บทที่ 2
สะใภ้คนใหม่
ในที่สุดผมก็ได้เข้ามาสู่รั้วคฤหาสน์หลังใหญ่ของคุณนาธานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ช่างใหญ่โตเสียนี่กระไร ถนนทางเข้าบ้านกว้างกว่าถนนเข้าซอยบ้านผมเสียอีก มีคนรับใช้มายืนต้อนรับหน้าบ้านจำนวนหลายคนอย่างกับในละคร เห็นอย่างนี้แล้วรู้สึกรวยขึ้นมาทันทีเลยล่ะ
เมื่อรถจอดเทียบหน้าบ้านแล้วก็มีคนเปิดประตูรถให้เราทั้งคู่ ผมทำตัวไม่ถูกเมื่อจู่ ๆ ก็กลายมาเป็นเจ้าชายในชั่วข้ามคืน แม้ความเป็นจริงจะเป็นเจ้าชายกำมะลอก็ตามที แต่ดู ๆ ไปแล้วที่นี่ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดแฮะ
“ยินดีต้อนรับคุณนาธานกลับบ้านครับ / ค่ะ”
“ยินดีต้อนรับคุณบิวครับ / ค่ะ”
“สวัสดีครับทุกคน”
ผมยิ้มเขินพลางยกมือไหว้ทุกคนอย่างไม่คุ้นชิน หันไปมองหน้าคุณนาธานก็เห็นเพียงความเย็นชา เขาทำหน้าราวกับว่ารำคาญผมเต็มทนแล้ว คว้ามือลากผมให้เดินตามเข้าไปในบ้าน พยายามบิดข้อมือพลางส่งสายตาดุให้เขาแต่ไม่ได้ผลเลยสักนิด
“ปล่อยผมนะคุณ”
“เธออย่าทำตัวเงอะงะซื่อบื้อได้ไหม ทำตัวให้สมกับเป็นเมียมาเฟียอย่างฉันหน่อยสิ”
“ก็ผมไม่ใช่เมียคุณจริง ๆ นี่นา”
ผมเผลอพูดเสียงดังทำให้เขาชะงักฝีเท้าแล้วหันมาถลึงตามองอย่างโกรธเคือง มองซ้ายแลขวาอย่างระแวดระวัง
“อย่าปากมากอย่างนี้อีกเด็ดขาด ไม่งั้นเธอเดือดร้อนแน่”
“ผมรู้แล้วน่า พลาดแค่ครั้งเดียวเอง”
ผมทำหน้าบูดบึ้งลับหลังก่อนเดินตามหลังไปยังห้องห้องหนึ่ง ในระหว่างทางก็ส่องสายตามองดูความหรูหราของที่นี่ งดงามเกินคำบรรยายบ่งบอกถึงฐานะเจ้าของบ้าน คงจะรวยมากน่าดู จริง ๆ แล้วควรให้เงินผมเพิ่มเสียด้วยซ้ำเพราะต้องมาเสียเวลาอยู่ที่นี่
ในที่สุดก็มาถึงวินาทีสำคัญ ภายในห้องนั่งเล่นมีสตรีสูงวัยกำลังนั่งอ่านนิยายอยู่ สีหน้าของท่านแลดูฟินมากเหลือเกิน แต่งเนื้อแต่งตัวดูดีราวกับสตรีในรั้วในวังสมัยก่อนเสียอย่างนั้น ผิวกายขาวสะอาดสะอ้านแม้จะมีริ้วรอยแห่งวัยบ้างก็ถือว่ายังดูดีมาก เมื่อเห็นเราทั้งสองท่านก็ชำเลืองตามอง แวบแรกที่เห็นสายตาของแม่สามีก็ทำให้หัวใจเต้นแรง ดูเหมือนว่าจะร้ายไม่เบาเลยนะเนี่ย
“สวัสดีครับคุณแม่”
“สวัสดีครับ”
ผมยกมือไหว้ตาม ท่านหรี่ตามองผมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างพินิจพิจารณา โชคดีที่ได้รับข้อมูลมาว่าท่านชอบสะใภ้ที่เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ เป็นแม่บ้านแม่เรือน ผมจึงเตรียมทุกอย่างมาพร้อมแล้ว อีกอย่างนั่นก็ใกล้เคียงกับนิสัยของผมพอดิบพอดีจึงแทบไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก
“มากันแล้วรึ นั่งลงสิ”
ท่านวางหนังสือเล่มนั้นลงข้างตัว ผมแอบมองด้วยหางตาจนได้รู้ว่านั่นมันนิยายวายจากสำนักพิมพ์ชื่อดัง เคยสร้างเป็นซีรีส์จนดังไปทั่วโลก ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงวัยขนาดนี้จะเป็นสาววายกับเขาด้วย คุณนาธานเดินเข้าไปนั่งลงข้างท่าน สวมกอดอย่างออดอ้อน หอมแก้มฟอดแล้วฟอดเล่าราวกับเด็กตัวเล็ก ๆ ที่กำลังอ้อนผู้เป็นแม่ เห็นแล้วแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าคนอย่างนายนั่นจะอ้อนเป็นด้วย
ผมเดินเข่าเข้ามานั่งลงบนพื้นใกล้ท่านแล้วก้มลงกราบ เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มหวานให้ หากทว่าต้องหน้าแตกหมอไม่รับเย็บนั่นเพราะท่านกลับยังคงตีสีหน้าเรียบเฉย
“นี่น่ะเหรอสะใภ้ที่แกเอามาฝากแม่”
“ครับคุณแม่ บิวเป็นสะใภ้ในอุดมคติของคุณแม่เลยนะครับ เป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย เก่งงานบ้านงานเรือน คุณแม่จะต้องชอบบิวแน่ ๆ”
“ดูท่าทางแกจะรักเมียแกมากนะ”
“ใช่ครับแม่ ผมกับบิวเรารักกันมาก ตัวแทบติดกันตลอดเวลาเลยล่ะ”
“คำพูดของแกน่าเชื่อถือมาก ก่อนหน้าแม่ยังยินได้ข่าวว่าคั่วกับแม่นางเอกนั่นอยู่เลย”
“คุณแม่ไม่เชื่อผมเหรอครับ”
“จะให้เชื่อได้ยังไงในเมื่อตอนเข้ามาพวกแกไม่เคยสวีทหวานกันเลย มือก็ไม่จับ ไหล่ก็ไม่โอบ แถมทำหน้ามุ่ยใส่กันอีกต่างหาก แกเอาเด็กคนนี้มาแอบอ้างเพื่อทำให้แม่ตายใจใช่ไหม แม่ไม่หลงกลแกง่าย ๆ หรอก”
ได้ยินอย่างนั้นผมก็อึ้ง ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะหูตากว้างไกลขนาดนี้ มาแค่ไม่นานก็รู้ก็เห็นทุกอย่าง ผมเงยขึ้นไปมองหน้าคุณนาธานส่งสายตาเชิงถามว่าจะทำอย่างไรดี
“โธ่! คุณแม่คิดมากไปหรือเปล่าครับ ผมกับบิวเรารักกันจริง ๆ จะให้ทำยังไงคุณแม่ถึงจะเชื่อครับ”
“มีหลานให้แม่สิถึงจะเชื่อ”
“ผะ...ผมเป็นผู้ชายจะท้องได้ยังไงครับคุณท่าน” ความตกใจทำให้รีบแย้งท่านออกมา
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ในเมื่อคนในตระกูลฉันหาก....”
