บทที่ 7
เป็นของเล่นก็พอได้
ในที่สุดผมก็ได้โบยบินออกจากกรงทองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้เดินทางมายังเชียงใหม่ตั้งแต่เช้า ถึงสนามบินก็มีรถจากทางรีสอร์ตมารอรับถึงที่ เดินทางจากตัวเมืองไม่ไกลนักก็มาถึงที่หมาย รีสอร์ตแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร ฉากหลังเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน บรรยากาศดีมาก วันนี้คึกคักเป็นพิเศษเพราะเปิดรีสอร์ตอย่างเป็นทางการ และเปิดต้อนรับนักเที่ยวเป็นวันแรกอีกด้วย
ห้องพักที่ทางรีสอร์ตเตรียมไว้ให้เป็นบ้านน็อกดาวน์หลังเล็ก ๆ ติดกับลำธารน้ำไหล มีร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ทัศนียภาพของที่นี่ช่างงดงาม เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจจริง ๆ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่แล้วก็แต่งตัวหล่อ ๆ ออกไปร่วมแสดงความยินดีตามที่คุณนายวิมลได้วานมา เดินออกมาได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็เจอกับพนักงานสาวสวยซึ่งกำลังจะเดินมาหาผมพอดี เมื่อได้คุยกันนางบอกว่าทางคุณปัญจรีย์ให้มารับผมไปงานด้วยเกรงว่าจะหลงทาง
“ขอบคุณนะครับพี่”
“ยินดีค่ะ”
พนักงานสาวสวยยิ้มก่อนผมจะเดินฝ่าผู้คนเข้าไปหาเจ้าของรีสอร์ต ซึ่งตอนนี้กำลังโปรยยิ้มรับของขวัญและช่อดอกไม้จากแขกเหรื่อในงานวันนี้
“สวัสดีครับคุณป้าปัญจรีย์”
“สวัสดีจ้ะ ใช่หนูบิวหรือเปล่า”
“ใช่ครับ ไม่นึกว่าคุณป้าจะรู้จักผมด้วย นี่ครับคุณแม่ฝากมาร่วมแสดงความยินดีด้วย” ผมมอบช่อดอกไม้พร้อมกับกล่องอะไรบางอย่างซึ่งคุณนายวิมลฝากมาด้วย
“ขอบใจจ้ะ พี่วิแจ้งก่อนหน้านี้แล้วว่าจะส่งตัวแทนมา สะใภ้ใหญ่ของพี่วิตัวจริงน่ารักกว่าในรูปอีกนะ”
“เอ่อ...คุณแม่บอกมาว่าอย่างนั้นเหรอครับ”
“ใช่จ้ะ แล้วจะให้บอกว่าเป็นอะไรล่ะ” ท่านยิ้มอย่างเอ็นดู
“ก็ตามนั่นล่ะครับ” ผมต้องยิ้มรับอย่างเสียมิได้ คุณนายวิมลบอกว่าเป็นแค่ตัวแทน ไม่ได้บอกว่ามาในฐานะสะใภ้สักหน่อย แกงผมรอบที่ล้านแล้วเนี่ย
“แล้วนี่ตานาธานไปไหนล่ะ”
“เอ่อ...พี่นาธานไม่ได้มาด้วยครับ คุณแม่ให้ผมมาคนเดียว”
