บทที่ 6
ภารกิจใหม่
หลังจากถูกเขม่นด้วยสายตาจากนางเอกชื่อดังแล้ว ผมก็มองนางเปลี่ยนไปไม่คิดจะญาติดีด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาคิดอะไรมากเพราะต้องออกไปเดินแบบแล้ว แขกของงานวันนี้มีแต่พวกคุณหญิงคุณนายและไฮโซทั้งนั้น แน่นอนว่าคุณนายวิมลต้องบังคับให้ลูกชายมาด้วย ไม่สิ! หากจะบอกว่าบังคับก็คงไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะเขาเองก็คงอยากจะมาให้กำลังใจแฟนสาวด้วย
รอบแรกของการเดินแบบผ่านไปด้วยดี การเดินของวันนี้จะเดินเป็นคู่ชายหญิง คู่ของผมเป็นนางแบบอาชีพที่มีสกิลการเดินค่อนข้างดีมาก ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจที่มีคู่เดินซึ่งมีประสบการณ์มาก่อน พวกเราเข้ามาเปลี่ยนชุดอย่างเร่งรีบ ทุกอย่างดูวุ่นวายไปเสียหมด ชุดที่สองสำหรับงานในวันนี้เป็นชุดผ้าไหมที่ออกแบบตัดเย็บให้ดูทันสมัย ทุกครั้งที่ผมเข้ามาเปลี่ยนชุดซอนย่าก็ออกไปเดินบนเวที โชคดีที่เราไม่ได้เดินพร้อมกันมิเช่นนั้นคงเกิดซีนขัดแข้งขัดขาเหมือนในละครเป็นแน่
“อีกรอบเดียวก็เสร็จแล้ว เอาวะไอ้บิว”
กล่าวกับตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกกำลังใจแล้วปั้นหน้ายิ้มเพื่อจะเดินออกไปหน้าเวที หากทว่ามีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นเสียก่อน
“น้องบิวคะ”
คนที่เข้ามาทักคือผู้จัดงานวันนี้นั่นเองครับ
“ว่าไงครับพี่”
“รอบสุดท้ายน้องต้องมาเดินคู่กับน้องซอนย่านะคะ”
“อ้าว! ทำไมล่ะครับ”
“มันเป็นความต้องการของคุณซอนย่าค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ ใกล้จะถึงคิวแล้ว”
“ครับ ๆ”
แม้ไม่ชอบใจแต่ต้องยอมเพราะมันเป็นช่วงเวลาคับขัน ผมอยากให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ชุดก็ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งที่ใส่เรียบร้อยแล้ว ในระหว่างแต่งตัวนั้นซอนย่ามองมายังผมพร้อมยิ้มมุมปากเหมือนมีแผนร้ายในใจ ผมเองก็จ้องมองเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เหมือนเป็นการประกาศสงครามย่อม ๆ
ในที่สุดเราก็เดินออกมาพร้อมกันในชุดฟินาเล่ เสียงปรบมือดังสนั่นทั่วทั้งฮอลล์เมื่อเราทั้งคู่ปรากฏตัวในชุดผ้าไหมดีไซน์งดงาม มีความอลังการกว่าทุกชุด เราต่างก็ยิ้มทำให้หน้าที่ให้ดีที่สุด หากทว่ากำลังจะถึงปลายรันเวย์ซอนย่ากลับเล่นสกปรกขัดขาผมจนล้มลงไม่เป็นท่า
เสียงฮือฮาดังขึ้นไปทั่วทั้งฮอลล์ หลายคนยืนขึ้นมองพร้อมถ่ายรูป บางคนถ่ายวิดีโอเอาไว้ ผมผู้ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์อย่างนี้ ไม่รู้ว่าจะต้องแก้สถานการณ์ยังไง ตั้งใจจะลุกขึ้นหากทว่ากลับรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้า ซอนย่าทำทีจะช่วยพยุงขึ้นทว่าเธอกลับส่งเสียงเบา ๆ ให้เพียงผมได้ยินคนเดียว
“เจียมตัวซะบ้างก็ดี เธอมันก็แค่เด็กเศษสวะไร้ค่า” นางกล่าวในขณะที่ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้ม ผมปัดมือเธอออกไปจะลุกขึ้นเองแต่มันเจ็บเหลือเกิน
ทันใดนั้นมีใครบางคนปีนรันเวย์ขึ้นมาช่วยผมให้ลุกขึ้นจนสำเร็จ จากนั้นก็พาผมเดินลงมาจากเวที ทิ้งให้ยัยซอนย่าเดินเฉิดฉายอยู่บนนั้นต่อไป ในที่สุดนางก็ทำสำเร็จ เขี่ยผมลงมาข้างล่างส่วนตัวเองได้โดดเด่นอยู่บนในนั้นชุดฟินาเล่เพียงคนเดียว
“ไหวไหมครับ”
“พอไหวครับ ขอบคุณนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ พอดีว่าผมเป็นช่างภาพอยู่ตรงนั้นพอดี เลยช่วยได้ทันเวลา”
“ถ้าไม่มีคุณผมก็คงจะขายขี้หน้าไปมากกว่านี้แน่ ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ไว้มีโอกาสผมขอเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อได้ไหม”
“ยินดีครับ นี่นามบัตรผมนะครับ”
เขาคนนั้นยื่นนามบัตรให้กับผม รับมาแล้วก็เงยขึ้นมายิ้มให้
“ผมอั๋นนะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ผมบิวครับ ยินดีเช่นกัน”
ในระหว่างกำลังยืนคุยกันคุณนายวิมลก็เดินเข้ามาพร้อมกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน สีหน้าของท่านดูตื่นตกใจมากเมื่อเห็นผมเกิดอุบัติเหตุบนเวที หากทว่าสีหน้าของคุณนาธานไม่ได้แยแสอะไรผมเลย แต่ก็แอบมีเหล่ตามองคุณอั๋นบ้างเล็กน้อย คล้ายกับอยากจะไล่ออกไปจากตรงนี้
