ฮูหยินรองเองก็ลุกขึ้นมาแล้ว น้ำตายังไม่ทันแห้ง ก็เริ่มห้ามทัพขึ้นมาโม่จุนท่านผู้สำเร็จราชการแทนจ้องเขม็งใบหน้าที่ไม่ยอมใครของมู่จิ่วซี ในใจเองก็รู้สึกเหงื่อตกแทนนาง แต่ว่าคำพูดของนางก็ทำให้เขารู้สึกเกินคาดเหมือนกันยังคิดว่าคุณหนูใหญ่จะต้องชอบรังแกพวกคนที่ต่ำต้อยกว่าแน่นอนแท้ๆ ไม่คิดเลยว่านางจะปกป้องเช่นนี้"ลู่เอ๋อร์ ครั้งนี้ข้าทำผิดไป ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย ซีเอ๋อร์พูดไว้ถูกต้อง สาวใช้ก็เป็นคนเช่นกัน พวกเรามีวันคืนที่สุขสบายได้ ก็เพราะมีพวกเจ้าอยู่"ภายใต้บรรยากาศที่ตึงเครียด มู่เทียนซิงก็ทำการเลือกออกมาใบหน้าเย็นชาของมู่จิ่วซีก็ผ่อนคลายลงในพริบตา ยิ้มเจิดจ้าแยงตา เดินตรงเข้าไปข้างๆ มู่เทียนซิง คล้องแขนของเขาแล้วออดอ้อนทันที"นี่ถึงจะเป็นวีรบุรุษท่านพ่อของข้า ทัศนคติสามด้านของตระกูลมู่พวกเราจำเป็นต้องทำให้ถูกต้อง""เด็กอย่างเจ้านี่นะ ครั้งนี้พ่อผิดเอง แต่ที่เจ้าตีน้องจนสภาพนี้ ก็ไม่ควรรู้สึกผิดบ้างหรือ?" มู่เทียนซิงถูกลูกอ้อนของลูกสาวตีจนแตกพ่าย อารมณ์เองก็ดีขึ้นมาแล้ว ทั่งดวงตาเต็มไปด้วยความรัก"ท่านพ่อ สั่งสอนลูกไม่ดีคือความผิดของผู้เป็นพ่อ น้องชายทำเรื่องเช่นนี้ หากย้อนกลั
มู่จิ่วซีงงงันไปครู่หนึ่ง รีบร้อนยกมือยอมแพ้เอ่ยว่า "โอเคโอเค ข้าผิดเอง ท่านอยากจะพูดอะไร"สองคิ้วโม่จุนขมวดกันแน่ อะไรคือโอเคโอเค? บ้าๆ บอๆ ผู้หญิงคนนี้ท่าจะมีปัญหาจริงๆมู่เทียนซิงเหลือบมองลูกสาวผาดหนึ่ง รู้สึกว่าแปลกอยู่เหมือนกัน ทั้งสามคนเดินตรงไปยังห้องหนังสือของเรือนหน้า"มู่จิ่วซี พูดต่อหน้าพ่อของเจ้าเลย บอกเงื่อนไขการถอนหมั้นของพวกเราออกมาอีกครั้ง" โม่จุนหลังจากนั่งลงก็เอ่ยขึ้นมู่จิ่วซีไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ยังพยักหน้า"ได้ ท่านพ่อ ข้ากับท่านผู้สำเร็จราชการแทนพูดเงื่อนไขการถอนหมั้นไว้แล้วว่าให้หาคนร้ายตัวจริงที่ผลักข้าตกน้ำและสังหารหมอหลวงเวินให้เจอ ถ้าหาไม่เจอ ก็สอนวิถีจิตกำลังภายในให้กับข้า ถ้าทั้งสองข้อนี้ทำไม่ได้เลยล่ะก็ ข้าก็คงต้องอภิเษกกับเขาแล้ว"โม่จุนหลังจากที่มุมปากกระตุกเล็กน้อยก็เอ่ยกับมู่เทียนซิงว่า "แม่ทัพมู่ ท่านได้ยินชัดหรือยัง? ขอแค่ข้าสำเร็จเงื่อนไขเพียงข้อเดียวก็ถือว่าสามารถถอนหมั้นได้ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องการถอนหมั้นนี้ก็จำเป็นต้องให้พวกท่านไปกล่อมพระพันปีหลวง""ไม่ถูกสิ ข้าก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกว่าพวกเราจะไปกล่อมพระพันปีหลวงให้นะ" มู่จิ่วซีเอ่ยขึ้นมาทั
