มู่จิ่วซีกล่าวยิ้มอย่างขมขื่น: "องค์ชายสามชมเกินไป ข้าก็แค่รักษาม้าเป็นทั้งที่รู้ว่าม้าตายแล้ว" (รักษาม้าเป็นทั้งที่รู้ว่าม้าตายแล้ว หมายถึง รู้ชัดว่าไม่มีความหวังแล้ว แต่ยังมีความหวังเลือนราง ลองพยายามเต็มที่)โม่จุนกระแอมออกมาและพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ : "องค์ชายสาม องค์หญิงสือ ในเมื่อพระชายาสามได้บอกพวกเจ้าถึงชาติกำเนิดของนางแล้ว งั้นพวกท่านมีแผนว่าอย่างไร"ชั่วขณะนั้นแววตาองค์ชายสามก็ทอประกายแสงมืดมน จากนั้นก็ยิ้มกล่าวออกมา : "ท่านผู้สำเร็จราชการแทน พระชายาสามเป็นองค์หญิงเจ็ดแคว้นซีเย่ว์ของพวกเรา แน่นอนว่าต้องเชิญเดินทางกลับไป""องค์ชายสาม ท่านพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก นางตอนนี้เปรียบเสมือนได้อภิเษกกับท่านอ๋องสามของพวกเราแล้ว ตอนนี้ได้เป็นพระชายาสามมาเป็นเวลานานแล้ว จะให้กลับแคว้นซีเย่ว์ได้อย่างไร" มู่จิ่วซีเลิกคิ้วกล่าว"แม้จะพูดแบบนี้ แต่หากเสด็จพ่อรู้ว่าเสด็จน้องเจ็ดยังมีชีวิตอยู่ เสด็จพ่อจะต้องตื่นเต้นแน่นอน ตอนนั้นเสด็จน้องเจ็ดหายไป ก็ได้ตามหามาเป็นเวลานาน ไม่คาดคิดจริงๆ ว่าจะมาถึงแคว้นเกาอวิ๋น และยังได้เป็นพระชายาสาม""พวกเจ้าทราบเรื่องของตระกูลเซียวไหม? พระชายาสามมีชีวิตอยู่ ก็เพรา
มู่จิ่วซีและโม่จุนก็มองตากัน ทั้งสองเองก็สงสารเซียวหลิงเย่ว์ ดูเหมือนองค์หญิงเจ็ดในสายตาของแคว้นซีเย่ว์จะมีค่าแค่ธัญพืช 10,000 ตันองค์หญิงสือสีหน้าก็ซีดขาว เห็นได้ชัดว่านางเองนึกถึงชะตากรรมของตัวเองขึ้นมาได้"ช่วงที่องค์หญิงสือยังไม่ได้เลือกกำหนดพระสวามี ข้าจะจัดการให้นางพักอยูที่จวนอ๋องสามไปก่อน เจ้าและองค์หญิงเจ็ดก็ถือว่าได้มีเพื่อนอาศัยด้วยกัน แบบนี้เป้นไงบ้าง?" โม่จุนพูดกับเฟิงสือหย่าเฟิงสือหย่าก็สะดุ้ง จากนั้นก็รีบลุกขึ้นมาถวายคำนับ : "ขอบพระทัยท่านผู้สำเร็จราชการแทน หย่าเอ๋อร์สำนักบุญคุณอย่างสุดซึ้ง"ไม่นานนัก องค์ชายสามและเฟิงสือหย่าก็เลือกจะกลับไปยังศาลาพักม้า หลังจากมู่จิ่วซีหันไปมองอาการของเซียวหลิงเย่ว์ก็พูดขึ้นมา : "โม่จุน ข้าต้องกลับจวนก่อนแล้ว เจ้าเฝ้าไปก่อน"โม่จุนเงยหน้าขึ้นมามองนาง ก็เห็นความเย็นชาในแววตาของนาง ในอ้อมอกก็ปวดร้าวอย่างไม่มีเหตุผล"ข้าจะให้แพทย์หลวงมาเฝ้า จิ่วซี พอจะย้ายนางกลับไปยังจวนอ๋องสามได้ไหม?""ทางที่ดีอย่าเคลื่อนไหว หากผ่านคืนนี้ไปโดยไม่เป็นอะไร ก็สามารถย้ายได้แล้ว" มู่จิ่วซีรับสั่งกับเหล่าบรรดาแพทย์หลายอย่าง เพราะคืนนี้เซียวหลิงเย่ว์อาจจ
