"ใช่ หากแคว้นเกาอวิ๋นเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไปมีหน้าบอกับบรรพบุรุษยังไง" แววตาของโม่จุนก็แน่วแน่ขึ้นมา"เอาล่ะ พอพูดถึงเรื่องนี้ข้าก็ปวดหัว แต่ว่าโม่จุน เจ้านี่มันโชคดีจริงๆ แม้ว่าจะไม่สามารถสั่งทหารทำสงครามได้ แต่ว่าการจับไส้ศึก การทำเรื่องลับลมคมในอย่างการลอบสังหาร ข้าถือว่าพอจะมีฝีมืออยู่บ้าง ดังนั้นเจ้าดูแลภายนอก ข้าดูแลภายใน แคว้นเกาอวิ๋นจะต้องไม่เป็นอะไร"มู่จิ่วซีพริบตาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษ"จิ่วซี เจ้าทำไมถึงได้ชำนาญเรื่องที่มีลับลมคมในแบบนี้?" ประโยคคำพูดของโม่จุนทำให้มู่จิ่วซีที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษก็ได้หายไปทันทีแต่พอมาคิดถึงคำอธิบายภายนอกภายในก็ทำให่รู้สึกเหมือนสามีภรรยา"กระแอ่มๆๆ นี่มันขุดคุ้ยเรื่องอดีตกันไม่ใช่เหรอ?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างดูถูก "ข้าไม่บอกเจ้าหรอก เจ้าจำไว้แค่ว่าข้าคือลูกสาวของมู่เทียนซิง คนของแคว้นเกาอวิ๋นก็พอ"โม่จุนมองไปที่นางกำลังทำท่าภาคภูมิใจและกล่าวออกมา : "พ่อของเจ้าทำสงครามเก่งมาก แต่ด้านอื่นๆ เขาไม่เก่งเท่าเจ้าซึ่งเป็นลูกสาว หรือว่าแม่เจ้าก็เป็นคนลึกลับซับซ้อน?""เจ้าอยากรู้จริงๆ งั้นเหรอ?" มู่จิ่วซีหรี่ตาลงและมองเขาอย่างอันตราย
โม่จุนถูกนางโมโหใส่จนหนาวสั่นไปครู่หนึ่ง"เจ้าเรียกข้าว่าอะไร?" โม่จุนคิดว่าหูของตัวเองมีปัญหาได้ยินผิด"ผู้ชายชาติหมา!" มู่จิ่วซีโมโหใส่เขาออกไปตรงๆ"มู่จิ่วซี! เจ้ากล้ายอกย้อนแล้ว!" โม่จุนก็โมโหดุร้ายออกมา เขาเป็นท่านผู้สำเร็จราชการแทนที่สูงส่ง แต่กลับมาถูกนางเรียกว่าผู้ชายชาติหมา?"เจ้าอยากจะหลอกเงินข้า งั้นเจ้าก็คือผู้ชายชาติหมา ผู้ชายสารเลว!" มู่จิ่วซีไม่ได้กลัวเขาเลยแม้แต่น้อย"มู่จิ่วซี เอาสิ ในสายตาของเจ้า ข้าไม่ได้ดีไปกว่าเศษเงินของเจ้างั้นสินะ" โม่จุนโมโหจนโกรธสั่นไปทั้งตัว"โม่จุน เจ้าเข้าใจะไรผิดไปรึเปล่า? เอาตัวเองมาเียบกับเงิน? เจ้าจะยกเยินยอตัวเองสูงไปแล้วไหม?" มู่จิ่วซีรู้สึกขำกับคำพูดของเขา"เจ้า?" โม่จุนอีกนิดก็เกือบจะสำลักความโกรธ "ข้าไม่อาจเทียบกับเงินได้แล้ว?"นี่เขาเองเอาตัวเองไปเทียบกับเงินไม่ได้ยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่ถึงขนาดที่เขาไม่มีสิทธิเอาตัวเองไปเทียบแล้วงั้นเหรอ?"เอาไปเปรียบเทียบกันไม่ได้จริงๆ มันเทียบกันไม่ได้ ระหว่างเงิน 1 ตำลึงกับเจ้า ข้าเองก็เลือกเงิน 1 ตำลึง" มู่จิ่วซีจงใจแหย่เขา ไอผู้ชายชาติหมาคนนี้คงต้องโดนสั่งสอนเสียบ้างโม่จุนโกรธจนหน้ามื