“คุณแม่ครับ! บิวหมายถึงตอนนี้ยังไม่พร้อมน่ะครับ”
“งั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นพร้อมตอนไหนก็บอกแม่มาละกัน เมื่อไหร่ที่แม่มั่นใจว่าแกไม่ได้เอาคนมาหลอก เมื่อไหร่ที่พวกแกมีหลานให้ วันนั้นแม่จะจัดงานแต่งให้พวกแกสองคนทันที เธอพร้อมที่จะมาเป็นสะใภ้ฉันแล้วใช่ไหม”
“พะ...พร้อมครับคุณท่าน” ผมต้องแสร้งยิ้มทั้งที่มีคำถามมากมายในหัว
“จะเรียกคุณท่านทำไมเรียกคุณแม่เหมือนฉันสิ เธอเป็นสะใภ้แล้วนะ” คุณนาธานว่าแต่สายตาดุดันซะเหลือเกิน
“ครับคุณแม่ ผมต้องฝากเนื้อฝากตัวกับคุณแม่ด้วยนะครับ มีอะไรให้ผมทำบอกมาได้เลยครับ”
“ไม่ต้องห่วง มีอะไรให้เธอทำเยอะแยะเชียวล่ะ ขึ้นอยู่กับว่าจะทนได้มากน้อยแค่ไหน”
“ผมทนได้แน่นอนครับคุณแม่”
“แล้วฉันจะคอยดู”
“คุณแม่ต้องชอบบิวแน่นอนครับ ช่วงนี้ผมอาจไม่ได้มาอยู่ด้วยเพราะมีงานต้องทำเยอะแยะเลย ฝากคุณแม่ดูแลบิวแทนผมด้วยนะครับ”
“แล้วคืนนี้จะค้างไหมล่ะ”
“เอ่อ...”
“พาเมียมาฝากไว้กับแม่ทั้งทีจะไม่ค้างเชียวรึ”
“ก็ได้ครับคุณแม่ ก็ได้ครับ”
เห็นสีหน้าเขาแล้วรู้สึกหมั่นไส้ชะมัด คนบ้าอะไรเล่นละครเก่งขนาดนี้ กับแม่ตัวเองก็ยังไม่เว้น เอาผมมาทิ้งไว้ที่นี่แล้วก็จะไปเสวยสุขเหรอ ใจร้ายชะมัดเลย!
“ถ้างั้นก็พาเมียแกขึ้นไปดูห้องหับให้เรียบร้อย มีอะไรบอกสอนกันก็บอกไป ส่วนที่เหลือแม่จะดูแลให้เอง”
“ครับคุณแม่”
เมื่อเห็นท่าทีของผู้เป็นแม่ไม่ต่อต้านผมเขาก็ยิ้มร่า หอมแก้มฟอดใหญ่แล้วหันมาพยักหน้าให้ผมเชิงสั่งให้ไปด้วยกัน
“ผมขอตัวก่อนนะครับคุณแม่”
ท่านพยักหน้ารับก่อนผมจะลุกขึ้นเดินตามหลังเขาขึ้นไปยังห้องนอนส่วนตัว สายตาของผมมัวแต่มองโน่นมองนี่ไปเรื่อยจนไม่ทันได้สังเกตว่าตอนนี้มาถึงห้องแล้ว ร่างน้อย ๆ ปะทะกับแผ่นหลังหนาเข้าอย่างจัง ล้มก้นกระแทกพื้นจนต้องทำหน้าเหยเก
“โอ๊ย! จะเบรกทำไมไม่บอกกันบ้าง”
“แล้วเธอมัวแต่ดูอะไรอยู่ล่ะ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ”
เขาหันมาทำหน้าดุให้ ทำราวกับผมเป็นตัวขัดลาภอะไรเทือกนั้น ทำผิดแค่นี้เองทำไมต้องดุกันด้วย ผมทำหน้าสำนึกผิดแล้วเขาก็หันกลับไปเปิดประตูห้อง เมื่อเดินผ่านประตูเข้ามาแล้วสายตาของผมต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจอีกครั้ง ห้องนี้หรูหราหมาเห่ามาก เหมือนอยู่ในพระราชวังอะไรเทือกนั้น เก้าอี้เอย โซฟาเอย ตู้ เตียง เฟอร์นิเจอร์ล้วนแต่เป็นของแบรนด์เนมทั้งนั้น แค่ห้องนี้ห้องเดียวไม่รู้หมดไปกี่ล้าน
“โอ้โห! ทำไมห้องนอนคุณถึงได้หรูหราใหญ่โตอย่างนี้ ผมจะได้นอนในห้องนี้จริง ๆ ใช่ไหม”
“อืม”
“แล้วไหนตู้เสื้อผ้าของผมล่ะ ผมจะได้เอาเสื้อผ้าไปเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย”
เขาทำสีหน้าเย็นชาพลางชี้มือไปยังประตูอีกฝั่งของห้อง ผมรีบเดินเข้าไปเปิดดูพบว่ามันคือห้องที่ใช้เก็บเสื้อผ้าโดยเฉพาะ ในนั้นมีเสื้อผ้าบางส่วนทำให้เกิดความรู้สึกแปลกใจ เพราะขนาดมันเล็กไม่เหมือนเป็นของเขาเลย
“แล้วนี่เสื้อผ้าใครครับ”
“ก็ของเธอนั่นล่ะ ฉันสั่งให้คนซื้อมาไว้ให้ส่วนหนึ่งแล้ว เธอจะได้ไม่ต้องออกไปไหนโดยไม่จำเป็น”
“นี่คุณรู้จักสัดส่วนผมได้ยังไงกัน โห แต่ละตัวสวย ๆ ทั้งนั้นเลย แบรนด์เนมอีกด้วย”
ในตอนนั้นผมได้ยินเสียงถอนหายใจดังขึ้น หันไปมองก็เห็นเขายืนกอดอกทำหน้าเซ็ง จากที่กำลังกระดี๊กระด๊าต้องหุบยิ้มลงทันทีทันใด
“ทำไมคุณทำหน้าอย่างนั้นล่ะ”