“เป็นยังไงบ้างหนูบิว”
“เจ็บข้อเท้านิดหน่อยครับคุณแม่”
“ฉันขอโทษที่ให้หนูมาเดินแบบวันนี้ เลยต้องโดนยัยนั่นกลั่นแกล้งจนถึงขั้นเจ็บตัวอย่างนี้”
“ซอนย่าไม่ทำอย่างนั้นหรอกครับคุณแม่” แหนะ! ยังมีหน้ามาแก้ต่างแทนยัยนั่นอีก ผมเกลียดขี้หน้าสองคนนี้เข้าไส้ซะเหลือเกิน
“เมียแกเจ็บขนาดนี้ยังจะมีหน้ามาแก้ต่างแทนแม่นั่น เป็นผัวประสาอะไรกันหา! รีบเข้าไปช่วยพยุงหนูบิวสิ”
“ผมกับบิวเรายังไม่ได้แต่งงานกันนะครับ เดี๋ยวคนอื่นก็เข้าใจผิดกันไปหรอก” คนอื่นที่ว่านั่นคือคุณอั๋น
“เข้าใจผิดยังไงในเมื่อนี่เมียแก อีกไม่นานก็จะได้แต่งงานกันอยู่ดี” เอ็ดให้ลูกชายแล้วหันไปเอ่ยกับคุณอั๋นต่อ “ขอบใจนะพ่อหนุ่มที่ช่วยเหลือลูกสะใภ้ฉันได้ทันเวลา”
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนนะครับ”
คุณอั๋นยกมือไหว้คุณนายวิมล หันมายิ้มให้ผมแล้วเดินไปจากตรงนั้น ผมยืนถือนามบัตรเอาไว้แน่นรอฟังว่าคุณนายวิมลจะเอายังไงต่อ เพราะตอนแรกบอกว่าจะพาผมไปแนะนำให้เพื่อนได้รู้จัก
“งั้นให้นาธานไปส่งที่บ้านก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะกลับพร้อมคนขับรถ”
“คือผมไม่ว่างครับคุณแม่ ให้คนขับรถไปส่งบิวก่อนแล้วค่อยกลับมารับคุณแม่ดีกว่าไหม”
“ไม่ได้! แกจะต้องไปส่งเมียแก ถ้าไม่ไปฉันจะถือว่าแกไม่ใช่ลูก แค่นี้ทำไม่ได้เชียวรึ”
สายตาของคุณนายวิมลน่ากลัวมาก มีหรือที่ลูกชายคนโปรดจะไม่ยอมรับปาก ผมยกมือไหว้ท่านแล้วเดินตามหลังคุณนาธานออกมาจากงาน ในระหว่างทางบังเอิญเจอกับซอนย่า สายตาที่เธอมองมายังผมคล้ายกับกำลังจะฆ่าจะแกงกันเสียอย่างนั้น ผมเองก็มองแรงใส่นางไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“นาธานจะไปไหนคะ เรามีนัดกันแล้วไม่ใช่เหรอ”
“พอดีว่าผมจะไปส่งบิวก่อนน่ะ คุณแม่บังคับให้ไปส่ง” สีหน้าของเขามีความอึดอัดไม่น้อยเมื่อเห็นสีหน้าของแฟนสาว คงกลัวว่าจะเข้าใจผิดล่ะสิท่า ทั้งที่รู้ว่าผมเป็นแค่ตัวหลอก
“วุ่นวายไม่เข้าเรื่อง เจ็บนิดเดียวทำเป็นสำออย”
“เพราะใครกันล่ะที่ทำผม ยังมีหน้ามาว่าคนอื่นอีกเหรอ”
“แกกล้าต่อปากต่อคำกับฉันเหรอ”
“มากกว่านี้ก็กล้า!” ผมทนไม่ไหวกำหมัดจะชกหน้าผู้หญิงคนนั้น ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยฟิวส์ขาดขนาดนี้มาก่อน ยอมรับว่าโกรธมากจริง ๆ
“ว้าย! นาธานคะช่วยด้วย” นางเข้าไปยืนหลบด้านหลังคุณนาธานได้ทันเวลา ไม่งั้นคงโดนหมัดผมเข้าไปแล้ว ได้เป็นข่าวดังไปทั่วประเทศก็วันนี้ล่ะ
เพี๊ยะ!
ในวินาทีนั้นเขาก็ฟาดมือมาที่แก้มของผมเต็มแรงจนหน้าหัน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก หน้าชา ขอบตาร้อนผ่าวน้ำในตาจะไหลลงมาเต็มทีแล้ว ผมหันหน้ามามองแรงใส่เขาคนนั้นด้วยความรู้สึกน้อยใจ
“อย่ามาทำตัวนักเลงใส่คนของฉัน เธอมันก็แค่ลูกจ้าง”
“ครับ ผมมันก็แค่ลูกจ้าง คุณไปเถอะผมกลับเองได้” กล่าวจบน้ำตาก็หยดแหมะลงมา
ผมไม่สนใจสองคนนั้นเดินจากมาทั้งที่ยังเจ็บข้อเท้า เมื่อพ้นสายตาเขาแล้วก็ปล่อยโฮออกมาอย่างหนักหน่วง อยากจะไปให้พ้นชีวิตผู้ชายคนนี้เร็ว ๆ ไม่รู้ว่าจะต้องทนอีกนานแค่ไหน ที่ทนอยู่เพราะเห็นแก่คุณนายวิมลและอนาคตของครอบครัวเท่านั้น
เดินมาได้สักพักก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น เกือบจะถึงถนนใหญ่อยู่แล้วเชียวแต่ทว่าผมกลับสะดุดข้อเท้าตัวเองจนล้ม แต่โชคดีมีใครบางคนมารับตัวไว้ได้ทันเวลา
“คุณบิว!”
“คุณอั๋น!”
“เป็นอะไรไหมครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่สะดุดขาตัวเองล้ม ขอบคุณอีกครั้งนะครับ วันนี้ต้องรบกวนคุณตลอดเลย”
“ผมยินดีครับ”
เขายังคงโอบกอดผมไว้อย่างลืมตัว กำลังจะเอ่ยกับคุณอั๋นทว่าสายตาของผมกลับมองเห็นคุณนาธานกำลังเดินมาหา ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมอยากประชดเขาด้วยการจูบคุณอั๋น เขาจะผละใบหน้าออกมาแต่ผมรั้งต้นคอไว้ไม่ยอมปล่อย แต่หารู้ไม่ว่าผมคิดผิดที่หางานให้คุณอั๋นจนได้
ผั๊วะ!