มู่เจินจูตกตะลึง จากนั้นก็กล่าวอย่างดีใจ: "ท่านพี่ ท่านพูดจริงๆ เหรอ? เจ้าจะสอนศาสตร์ป้องกันตัวให้ข้าเหรอ?""อืม เจ้าคือน้องสาวของข้า ข้าไม่ได้หวังให้เจ้าเกิดเรื่องอะไรอีก" มู่จิ่วซีมองนางพร้อมกับยิ้มกล่าวมู่เจินจูทันใดนั้นก็รู้สึกตื้นตัน จากนั้นก็ปาดน้ำตาและพยักหน้าภายในเรือนก็มีเสียงของมู่เทียนซิงดังเข้ามา"ซีเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้วเรอะ?""ท่านพ่อ ท่านกลับมาแล้ว? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?" มู่จิ่วซีพอเห็นท่านพ่อของนางเองดูเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางก็ตกใจเล็กน้อย"ถูกอัครมหาเสนาบดีไป๋เรียกไปดื่มชาแต่เช้าน่ะ" มู่เทียนซิงกล่าวมู่จิ่วซีก็กล่าวอย่างตกใจ : "ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีหาท่านพ่อมีธุระอะไรงั้นเหรอ?""ซีเอ๋อร์ เมื่อวานพ่อไม่ใช่ว่าแพ้ให้กับเขาหรือไง" มู่เทียนซิงก็ยิ้มอย่างเขินๆมู่จิ่วซีก็เลิกคิ้วและกล่าว : "ท่านพ่อ ท่านเดิมพันว่าข้าจะแพ้ใช่ไหม?""แค่กๆๆ ก็แค่การประลองแรก ใครจะไปรู้ว่าเจ้าจะเป็นงานเย็บปักถักร้อยด้วย พ่อเองก็แพ้จริงๆ" มู่เทียนซิงถูกภรรยาของตัวเองมองขวางเข้าให้ ทันใดนั้นก็รู้สึกขลาดกลัว"ท่านพ่อ ท่านไม่ได้เชื่อใจพี่ใหญ่เลย" มู่เจินจูพอได้ยินก็พูดขึ้นมา"แค่กๆๆ พ่
คุณหญิงมู่ก็ลงมือจัดการตบมู่เทียนซิงไปอีกที: "เจ้าขายลูกสาว ยังจะหาเหออะไรอีก! เอาของออกมาเดี๋ยวนี้!"มู่เทียนซิงได้แต่กล่าวอย่างน่าสงสาร : "ซีเอ๋อร์ เจ้าอย่าโกรธสิ เรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลเสียกับเจ้าเลยไม่ใช่หรือไง? พ่อเองก็ได้ขูดรีดไอแก่นั่นด้วยหน่อยนึง""เจ้าเอาลูกสาวไปขายแล้วยังจะมาทำมีเหตุผลอีก!" คุณหญิงมู่โกรธจนทิ้งตัวเองนั่ลงมู่จิ่วซีรีบเดินมาหาท่านแม่ของนางเองและยิ้มกล่าว : "ท่านแม่ ท่านอย่าโกรธไปเลย อันที่จริงท่านพ่อเองก็ไม่ได้พูดอะไรผิด ถ้าข้าได้กลายเป็นลูกบุญธรรมของอัครมหาเสนาบดีไป๋ ข้าก็จะมีใบบุญให้พึ่งพิงมากมาย อีกอย่างอัครมหาเสนาบดีไป๋เองก็น่าสงสารจริงๆ ข้าจะต้องสนิทกับไป๋ชิงได้ดีแน่ ลูกบุญธรรมก็ลูกบุญธรรมสิ"พอพูดจบก็ยื่นมืออกมาและกล่าวต่อ : "ท่านพ่อ ทองทับกระดาษสองอันนั้นเอามาให้ข้า กริชชิงหลงให้ข้าด้วย ไม่มีการเจรจาต่อรองอะไรทั้งนั้น ดาบราชาหมาป่าก็ให้ท่านไปแล้ว ท่านอย่าได้คืบจะเอาศอกดีกว่า"มู่เทียนซิงก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายเขาก็ได้แต่เอากริชชิงหลงออกมามู่จิ่วซีก็เพียงเหลือบเห็นก็ชอบทันที กริชทำมาจากทองแดง โกร่งกริชสลักเป็นมังกรชิงหลง ตอนชักออกมาจากปอกกริ