“ก็เพราะเธอนั่นล่ะ ทำตัวเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง รำคาญลูกตา วันนี้ต้องอยู่ค้างคืนที่นี่ด้วย ยิ่งรู้สึกอึดอัด”
“ทำอย่างกับผมอยากจะอยู่กับคุณงั้นล่ะ”
“เธอไม่มีสิทธิ์เลือก”
“คุณก็ไม่มีสิทธิ์เลือกเหมือนกันนั่นล่ะ ดูท่าทางแล้วแม่คุณเอาเรื่องไม่น้อยเลยนะ กำราบมาเฟียอย่างคุณซะอยู่หมัด” ว่าแล้วก็หัวเราะชอบใจแต่ต้องรีบหุบปากเมื่อถูกเขาชี้หน้าห้ามเอาไว้
“เธอกวนประสาทเกินไปแล้วนะ เป็นแค่ลูกหนี้ เดี๋ยวจะไปจัดการแม่กับน้องชายเธอซะให้เข็ด”
“อย่าเชียวนะ ผมขอโทษ อย่าทำอะไรแม่กับน้องผมเลยนะ ผมผิดไปแล้ว”
“งั้นก็อย่าปากดีอีก”
พูดจบเขาก็เดินหนีไปทิ้งให้ผมยืนทำหน้าล้อเลียนตามหลังอยู่ตรงนั้น คนบ้าอะไรจะอารมณ์แปรปรวนขนาดนี้ แต่ก็ช่างเถอะถึงยังไงเขาก็อยู่กวนประสาทผมได้คืนวันนี้คืนเดียวเท่านั้นล่ะ
ในขณะผมกำลังจัดข้าวของในห้องเขาก็นอนเล่นมือถือบนเตียงอย่างสบายใจ เราไม่คุยกันเลยตั้งแต่แยกเขี้ยวใส่กันก่อนหน้านี้ เมื่อจัดข้าวของเสร็จเรียบร้อยแล้วก็หันไปมองบนเตียงอีกครั้งพบว่าเขานอนหลับไปแล้ว ตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วส่องดูให้แน่ใจว่าเขาหลับจริงหรือเปล่า
“หลับจริง ๆ ด้วย ว่าแต่...หล่อไม่เบานะเนี่ย”
ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเอ่ยวลีนั้นออกมา ยอมรับว่าคุณนาธานหล่อแบบตะโกนมาก ดารานายแบบยังชิดซ้าย แต่ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นผู้ชายทรงแบด ผู้หญิงที่กำลังคบตอนนี้ไม่รู้จะเลิกเมื่อไหร่ แม้เขาจะบอกว่ารักจริงหวังแต่งก็เถอะถึงยังไงก็ไม่อยากจะเชื่อ
หลังจากมั่นใจว่าเขาหลับแล้วผมก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้สบายตัว เนื่องจากจัดข้าวของในห้องจนเหนื่อย อาบเสร็จแล้วก็นำนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำ กำลังจะเดินไปยังห้องแต่งตัวก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นคุณนาธานยืนอ้าปากหาวอยู่กลางห้อง ด้วยสัญชาตญาณต้องรีบยกมือขึ้นมากอดอกเอาไว้ แต่เหตุไฉนผ้าเช็ดตัวมันไม่รักดีร่วงหล่นลงบนพื้นต่อหน้าต่อตาเขา
“เฮ้ย!!!”
ผมเผลอร้องดังสุดเสียงจนลั่นบ้าน รีบคว้าผ้าเช็ดตัวขึ้นมานุ่งทันทีทันใด ส่วนเขาน่ะเหรอยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เหมือนเคยเห็นคนแก้ผ้ามาเป็นร้อยอะไรเทือกนั้น
“เธอจะตะโกนร้องทำไม เดี๋ยวคนในบ้านก็แตกตื่นกันหมดหรอก”
“จะไม่ให้ร้องได้ยังไงก็...คุณเห็นของผมหมดแล้ว”
“เห็นแล้วไง ฉันไม่ได้พิศวาสเธอหรอก ผู้ชายด้วยกันนี่หว่า”
“เออว่ะ...ผู้ชายด้วยกัน เฮ้ย! แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะผมก็อายอยู่ดี”
กำลังจะก้าวขาเดินกลับเข้าไปแต่งตัวก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“นาธานเกิดอะไรขึ้น ทำไมเมียแกร้องลั่นบ้านอย่างนั้น เปิดประตูให้แม่เดี๋ยวนี้นะ”
“เอายังไงดีเนี่ย” ผมเอ่ยถามให้เบาเสียงที่สุด
คุณนาธานเดินตรงปรี่มายังผมพร้อมด้วยสีหน้าขึงขัง เขาคว้ามือให้เดินตามไปยังประตูห้อง หากทว่าผมไม่ยอมไปเพราะยังแต่งตัวไม่เรียบร้อยดี
“ผมขอแต่งตัวก่อน”
“มาเถอะน่า”
เขาลากผมมาถึงประตูห้องจนได้ จากนั้นเปิดประตูให้คุณนายวิมล ท่านยืนกอดอกมองมาพร้อมกับแม่บ้านคนหนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้น!”