"สาวใช้ข้างกายก็คือสาวใช้คอยปรนนิบัติรับใช้ ข้าให้เจ้าทำอะไรเจ้าก็ต้องอย่างนั้น" โม่จุนสูดหายใจและกล่าวออกมา มีแค่ใบหน้าหลอเหล่าเท่านั้นที่ร้อนผ่าวอย่างผิดปกติผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจเกินไป นางไปร่ำเรียนมาจากไหนกันแน่ หรือว่าเพราะไปหอหล่านจวี๋มาหลายครั้ง?ให้ตายเถอะ ทำไมนางถึงจะมีระเบียบมารยาทกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไงนะ!"แบบนั้นคงไม่ได้ ถึงตอนนั้นเจ้าบังคับให้ข้าเอาเงินให้เจ้า เจ้าคิดว่าเป็นไปได้ไหมล่ะ?" มู่จิ่วซีเบ้ปากโม่จุนอีกนิดก็แทบจะกระอักเลือด สมองของนางเติบโตมายังไงกันแน่ ในหัวทำไมถึงมีแต่เงิน หรือว่าเงินงอกออกมาเป็นสมองให้นาง?"ก็แค่สาวใช้ตามปกติที่ทำเรื่องทั่วไป เช่นข้าไปไหนเจ้าก็ต้องติดตามไปด้วย รินช้าให้ จัดการดูแลอาหารทุกมื้อของข้า เป็นสาวใช้ที่มีความคล่องแคล่วและฉลาดเฉลียว ระยะเวลาแค่เดือนเดียว เป็นไง?"โม่จุนในใจก็คิดว่าหนึ่งเดือนนี้เขาจะกำจัดนิสัยแย่ๆ ของนางทิ้งไปซะ ให้นางได้รู้ว่าใครคือเจ้านาย และยังเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกถึงความสำเร็จพอเห็นนางภูมิใจยโสโอหังเกินไป เขาก็อยากทำให้นางอ่อนโยนประพฤติตัวดีสักหน่อย"ข้ารู้สึกว่าไม่คุ้ม" มู่จิ่วซีทำสีหน้าสงสัย
ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีไป๋ชินเตี่ยนแค่สงสัยโม่จุนที่เรียกซีเอ๋อร์ชื่อนี้ออกมา อีกอย่างข้างๆ ไม่ใช่ว่าก็มีสาวใช้ยืนอยู่หลายคนแล้วหรอกเหรอ? ก็ไม่เห็นว่าโม่จุนจะเรียกอะไรเลยเพียงแต่พอหันกลับมามอง ตอนที่เขาเห็นใบหน้างดงามของมู่จิ่วซีสวมชุดของสาวใช้ เขาอีกนิดก็เกือบจะล้มหงายจากบนเก้าอี้"คุณหนูใหญ่มู่? เจ้า นี่คือเจ้า?" อัครมหาเสนาบดีไป๋สะดุ้งตกใจมู่จิ่วซีก็รีบกระตุกยิ้มที่มุมปาก นางย่อตัวเคารพและกล่าว : "น้อมเคารพใต้เท้าอัครมหาเสนาบดี" จากนั้นนางก็หันหลังไปน้อมตัวเคารพให้กับโม่จุนเพราะกับดัดเสียงพูดออกมา "ซีเอ๋อร์น้อมเคารพท่านผู้สำเร็จราชการแทน""คุณหนูใหญ่มู่ เจ้า เจ้าทำอะไรของเจ้าเนี่ย?" ไป๋ชินเตี่ยนตกใจสะพรึงกลัว เขามองไปที่มู่จิ่วซีและท่านผู้สำเร็จราชการแทนอย่างไม่รู้จะหัวเราะดีหรือร้องไห้ดีโม่จุนส่งเสียงกระแอมออกมาเหมือนอยากจะหัวเราะและกล่าวออกมา : "ซีเอ๋อร์ วันนี้ไปเจ้าคือบ่าวรับใช้คนหนึ่งในจวนของข้า เจ้าต้องเข้าใจมารยาทและขนบธรรมเนียม เข้าใจไหม?"มู่จิ่วซีกลอกตามองบน ในก็คิดว่าไอชาติหมาโม่จุนคนนี้ พอได้ทีก็ขี่แพะไล่เลยนะแต่พอนึกถึงหอโม่ช่างเหวินราวกับทองแวววาวหลังนั้น นางก็