"ซีเอ๋อร์ พ่อเห็นคุณค่าหวงแหนเจ้ามาก เจ้าพูดแบบนี้มันทำร้ายจิตใจพ่อ" มู่เทียนซิงรีบกล่าวออกมามู่จิ่วซีไม่สนใจเขาพร้อมกับรีบเรียกให้เอาชามาให้ ไม่นานนักไป๋ชินเตี่ยนก็ยิ้มแย้มเดินเข้ามา"ซีเอ๋อร์น้อมคำนับท่านพ่อบุญธรรม" มู่จิ่วซีคุกเข่าแสดงความเคารพทันทีอัครมหาเสนาบดีไป๋ก็ตกใจ จากนั้นก็หัวเราะกล่าวออกมาเสียงดัง : "ดีๆๆ ไม่คาดคิดว่าคนแก่อย่างข้าจะมีวาสนาขนาดนี้ ซีเอ๋อร์รีบลุกขึ้นเถอะ"ไป๋ชินเตี่ยนตกใจพร้อมกับรีบช่วยพยุงมู่จิ่วซีลุกขึ้นมา"ไอแก่ ข้าไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยสักอย่าง กริชชิงหลงก็ถูกซีเอ๋อร์เอาไป ทองทับกระดาษก็ถูกภรรยาข้าเอาไปแล้ว" มู่เทียนซิงทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเขาทำธุรกิจขาดทุน"ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องขายหน้าหรอก พ่อบุญธรรมเชิญนั่ง ซีเอ๋อร์มีเรื่องจะอยู่พอดี พ่อบุญธรรมช่วยซีเอ๋อร์วิเคราะห์หน่อย" มู่จิ่วซีกล่าวมู่เทียนซิงก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที จากนั้นมู่จิ่วซีก็เล่าเรื่องของเซียวหลิงเย่ว์ให้ฟังรวมถึงเซียวหลิงเย่ว์คือลูกสาวบุญธรรมซึ่งเป็นของปรมาจารย์ของโม่จุน และก็เป็นองค์หญิงเจ็ดของแคว้นซีเย่ว์เล่าออกมาให้ฟังไป๋ชินเตี่ยนและมู่เทียนซิงพอได้ยินก็มีสีหน้าตกใจ"พ
มู่จิ่วซีขมวดคิ้วและกล่าว: "แต่หากพระชายาสามถูกลอบสังการจนตายไปจริงๆ พวกเราก็เป็นไปได้ที่จะไม่ต้องช่วยนางและมอบธัญพืช 10,000 ตันให้ไม่ใช่หรือไง?""ฮาๆ เซียวหลิงเย่ว์ได้เผยตัวตนของนางเองออกมาแล้ว ดังนั้นหากนางตายไป องค์ชายสามก็จะบอกว่าองค์หญิงเจ็ดแห่งแคว้นซีเย่ว์ถูกลอบสังการตายในแคว้นเกาอวิ๋น ความขัดแย้งของทั้งสองแคว้นก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น เกรงว่าธัญพืชแค่ 10,000 ตันคงไม่อาจประนีประนอมได้" โม่จุนก็กล่าวขึ้นมาในทันที"ดังนั้นหากพระชายาสามตาย พวกเราก็ต้องประนีประนอมเรื่องนี้ให้สงบ เลยต้องมอบธัญพืชกับองค์ชายสามมากขึ้น" เสียงของมู่จิ่วซีก็กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึมโม่จุนก็พยักหน้าและกล่าว : "ถึงอย่างไรต่อให้พวกเขากลับไป จักรพรรดิแคว้นซีเย่ว์ก็คงจะก่อปัญหาขึ้นมาอย่างแน่นอน บอกว่าเพื่อล้างแค้นให้กับองค์หญิงเจ็ด ต่อให้เขาไม่ได้ก่อปัญหาขึ้นมาในทันที แต่เฟิ่งหล่าวคนหกล่ะ?"อัครมหาเสนาบดีไป๋ก็รีบกล่าวขึ้นมา : "ตอนนี้องค์ชายสามได้ธัญพืชมาเพิ่ม 10,000 ตัน ซึ่งถือว่าพอจะขายผ้าเอาหน้ารอดไปได้ งั้นเรื่องขอลองค์หญิงเจ็ด เกรงว่าเขากลับไปแล้วก็คงจะไม่พูดออกมา""เมื่อมองแบบนี้ พระชายาสามก็ช่างน่าสงสารจริ