คุณนาธานวิ่งเข้ามากระชากตัวคุณอั๋นแล้วซักหมัดเข้าไปที่ใบหน้าสุดแรง แน่นอนว่าคุณอั๋นก็ไม่ยอมส่งหมัดกลับคืนไปเช่นกัน เขาสองคนกำลังจะวิ่งเข้ามาหากันอีกครั้งแต่ผมรีบเข้าไปขวางเอาไว้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“เธอมันร่าน! จูบกับผู้ชายคนอื่นในที่สาธารณะไม่ละอายใจบ้างเหรอ!”
“จะละอายใจทำไมในเมื่อผมยังโสด ไม่มีเจ้าของ ผมก็แค่รับจ้างมาเป็นเมียหลอก ๆ ของคุณเท่านั้น”
“มานี่เลย!”
ได้ยินอย่างนั้นก็เลือดขึ้นหน้า เขาคว้าข้อมือผมแล้วลากตัวให้เดินตามไป แต่ผมผู้ซึ่งเจ็บข้อเท้าพยายามส่งเสียงร้องห้าม เขารำคาญจึงอุ้มผมขึ้นพาเดินไปโดยไม่พูดไม่จาสักคำ ผมเองก็ได้แต่เงียบเพราะไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้างหลังจากนี้ จะเป็นห่วงก็แต่ความรู้สึกของคุณอั๋น ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเรื่องนี้เขาไม่ได้เกี่ยวข้องเลยด้วยซ้ำ
.
.
ตั้งแต่ตอนนั้นมาจนถึงบ้านผมไม่คุยกับเขาสักคำ เขาอุ้มผมขึ้นมานอนบนเตียงแล้วเดินไปล็อกประตูเอาไว้ กลับมายืนเท้าสะเอวมองหน้าผมอย่างเอาเรื่อง ผมไม่แม้จะมองหน้าเขา หันหน้าหนีไปอีกทาง
“ฉันว่ามันเริ่มไปกันใหญ่แล้ว ถึงยังไงเธอก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสะใภ้แม่ของฉันแล้ว ไม่ควรไปยืนจูบกับคนอื่นอย่างนั้น ห้ามมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด!”
“มันเป็นความผิดของผมเหรอครับ” ผมหันไปมองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ มันไม่ใช่ความผิดของผมเลย คนที่ผิดคือเขาที่พาผมเข้ามาอยู่ในวังวนนี้
“ใช่! ตั้งแต่เธอเข้ามาในบ้าน ชีวิตฉันมันก็ยุ่งยากไปหมด แทนที่จะได้สบายใจเหมือนอย่างที่คิดเอาไว้แต่ไม่เลย ต้องมายุ่งวุ่นวายกับเธอกับคุณแม่ เหมือนเอาตัวปัญหามาแขวนคอเอาไว้”
“จบเรื่องนี้สิครับ บอกคุณแม่ว่าแค่จ้างผมมาแล้วให้ผมกลับไป หรือไม่ก็เลิกกับซอนย่าเพื่อให้คุณแม่สบายใจ ชีวิตคุณมีทางเลือกแค่สองทางนี้เท่านั้น”
“อย่ามาสู่รู้ มาอย่าบงการชีวิตฉัน”
“ถ้าทำไม่ได้ก็รีบกลับเถอะ ผมจะพักผ่อน”
กล่าวแล้วทอดกายลงนอน หันหน้าหนีไปอีกฝั่ง กอดอกอย่างรู้สึกเซ็งขั้นสุด ความรักทำให้คนตาบอดมันคือเรื่องจริง ในตอนนี้ผมเริ่มคิดอยากช่วยให้ความฝันของคุณนายวิมลสำเร็จจริง ๆ แล้วล่ะ...ทำให้สองคนนั้นเลิกกัน
ปิดเปลือกตาลงได้ไม่นานก็ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เพราะคุณนาธานตามขึ้นมาบนเตียง คว้าข้อมือผมไปตรึงไว้เหนือศีรษะ สีหน้าและแววตาเขาคล้ายกับจะฆ่าคนตายได้ในวินาทีนี้ ความกลัวเริ่มคืบคลานเข้ามาจับใจอีกครั้ง
“คุณจะทำอะไร ปล่อยผมนะ”
“อวดดี อวดเก่ง ปากเก่ง คิดว่าตัวเองเป็นใคร” น้ำเสียงเย็นยะเยือกน่าขนลุก แม้ใจจะสั่นไหวแต่สีหน้าและแววตาทำเป็นเก่งสู้
“ถ้าไม่ปล่อยผมจะร้องให้คนใช้ทั้งบ้านได้ยินว่าคุณคิดจะทำอะไรผม ผมจะบอกให้หมดว่าคุณจ้างมาทำอะไรที่นี่ อื้อ...”
ร่างใหญ่ส่งริมฝีปากเข้ามาปิดปากผมอย่างรวดเร็ว ผมพยายามบิดข้อมือแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ เรี่ยวแรงอันน้อยนิดมีหรือจะสู้เขาได้ ริมฝีปากน้อย ๆ ถูกบดขยี้อย่างดูดดื่ม เขาละมือข้างหนึ่งมาฉีกเสื้อของผมอย่างป่าเถื่อน ตามด้วยกางเกงทั้งชั้นนอกและใน ร่างอันเปลือยเปล่าของผมดิ้นพล่านใต้ร่างหนา รสจูบยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ลมหายใจถี่กระชั้นบ่งบอกว่าเขากำลังมีอารมณ์มากเพียงใด หากทว่าในตอนนี้ผมแทบจะหมดลมหายใจตายลงตรงนี้เสียแล้ว
“อื้อ...”
ผมใช้แรงเฮือกสุดท้ายตบหน้าเขาซ้ำ ๆ เพื่อให้หยุด ดูเหมือนว่ามันจะได้ผลเขายอมปล่อยแล้วพลิกตัวไปนอนข้างผม ถอนหายใจเฮือกใหญ่ราวกับหงุดหงิดมากเหลือเกิน
“จะไปไหนก็ไป”
“คุณนั่นล่ะจะไปไหนก็ไป ผมไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ของใคร บอกแล้วไงว่าครั้งนั้นครั้งเดียวจะไม่มีอีก คุณไม่มีสิทธิ์มาแตะเนื้อต้องตัวผมเข้าใจไว้ด้วย”
“เออ! ฉันไม่มีสิทธิ์ แต่ถ้าฉันจะเอาใครก็ห้ามไม่ได้”
“แฟนคุณก็มีไปเอากับเธอสิ เธออยากให้ไปหาอยู่ไม่ใช่เหรอ!”