“คือ...” ผมยังคิดไม่ออกว่าจะบอกท่านอย่างไรดี ตามองก็คุณนาธานเพื่อให้เขาแก้สถานการณ์ไปก่อน มือใหญ่ถูกส่งขึ้นมาเกี่ยวเอวผมไว้อย่างแน่นหนา รู้สึกอึดอัดเป็นบ้าเลยล่ะ
“ต้องขอโทษคุณแม่ด้วยครับ พอดีว่าผมกับบิวเรา...กำลังเล่นจ้ำจี้ตามประสาผัวเมียน่ะครับ พอดีว่าผมเล่นพิเรนทร์ไปหน่อยน้องเลยร้องดังลั่นขนาดนั้น”
คำแก้ต่างของเขาทำให้ใบหน้าผมร้อนผ่าวขึ้นมาทันที มันไปกันใหญ่แล้ว ทำไมถึงไม่อายปากบ้าง เล่นจ้ำจี้อย่างนั้นหรือ!!!
“แม่ก็นึกว่าเรื่องอะไร คราวหน้าคราวหลังก็อย่าเล่นพิเรนทร์ให้มันมากนัก ท่ามาตรฐานก็ทำลูกได้ย่ะ สงสารเมียแกบ้าง”
“ครับคุณแม่”
คุณนายวิมลมองมาพร้อมด้วยสายตาแปลก ๆ ผมทำได้เพียงยิ้มแหย ๆ เท่านั้น รอให้ท่านกับแม่บ้านคนนั้นเดินลงไป จนเมื่อประตูห้องถูกปิดลงผมก็ถลึงตามองคุณนาธานแล้วรีบวิ่งแจ้นเข้าไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอเรื่องน่าอายอย่างนี้มาก่อน
.
.
ช่วงที่นั่งรับประทานอาหารมื้อเย็นด้วยกัน คุณนายวิมลถามไถ่ประวัติส่วนตัวผมไม่ต่างจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลกำลังสัมภาษณ์รับพนักงานใหม่เสียอย่างนั้น ผมตอบไปตามความเป็นจริง เว้นก็แต่เรื่องราวของผมกับคุณนาธานที่ถูกแต่งขึ้นมาหลายหน้ากระดาษเอสี่ ผมท่องจนจำได้หมดแล้วว่าครั้งแรกเจอกันที่ไหน เดทแรกวันไหน ขอเป็นแฟนที่ไหน ทำให้ทุกอย่างราบรื่นไร้ซึ่งพิรุธ
กลับขึ้นมาบนห้องแล้วผมก็หลบมุมเพื่อมาคุยสายกับบอล มันบอกว่าตอนนี้แม่ลัลล้าใหญ่ที่ปลดหนี้ก้อนโตได้แล้ว ไม่รู้เอาเงินมาจากไหนไปซื้อทองมาใส่อวดชาวบ้านชาวช่อง แต่ไม่ยักจะเห็นไปบ่อนเหมือนแต่ก่อน แค่รู้ว่าห่างจากการเล่นพนันได้ก็โล่งใจขึ้นมาบ้าง คุยสายเสร็จแล้วก็เดินมาที่เตียงนอน คุณนาธานยังคงนอนอยู่บนนั้นในสภาพสวมใส่แค่กางเกงขาสั้นตัวเดียวทำราวกับอยู่ในห้องคนเดียวซะอย่างนั้น
“คุณจะให้ผมนอนที่ไหน”
“แล้วแต่เธอสิ”
“งั้น...ผมนอนที่โซฟานะ”
“...”