“ไม่ใช่นะ พี่วิบอกว่ามากันคนละรอบแต่น่าจะถึงไล่เลี่ยกัน ป้าก็นึกว่าจะรอมาพร้อมกันซะอีก ที่พักก็จัดให้ที่เดียวกันนะ”
“หา! ว่าไงนะครับ ทำไมคุณแม่ไม่ได้บอกผมเรื่องนี้เลย” ใบหน้าผมเจื่อนลงทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น คุณนายวิมลกำลังคิดวางแผนจะทำอะไรกันแน่ ผมคิดอยู่แล้วว่าทำไมทุกอย่างมันง่ายดายขนาดนี้ ง่ายจนคิดไม่ถึงว่ามันจะเป็นอย่างนี้
“อ้าว! นั่นไงตานาธาน”
คุณป้าปัญจรีย์ส่งเสียงข้ามหัวผมไป จึงต้องมองตามไปเช่นกัน เห็นเขาคนนั้นเดินมาในชุดไปรเวทสุภาพไม่เป็นทางการมากจนเกินไป ความสง่าผ่าเผยของเขาทำให้ผู้หญิงทุกคนในงานมองตาเป็นมัน อยากจะได้เป็นเจ้าของใจแทบขาด ยกเว้นก็แต่ผมเท่านั้นที่ไม่อยากจะเข้าใกล้
“สวัสดีครับป้ารี”
“สวัสดีจ้ะหลานรัก มาให้ป้ากอดหน่อย”
เขาเดินเข้ามาสวมกอดป้าในขณะที่ผมยืนทำหน้าเอ๋ออยู่ข้าง ๆ เขายังไม่รู้ว่าผมอยู่ที่นี่ด้วยกระมังจึงไม่ได้ทักทายอะไรเลย
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ คุณแม่วานให้ผมมาเป็นตัวแทน”
“ขอบใจจ้ะ แล้วทำไมถึงได้มาคนละรอบล่ะ ป้านึกว่ามาจะมาพร้อมกันซะอีก”
“มากับใครครับ?”
เขาทำหน้าฉงนเมื่อได้ยินอย่างนั้น มั่นใจทันทีว่าคุณนาธานเองก็ไม่ได้รู้ล่วงหน้าว่าผมจะมาด้วย ทุกอย่างมันคือแผนการของคุณนายวิมลล้วน ๆ คนแก่อะไรจะมีความคิดลึกลับซับซ้อน จอมวางแผนอย่างนี้
“อ้าว! เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
เขาชี้หน้าพลางเบิกตาโต ผมจึงแสร้งทำเป็นยิ้มให้ เขาไม่พูดอะไรต่อแต่หันไปสนทนากับคุณป้าปัญจรีย์ไม่กี่ประโยคก็ลากตัวผมออกมาจากงาน เมื่อปลอดผู้คนแล้วก็ปล่อยแขนผมแล้วยืนกอดอกมองอย่างเอาเรื่อง
“เธอกับคุณแม่กำลังเล่นอะไรกันแน่”
“เปล่านะครับ ไม่ได้เล่นอะไร คุณแม่วานให้ผมมาร่วมแสดงความยินดีกับคุณป้าปัญจรีย์ผมก็มา”
“ไม่จริง! แล้วทำไมคุณแม่ต้องสั่งให้ฉันมาเร่งด่วนขนาดนี้ แถมยังจัดแจงตั๋วเครื่องบินอะไรไว้เสร็จสรรพ มาถึงก็มาเจอเธอที่นี่ จะให้ฉันคิดยังไงกันล่ะ อ้อ! ก็ว่าอยู่ทำไมห้องพักถึงมีกระเป๋าวางอยู่ก่อนแล้ว นั่นมันของเธอแน่ ๆ”
“ผมไม่รู้เรื่องนี้ด้วยเลยนะ คุณแม่เป็นคนวางแผนเองคนเดียว!”