ผมตะโกนกลับไปอย่างเหลืออด น้ำตาไหลอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ลงจากเตียงเดินเขย่งเท้าออกมาจากห้อง ส่วนเขาก็เดินตามออกมาติด ๆ ล่วงหน้าลงไปก่อน ลงมาถึงชั้นล่างแล้วก็เจอกับป้าสร้อย จึงยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากแก้มให้หมด ในตอนนั้นได้ยินเสียงเร่งเครื่องยนต์ก่อนจะขับออกไปจากรั้วบ้าน
“กลับมาแล้วเหรอคะ”
“ครับป้าสร้อย”
“แล้วทำไมเดินแบบนี้ละคะ เกิดอะไรขึ้น!”
“เกิดอุบัติเหตุที่งานวันนี้นิดหน่อยครับ ไม่เป็นอะไรมาก”
“มานั่งก่อนค่ะอย่าเพิ่งเดินมาก เดี๋ยวป้าไปเอายามานวดให้”
“ขอบคุณครับป้าสร้อย”
ป้าสร้อยนำยามานวดให้ ในระหว่างนั้นท่านชวนผมคุยเรื่องงานวันนี้ ตบท้ายด้วยคำถามที่เป็นประเด็นสำคัญนั่นก็คือ...
“อย่าหาว่าป้าสอดรู้สอดเห็นเลยนะคะ คุณบิวทะเลาะกับคุณนาธานมาใช่ไหมคะ”
“นิดหน่อยครับป้า แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” ผมฝืนยิ้มให้ป้าสร้อย
“ไม่ใหญ่ได้ยังไงกันคะ ร้อยวันพันปีป้าไม่เคยเห็นคุณนาธานอารมณ์ร้อนอย่างนั้นมาก่อน เสียงเร่งเครื่องดังขนาดนั้นแสดงว่าต้องโมโหมากแน่ ๆ”
“ก็แล้วแต่เขาเลยครับ ผมไม่สนใจหรอก”
“งั้นป้าเข้าครัวก่อนนะคะ คุณบิวนั่งพักอยู่ตรงนี้อย่าเพิ่งเดินนะคะ”
“ขอบคุณครับป้าสร้อย”
ท่านคงอยากถามให้ลึกกว่านี้ แต่เห็นสีหน้าผมแล้วคงเกรงใจ เมื่อนั่งอยู่คนเดียวแล้วผมก็ระบายน้ำตาออกมาให้เต็มเหนี่ยว ตอนนี้เขาเริ่มล้ำเส้นเกินไปแล้ว คิดจะมาทำเหมือนผมเป็นเมียบำเรอ เป็นอีตัวที่อยากจะได้ตอนไหนก็ได้ ผมจะไม่ยอมเป็นอย่างนั้นแน่
*-*-*-*-*-*-*
หลายวันที่ผ่านมาคุณนาธานไม่ย่างกรายกลับเข้ามาในบ้านเลย คุณนายวิมลถามว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นผมจึงโกหกไปว่าเขาเริ่มระแวง เริ่มสงสัยว่าผมอาจจะมีข้อตกลงบางอย่างกับคุณนายวิมล ท่านรับรู้แต่ไม่ยอมพูดอะไร ไม่ได้ว่าอะไร ไม่ได้สั่งให้ทำอะไร ผมจึงใช้ชีวิตไปวัน ๆ ทำกับข้าว ทำงานอดิเรกไปเรื่อย
แต่วันนี้หลังจากใส่บาตรในตอนเช้าแล้วกำลังจะถือของกลับจู่ ๆ ก็หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม ป้าสร้อยกับคุณนายวิมลจึงช่วยกันพยุงมานั่งในห้องรับแขก นำยาหอมมาให้ดมจนรู้สึกดีขึ้น คุณนายวิมลถามว่าจะไปโรงพยาบาลไหมจะได้เรียกให้คุณนาธานมารับ ผมปฏิเสธเพราะไม่อยากเห็นหน้าเขา
“ตอนแรกกะว่าจะให้เธอไปทำธุระที่ต่างจังหวัดให้”
“ไปทำธุระอะไรที่ไหนครับ” ผมหูผึ่งทันทีเมื่อรู้ว่ามีโอกาสจะได้ออกไปใช้ชีวิตที่อื่นบ้าง
“พอดีว่าญาติที่เชียงใหม่กำลังจะเปิดรีสอร์ตใหม่ เชิญไปร่วมงานที่นั่น แต่ช่วงนั้นฉันติดทริปเที่ยวยุโรปกับเพื่อนน่ะสิ เลยกะว่าจะให้เธอช่วยเป็นธุระให้”
“มันจะดีเหรอครับ ผมเป็นใครก็ไม่รู้”
“ก็ไปในนามตัวแทนฉันไงล่ะ แค่เอาของไปร่วมแสดงความยินดีจากนั้นก็เที่ยวให้เต็มที่ค่อยกลับมา แต่เธอไม่ค่อยสบายไม่รู้จะไปได้ไหม”
“ไปได้ครับ ตอนนี้ผมดีขึ้นแล้ว ว่าแต่...จะให้ผมไปกับใครครับ” ผมนั่งลุ้นตัวเกร็งกลัวว่าท่านจะให้ไปพร้อมกับคุณนาธาน เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นผมไม่ยอมไปแน่
“ไปคนเดียวน่ะสิ คิดว่าฉันจะให้ไปกับตานาธานรึยังไง”
ได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจอย่างรู้สึกโล่ง
“ตอนแรกก็คิดครับ แต่ตอนนี้ไม่คิดแล้ว ขอให้ผมอยู่ห่างเขาสักพักบ้างเถอะครับคุณแม่ ผมสัญญาว่าถ้าชาร์จพลังงานจนเต็มแล้วจะกลับมาสานต่อภารกิจให้คุณแม่อย่างเต็มที่ รับรองว่าคุณนาธานและยัยซอนย่าจะต้องเลิกกันภายในหนึ่งเดือนแน่นอน”
“สาธุ! ขอให้มันเป็นอย่างนั้น ตอนนี้ความหวังของฉันขึ้นอยู่กับเธอแล้วล่ะ”
“ตอนแรกผมคิดว่ามันไม่ค่อยดีที่ทำให้คนรักต้องเลิกกัน แต่เมื่อรู้นิสัยของยัยซอนย่าแล้วไม่สงสารอะไรเลย ยัยนั่นร้ายกาจเหมือนที่คุณแม่พูดเลยครับ ผมเจอกับตัวตอนงานเดินแบบแล้ว”
“อ้าว! เธอไปโดนยัยนั่นทำอะไรมา”