เขาไม่พูดอะไรยังคงนอนอยู่ที่เดิม ผมหอบหมอนและผ้าห่มเดินมานอนที่โซฟาตัวใหญ่ นอนเล่นมือถือไปเรื่อยจนกว่าจะง่วง จู่ ๆ ก็เบนสายตาไปมองคนที่อยู่บนเตียง ในตอนนั้นเขาก็ดันมองมาที่ผมเช่นกัน เมื่อเราประสานสายตาอย่างไม่ได้ตั้งใจต่างก็ตกใจ รีบดึงสายตากลับมาไว้ที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือทันที ทำไมหัวใจเต้นแรงพิกล ทำไมจู่ ๆ ถึงรู้สึกอายก็ไม่รู้ ปกติแล้วผมไม่เคยมีความรู้สึกหวั่นไหวกับผู้ชายคนไหนมาก่อนนี่นา
บทที่ 3ไม่มีทางเลือก เช้าวันใหม่ของผมในรั้วคฤหาสน์แอนเดสันได้เริ่มต้นจากการได้ยินเสียงคนเปิดลิ้นชัก ดังกุกกักเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง หันไปมองก็เห็นคุณนาธานสวมใส่ชุดสูทอย่างเนี้ยบเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะตื่นเช้ากว่าผมเสียอีก “คุณจะไปแล้วเหรอ หาววว” ว่าแล้วก็อ้าปากหาวหวอด ส่งมือขึ้นเกาศีรษะแกร็ก ๆ หมดสภาพคนหน้าตาดีกันเลยทีเดียว “อยู่ที่นี่ตื่นให้มันเช้า ๆ หน่อย แม่ฉันเป็นคนเข้มงวด อย่าทำอะไรให้มันเดือดร้อนมาถึงฉันก็แล้วกัน อยากได้อะไรก็บอก จะสั่งคนส่งมาให้” กล่าวแล้วก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผมนั่งทำหน้ายุ่งอยู่คนเดียว แต่เมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้นผมก็ดีดตัวลุกขึ้นด้วยความเริงร่า เพราะนับจากนี้ห้องนี้จะเป็นของผมคนเดียวแล้ว หลังจากนั้นก็ไปอาบน้ำอย่างสบายใจ แต่งตัวให้เรียบร้อยที่สุดเพื่อเอาใจคุณนายวิมล เลือกในตู้ที่คุณนาธานซื้อมาไว้นั่นล่ะครับ เดินลงมาข้างล่างก็เห็นแม่บ้านสูงวัยกำลังตั้งโต๊ะ จึงเดินเข้าไปทักทายเผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง ป้าแม่บ้านคนนี้ชื่อ ‘ป้าแหวน’ ทำงานที่นี่มาตั้งแต่สมัยสาว ๆ จนกระทั่งต
บทที่ 4แค่ครั้งเดียว นึกถึงเหตุการ์เมื่อคืนนี้ผมยังคงขนลุกไม่หาย คุณนายให้ผมดื่มน้ำแกงอะไรสักอย่างในถ้วยกระเบื้องสีขาว รสชาติขมมาก แทบอยากจะอ้วกออกมา แต่โดนสั่งห้ามเอาไว้จึงต้องกลืนมันลงไปจนเกลี้ยง แค่นั้นยังไม่พอบังคับให้นั่งอยู่ในวงล้อมสายสิญจน์เพื่อฟังบทสวดประหลาดจากท่านจนจบ ปิดท้ายด้วยการใช้มือตบเบา ๆ ที่หน้าท้องสามครั้งอีกด้วย เสร็จพิธีก็ถูกไล่ให้กลับห้องนอนโดยไม่พูดหรืออธิบายอะไรให้ฟังเลย ความวัวไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก วันนี้คุณนายวิมลโทรเรียกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนให้กลับมาที่บ้านโดยด่วนให้เหตุผลว่าผมไม่สบาย โทรแล้วโทรอีกจนเขารำคาญกระมังเลยต้องกลับมาที่คฤหาสน์ ออฟฟิศกับบ้านเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ถ้าถามผมว่าไกลไหมตอบว่าไม่ แต่เหตุผลที่เขาไม่ยอมกลับมานอนค้างที่บ้านคงเป็นเพราะต้องการอยู่กับแฟนสาวอย่างสบายใจกระมัง แฟนของคุณนาธานก็คือซอนย่านั่นล่ะครับ เธอเป็นนางเอกซูเปอร์สตาร์ มีชื่อเสียงระดับประเทศ สวยและมีความสามารถ ในทีวีดูเป็นผู้หญิงเรียบร้อยอ่อนหวานแต่ในชีวิตจริงผิดจากหน้ามือเป็นหลังมือ นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณนายวิมลไม่ชอบขี้หน้า
บทที่ 5สะใภ้ตัวจริง ช่วงเวลาที่สุดแสนจะกลัดกลุ้มได้ผ่านพ้นไปแล้ว เขากลับไปในช่วงค่ำของวันนั้น ส่วนผมนั่งร้องไห้อยู่ในห้องนานหลายชั่วโมงกว่าจะทำใจได้ สรุปว่าผมมาทำอะไรที่นี่ มาขายตัวหรือมาเป็นเมียหลอก ๆ หรือมาเป็นสะใภ้หลอก ๆ เริ่มไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน คุณนายวิมลให้คนมาเรียกลงไปที่ห้องรับแขก ผมจึงต้องรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หากทว่าดวงตายังคงแดงก่ำมิอาจปกปิดได้ ลงมาถึงแล้วก็เห็นท่านนั่งอ่านนิยายวายเรื่องโปรดรออยู่ก่อนแล้ว จึงยกมือไหว้แล้วนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าก้มตาไม่อยากให้ท่านมองเห็นร่องรอยของการร้องไห้มา “เป็นยังไงบ้าง” “ไม่เป็นไรครับคุณแม่” น้ำเสียงของผมสั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ว่าจะไม่ร้องแล้วนะแต่พอมีคนมาสะกิดความรู้สึกนั้นอีกทีก็ต้องอ่อนแออีกครั้ง “ฉันขอโทษที่ทำอย่างนั้นลงไป ฉันแค่อยากให้เธอกับนาธานผูกพันกัน ทุกอย่างมันจะได้ง่ายขึ้น” “คุณแม่ต้องการแค่นั้นเองเหรอครับ ไม่ห่วงความรู้สึกผมเลยเหรอครับ ผมขอโทษที่ต้องพูดตรง ๆ ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเสียตัวให้ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน ไม่เคยรักเลยด้วยซ้ำและไม่คิ