“คุณแม่นะคุณแม่! คิดจะทำอะไรกันแน่”
“ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้ เราต่างคนต่างไป ไม่ต้องมาสนใจอะไรกัน ผมเองก็อยากจะมาเที่ยวผ่อนคลายสมองบ้าง คุณก็ไปตามทางของคุณ พอถึงเวลาก็กลับใครกลับมันแค่นั้นก็จบ”
“โอเคตามนี้”
หลังจากนั้นเราต่างก็แยกย้ายกันไป โชคดีที่วันนี้เขาไม่ดื้อไม่เอาแต่ใจ ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เดินเที่ยวชมภายในรีสอร์ตจนเหนื่อยแล้วก็กลับมาที่ห้องพัก พบว่าห้องถูกรื้อค้น ข้าวของกระจุยกระจาย ที่สำคัญกระเป๋าสตางค์ของผมหายไป ผมเองก็ชะล่าใจไม่ได้กลับมาเอาเมื่อตอนที่นึกขึ้นได้ว่าลืมไว้ที่ห้อง เพราะคิดว่าคงไม่ได้ใช้อะไร
“เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมซวยอย่างนี้นะ”
กำลังยืนทำหน้าเซ็งอยู่ก็มีใครบางคนเดินเข้ามา คุณนาธานมองดูสภาพภายในห้องก็ทำหน้าสงสัย
“นี่เธอโกรธเกลียดอะไรฉันถึงได้ทำลายข้าวของอย่างนี้ อารมณ์ร้อนเหมือนกันนะเรา”
“จะบ้าเหรอ! ผมไม่โง่ขนาดนั้นหรอก ดูไม่ออกหรือไงว่าห้องถูกรื้อค้น มีขโมยเข้ามา”
“อ้าวเหรอ! มันเอาอะไรไปบ้างล่ะ”
“กระเป๋าสตางค์ผมน่ะสิ แล้วจะทำยังไงต่อทีนี้ ตอนแรกคิดว่าจะไปเที่ยวแถวนี้ให้หนำใจ เงินสักบาทก็ไม่มีติดตัว” กำลังทำหน้าเศร้าอยู่ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเงินตัวทองของผมอยู่ตรงหน้าแล้วนี่นา เงยขึ้นพร้อมรอยยิ้มแล้วหันไปมองหน้าเขา
“มองอะไร? เธอเป็นบ้าหรือเปล่า”
“ผมขอยืมเงินหน่อยสิ กลับไปถึงบ้านแล้วผมจะคืนให้”
“ฉันไม่ให้!”
“ทำไมถึงใจร้ายใจดำขนาดนี้ ผมเป็นลูกจ้างคุณนะ ไม่สงสารเด็กตาดำ ๆ อย่างผมบ้างเหรอ”
“ไม่สงสารเลยสักนิด ฉันไปล่ะกะว่าจะขับรถเที่ยวแถวนี้ให้เต็มเหนี่ยว”
เขาเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีเดินออกไปจากตรงนั้น ผมไม่มีทางยอมอดตายอยู่ที่นี่แน่ ถึงอย่างไรก็จะต้องทำให้เขายอมให้ได้ เดินตามไปกอดเอวไว้อย่างแนบแน่น แสร้งร้องไห้ร้องห่มเสียงดังเพื่อให้คนแถวนั้นสนใจพวกเรา ให้ทุกคนรู้ว่าผมกำลังถูกเขาทำร้ายจิตใจ
“ฮือ ๆ พี่นาธานครับ ทำไมถึงทำกับผมอย่างนี้”
“ปล่อยนะ เธอเป็นบ้าอะไร!”
“เอาเงินมาให้ผมถึงจะปล่อย” ผมส่งเสียงให้เบาที่สุดเพื่อต่อรอง
“นอนกับฉันสิถึงจะให้” เขายกยิ้มมุมปากอย่างน่าหมั่นไส้ เห็นอย่างนั้นก็รีบปล่อยตัวเขาทันที ราวกับขยะแขยงเต็มทน
“ไม่เอาแล้วก็ได้ คุณไปนอนที่อื่นเลยผมจะนอนที่นี่คนเดียว ไม่มีคุณผมคงไม่อดตายหรอก”
ทำหน้ายักษ์ให้แล้วก็สะบัดตูดเดินกลับมาที่ห้องพัก ขนข้าวของของเขาโยนทิ้งไว้ที่หน้าประตู เห็นอย่างนั้นเขาก็ทำหน้าโมโหยกใหญ่เดินเข้ามาชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง
“เธอจะทำบ้าอะไร!”