“ก็ที่ผมล้มบนเวทีเพราะโดนยัยนั่นขัดขาน่ะสิครับ”
“เห็นไหมล่ะเป็นอย่างที่ฉันพูดไม่ผิด ตอนนี้เราลงเรือลำเดียวกันแล้วต้องทำให้สำเร็จนะ”
“ครับคุณแม่ ผมจะสู้สุดใจเลยครับ”
“ดีมากกกก”
คุณนายวิมลยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างพอใจ ส่วนป้าสร้อยเองก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน สองคนนี้เป็นเจ้านายกับลูกน้องที่เข้าขากันมาก นึกว่าเพื่อนร่วมรุ่นอะไรเทือกนั้น ส่วนตอนนี้ผมรู้สึกดีเป็นบ้าเพราะจะได้ออกไปเที่ยวเชียงใหม่เพียงลำพัง ไม่ต้องเจอหน้าไอ้ผู้ชายสายหื่นนั่นอีกหลายวัน
บทที่ 7เป็นของเล่นก็พอได้ ในที่สุดผมก็ได้โบยบินออกจากกรงทองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้เดินทางมายังเชียงใหม่ตั้งแต่เช้า ถึงสนามบินก็มีรถจากทางรีสอร์ตมารอรับถึงที่ เดินทางจากตัวเมืองไม่ไกลนักก็มาถึงที่หมาย รีสอร์ตแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร ฉากหลังเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน บรรยากาศดีมาก วันนี้คึกคักเป็นพิเศษเพราะเปิดรีสอร์ตอย่างเป็นทางการ และเปิดต้อนรับนักเที่ยวเป็นวันแรกอีกด้วย ห้องพักที่ทางรีสอร์ตเตรียมไว้ให้เป็นบ้านน็อกดาวน์หลังเล็ก ๆ ติดกับลำธารน้ำไหล มีร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ทัศนียภาพของที่นี่ช่างงดงาม เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจจริง ๆ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่แล้วก็แต่งตัวหล่อ ๆ ออกไปร่วมแสดงความยินดีตามที่คุณนายวิมลได้วานมา เดินออกมาได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็เจอกับพนักงานสาวสวยซึ่งกำลังจะเดินมาหาผมพอดี เมื่อได้คุยกันนางบอกว่าทางคุณปัญจรีย์ให้มารับผมไปงานด้วยเกรงว่าจะห
บทที่ 8รู้สึกแปลกไป ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วผมก็ต้องเป็นคนดูแลคุณนาธานอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขายังคงลงน้ำหนักเท้าได้ไม่มาก แทนที่จะกลับกรุงเทพมหานครแต่สั่งให้พากลับมายังห้องพักห้องเดิม ส่วนผมไม่มีทางกลับเพราะตั้งใจจะมาเที่ยวทั้งทีต้องเที่ยวให้หนำใจ เขาเจ็บอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะตามไปแกล้งผม เมื่อรู้ข่าวคุณป้าปัญจรีย์ก็เข้ามาเยี่ยมถึงห้องพัก ท่านถามว่าจะกลับกรุงเทพฯเลยไหมจะได้เตรียมรถและตั๋วเครื่องบินให้หลานชาย แต่เมื่อคุณนาธานปฏิเสธและบอกว่าจะอยู่เที่ยวที่นี่สักพักก่อน ท่านจึงเปลี่ยนแผนสั่งให้คนนำรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งมาให้ เพื่อจะได้ขับไปเที่ยวได้ตามสบายใจ รถก็มีแล้วจะขาดก็แต่เงินเท่านั้น กระเป๋าสตางค์ก็ยังไม่ได้คืน ผมจึงคิดว่าจะต้องใช้วิธีสกปรกเพื่อเอาเงินมาจากคุณนาธาน รอช่วงที่เขาหล
บทที่ 9ไม่ได้รัก เราทั้งสองใช้เวลาอยู่ที่เชียงใหม่สามวันแล้ว แน่นอนว่ายังคงพักที่รีสอร์ตของคุณป้าปัญจรีย์ และยังคงพักห้องเดียวกัน เมื่อยามออกไปเที่ยวผมยังคงกระเตงคุณนาธานซ้อนท้ายไปเหมือนเคย ตากแดดตากลมห่มน้ำค้างด้วยกันมาโดยตลอด ตีกันบ้าง ดีกันบ้าง ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและสถานการณ์ที่พบเจอ พรุ่งนี้ตั้งใจว่าจะกลับกรุงเทพฯแล้ว ป่านนี้คุณนายก็คงใกล้จะกลับมาจากเที่ยวยุโรปเหมือนกัน น่าแปลกที่ท่านไม่โทรมาถามข่าวคราวเราสองคนเลยตั้งแต่เดินทางมาที่นี่ วันนี้ตั้งใจว่าจะนอนพักผ่อนเอาแรงก่อนเดินทางไกล ตื่นตั้งแต่เช้าตั้งใจว่าจะออกไปนั่งจิบกาแฟที่ริมลำธารด้านหลัง สูดกลิ่นอายของอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดให้เยอะ ๆ ก่อนกลับ กำลังจะเดินผ่านเตียงไปก็ต้องเอะใจ วันนี้เขายังคงนอนหลับอยู่บนเตียง ปกติแล้วจะตื่นนอนก่อนผมเสียอีก ไม่ต