ประโยคนี้ของมู่จิ่วซี ทำให้อัครมหาเสนาบดีไป๋เงยขึ้นมามองนาง จากนั้นเขาก็หันไปมองโม่จุนและกล่าว : "ท่านผู้สำเร็จราชการแทน คุณหนูใหญ่มู่ดูจะปลอมใจคนเป็นยิ่งกว่าท่านเสียอีก"ใบหน้าหล่อเหลาอันเฉยเมยของโม่จุนก็ได้ยิ้มขึ้นมา ดวงตาสีดำของเขามองมู่จิ่วซีอย่างลึกล้ำ"ปากของนางน่ะ ใต้หล้านี้ไม่มีใครสู้ได้อีกแล้ว ขนาดข้ายังยอมคารวะ""ฮาๆๆ" อัครมหาเสนาบดีไป๋หัวเราะออกมา ดวงตาวัยแก่ชราอันแสนฉลาดก็มองไปที่ใบหน้าของโม่จุน จากนั้นก็หันไปมองใบหน้าของมู่จิ่วซี"ความเปลี่ยนแปลงของคุณหนูใหญ่มู่ทำให้ทุกคนตกตะลึงจริงๆ ข้ากับตาเฒ่ามู่ต่อสู้กันมาเนิ่นนาน ตรงจุดนี้ของรุ่นลูกที่เทียบเขาไม่ได้เลยจริงๆ""ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดี เจ้ากับพ่อข้าล้วนอายุยังน้อย เพิ่งจะอายุ 40 ปี เป็นช่วงทองคำของผู้ชาย ให้มีลูกอีกสักสองคนก็ไม่มีปัญหา ถ้าเจ้ารู้สึกว่ามีแค่ไป๋ชิงและไป๋เฟิ่งหว่านยังไม่พอ ข้าว่าเจ้าจัมีลูกเพิ่มอีกก็ยังได้ แน่นอนหากสมรรถภาพบางด้านของเจ้าไม่ไหว ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้เจ้าก็ได้ รับรองว่ามังกรผงาดพยัคฆ์คำราม มีลูกหัวปีท้ายปีแน่นอน!" มู่จิ่วซีก็พูดโน้มน้าวให้กำลังใจเขา"พรูด!" โม่จุนที่เพิ่งจะดื่มชาลงไปก็สำลั
โม่จุนชะงักสั่นไปทั้งตัว เขาจ้องมองโม่จุนด้วยสายตาจริงจัง จากนั้นก็ส่ายหัวเบาๆ"พวกเขาอยู่ในท่าแบบนั้นได้นาน แต่การจะอยู่ในสภาวะกลบกลืนกับธรรมชาติแบบเจ้า และไม่ถูกศัตรูจับได้คงจะเป็นการยากอย่างมาก" โม่จุนกล่าวมู่จิ่วซีพยักหน้าและกล่าว : "ดังนั้นทหารมังกรดำของเจ้าหากต้องมาเผชิญกับข้า ข้าคนเดียวคงฆ่าได้สัก 10 คนและอาจจะมากกว่านี้ด้วย"อานเย่พริบตาก็มีเหงื่อไหลออกมาโม่จุนมองนางพักหนึ่งก่อนจะพยักหน้า : "ก็จริง พวกชุดดำในคืนนั้นก็ไม่ได้แย่ไปกว่าทหารมังกรดำ""การฝึกทหารเดนตายสักคนขึ้นมาได้ต้องลำบากมาก หากส่งให้ไปตาย นั่นก็เท่ากับขาดทุน โม่จุน ข้ารู้สึกว่าข้าสามารถช่วยเจ้าฝึกฝนทหารมังกรดำของเจ้าได้ อย่างน้อยในด้านสภาวะการลอบสังการ ก็คงจะพัฒนาเพิ่มขึ้นได้อีกสักระดับ"มู่จิ่วซีพูดขึ้นมาพร้อมกับเดินไปทางห้างข้างๆ ตรงข้ามกับห้องหนังสือ เพราะตรงนั้นเป็นที่พักของนางหนึ่งเดือดนต่อจากนี้ในจวนท่านผู้สำเร็จราชการแทน"เจ้าลองเอาไปคิดดู ข้าจะไปอาบน้ำก่อน"โม่จุนยืนอยู่ภายในเรือน อานเย่จู่ๆ ก็พูดขึ้นมา : "คุณท่าน อันที่จริงจี๋เฟิงและคนอื่นๆ ก็ไม่ได้เชื่อว่าคุณหนูใหญ่จะอาศัยพละกำลังของนางคนเดียวใ
