โม่จุนพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ : "แคว้นเกาอวิ๋นของเราทางทิศตะวันตกติดต่อกับแคว้นซีเย่ว์ สถานการณ์ชายแดนมักจะไม่ค่อยสงบราบลื่นตลอดทั้งปี มักจะมีความขัดแย้งเกิดขึ้นมาดดยตลอด นี่ก็ใกล้จะฤดูหนาวแล้ว แคว้นซีเย่ว์จะต้องอยากแลกเปลี่ยนอาหารธัญพืชกับแคว้นเกาอวิ๋นอย่างมาก แต่ว่าอาหารธัญพืชปีนี้ของแคว้นเกาอวิ๋นก็ไม่ได้มีปริมาณสูงมากนัก""ไม่เยอะก็ไม่ต้องให้ไง ยังคิดจะต่อสู้ทำสงครามอยู่อีกเหรอ?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว "ข้าได้ช่วยเรื่องเงินเดือนทหารไปแล้วนะ""กระแอ่มๆๆ ถึงจะพูดแบบนี้ แต่หากเลี่ยงการสู้รบได้ สิ่งที่ดีที่สุดคือการไม่สู้ ไม่อย่างนั้นคนที่ต้องทนลำบากขมขื่นก็คือพสกนิกร" โม่จุนถอนหายใจมู่จิ่วซีเบ้ปากและก็กล่าว : "ที่เจ้าพูดก็ไม่เลว แต่ว่าคนพวกนี้ต้องการจะได้ประโยชน์ หรือว่าคนพวกนี้มาทุกปีเลยงั้นเหรอ? เจ้าเมื่อครู่ก็เป็นคนพูดเองว่าได้คืบจะเอาศอก"ดวงตาสีดำของโม่จุนก็ได้เหลือบมองนาง ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงได้เจ้าเล่ห์นัก?"ปีนี้ทางแคว้นเป่ยจิ้นเองก็สถานการณ์ไม่ค่อยสงบ หน้าหนาวปีนี้จะต้องหนาวมากเป็นพิเศษ แคว้นเป่ยจิ้นอันที่จริงต้องการอาหารธัญพืชมากยิ่งกว่าแคว้นซีเย่ว์ อย่างที่คาดไว้ เดือนหน้าแคว้นเ
"ใช่ หากแคว้นเกาอวิ๋นเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไปมีหน้าบอกับบรรพบุรุษยังไง" แววตาของโม่จุนก็แน่วแน่ขึ้นมา"เอาล่ะ พอพูดถึงเรื่องนี้ข้าก็ปวดหัว แต่ว่าโม่จุน เจ้านี่มันโชคดีจริงๆ แม้ว่าจะไม่สามารถสั่งทหารทำสงครามได้ แต่ว่าการจับไส้ศึก การทำเรื่องลับลมคมในอย่างการลอบสังหาร ข้าถือว่าพอจะมีฝีมืออยู่บ้าง ดังนั้นเจ้าดูแลภายนอก ข้าดูแลภายใน แคว้นเกาอวิ๋นจะต้องไม่เป็นอะไร"มู่จิ่วซีพริบตาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษ"จิ่วซี เจ้าทำไมถึงได้ชำนาญเรื่องที่มีลับลมคมในแบบนี้?" ประโยคคำพูดของโม่จุนทำให้มู่จิ่วซีที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษก็ได้หายไปทันทีแต่พอมาคิดถึงคำอธิบายภายนอกภายในก็ทำให่รู้สึกเหมือนสามีภรรยา"กระแอ่มๆๆ นี่มันขุดคุ้ยเรื่องอดีตกันไม่ใช่เหรอ?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างดูถูก "ข้าไม่บอกเจ้าหรอก เจ้าจำไว้แค่ว่าข้าคือลูกสาวของมู่เทียนซิง คนของแคว้นเกาอวิ๋นก็พอ"โม่จุนมองไปที่นางกำลังทำท่าภาคภูมิใจและกล่าวออกมา : "พ่อของเจ้าทำสงครามเก่งมาก แต่ด้านอื่นๆ เขาไม่เก่งเท่าเจ้าซึ่งเป็นลูกสาว หรือว่าแม่เจ้าก็เป็นคนลึกลับซับซ้อน?""เจ้าอยากรู้จริงๆ งั้นเหรอ?" มู่จิ่วซีหรี่ตาลงและมองเขาอย่างอันตราย