“คนมันเข้าตาจนทำได้ทุกอย่างนั่นล่ะ”
ตะโกนแล้วก็กลับเข้ามาในห้อง ล็อกประตูไว้อย่างแน่นหนา เข้ามาแล้วก็เกิดความเอะใจว่าทำไมไม่มีร่องรอยของการงัดแงะ เดินไปที่ประตูหลังก็ไม่มีเช่นกัน แล้วโจรมันเข้ามาได้อย่างไร หรือว่ามีวิชาล่องหน แล้วคืนนี้ผมจะเอายังไงดี หากจะแจ้งเปลี่ยนห้องก็เกรงใจไม่อยากให้ถูกมองว่าเรื่องมาก อีกอย่างกลัวว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวตื่นตระหนกไปด้วย
ผมตัดสินใจนอนที่เดิม ไม่แจ้งให้ใครรู้ว่าห้องถูกรื้อค้น มั่นใจว่าประตูหน้าต่างทุกบานถูกล็อกเอาไว้จึงกลับเข้ามานอนได้อย่างสบายใจ อีกอย่างเมื่อส่องหน้าต่างไปก็พบว่ามียามเดินตรวจตราเป็นช่วง ๆ ทำให้อุ่นใจขึ้นมาเปลาะหนึ่ง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้ผมเด้งตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง หันขวับไปมองที่ประตูอย่างไว รีบย่องลงจากเตียงแล้วมองหาสิ่งของที่พอจะป้องกันตัวได้ เห็นร่มคันหนึ่งจึงคว้ามันมายืนแอบอยู่หน้าประตู ส่องไปที่ตาแมวกลับไม่พบว่ามีใคร
“ใครน่ะ!”
“...”
“ถามว่าใคร ถ้าไม่ตอบฉันจะแจ้งตำรวจจริง ๆ ด้วย”
“โอ๊ย!!! ช่วยด้วย”
เสียงนั้นผมจำได้ดีว่าเป็นเสียงของคุณนาธาน เกิดอะไรขึ้นกับเขากันนะ ทำไมร้องโอดโอยเสียงดังอย่างนั้น ผมวางร่มลงแล้วเปิดประตูอย่างรวดเร็วด้วยความเป็นห่วง ภาพตรงหน้าเขานั่งจับที่ขาของตัวเองเอาไว้
“คุณเป็นอะไร!”
“งูกัด ช่วยเรียกรถพยาบาลที”
“ได้ ๆ ผมจะรีบเรียกเดี๋ยวนี้ แต่ก่อนจะเรียกต้องใช้เชือกรัดขาเอาไว้ก่อน”
ด้วยความที่เคยทำงานเป็นจิตอาสาในหน่วยกู้ภัยจึงมีทักษะด้านนี้พอสมควร ผมวิ่งกลับเข้าไปหาเชือกในห้อง แต่ในห้องมันจะไปมีเชือกอะไรล่ะเพราะตอนมามันก็เป็นห้องเปล่า ผมจึงค้นในกระเป๋าตัวเองเพื่อหาสิ่งที่พอจะรัดได้ จนเจอกับกางเกงในจีสตริงตัวโปรดจึงตัดสินใจนำมันออกมา จัดการรัดเหนือรอยที่ถูกงูกัดเอาไว้อย่างแน่น
“ไม่มีเชือกแล้วใช่ไหม” เขาทำหน้าเหมือนรังเกียจนักหนา
“หรือจะให้เอาออก เอาไหมล่ะ”
“ฉันจะยอมทนเอาก็แล้วกัน”
“ลุกขึ้นไหวไหม”
“ไหว”
ผมช่วยพยุงตัวเขาเดินตามทางมาในขณะเดียวกันก็ค้นหาเบอร์กู้ภัย แต่ไม่ทันได้หาก็เจอกันลุงยาม จึงวานให้ช่วยโทรเรียกเพราะเขาน่าจะรู้จักคนที่นี่ดีกว่า ในระหว่างนั่งรถไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดผมก็ถามว่าเขามาทำอะไรตรงหน้าห้องจนต้องโดนงูกัด
“สรุปว่าคุณคิดจะมาแกล้งผมสินะ เป็นไงล่ะให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว เวรกรรมติดจรวดไม่ต้องรอชาติหน้าหรอก”
“เพราะใครล่ะที่ทำให้ฉันต้องโกรธจัดถึงขนาดต้องมาเอาคืน”
“คุณจะมาเอาคืนยังไง”
ผมหรี่ตามองเขาอย่างจับผิด อีกฝ่ายทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ตีมึนตีเนียนอย่างนั้นรู้ถึงไส้ถึงพุงอยู่แล้วล่ะ คิดจะมาทำมิดีมิร้ายผมล่ะสิ
Rrrrr….