โม่จุนโกรธจนตัวสั่น แต่เพื่อการถอนหมั้นจึงไม่ได้ห่วงกังวลและได้แต่ยื่นมือปรบ"ไม่คิดว่าชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่มู่มีมูลค่าเป็นเงินเพียง 10,000 ตำลึงเงิน" โม่จุนยังคงพูดประชดประชันมู่จิ่วซีมู่จิ่วซีหัวเราะเยาะแล้วพูดขึ้นมา : "เจ้าไม่ต้องมากระแหนะกระแหนข้าหรอก ต่อให้เจ้าไม่ให้ ด้านนอกก็คงพูดถึงข้ายิ่งเข้าไปใหญ่ แค่ได้มา 10,000 ตำลึงก็พอใจมากแล้ว ขอบคุณท่านผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างเป็นคนดี ฮิฮิ"โม่จุนกระอักเลือดขึ้นมาถึงลำคอ แววตาของเขาราวกับปรากฎสีแดงเข้มขึ้นมา ถ้าไม่ใช่ว่าเขาควบคุมตนเองได้ดี เขาคงกระอักเลือดออกมาแล้ว"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน หญิงสาวเกเรแบบนี้ ท่านอย่าได้ใส่ใจนางเลย" มู่เทียนซิงรู้แค่ว่าตนเองคงได้แต่แค่พูดปลอบใจเท่านั้นโม่จุนถลึงตาจ้องมองมู่เทียนซิงครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หลับตาลงและปรับลมหายใจ"พูดตามตรง ฉีฟั่งก็จับได้แล้วและก็สอบปากคำแล้ว เขาบอกว่าไม่มีใครสั่งให้มาทำร้ายเจ้า อีกทั้งยังพูดว่ามีความแค้นส่วนตัวกับเจ้า" โม่จุนลืมตาขึ้นอีกครั้งพร้อมกับลมหายใจที่สงบนิ่ง"ความแค้นส่วนตัว?" นี่ทำให้มู่จิ่วซีรู้สึกเหนือความคาดหมาย "ข้าไม่แม้แต่จะรู้จักฉีฟั่งคนนี้ เขาจะมา
มู่จิ่วซีตกตะลึง จากก็กล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ : "ท่านผู้สำเร็จราชการแทน เจ้านี่ทึ่มจริง ๆ เจ้าไม่อยากบอก งั้นต่อให้ข้าจะรู้หรือไม่ก็ไม่เป็นไร ข้าเองก็แค่สงสัยเท่านั้น""แล้วถ้าคนนี้เป็นคนที่เจ้ารู้จักล่ะ?" โม่จุนเกือบโมโหจนฉุนขาด"เจ้าไม่บอก ข้าก็ถือว่าไม่รู้จัก ยุ่งอะไรกับข้าด้วย" มู่จิ่วซีอยากจะจัดการเจ้าหน้าโลงผุคนนี้จริง ๆ แต่ก็เป็นเพียงแค่การสร้างวิมานบนอากาศ"เจ้าไม่อยากรู้?" โม่จุนกระตุกยิ้มตรงมุมปากและเอ่ยออกมา"ความสงสัยสามารถฆ่าแมวให้ตายได้ ข้ายังไม่อยากตาย ถ้าเจ้าไม่รู้จักพิษนี้ งั้นก็ถือซะว่าข้าไม่ได้ถามก็แล้วกัน" มู่จิ่วซีเบะปากทำท่าอย่างกับไม่พอใจ"มู่จิ่วซี เจ้านี่ไม่เหมือนกับที่คนภายนอกล่ำลือกันเลย" โม่จุนอดไม่ได้ที่จะยอมรับข้อนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้สองคนจะเคยรู้จักกัน แต่ก็ไม่คุ้นเคยกันมากนักและไม่ได้รู้จักกันอย่างจริงจังมาก่อนเขาเข้าใจนางจากที่คนอื่นบอกเล่า รู้จักนางจากที่คนภายนอกพูดกัน"ปากของคนอื่น คนอื่นอยากจะพูดอะไร ข้าเองก็ทำอะไรไม่ได้ไม่ใช่หรือไง? ท่านผู้สำเร็จราชการแทน คนโบราณได้กล่าวไว้ 'สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น' เจ้าเชื่อคำคนอื่นพูดง่ายขนาดนี้ นี่เจ้าเอาชน