บทที่ 6ภารกิจใหม่ หลังจากถูกเขม่นด้วยสายตาจากนางเอกชื่อดังแล้ว ผมก็มองนางเปลี่ยนไปไม่คิดจะญาติดีด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาคิดอะไรมากเพราะต้องออกไปเดินแบบแล้ว แขกของงานวันนี้มีแต่พวกคุณหญิงคุณนายและไฮโซทั้งนั้น แน่นอนว่าคุณนายวิมลต้องบังคับให้ลูกชายมาด้วย ไม่สิ! หากจะบอกว่าบังคับก็คงไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะเขาเองก็คงอยากจะมาให้กำลังใจแฟนสาวด้วย รอบแรกของการเดินแบบผ่านไปด้วยดี การเดินของวันนี้จะเดินเป็นคู่ชายหญิง คู่ของผมเป็นนางแบบอาชีพที่มีสกิลการเดินค่อนข้างดีมาก ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจที่มีคู่เดินซึ่งมีประสบการณ์มาก่อน พวกเราเข้ามาเปลี่ยนชุดอย่างเร่งรีบ ทุกอย่างดูวุ่นวายไปเสียหมด ชุดที่สองสำหรับงานในวันนี้เป็นชุดผ้าไหมที่ออกแบบตัดเย็บให้ดูทันสมัย ทุกครั้งที่ผมเข้ามาเปลี่ยนชุดซอนย่าก็ออกไปเดินบนเวที โชคดีที่เราไม่ได้เดินพร้อมกันมิเช่นนั้นคงเกิดซีนขัดแข้งขัดขาเหมือนในละครเป็นแน่
บทที่ 7เป็นของเล่นก็พอได้ ในที่สุดผมก็ได้โบยบินออกจากกรงทองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้เดินทางมายังเชียงใหม่ตั้งแต่เช้า ถึงสนามบินก็มีรถจากทางรีสอร์ตมารอรับถึงที่ เดินทางจากตัวเมืองไม่ไกลนักก็มาถึงที่หมาย รีสอร์ตแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร ฉากหลังเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน บรรยากาศดีมาก วันนี้คึกคักเป็นพิเศษเพราะเปิดรีสอร์ตอย่างเป็นทางการ และเปิดต้อนรับนักเที่ยวเป็นวันแรกอีกด้วย ห้องพักที่ทางรีสอร์ตเตรียมไว้ให้เป็นบ้านน็อกดาวน์หลังเล็ก ๆ ติดกับลำธารน้ำไหล มีร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ทัศนียภาพของที่นี่ช่างงดงาม เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจจริง ๆ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่แล้วก็แต่งตัวหล่อ ๆ ออกไปร่วมแสดงความยินดีตามที่คุณนายวิมลได้วานมา เดินออกมาได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็เจอกับพนักงานสาวสวยซึ่งกำลังจะเดินมาหาผมพอดี เมื่อได้คุยกันนางบอกว่าทางคุณปัญจรีย์ให้มารับผมไปงานด้วยเกรงว่าจะห
บทที่ 8รู้สึกแปลกไป ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วผมก็ต้องเป็นคนดูแลคุณนาธานอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขายังคงลงน้ำหนักเท้าได้ไม่มาก แทนที่จะกลับกรุงเทพมหานครแต่สั่งให้พากลับมายังห้องพักห้องเดิม ส่วนผมไม่มีทางกลับเพราะตั้งใจจะมาเที่ยวทั้งทีต้องเที่ยวให้หนำใจ เขาเจ็บอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะตามไปแกล้งผม เมื่อรู้ข่าวคุณป้าปัญจรีย์ก็เข้ามาเยี่ยมถึงห้องพัก ท่านถามว่าจะกลับกรุงเทพฯเลยไหมจะได้เตรียมรถและตั๋วเครื่องบินให้หลานชาย แต่เมื่อคุณนาธานปฏิเสธและบอกว่าจะอยู่เที่ยวที่นี่สักพักก่อน ท่านจึงเปลี่ยนแผนสั่งให้คนนำรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งมาให้ เพื่อจะได้ขับไปเที่ยวได้ตามสบายใจ รถก็มีแล้วจะขาดก็แต่เงินเท่านั้น กระเป๋าสตางค์ก็ยังไม่ได้คืน ผมจึงคิดว่าจะต้องใช้วิธีสกปรกเพื่อเอาเงินมาจากคุณนาธาน รอช่วงที่เขาหล
บทที่ 9ไม่ได้รัก เราทั้งสองใช้เวลาอยู่ที่เชียงใหม่สามวันแล้ว แน่นอนว่ายังคงพักที่รีสอร์ตของคุณป้าปัญจรีย์ และยังคงพักห้องเดียวกัน เมื่อยามออกไปเที่ยวผมยังคงกระเตงคุณนาธานซ้อนท้ายไปเหมือนเคย ตากแดดตากลมห่มน้ำค้างด้วยกันมาโดยตลอด ตีกันบ้าง ดีกันบ้าง ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและสถานการณ์ที่พบเจอ พรุ่งนี้ตั้งใจว่าจะกลับกรุงเทพฯแล้ว ป่านนี้คุณนายก็คงใกล้จะกลับมาจากเที่ยวยุโรปเหมือนกัน น่าแปลกที่ท่านไม่โทรมาถามข่าวคราวเราสองคนเลยตั้งแต่เดินทางมาที่นี่ วันนี้ตั้งใจว่าจะนอนพักผ่อนเอาแรงก่อนเดินทางไกล ตื่นตั้งแต่เช้าตั้งใจว่าจะออกไปนั่งจิบกาแฟที่ริมลำธารด้านหลัง สูดกลิ่นอายของอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดให้เยอะ ๆ ก่อนกลับ กำลังจะเดินผ่านเตียงไปก็ต้องเอะใจ วันนี้เขายังคงนอนหลับอยู่บนเตียง ปกติแล้วจะตื่นนอนก่อนผมเสียอีก ไม่ต