บทที่ 10หมอยินดีด้วยครับ ในที่สุดเราทั้งสองก็กลับมาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ แต่กว่าจะมาถึงผมต้องเทียวเดินเข้าออกในห้องน้ำบนเครื่องบินเพราะมีอาการอาเจียนอยู่บ่อยครั้ง ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ หากจะว่าอาหารเป็นพิษก็คงไม่ใช่ เพราะไม่มีอาการถ่ายท้องเลย คุณนาธานผู้ซึ่งนั่งอยู่ข้างกันเอาแต่ถามว่าไหวไหม ดูท่าทางเขาจะเป็นห่วงผมมาก แต่ไม่เชื่อหรอกว่านั่นจะออกมาจากใจ “กลับมากันแล้ว” “สวัสดีครับนมสร้อย” “สวัสดีครับป้าสร้อย” เสียงป้าสร้อยดังมาแต่ไกลเมื่อเห็นเราทั้งสองเดินเข้ามาในบ้าน ท่านรับไหว้พลางยิ้มทักทายเหมือนเช่นเคย วันนี้บ้านโล่งคาดว่าคุณนายวิมลคงยังไม่กลับมา
บทที่ 11กลับบ้าน ผมกลับมาที่บ้านอีกครั้งก็พบว่าคุณนายวิมลท่านกลับมาจากยุโรปแล้ว มีของฝากจำนวนไม่น้อยถูกวางไว้บนโต๊ะในห้องรับแขก หากทว่าผมไม่ได้ดีใจกับสิ่งของเหล่านั้นเลย เพราะยังกังวลเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวผม แม้กระทั่งตอนนี้ยังไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่ามีหนึ่งชีวิตน้อย ๆ อยู่ในท้อง ผมขอร้องให้คุณหมอปิดเรื่องนี้เป็นความลับไม่ให้บอกคุณนาธาน ตอนนี้จึงมีเพียงผมเท่านั้นที่รู้เรื่อง แต่เชื่อว่าคุณนายวิมลและป้าสร้อยเองก็คงจะรู้ผลลัพธ์สิ่งที่พยายาม ท่านคงหวังและรอคอยวันนี้มาโดยตลอด ผมจะทำอย่างไรดีในเมื่อตอนนี้มีพันธะเกิดขึ้นกับคนในบ้านหลังนี้แล้ว คุณนาธานยังคงไม่ยอมกลับไปคอนโด เอาแต่ตามเฝ้าผมตลอดเวลาไม่ห่าง คล้ายกับกลัวว่าผมจะหนีไปหรือไม่ก็โทรหาคุณอั๋น ตั้งแต่กลับมาผมยังไม่พูดกับเขาสักคำ และตั้งใจว่าไม่พูดจนกว่าเ
บทที่ 12อีกไม่นานเกินรอ ผมรีบวิ่งลงมาจากชั้นบนด้วยความรู้สึกสงสัย ใครกันนะมาหาถึงบ้าน ปกติแล้วไม่เคยมีเพื่อนมาหาที่บ้านนานแล้ว คนที่เคยมาก็มีแค่คนเดียวนั่นคือฮาร์ท ฮาร์ทคือเพื่อนที่เคยอยู่ในกลุ่มเดียวกัน แต่ฮาร์ทไม่ได้คิดกับผมแค่เพื่อน ก่อนเรียนจบเคยสารภาพรักกับผมแต่โดนปฏิเสธไป หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้พบเจอหรือพูดคุยกันอีกเลยเดินลงมาก็เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ฮาร์ทนั่งอยู่บนโซฟาหน้าจอทีวี เห็นเพื่อนในรอบหลายเดือนก็ยิ้มด้วยความดีใจ “ฮาร์ท!” “บิว!” “มาได้ยังไงเนี่ย” “เราคิดถึงเลยมาหาน่ะ” เขาส่งยิ้มมาให้ รอยยิ้มนี้ยังคงจริงใจเสมอไม่เคยเปลี่ยน หากตัดเรื่องค
บทที่ 13นาธานการละคร ช่วงเวลาสามวันที่บ้าน...ผมรู้สึกว่ามันคือช่วงสุดแสนจะวิเศษนั่นเพราะมีคุณนาธาน ตั้งแต่ได้ยินว่าเขาจะบอกเลิกกับยัยซอนย่าเพื่อผม ก็เปิดใจให้เขามากขึ้น นอกจากผมแล้วแม่กับน้องชายก็เข้าถึงคุณนาธานได้มากขึ้น เขาเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย เข้ากับทุกคนในบ้านได้อย่างน่าเหลือเชื่อ หากเป็นอย่างนี้ต่อไปผมคงรักเขาได้อย่างเต็มหัวใจเป็นแน่แท้ ในระหว่างนี้เขาไม่แม้จะแตะโทรศัพท์มือถือ เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องกับผมและเจ้าหมูตอนตลอดทั้งวันทั้งคืน ความใกล้ชิดสนิทสนมนี้ทำให้ผมกล้าที่จะพูดและทำตัวเหมือนคนสนิทสนมคุ้นเคยและรู้ใจ ไม่ต่างจากคนที่ใช้คำว่าคู่ชีวิต ที่ผมประทับใจมากนั่นคือเขาลงมือทำกับข้าวให้รับประทาน ซึ่งไม่เคยเห็นภาพนี้มาก่อนเลย หากคุณนายวิมลรู้ว่าคุณนาธานได้เปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้วท่านคงจะดีใจมาก วันน
บทที่ 14ลูกใคร? วันนี้ถึงเวลาที่ผมจะต้องกลับไปอยู่บ้านแล้ว ก่อนหน้าเคยคิดเสมอว่าเมื่อไหร่จะได้หลุดพ้นจากตรงนี้เสียที แต่พอถึงเวลาต้องจากไปความอาลัยก็เอ่อล้นออกมา คุณนายวิมลและป้าสร้อยยืนรออยู่ที่หน้าคฤหาสน์เพื่อร่ำลากัน เห็นคนแก่ทั้งสองก็ทำให้หัวใจผมมันห่อเหี่ยว ไม่อยากไปจากที่นี่เลยแต่ด้วยความจำเป็นชีวิตมันต้องเดินหน้าต่อไป เรายิ้มให้กันทั้งน้ำตา ก่อนผมจะยกมือไหว้คุณนายวิมลและป้าสร้อยตามลำดับ โผเข้าไปสวมกอดท่านทั้งสองเป็นปราการสุดท้ายก่อนจะเอ่ยคำลา “ผมต้องไปแล้วนะครับคุณแม่ ป้าสร้อย ผมจะไม่มีวันลืมที่นี่เลย ฮึก...” พูดไปก็ใช้มือปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มไปด้วย “ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว แต่ฉันก็ยังรักเธอเห