ในระหว่างนั้นมือถือของเขาก็ส่งเสียง เรามองตากันครู่หนึ่งก่อนเขาจะล้วงมันออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดรับสาย
“ครับซอนย่า”
(นาธานอยู่ที่ไหนคะ)
“ผมมาทำธุระให้คุณแม่ที่เชียงใหม่น่ะ”
(อ้าว! ทำไมไม่บอกซอนย่าเลย ซอนย่าคิดถึงนาธานนะคะ อยากไปหาซะตอนนี้เลย)
“เอาไว้เสร็จธุระผมจะไปหานะครับ ช่วงนี้มีอะไรให้ทำเยอะแยะเลย อย่าว่าผมนะถ้าไม่มีเวลาไปหา”
(ไม่ว่าหรอกค่ะ แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่คะ)
“นอนเล่นในห้องน่ะ เป็นรีสอร์ตของญาติเพิ่งเปิดใหม่ คุณแม่เลยให้มาเป็นตัวแทนแสดงความยินดี”
(ออค่ะ งั้นแค่นี้นะคะ ซอนย่าต้องวางแล้ว แล้วอย่าให้รู้ว่าไปวอแวกับไอ้ขี้เหร่เมียปลอม ๆ ของคุณ ไม่งั้นซอนย่าเอาตาย)
“ไม่แน่นอนคร้าบบ แบบนั้นผมไม่เอามาทำพันธุ์หรอก ผมยังชอบผู้หญิงอยู่นะ”
(ให้มันจริงเถอะ!! แค่นี้นะคะ)
“ครับผม รักนะครับ”
ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะมานั่งทนฟังอะไรแบบนี้ ถลึงตามองเขาอย่างโกรธแค้นเป็นที่สุด เขารู้ตัวก็ยิ้มน้อย ๆ ทำหน้ามึนเหมือนเคย
“คุณนี่มันหน้าตัวเมียชัด ๆ ผมอยู่ตรงหน้ายังพูดมาได้ ต่อให้เหลือคุณคนเดียวบนโลกผมก็ไม่เอาคุณทำพันธุ์เหมือนกันนั่นล่ะ”
“แต่...เธอก็เสร็จฉันแล้วรอบนึงนะลืมไปแล้วเหรอ แต่ถ้าเอาเล่น ๆ ก็คงพอได้”
เพี๊ยะ!