พอนึกถึงว่าโม่จุนมีความรู้สึกกับมู่จิ่วซี จะช้าหรือเร็วเขาก็ต้องพบว่า เมื่อตอนนั้นทั้งสองคนแต่งงานกัน เขาที่เป็นพ่อบุญธรรมของมู่จิ่วซีก็จะได้เป็นผู้ใหญ่ของโม่จุนแน่นอน"อัครมหาเสนาบดี เจ้ากับจวนแม่ทัพใหญ่ใกล้ชิดขนาดนี้จะดีจริงๆ หรือ?" โม่จุนกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม"โม่จุน เจ้าหมายความว่าไง นี่ยังจะมีอะไรไม่ดีอีก หรือเจ้าคิดว่าท่านพ่อกับท่านพ่อบุญธรรมข้าร่วมมือกันก่อกบฎหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"ซีเอ๋อร์!" มู่เทียนซิงถูกมู่จิ่วซีทำให้ตกใจกลัวจนเหงื่อเย็นๆ ไหลออกมาไป๋ชินเตี่ยนเองก็ตกใจจนหน้าซีดขาว : "ซีเอ๋อร์ อย่าพูดสามหาว""ท่านพ่อกับท่านพ่อบุญธรรมของข้าล้วนซื่อสัตย์ภักดีต่อแคว้นเกาอวิ๋น โม่จุน เจ้าอย่ามาหวาดระแวงกันดีกว่า แบบนี้จะทำให้คนอื่นเสียน้ำใจ""ข้าไม่ได้พูดอะไรเลย ก็แค่คิดว่าไม่เหมาะสม""ข้ายอมรับเขาเป็นพ่อบุญธรรมแล้วเกี่ยวอะรไกับเจ้าด้วย เรื่องนี้เจ้ายังจะยุ่งอีกหรอ? นี่เจ้าจะยุ่มย่ามมากเกินไปแล้วไหม?" มู่จิ่วซีก็ขมวดคิ้วแน่นมากขึ้นในทันทีมู่เทียนซิงและอัครมหาเสนาบดีไป๋ก็มองตากัน พวกเขากังวลเล็กน้อยกับความคิดของโม่จุน เขาคงไม่คิดจริงๆ ว่าพวกเขาร่วมมือกันหรอกใ
มู่จิ่วซีก้กล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น: "ขอบคุณลุงไป๋ งั้นขอก็ไม่ขอปฏิเสธความหวังดีของท่านล่ะกัน" จากนั้นนางก็หันมองโม่จุนอย่างอวดดี"เจ้าเองก็รู้จักกริชเล่มนี้สินะ ความคมของมันเหลือจะเชื่อเลยจริงๆ"โม่จุนก็หันมองกริชชิงหลงเล่มนั้นและกล่าว : "กริชเล่มนี้ ตอนที่เสด็จปู่ของข้าได้รับมา ได้ยินว่ามาจากแค้วนอู มีตำนานท่อนหนึ่งได้กล่าวเอาไว้ หลังจากนี้หากพบคนของแค้วนอู จงระวังที่จะใช้มันให้ดี"อัครมหาเสนาบดีไป๋ตกตะลึงในสายตาและกล่าวออกมา : "ข้าน้อยเองไม่ทราบเรื่องเลย ท่านผู้สำเร็จราชการแทนพอจะเล่าได้หรือไม่"มู่จิ่วซีเองก็สงสัยในทันทีและพยักหน้ากล่าว : "ตำนานอะไร เจ้ารีบพูดมาให้ฟังเร็วๆ" นางขณะพูดก็เล่นกริชในมือไปด้วยพอดูไปดูมา นางก็กลับพบว่าตรงหัวมังกรชิงหลงชิงหลงด้านหลังมีร่องอยู่ร่องหนึ่ง เพียงแต่ร่องนี้ เนื่องจากสาเหตุเพราะเป็นทองแดง เลยยากจะมองออกได้ เลยทำให้ไม่มีคนใส่ใจนายเลยค่อยๆ ใช้แรงขยับ แต่ว่าก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรโม่จุนคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พูดขึ้นมา : "ทุกคนต่างรู้ว่าภายในบรรดาทั้ง 6 แคว้น แค้วนอูขนาดเล็กที่สุด แต่ก็เป็นแคว้นที่ลึกลับมากสุดเช่นกัน ตั้งอยู่ในหุบเขาของตะวันตกเฉียง