บทที่ 10หมอยินดีด้วยครับ ในที่สุดเราทั้งสองก็กลับมาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ แต่กว่าจะมาถึงผมต้องเทียวเดินเข้าออกในห้องน้ำบนเครื่องบินเพราะมีอาการอาเจียนอยู่บ่อยครั้ง ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ หากจะว่าอาหารเป็นพิษก็คงไม่ใช่ เพราะไม่มีอาการถ่ายท้องเลย คุณนาธานผู้ซึ่งนั่งอยู่ข้างกันเอาแต่ถามว่าไหวไหม ดูท่าทางเขาจะเป็นห่วงผมมาก แต่ไม่เชื่อหรอกว่านั่นจะออกมาจากใจ “กลับมากันแล้ว” “สวัสดีครับนมสร้อย” “สวัสดีครับป้าสร้อย” เสียงป้าสร้อยดังมาแต่ไกลเมื่อเห็นเราทั้งสองเดินเข้ามาในบ้าน ท่านรับไหว้พลางยิ้มทักทายเหมือนเช่นเคย วันนี้บ้านโล่งคาดว่าคุณนายวิมลคงยังไม่กลับมา
บทที่ 30อวสาน สี่ปีผ่านไป... เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมาล้วนแต่เป็นประสบการณ์ชีวิต อาจจะมีทั้งดีและร้ายปะปนกันไป ซึ่งได้สั่งสอนให้เราเรียนรู้และสามารถดำเนินชีวิตอย่างมีสติ หากทว่าในบางช่วงเวลาชีวิตของคนเรามักดิ่งลงเหวจนมิอาจปีนป่ายขึ้นมาได้ ต้องทนทุกข์เพราะความคิดด้านมืดของตัวเอง เหมือนเช่นที่ซอนย่าต้องกลายเป็นนางเอกตกอับ ต้องถูกจำคุกในข้อหาจ้างวานฆ่า รับผลกรรมในเรือนจำพร้อมกับคุณคณิน สี่ปีให้หลังชีวิตของผมวุ่นวายมากเพราะบัตเตอร์เติบโตและเข้าเรียนชั้นอนุบาลแล้ว เด็กคนนี้ทั้งดื้อทั้งซน ผิดแปลกจากเมื่อตอนเป็นทารกซึ่งเลี้ยงง่ายมาก แต่ความดื้อความซนกลับทำให้คนเป็นพ่อชอบใจนักแล พาลูกเล่นอะไรที่มันโลดโผน ชอบใช้กำลัง ผมกลัวเหลือเกินว่าโตขึ้นมาจะเป็นนักเลงหัวไม้ ต่อยตีกับคนอื่นไปทั่ว เชื่อแล้วว่าล
บทที่ 29กระต่ายน้อย วันเวลาผันผ่านมาจนถึงหกเดือนแล้ว ชีวิตผมเริ่มเข้าร่องเข้ารอย ส่วนคุณนาธานยังคงเป็นหัวหน้าสมาคมอีธาร์เช่นเคย แต่เขาน่าเกรงขามและมีความโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเดิมเสียอีก นั่นเพราะหลังจากได้เปิดตัวผมแล้วมีสมาชิกกลุ่มหนึ่งต่อต้านในความรักของเรา คิดว่าเขาไม่เหมาะจะเป็นหัวหน้าสมาคม การเป็นคนที่น่ากลัวกว่าเดิมมีส่วนทำให้อำนาจที่อยู่ในมือแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ไม่มีคนกล้าต่อต้านเขาแม้แต่น้อย ใช่ว่าผมจะชอบให้เขาเป็นแบบนี้ อยากให้คุณนาธานมีชีวิตที่ผ่อนคลายบ้าง เขาต้องแบกรับทุกอย่างมาโดยตลอด เมื่อกลับมาที่บ้านผมจึงอยากทำให้เขามีความสุขที่สุด ไม่ต้องตีสีหน้าเคร่งขรึมตลอดเวลา บางวันอารมณ์เสียมาจากที่ทำงาน เป็นหน้าที่ของผมต้องทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ตาหนูก็โตวันโตคืน โชคดีที่แกเป็นเด็กร่าเริง เลี้ยงง่าย เป็นข
บทที่ 28ไม่บ่นสักคำ “โห่ ฮี่โห่ ฮี่โห่ ฮี่โห่ ฮี่โหยยย ฮิ้ววว” หลังจากเสียงนำขบวนจบลงแล้วก็มีเสียงกลองยาวดังขึ้นทันที วันนี้คฤหาสน์แอนเดสันครึกครื้นเป็นพิเศษ ผมกับแม่อยู่ที่ระเบียงกำลังยืนชมขบวนแห่ขันหมากซึ่งตั้งขบวนอยู่หน้ารั้วบ้าน กำลังเคลื่อนเข้ามาอย่างช้า ๆ โดยมีคุณนายวิมลและป้าสร้อยเดินเคียงข้างเจ้าบ่าวเข้ามา วันนี้คุณนาธานสวมใส่ชุดเจ้าบ่าวซึ่งเป็นชุดไทยประยุกต์ ดูหล่อและมีเสน่ห์มาก เห็นแล้วรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจังที่กำลังจะได้แต่งงานกับเขา ถึงจะมีเวลาเตรียมงานแค่ไม่กี่วันแต่ทุกอย่างออกมาเป็นที่น่าพอใจมาก ลืมบอกไปว่าวันนี้คุณอั๋นรับหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ส่วนคุณกายเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วย “หมดทุกข์หมดโศกสักทีนะไอ้บิว จากนี้ฉ
บทที่ 27ห้ามใจอ่อนกับใครอีก “คุณนาธาน! คุณยังไม่ตาย ฮึก...” “นาธานลูกแม่ ฮือ...แม่ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม” ผมกับคุณนายวิมลต่างก็เอ่ยด้วยความดีใจ รอยยิ้มและน้ำตาปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน ไม่เคยมีเรื่องใดทำให้ผมรู้สึกยินดีมากเท่านี้มาก่อน ตอนนี้เป็นอิสระจากบอดี้การ์ดพวกนั้นแล้วเพราะกลัวคุณนาธานจะส่งลูกตะกั่วมาเอาชีวิต ผมรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดเขาด้วยความดีใจ “คนใจร้าย ทำเอาผมแทบจะเป็นบ้าเลยรู้ไหม ฮือ...” “ไม่เอาไม่ร้อง ฉันกลับมาแล้ว” มือหนึ่งของเขายังคงถือปืนสั้น ส่วนอีกมือโอบกอดผมเอาไว้ ลูบเบา ๆ ที่กลางแผ่นหลัง&