"ก็ใกล้เคียงพอกัน ซึ่งคือเจ้าสำนักหอดาราจันทรา" โม่จุนกล่าวอย่างเรียบเฉยมู่จิ่วซีตกใจไปครู่หนึ่ง "เจ้าสำนักหอดาราจันทรา? ที่เขาว่ากันว่าเป็นเหมือนเทพมังกรเห็นหัวมิเห็นหาง จิ้งจอกม่วงคนนั้นน่ะเหรอ?"โม่จุนพยักหน้าและเอ่ยต่อ : "ทั้งหกแคว้นล้วนมีหอดาราจันทรา พลังของเจ้าสำนักคนนี้ไม่อาจดูถูกได้"มู่จิ่วซีถึงกับยิ้มแหยง : "เจ้าพูดก็เหมือนไม่ได้พูด ก็แค่เจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวเดียว ข้าจะไปหาเขาเจอได้ที่ไหน""ช่วงนี้เขามาที่หอดาราจันทราของแคว้นเรา" โม่จุนหรี่ตาลงมู่จิ่วซีหัวใจเต้นกระตุกขึ้นมา นางมองไปยังใบหน้าที่พินิจพิเคราะห์ของเขาแล้วพูดขึ้นมา : "โม่จุน พูดตามความจริง หอดาราจันทราเก่งกาจขนาดนั้น เจ้าในฐานะท่านผู้สำเร็จราชการแทนของแคว้นเกาอวิ๋น เจ้าไม่รู้สึกถึงอันตรายเลยเหรอ ?"โม่จุนมองดวงตากลมโตทั้งสองข้างที่เจ้าเล่ห์และปราดเปรียบของนางอย่างครุ่นคิดและก็ไม่ได้พูดอะไร"เออ เออ เออ ไม่พูดก็ไม่ต้องพูด แต่ว่าข้าสงสัยถึงแรงจูงใจที่เจ้าบอกข้า" มู่จิ่วซีเผยยิ้ม"เจ้าสำนักหอดาราจันทราพักนี้เหมือนกำลังเปิดรับศิษย์" โม่จุนกล่าวขึ้นมาประโยคหนึ่งอย่างเรียบเฉย "แต่ว่าก็อาจเป็นแค่ฉากบังหน้า"
เย่อู่เหิงและโม่จุนมองตากัน ในตาของทั้งสองต่างก็มีความตกตะลึงผู้หญิงคนนี้ต้องการจะใช้อุปกรณ์ทรมานเขาด้วยตนเองงั้นเหรอ?การทรมานที่ต้องมีเลือดตกยางออกแบบนี้นางไม่กลัวเลยงั้นเหรอ?มู่จิ่วซีเมื่อเห็นคมดาบของดาบวงพระจันทร์ ในใจของนางก็มีความสุขและก็รีบหยิบขึ้นมาเล่นครู่หนึ่ง สายตาของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ดาบนี้ช่องคล่องมือดีจริง ๆเดี๋ยวกลับต้องมาไว้ป้องกันตัวสักหน่อย แค่เฉือนคอฉับเดียวต้องตายแน่หลังจากนางวางลง นางก็หยิบตะปูเหล็กเล็ก ๆ ยาว ๆ ขึ้นมากำหนึ่งจากนั้นนางก็เดินอย่างเชื่องช้ามาอยู่ตรงหน้าฉีฟั่ง นางแหงนหน้ามองเขา ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายที่ไม่มีใครเทียบได้"อีสารเลว คิดว่าข้าจะยอมปริปากเพราะถูกทรมานรึไง? อย่าฝันไปเลย!" ฉีฟั่งถมน้ำลายไปทางมู่จิ่วซีมู่จิ่วซีเอี้ยวตัวหลบ น้ำลายที่มีเลือดผสมปนก็ถมลงพื้น ดูไปแล้วน่าขยะแขยงอย่างมาก"คุณหนูใหญ่ ให้ข้าน้อยจัดการไหมขอรับ?" เจ้าหน้าที่ชั้นศาลที่สาดน้ำรีบเข้ามาเอ่ยถามมู่จิ่วซีส่ายหัวพร้อมกับพูด : "พวกเจ้าจัดการเขาจนอยู่ในสภาพนี้แล้วยังไม่สารภาพเลย บ่งบอกว่าวิธีการไม่ถูกต้อง ข้าคงต้องลองวิธีใหม่ ๆ กับเขาถึงจะได้"ขณะพู