โม่จุนเห็นนางเอากุ้งทั้งตัวที่ยังไม่ปอกเปลือกยัดเข้าไปในปากทั้งตัว จากนั้นปากของนางก็บิดๆ เบี้ยวๆ ไปมา จนในตอนท้ายนางก็คายเปลือกกุ้งออกมา ทันใดนั้นเขาก็มองนางอย่างน่ารังเกียจ"ไม่มีพิษเจ้าคะ อันนี้อร่อยมาก" มู่จิ่วซีก็คีบกุ้งตัวใหญ่ให้โม่จุน"ปอกเปลือก!"โม่จุนกล่าวอย่างโมโห "มีที่ไหนคีบอาหารให้นายท่านแบบนี้? ให้ข้าปอกเองหรือไง?""มือเจ้าพิการหรือไง? ปอกเองไม่เป็น? มือใช้ไม่ได้ก็ใช้ปากแทนก็ได้ ใครมันจะไปทนนิสัยแย่ๆ ของเจ้าแบบนี้ได้กัน!" มู่จิ่วซีไม่ทันได้ระวังก็แอบเผลอโพล่งเป็นตัวเองออกมา"มู่จิ่วซี!" โม่จุนอีกนิดก็เกือบจะตบโต๊ะด้วยความโมโห "เจ้าคือบ่าวรับใช้!""ใช่ๆๆ บ่าวผิดไปแล้วเจ้าคะ บ่าวปอกให้ บ่าวปอกให้แล้วยังไม่พออีกหรือไง?" มู่จิ่วซีก็หย่อนก้นลงนั่งและเริ่มปอกเปลือกกุ้งแต่ในใจของนางก็ได้กล่าวทักทายบรรพบุรุษ 18 ชั่วโคตรของโม่จุนไปเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าเพื่อหอโม่ช่างเหวินแล้ว นางต้ออดทนให้ได้!โม่จุนก็มองทักษะการปอกเปลือกกุ้งของนางอย่างขอไปทีจนตาของเขาเผ็ดร้อน พร้อมกับรู้สึกว่านางปอกให้เขาแบบนี้มันจะยังกินได้อยู่อีกเหรอ?"เอาไป!" มู่จิ่วซีปอกกุ้งได้ตัวหนึ่งก็เอามาวางไว้ในชา
โม่จุนอีกนิดก็ถูกนางยั่วโมโหจนกระอักออกมามู่จิ่วซีไม่ได้หนีออกไปไหนไกล นางก็แค่ไปที่ห้องโถงข้างๆ ด้านหลัง ซึ่งเป็นห้องสำหรับเก็บอุปกรณ์การเขียนไว้ แบบนี้นางก็จะสามารถได้ยินเซียวหลิงเย่ว์พูดว่านางมาหาโม่จุนมีธุระอะไรโม่จุนที่มีใบหน้าดำทะมึนหลังจากเรียกให้คนไปจัดการเขาก็ทานอาการต่อ เพราะถึงอย่างไรเขาก็ถึ่งทานไปได้ไม่กี่คำเอง ส่วนมู่จิ่วซีทานไปไม่น้อยเซียวหลิงเย่ว์ไม่นานก็มาถึง นางสวมชุดกระโปรงสีฟ้า บนหัวสวมด้วยหมวกอีกกว้าง พอนางเข้ามาก็ถอดหมวกลง"หม่อมฉันน้อมเคารพท่านผู้สำเร็จราชการแทน" เซียวหลิงเย่ว์ย่อตัวลงเคารพโม่จุน"ลุกขึ้นมาเถอะ พี่สะใภ้ท่านอ๋องสามมาด้วยเนื่องธุระอะไรรึ?" โม่จุนก็พุ่งเข้าประเด็นในทันที พร้อมกับกับสีหน้าดำทะมึนเซียวหลิงเย่ว์เดินมาหยุดลงที่หน้าโต๊ะ นางมองหาอาหารที่อยู่บนโต๊ะและก็กล่าว : "พี่ใหญ่โม่ ข้ายังไม่ได้ทานอะไรเลย ท้องข้าก็หิวแล้วด้วย ถ้าพี่ใหญ่โม่ไม่รังเกียจข้าขอร่วมวงอาหารหน่อยได้ไหม"ก่อนที่นางจะได้กลายเป็นพระชายาสาม นางก็มักจะเรียกโม่จุนว่าพี่ใหญ่โม่เป็นการส่วนตัวมู่จิ่วซีหลังจากเข้าไปอยู่ห้องข้างๆ แล้วได้ยินประโยคนี้ นางก็อยากจะพูดออกมาว่าเซี
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่