บทที่ 30อวสาน สี่ปีผ่านไป... เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมาล้วนแต่เป็นประสบการณ์ชีวิต อาจจะมีทั้งดีและร้ายปะปนกันไป ซึ่งได้สั่งสอนให้เราเรียนรู้และสามารถดำเนินชีวิตอย่างมีสติ หากทว่าในบางช่วงเวลาชีวิตของคนเรามักดิ่งลงเหวจนมิอาจปีนป่ายขึ้นมาได้ ต้องทนทุกข์เพราะความคิดด้านมืดของตัวเอง เหมือนเช่นที่ซอนย่าต้องกลายเป็นนางเอกตกอับ ต้องถูกจำคุกในข้อหาจ้างวานฆ่า รับผลกรรมในเรือนจำพร้อมกับคุณคณิน สี่ปีให้หลังชีวิตของผมวุ่นวายมากเพราะบัตเตอร์เติบโตและเข้าเรียนชั้นอนุบาลแล้ว เด็กคนนี้ทั้งดื้อทั้งซน ผิดแปลกจากเมื่อตอนเป็นทารกซึ่งเลี้ยงง่ายมาก แต่ความดื้อความซนกลับทำให้คนเป็นพ่อชอบใจนักแล พาลูกเล่นอะไรที่มันโลดโผน ชอบใช้กำลัง ผมกลัวเหลือเกินว่าโตขึ้นมาจะเป็นนักเลงหัวไม้ ต่อยตีกับคนอื่นไปทั่ว เชื่อแล้วว่าล
บทที่ 29กระต่ายน้อย วันเวลาผันผ่านมาจนถึงหกเดือนแล้ว ชีวิตผมเริ่มเข้าร่องเข้ารอย ส่วนคุณนาธานยังคงเป็นหัวหน้าสมาคมอีธาร์เช่นเคย แต่เขาน่าเกรงขามและมีความโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเดิมเสียอีก นั่นเพราะหลังจากได้เปิดตัวผมแล้วมีสมาชิกกลุ่มหนึ่งต่อต้านในความรักของเรา คิดว่าเขาไม่เหมาะจะเป็นหัวหน้าสมาคม การเป็นคนที่น่ากลัวกว่าเดิมมีส่วนทำให้อำนาจที่อยู่ในมือแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ไม่มีคนกล้าต่อต้านเขาแม้แต่น้อย ใช่ว่าผมจะชอบให้เขาเป็นแบบนี้ อยากให้คุณนาธานมีชีวิตที่ผ่อนคลายบ้าง เขาต้องแบกรับทุกอย่างมาโดยตลอด เมื่อกลับมาที่บ้านผมจึงอยากทำให้เขามีความสุขที่สุด ไม่ต้องตีสีหน้าเคร่งขรึมตลอดเวลา บางวันอารมณ์เสียมาจากที่ทำงาน เป็นหน้าที่ของผมต้องทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ตาหนูก็โตวันโตคืน โชคดีที่แกเป็นเด็กร่าเริง เลี้ยงง่าย เป็นข
บทที่ 28ไม่บ่นสักคำ “โห่ ฮี่โห่ ฮี่โห่ ฮี่โห่ ฮี่โหยยย ฮิ้ววว” หลังจากเสียงนำขบวนจบลงแล้วก็มีเสียงกลองยาวดังขึ้นทันที วันนี้คฤหาสน์แอนเดสันครึกครื้นเป็นพิเศษ ผมกับแม่อยู่ที่ระเบียงกำลังยืนชมขบวนแห่ขันหมากซึ่งตั้งขบวนอยู่หน้ารั้วบ้าน กำลังเคลื่อนเข้ามาอย่างช้า ๆ โดยมีคุณนายวิมลและป้าสร้อยเดินเคียงข้างเจ้าบ่าวเข้ามา วันนี้คุณนาธานสวมใส่ชุดเจ้าบ่าวซึ่งเป็นชุดไทยประยุกต์ ดูหล่อและมีเสน่ห์มาก เห็นแล้วรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจังที่กำลังจะได้แต่งงานกับเขา ถึงจะมีเวลาเตรียมงานแค่ไม่กี่วันแต่ทุกอย่างออกมาเป็นที่น่าพอใจมาก ลืมบอกไปว่าวันนี้คุณอั๋นรับหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ส่วนคุณกายเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วย “หมดทุกข์หมดโศกสักทีนะไอ้บิว จากนี้ฉ
บทที่ 27ห้ามใจอ่อนกับใครอีก “คุณนาธาน! คุณยังไม่ตาย ฮึก...” “นาธานลูกแม่ ฮือ...แม่ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม” ผมกับคุณนายวิมลต่างก็เอ่ยด้วยความดีใจ รอยยิ้มและน้ำตาปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน ไม่เคยมีเรื่องใดทำให้ผมรู้สึกยินดีมากเท่านี้มาก่อน ตอนนี้เป็นอิสระจากบอดี้การ์ดพวกนั้นแล้วเพราะกลัวคุณนาธานจะส่งลูกตะกั่วมาเอาชีวิต ผมรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดเขาด้วยความดีใจ “คนใจร้าย ทำเอาผมแทบจะเป็นบ้าเลยรู้ไหม ฮือ...” “ไม่เอาไม่ร้อง ฉันกลับมาแล้ว” มือหนึ่งของเขายังคงถือปืนสั้น ส่วนอีกมือโอบกอดผมเอาไว้ ลูบเบา ๆ ที่กลางแผ่นหลัง&