นี่มันโหดยิ่งกว่าเพชฌฆาตอีกผู้ชายสองคนลึกๆ ก็ได้แต่สงสัยในข่าวลือเรื่องของมู่จิ่วซีอีกครั้ง ว่ามีเพียงดื้อรั้นเอาแต่ใจจริงเหรอ?ทำเรื่องที่โหดร้ายทารุณได้ตาไม่กระพริบขนาดนี้ ต่อให้เป็นผู้ชายยังทำได้ยากเลย"อย่าเพิ่งหมดสติไปล่ะ ถ้าหมดสติไปก็จะต้องฟื้นอีก ไร้ประโยชน์น่า เสียงนี้ฟังดูไพเราะดีไหม?" มู่จิ่วซีจ้องหน้าฉีฟั่งที่ตกใจกลัวจนตาเหลือกพลางก็ดึงเหล็กหมาดไปมาเสียง "แกรกๆ" ทำให้คนได้ยินรู้สึกขนลุกขนพอง อีกอย่างหน้าอกของฉีฟั่งก็เต็มไปด้วยเลือดลดๆ ที่ไหลริน แดงเถือกไปทั้งซีกราวกับผีร้าย"จะ เจ้ามันเป็นนังปีศาจ..." ฉีฟั่งเจ็บปวดจนหน้าตาบิดเบี้ยว เขากัดปากตัวเองจนมุมปากแหวะ พูดจาไม่ชัดเจนแต่ความหวาดกลัวในจิตใจก็ทำให้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว สายตาที่มองไปยังมู่จิ่วซีราวกับเห็นปีศาจร้ายก็ไม่ปาน"ตกอยู่ในมือข้า ถึงเจ้าจะอยากตายก็ไม่ได้ตายหรอก ไม่สู้สารภาพออกมาซะ ถ้าสารภาพข้าจะให้เจ้าได้ตายแบบศพสวยๆ สักหน่อย ถึงอย่างไรเจ้ามีชีวิตต่อไปก็ไร้ประโยชน์แล้ว" มู่จิ่วซีกล่าว "แต่ว่าหากเจ้าไม่สารภาพ ในอีกหนึ่งร้อยวันต่อจากนี้ เจ้าจะได้ยินเสียงแบบนี้ทุกวัน"พูดไปก็มีเสียงแกรกๆ ดังขึ้นมาอีกครั้ง
เย่ฮานมุมปากกระตุกทีหนึ่งก่อนจะพูดว่า "คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนก็คงจะรีบไปตามหาคนแซ่เซียวคนนั้นแหละขอรับ""คราวนี้ถึงค่อยร้อนรน ก็คนของเซียวหลิงเย่ว์ไม่ใช่หรือไง!" มู่จิ่วซีดูถูกโม่จุนผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้นักเย่ฮานรีบพูดขึ้นอย่างตกใจทันที "คุณหนูใหญ่ ท่านเดาออกแล้วเหรอ?""ข้าโง่ขนาดนั้นเชียว? แซ่เซียว มีไฝสีดำที่คาง คงเป็นเซียวเจี้ยนลูกพี่ลูกน้องของเซียวหลิงเย่ว์ล่ะสิ เมื่อสามปีก่อนตระกูลเซียวถูกฆ่าล้างตระกูล ประหารสามชั่วโคตร เซียวเจี้ยนก็คือคนที่หนีรอดไปได้"เย่ฮานก้มหน้าพึมพำ "เซ่อเจิ้งอ๋องคงจะต้องปกป้องสนมเอกสามแน่"มู่จิ่วซีเหล่มองเย่ฮานทีหนึ่งก่อนพูดว่า "ทุกคนต่างรู้ว่าเซียวหลิงเย่ว์กับโม่จุนมีใจต่อกัน แต่พระพันปีหลวงกลับยังประทานงานสมรสให้พวกข้า นี่ไม่ใช่จะทำร้ายข้าให้ตายหรือไง?"เย่ฮานมองไปรอบๆ ร้อนใจจนเหงื่อแตกพลั่ก กลัวว่าจะมีใครมาได้ยินเข้า"ไปหาเย่อู๋เหิงยืมรถดีกว่า เราไปหอดาราจันทรากัน" มู่จิ่วซีเปลี่ยนเรื่องทันที"ไปหอดาราจันทรา?" สีหน้าของเย่ฮานเปลี่ยนไปฉับพลัน "คุณหนูใหญ่ ท่านจะไปหอดาราจันทราด้วยเหตุใด?""แน่นอนว่าไปหาท่านเจ้าของหอดาราจันทร
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่