โม่จุนถูกนางโมโหใส่จนหนาวสั่นไปครู่หนึ่ง"เจ้าเรียกข้าว่าอะไร?" โม่จุนคิดว่าหูของตัวเองมีปัญหาได้ยินผิด"ผู้ชายชาติหมา!" มู่จิ่วซีโมโหใส่เขาออกไปตรงๆ"มู่จิ่วซี! เจ้ากล้ายอกย้อนแล้ว!" โม่จุนก็โมโหดุร้ายออกมา เขาเป็นท่านผู้สำเร็จราชการแทนที่สูงส่ง แต่กลับมาถูกนางเรียกว่าผู้ชายชาติหมา?"เจ้าอยากจะหลอกเงินข้า งั้นเจ้าก็คือผู้ชายชาติหมา ผู้ชายสารเลว!" มู่จิ่วซีไม่ได้กลัวเขาเลยแม้แต่น้อย"มู่จิ่วซี เอาสิ ในสายตาของเจ้า ข้าไม่ได้ดีไปกว่าเศษเงินของเจ้างั้นสินะ" โม่จุนโมโหจนโกรธสั่นไปทั้งตัว"โม่จุน เจ้าเข้าใจะไรผิดไปรึเปล่า? เอาตัวเองมาเียบกับเงิน? เจ้าจะยกเยินยอตัวเองสูงไปแล้วไหม?" มู่จิ่วซีรู้สึกขำกับคำพูดของเขา"เจ้า?" โม่จุนอีกนิดก็เกือบจะสำลักความโกรธ "ข้าไม่อาจเทียบกับเงินได้แล้ว?"นี่เขาเองเอาตัวเองไปเทียบกับเงินไม่ได้ยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่ถึงขนาดที่เขาไม่มีสิทธิเอาตัวเองไปเทียบแล้วงั้นเหรอ?"เอาไปเปรียบเทียบกันไม่ได้จริงๆ มันเทียบกันไม่ได้ ระหว่างเงิน 1 ตำลึงกับเจ้า ข้าเองก็เลือกเงิน 1 ตำลึง" มู่จิ่วซีจงใจแหย่เขา ไอผู้ชายชาติหมาคนนี้คงต้องโดนสั่งสอนเสียบ้างโม่จุนโกรธจนหน้ามื
"สาวใช้ข้างกายก็คือสาวใช้คอยปรนนิบัติรับใช้ ข้าให้เจ้าทำอะไรเจ้าก็ต้องอย่างนั้น" โม่จุนสูดหายใจและกล่าวออกมา มีแค่ใบหน้าหลอเหล่าเท่านั้นที่ร้อนผ่าวอย่างผิดปกติผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจเกินไป นางไปร่ำเรียนมาจากไหนกันแน่ หรือว่าเพราะไปหอหล่านจวี๋มาหลายครั้ง?ให้ตายเถอะ ทำไมนางถึงจะมีระเบียบมารยาทกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไงนะ!"แบบนั้นคงไม่ได้ ถึงตอนนั้นเจ้าบังคับให้ข้าเอาเงินให้เจ้า เจ้าคิดว่าเป็นไปได้ไหมล่ะ?" มู่จิ่วซีเบ้ปากโม่จุนอีกนิดก็แทบจะกระอักเลือด สมองของนางเติบโตมายังไงกันแน่ ในหัวทำไมถึงมีแต่เงิน หรือว่าเงินงอกออกมาเป็นสมองให้นาง?"ก็แค่สาวใช้ตามปกติที่ทำเรื่องทั่วไป เช่นข้าไปไหนเจ้าก็ต้องติดตามไปด้วย รินช้าให้ จัดการดูแลอาหารทุกมื้อของข้า เป็นสาวใช้ที่มีความคล่องแคล่วและฉลาดเฉลียว ระยะเวลาแค่เดือนเดียว เป็นไง?"โม่จุนในใจก็คิดว่าหนึ่งเดือนนี้เขาจะกำจัดนิสัยแย่ๆ ของนางทิ้งไปซะ ให้นางได้รู้ว่าใครคือเจ้านาย และยังเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกถึงความสำเร็จพอเห็นนางภูมิใจยโสโอหังเกินไป เขาก็อยากทำให้นางอ่อนโยนประพฤติตัวดีสักหน่อย"ข้ารู้สึกว่าไม่คุ้ม" มู่จิ่วซีทำสีหน้าสงสัย
ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีไป๋ชินเตี่ยนแค่สงสัยโม่จุนที่เรียกซีเอ๋อร์ชื่อนี้ออกมา อีกอย่างข้างๆ ไม่ใช่ว่าก็มีสาวใช้ยืนอยู่หลายคนแล้วหรอกเหรอ? ก็ไม่เห็นว่าโม่จุนจะเรียกอะไรเลยเพียงแต่พอหันกลับมามอง ตอนที่เขาเห็นใบหน้างดงามของมู่จิ่วซีสวมชุดของสาวใช้ เขาอีกนิดก็เกือบจะล้มหงายจากบนเก้าอี้"คุณหนูใหญ่มู่? เจ้า นี่คือเจ้า?" อัครมหาเสนาบดีไป๋สะดุ้งตกใจมู่จิ่วซีก็รีบกระตุกยิ้มที่มุมปาก นางย่อตัวเคารพและกล่าว : "น้อมเคารพใต้เท้าอัครมหาเสนาบดี" จากนั้นนางก็หันหลังไปน้อมตัวเคารพให้กับโม่จุนเพราะกับดัดเสียงพูดออกมา "ซีเอ๋อร์น้อมเคารพท่านผู้สำเร็จราชการแทน""คุณหนูใหญ่มู่ เจ้า เจ้าทำอะไรของเจ้าเนี่ย?" ไป๋ชินเตี่ยนตกใจสะพรึงกลัว เขามองไปที่มู่จิ่วซีและท่านผู้สำเร็จราชการแทนอย่างไม่รู้จะหัวเราะดีหรือร้องไห้ดีโม่จุนส่งเสียงกระแอมออกมาเหมือนอยากจะหัวเราะและกล่าวออกมา : "ซีเอ๋อร์ วันนี้ไปเจ้าคือบ่าวรับใช้คนหนึ่งในจวนของข้า เจ้าต้องเข้าใจมารยาทและขนบธรรมเนียม เข้าใจไหม?"มู่จิ่วซีกลอกตามองบน ในก็คิดว่าไอชาติหมาโม่จุนคนนี้ พอได้ทีก็ขี่แพะไล่เลยนะแต่พอนึกถึงหอโม่ช่างเหวินราวกับทองแวววาวหลังนั้น นางก็
ประโยคนี้ของมู่จิ่วซี ทำให้อัครมหาเสนาบดีไป๋เงยขึ้นมามองนาง จากนั้นเขาก็หันไปมองโม่จุนและกล่าว : "ท่านผู้สำเร็จราชการแทน คุณหนูใหญ่มู่ดูจะปลอมใจคนเป็นยิ่งกว่าท่านเสียอีก"ใบหน้าหล่อเหลาอันเฉยเมยของโม่จุนก็ได้ยิ้มขึ้นมา ดวงตาสีดำของเขามองมู่จิ่วซีอย่างลึกล้ำ"ปากของนางน่ะ ใต้หล้านี้ไม่มีใครสู้ได้อีกแล้ว ขนาดข้ายังยอมคารวะ""ฮาๆๆ" อัครมหาเสนาบดีไป๋หัวเราะออกมา ดวงตาวัยแก่ชราอันแสนฉลาดก็มองไปที่ใบหน้าของโม่จุน จากนั้นก็หันไปมองใบหน้าของมู่จิ่วซี"ความเปลี่ยนแปลงของคุณหนูใหญ่มู่ทำให้ทุกคนตกตะลึงจริงๆ ข้ากับตาเฒ่ามู่ต่อสู้กันมาเนิ่นนาน ตรงจุดนี้ของรุ่นลูกที่เทียบเขาไม่ได้เลยจริงๆ""ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดี เจ้ากับพ่อข้าล้วนอายุยังน้อย เพิ่งจะอายุ 40 ปี เป็นช่วงทองคำของผู้ชาย ให้มีลูกอีกสักสองคนก็ไม่มีปัญหา ถ้าเจ้ารู้สึกว่ามีแค่ไป๋ชิงและไป๋เฟิ่งหว่านยังไม่พอ ข้าว่าเจ้าจัมีลูกเพิ่มอีกก็ยังได้ แน่นอนหากสมรรถภาพบางด้านของเจ้าไม่ไหว ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้เจ้าก็ได้ รับรองว่ามังกรผงาดพยัคฆ์คำราม มีลูกหัวปีท้ายปีแน่นอน!" มู่จิ่วซีก็พูดโน้มน้าวให้กำลังใจเขา"พรูด!" โม่จุนที่เพิ่งจะดื่มชาลงไปก็สำลั