บทที่ 26เมียข้าใครอย่าแตะ ข่าวร้ายในวันนั้นสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้พวกเราเป็นอย่างยิ่ง ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าศพที่ถูกไฟคลอกอยู่ในรถคือคุณนาธานจริง ๆ วันที่รู้ข่าวคุณนายวิมลเป็นลมล้มพับจนต้องหามส่งโรงพยาบาล ส่วนผมนั่งรถไปยังโรงพยาบาลใกล้กับที่เกิดเหตุ กู้ภัยส่งร่างของเขาไปชันสูตรที่นั่น แม้ร้องไห้เสียใจจนไม่มีกะจิตกะใจทำสิ่งใด แต่ผมก็ฝืนตัวเองไปให้เห็นกับตาว่าเป็นเขาจริง ๆ ผมขอร้องคุณหมอตรวจดีเอ็นเอเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นเขาจริง แต่เมื่อได้รับของจากเจ้าหน้าที่ซึ่งเก็บมาได้จากจุดเกิดเหตุก็ทำให้ต้องล้มเลิกความคิด มันคือของใช้ส่วนตัวของเขา ไม่ว่าจะเป็นแหวน สร้อย นาฬิกา ของพวกนี้เขาไม่เคยถอดไว้ที่ไหนเลย ไม่มีอะไรจะต้องสงสัยอีกต่อไปแล้ว ยืนทำใจอยู่นานกว่าจะกล้าส่งมือไปเปิดผ้าคลุมศพ เพียงได้เห็นน้ำตามันก็ไหลหลั่ง ผมรีบปิดมันเพราะสภาพศพดูไม่ได้เลยจริง ๆ ภาพนี้คงติดตาผมไปจนวันตาย
บทที่ 25ข่าวร้าย หัวใจของผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อรู้ว่าตาหนูหายตัวไป เราทั้งหมดรีบเดินเข้าไปยังห้องนอนของผม อู่เปลว่างเปล่าไร้เงาของเด็กทารกซึ่งนอนหลับอยู่ เป็นความชะล่าใจของพวกเราเพราะคิดว่าภายในบ้านคงไม่มีใครกล้า แม่กับป้าสร้อยกินข้าวอยู่ในห้องครัว ผมกับคุณนายวิมลสนทนากันอยู่ในห้องนั่งเล่น ใครกันที่กล้าบังอาจลักพาตัวลูกชายผมไป “ตาหนูลูกแม่ ฮือ...” “ตาหนูหลานย่า ใครกันที่มันบังอาจเข้ามาลักพาตัวหลานฉันถึงในนี้!” คุณนายวิมลตะโกนดังก้องไปทั่วทั้งบ้านด้วยความโกรธขั้นสุด ผมทรุดตัวลงนั่งด้วยความเสียใจ เป็นห่วงลูกชายว่าจะโดนคนพวกนั้นทำอะไรบ้าง เมื่อนึกขึ้นได้ว
บทที่ 24กลับมา เมื่อรู้ว่ามีกองทัพนักข่าวบุกเข้ามาถึงถิ่นผมก็เกิดความกังวลใจ ใครก็รู้ว่านักข่าวน่ากลัวกว่าฝูงซอมบี้เสียอีก พวกเขาต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ข่าวไปขาย คนทั้งประเทศกำลังจับตามองคุณนาธาน ต่างก็ส่งเสียงสาปแช่งเพราะไปทำให้นางเอกขวัญใจของพวกเขาเจ็บช้ำน้ำใจ มีหรือที่ผมจะรอดไปได้ อยู่ที่น่านก็เกรงว่าจะได้รับอันตราย มาที่นี่ก็ต้องเจอกับกองทัพนักข่าวอีก ไม่มีทางเลือกอื่นให้สบายใจบ้างเลย “เราจะทำยังไงดีครับคุณแม่” “ไม่ต้องทำอะไร ยังไงก็เข้ามาไม่ได้หรอก ฉันจะสั่งเพิ่มกำลังคนให้เข้มงวดมากขึ้น ไม่ต้องเป็นห่วง” “ครับคุณแม่” “เธอเองก็พักผ่อนเถอะ จะได้มีแรงเล
บทที่ 23บุกรุกบ้าน ภาพข่าวถูกปิดด้วยฝีมือของคุณนายวิมล ผมยังคงอึ้งกับภาพที่เห็น คิดไปต่าง ๆ นานาว่าหลังจากนี้จะไปต่ออย่างไร จะตัดสินใจอย่างไร ตอนนี้เรื่องมันกระจ่างแล้วว่าเขาไม่ได้คิดจะแต่งงานกับซอนย่าเพราะความรักเหมือนก่อนหน้า แต่คลิปที่ผมเห็นวันนั้นล่ะ ผมยังไม่อยากเชื่อใจเขาเต็มร้อยเพราะกลัวว่าจะโดนหลอกซ้ำอีก เรื่องที่คาราคาซังระหว่างผมกับเขาอาจจะคลี่คลายลงบ้าง แต่ปัญหาจากการหักหน้าซอนย่าในงานแต่งกำลังจะถาโถมเข้ามา เขาประกาศว่ามีลูกมีเมียแล้ว เชื่อว่าหลังจากนี้นักข่าวจะต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตผมกับเขาเป็นแน่ “รู้ความจริงแล้วเธอคิดยังไงบ้าง” คุณนายวิมลถาม “ผม...ยังไม่อยากตัดสินใจอะไรตอนนี้ครับ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมยังค้า
บทที่ 22สิ้นคำสาป จังหวะที่ผมนั่งลงบนพื้นป้าสร้อยรีบวิ่งเข้ามาช่วยพยุงเอาไว้ หลังจากนั้นคนขับรถก็ตามมาติด ๆ เขาสวมหมวกแก็ป สวมแมส ใส่แว่นกันแดด จึงไม่รู้ว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ดูท่าทางเป็นห่วงผมมาก “รีบพาขึ้นรถเร็วค่ะ ป้าจะเข้าไปเรียกคุณนายก่อน” ป้าสร้อยเอ่ยกับคนขับรถ จากนั้นเขาก็อุ้มผมขึ้นไปบนรถตู้ ไม่ยอมพูดยอมจาแม้แต่สักคำ ผมนอนร้องโอดโอยอยู่บนเบาะรถ ส่วนคนขับก็รีบมานั่งประจำที่ สตาร์ทเครื่องรอทุกคน “โอ้ย ทำไมปวดอย่างนี้นะ จะทนไม่ไหวแล้ว” “ไอ้บิว! แกเป็นยังไงบ้าง” “ผมปวดท้องอ่ะแ