บทที่ 26เมียข้าใครอย่าแตะ ข่าวร้ายในวันนั้นสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้พวกเราเป็นอย่างยิ่ง ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าศพที่ถูกไฟคลอกอยู่ในรถคือคุณนาธานจริง ๆ วันที่รู้ข่าวคุณนายวิมลเป็นลมล้มพับจนต้องหามส่งโรงพยาบาล ส่วนผมนั่งรถไปยังโรงพยาบาลใกล้กับที่เกิดเหตุ กู้ภัยส่งร่างของเขาไปชันสูตรที่นั่น แม้ร้องไห้เสียใจจนไม่มีกะจิตกะใจทำสิ่งใด แต่ผมก็ฝืนตัวเองไปให้เห็นกับตาว่าเป็นเขาจริง ๆ ผมขอร้องคุณหมอตรวจดีเอ็นเอเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นเขาจริง แต่เมื่อได้รับของจากเจ้าหน้าที่ซึ่งเก็บมาได้จากจุดเกิดเหตุก็ทำให้ต้องล้มเลิกความคิด มันคือของใช้ส่วนตัวของเขา ไม่ว่าจะเป็นแหวน สร้อย นาฬิกา ของพวกนี้เขาไม่เคยถอดไว้ที่ไหนเลย ไม่มีอะไรจะต้องสงสัยอีกต่อไปแล้ว ยืนทำใจอยู่นานกว่าจะกล้าส่งมือไปเปิดผ้าคลุมศพ เพียงได้เห็นน้ำตามันก็ไหลหลั่ง ผมรีบปิดมันเพราะสภาพศพดูไม่ได้เลยจริง ๆ ภาพนี้คงติดตาผมไปจนวันตาย
บทที่ 25ข่าวร้าย หัวใจของผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อรู้ว่าตาหนูหายตัวไป เราทั้งหมดรีบเดินเข้าไปยังห้องนอนของผม อู่เปลว่างเปล่าไร้เงาของเด็กทารกซึ่งนอนหลับอยู่ เป็นความชะล่าใจของพวกเราเพราะคิดว่าภายในบ้านคงไม่มีใครกล้า แม่กับป้าสร้อยกินข้าวอยู่ในห้องครัว ผมกับคุณนายวิมลสนทนากันอยู่ในห้องนั่งเล่น ใครกันที่กล้าบังอาจลักพาตัวลูกชายผมไป “ตาหนูลูกแม่ ฮือ...” “ตาหนูหลานย่า ใครกันที่มันบังอาจเข้ามาลักพาตัวหลานฉันถึงในนี้!” คุณนายวิมลตะโกนดังก้องไปทั่วทั้งบ้านด้วยความโกรธขั้นสุด ผมทรุดตัวลงนั่งด้วยความเสียใจ เป็นห่วงลูกชายว่าจะโดนคนพวกนั้นทำอะไรบ้าง เมื่อนึกขึ้นได้ว
บทที่ 24กลับมา เมื่อรู้ว่ามีกองทัพนักข่าวบุกเข้ามาถึงถิ่นผมก็เกิดความกังวลใจ ใครก็รู้ว่านักข่าวน่ากลัวกว่าฝูงซอมบี้เสียอีก พวกเขาต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ข่าวไปขาย คนทั้งประเทศกำลังจับตามองคุณนาธาน ต่างก็ส่งเสียงสาปแช่งเพราะไปทำให้นางเอกขวัญใจของพวกเขาเจ็บช้ำน้ำใจ มีหรือที่ผมจะรอดไปได้ อยู่ที่น่านก็เกรงว่าจะได้รับอันตราย มาที่นี่ก็ต้องเจอกับกองทัพนักข่าวอีก ไม่มีทางเลือกอื่นให้สบายใจบ้างเลย “เราจะทำยังไงดีครับคุณแม่” “ไม่ต้องทำอะไร ยังไงก็เข้ามาไม่ได้หรอก ฉันจะสั่งเพิ่มกำลังคนให้เข้มงวดมากขึ้น ไม่ต้องเป็นห่วง” “ครับคุณแม่” “เธอเองก็พักผ่อนเถอะ จะได้มีแรงเล
บทที่ 23บุกรุกบ้าน ภาพข่าวถูกปิดด้วยฝีมือของคุณนายวิมล ผมยังคงอึ้งกับภาพที่เห็น คิดไปต่าง ๆ นานาว่าหลังจากนี้จะไปต่ออย่างไร จะตัดสินใจอย่างไร ตอนนี้เรื่องมันกระจ่างแล้วว่าเขาไม่ได้คิดจะแต่งงานกับซอนย่าเพราะความรักเหมือนก่อนหน้า แต่คลิปที่ผมเห็นวันนั้นล่ะ ผมยังไม่อยากเชื่อใจเขาเต็มร้อยเพราะกลัวว่าจะโดนหลอกซ้ำอีก เรื่องที่คาราคาซังระหว่างผมกับเขาอาจจะคลี่คลายลงบ้าง แต่ปัญหาจากการหักหน้าซอนย่าในงานแต่งกำลังจะถาโถมเข้ามา เขาประกาศว่ามีลูกมีเมียแล้ว เชื่อว่าหลังจากนี้นักข่าวจะต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตผมกับเขาเป็นแน่ “รู้ความจริงแล้วเธอคิดยังไงบ้าง” คุณนายวิมลถาม “ผม...ยังไม่อยากตัดสินใจอะไรตอนนี้ครับ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมยังค้า
บทที่ 22สิ้นคำสาป จังหวะที่ผมนั่งลงบนพื้นป้าสร้อยรีบวิ่งเข้ามาช่วยพยุงเอาไว้ หลังจากนั้นคนขับรถก็ตามมาติด ๆ เขาสวมหมวกแก็ป สวมแมส ใส่แว่นกันแดด จึงไม่รู้ว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ดูท่าทางเป็นห่วงผมมาก “รีบพาขึ้นรถเร็วค่ะ ป้าจะเข้าไปเรียกคุณนายก่อน” ป้าสร้อยเอ่ยกับคนขับรถ จากนั้นเขาก็อุ้มผมขึ้นไปบนรถตู้ ไม่ยอมพูดยอมจาแม้แต่สักคำ ผมนอนร้องโอดโอยอยู่บนเบาะรถ ส่วนคนขับก็รีบมานั่งประจำที่ สตาร์ทเครื่องรอทุกคน “โอ้ย ทำไมปวดอย่างนี้นะ จะทนไม่ไหวแล้ว” “ไอ้บิว! แกเป็นยังไงบ้าง” “ผมปวดท้องอ่ะแ