โม่จุนชะงักสั่นไปทั้งตัว เขาจ้องมองโม่จุนด้วยสายตาจริงจัง จากนั้นก็ส่ายหัวเบาๆ"พวกเขาอยู่ในท่าแบบนั้นได้นาน แต่การจะอยู่ในสภาวะกลบกลืนกับธรรมชาติแบบเจ้า และไม่ถูกศัตรูจับได้คงจะเป็นการยากอย่างมาก" โม่จุนกล่าวมู่จิ่วซีพยักหน้าและกล่าว : "ดังนั้นทหารมังกรดำของเจ้าหากต้องมาเผชิญกับข้า ข้าคนเดียวคงฆ่าได้สัก 10 คนและอาจจะมากกว่านี้ด้วย"อานเย่พริบตาก็มีเหงื่อไหลออกมาโม่จุนมองนางพักหนึ่งก่อนจะพยักหน้า : "ก็จริง พวกชุดดำในคืนนั้นก็ไม่ได้แย่ไปกว่าทหารมังกรดำ""การฝึกทหารเดนตายสักคนขึ้นมาได้ต้องลำบากมาก หากส่งให้ไปตาย นั่นก็เท่ากับขาดทุน โม่จุน ข้ารู้สึกว่าข้าสามารถช่วยเจ้าฝึกฝนทหารมังกรดำของเจ้าได้ อย่างน้อยในด้านสภาวะการลอบสังการ ก็คงจะพัฒนาเพิ่มขึ้นได้อีกสักระดับ"มู่จิ่วซีพูดขึ้นมาพร้อมกับเดินไปทางห้างข้างๆ ตรงข้ามกับห้องหนังสือ เพราะตรงนั้นเป็นที่พักของนางหนึ่งเดือดนต่อจากนี้ในจวนท่านผู้สำเร็จราชการแทน"เจ้าลองเอาไปคิดดู ข้าจะไปอาบน้ำก่อน"โม่จุนยืนอยู่ภายในเรือน อานเย่จู่ๆ ก็พูดขึ้นมา : "คุณท่าน อันที่จริงจี๋เฟิงและคนอื่นๆ ก็ไม่ได้เชื่อว่าคุณหนูใหญ่จะอาศัยพละกำลังของนางคนเดียวใ
โม่จุนเห็นนางเอากุ้งทั้งตัวที่ยังไม่ปอกเปลือกยัดเข้าไปในปากทั้งตัว จากนั้นปากของนางก็บิดๆ เบี้ยวๆ ไปมา จนในตอนท้ายนางก็คายเปลือกกุ้งออกมา ทันใดนั้นเขาก็มองนางอย่างน่ารังเกียจ"ไม่มีพิษเจ้าคะ อันนี้อร่อยมาก" มู่จิ่วซีก็คีบกุ้งตัวใหญ่ให้โม่จุน"ปอกเปลือก!"โม่จุนกล่าวอย่างโมโห "มีที่ไหนคีบอาหารให้นายท่านแบบนี้? ให้ข้าปอกเองหรือไง?""มือเจ้าพิการหรือไง? ปอกเองไม่เป็น? มือใช้ไม่ได้ก็ใช้ปากแทนก็ได้ ใครมันจะไปทนนิสัยแย่ๆ ของเจ้าแบบนี้ได้กัน!" มู่จิ่วซีไม่ทันได้ระวังก็แอบเผลอโพล่งเป็นตัวเองออกมา"มู่จิ่วซี!" โม่จุนอีกนิดก็เกือบจะตบโต๊ะด้วยความโมโห "เจ้าคือบ่าวรับใช้!""ใช่ๆๆ บ่าวผิดไปแล้วเจ้าคะ บ่าวปอกให้ บ่าวปอกให้แล้วยังไม่พออีกหรือไง?" มู่จิ่วซีก็หย่อนก้นลงนั่งและเริ่มปอกเปลือกกุ้งแต่ในใจของนางก็ได้กล่าวทักทายบรรพบุรุษ 18 ชั่วโคตรของโม่จุนไปเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าเพื่อหอโม่ช่างเหวินแล้ว นางต้ออดทนให้ได้!โม่จุนก็มองทักษะการปอกเปลือกกุ้งของนางอย่างขอไปทีจนตาของเขาเผ็ดร้อน พร้อมกับรู้สึกว่านางปอกให้เขาแบบนี้มันจะยังกินได้อยู่อีกเหรอ?"เอาไป!" มู่จิ่วซีปอกกุ้งได้ตัวหนึ่งก็เอามาวางไว้ในชา