินจูคารวะนับถือนางจริงๆ แต่ที่มากกว่านั้นก็คือความน่าเหลือเชื่อ นางไปเรียนรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่เสียงของฉินดังขึ้น แตกต่างจากทำนางที่พวกเขาคุ้นเคย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เพราะ ในทางตรงกันข้ามกลับรู้สึกพิเศษมากอีกทั้งทักษะฉินมู่จิ่วซีก็ล้ำเลิศจริงๆ ไม่รู้สึกแข็งกระด้าง บทเพลงลื่นไหลอย่างมาก ทำให้อารมณ์ของผู้คนรู้สึกคล้อยตามอย่างมากสายตาของฮั้วอวิ๋นเทียนร้อนผ่าว แววตาของเย่อู่เหิงดีใจจนทอเป็นประกาย ส่วนแววตาโม่จุนกลับมืดมน ทางด้านหญิงสาวทั้งสามคนก็มองมู่จิ่วซีอย่างตื่นเต้นจากนั้นมู่จิ่วซีก็อ้าปากขับร้องบทเพลง "เพื่อน""ปลายปีผ่านมาอยู่ตัวคนเดียว พบเจอมาทั้งฝนฟ้าคะนอง พายุโหมกระหน่ำ มีทั้ง
"เจ้าคือมู่จิ่วซีจริงๆ อย่างงั้นเหรอ?" โม่จุนพูดออกมาอย่างเรียบเฉย ทำให้มู่จิ่วซีกลับรู้สึกปวดใจขึ้นมา"คิดว่าข้าคือมู่ปาซีหรือไง?" มู่จิ่วซีกรพริบตาปริบๆ ท่าทางมีเลศนัยอย่างมาก"ข้าแค่รู้สึกว่าพ่อของเจ้าไม่มีทางมีลูกสาวที่ยอดเยี่ยมแบบเจ้าได้" คำพูดของโม่จุนทำให้ทุกคนต่างพยักหน้ามู่เจินจูแทบจะร้องไห้พร้อมกับกล่าวออกมา : "ท่านพี่ ท่านจะมากเกินไปแล้ว ตอนเด็กๆ ท่านแม่เอาไม้เรียวเขี่ยวเข็นข้าให้เรียนบรรเลงฉิน ส่วนเจ้าตอนนั้นบรรเลงจนหมอหอนผียังร้องไห้ ทำไมตอนนี้จู่ๆ ถึงได้บรรเลงได้ไพเราะขึ้นมา ทำนองบรรเลงพวกนี้ข้าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน...""ฮิๆๆ ข้าไม่ใช่ว่าก็แค่อยากทำให้เจ้ากับท่านแม่ได้ตกใจไม่ใช่หรือไง" มู่จิ่วซีกล่าวปลอบใจ "ทำนองเพลงของข้านั้นง่ายมาก ไม่ได้ซับซ้อนเหมือนที่พวกเจ้าร่ำเรียน ข้าบรรเลงทำนองซับซ้อนไม่เป็นหรอก ก็เลยคิดทำนองง่ายๆ ขึ้นมา"มุมปากของฮั้วอวิ๋นเทียนก็กระตุก นางสามารถบรรเลง"หงส์ฟ้าหาคู่" "ลำนำแห่งกว่างหลิง" นางโกหกจนเขาอยากจะตีนางเสียจริงแต่ว่าเห็นได้ชัดว่าจิตใจของมู่จิ่วซีนั้นดีงาม เพียงเพื่อปลอมโยนผู้คน กลับไม่ลังเลที่จะพูดให้ตัวเองดูแย่"ข้าอยากเรียน ข้าอยาก