ความอดทนของผมมันมีขีดจำกัด เผลอฟาดมือไปที่แก้มเขาอย่างเต็มเหนี่ยว ดวงตาคู่คมจ้องเขม็งมองมาอย่างเอาเรื่อง ในวินาทีนี้ผมก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน
“เธอกล้าตบหน้าฉันเหรอ! มันจะมากไปแล้วนะ”
“ทำไมจะไม่กล้า คุณดูถูกผมก่อน คนของคุณก็เหมือนกัน ผมเอาคืนบ้างไม่เห็นเป็นไร”
“ฉันเป็นใคร เธอเป็นใคร ลืมไปแล้วเหรอ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตบผมคืนสิ เอาเลย ตบเลย” ผมเอียงแก้มไปให้เขาอย่างท้าทาย ถ้ากล้าตบก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายแล้ว แต่ในใจก็แอบหวั่น ๆ เพราะมาเฟียได้ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยมเอาเรื่องอยู่นะ
เขายื่นมือมาเกี่ยวต้นคอผมแล้วดึงเข้าไปประกบจูบอย่างรวดเร็ว ผมเองก็ตั้งตัวไม่ทันจึงล้มทับบนตัวเขา พยายามดันตัวออกมาแต่เขาก็พยายามดันลิ้นเข้ามาเช่นกัน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจแล้วว่าตอนนี้ตัวเองถูกงูกัด โลมเลียริมฝีปากเนิ่นนานจนผมเองก็เริ่มโอนอ่อนผ่อนตาม(เพราะแอบมีอารมณ์ร่วม) มันน่าอายเหลือเกิน แพ้ไม้นี้ของเขาจนได้
“อี๋!!”
เขายอมปล่อยให้เป็นอิสระ ผมแสร้งทำเป็นเอามือเช็ดริมฝีปากเหมือนรังเกียจนักหนา แต่ทว่ากลับกรุ้มกริ่มอิ่มเอมใจ ทำไมต้องรู้สึกเสียดายก็ไม่รู้
“ข้อหาปากดีกับฉัน”
“คุณมัน...บ้าที่สุด ผมไม่น่าช่วยคุณเลย”
ผมสะบัดหน้าหนี นั่งหันหลังให้เขาไปจนถึงโรงพยาบาล เนื่องจากไม่รู้ว่าถูกงูชนิดไหนกัด คุณหมอใช้วิธีสังเกตจากรอยเขี้ยวที่ฝังลงบนผิวหนัง สันนิษฐานว่าเป็นงูเห่าจึงฉีดเซรุ่มต้านพิษให้ ต้องนอนโรงพยาบาลหนึ่งคืนเพื่อดูอาการ ผมตั้งใจจะโทรหาคุณนายวิมลเพื่อรายงานข่าวแต่เขาสั่งห้ามไว้เพราะไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจ
ตอนนี้ผมจึงต้องมานั่งอยู่ในห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล แทนที่จะได้นอนเตียงนุ่ม ๆ ในรีสอร์ต
“เธอกลับรีสอร์ตก็ได้นะ ดูจากสีหน้าเหมือนคนอยากจะตายซะอย่างนั้น” เขาพูดประชด น้ำเสียงดูออกว่ากำลังน้อยใจ
“ผมก็อยากจะกลับอยู่หรอก แต่ต้องทำหน้าที่ให้มันจบ...ทำเพื่อคุณแม่”
“อะไรก็เพื่อคุณแม่ ดูเหมือนว่าเธอกับคุณแม่จะเข้าขากันดีเหลือเกินนะ ทำเหมือนเป็นแม่ผัวลูกสะใภ้จริง ๆ ซะอย่างนั้นล่ะ”
“กับคุณมันก็แค่การเล่นละคร แต่กับคุณแม่มันคือเรื่องจริง ความรู้สึกรักและเคารพจริง ๆ ต่อให้ผมหมดสัญญากับคุณแล้วผมกับคุณแม่ก็เหมือนเดิม”
“หรือว่า...เธออยากจะเป็นสะใภ้ของแม่ฉันจริง ๆ เอาไหมล่ะ” สายตาอันกรุ้มกริ่มนั้นดูออกว่าเขากำลังแกล้งยั่วโมโห
แต่ขอโทษผมจะต้องมาเหนือเมฆ เอาชนะเขาให้ได้ ยิ้มแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปยังเตียง โน้มตัวเข้าไปใกล้จนใบหน้าเราใกล้กันมาก “แล้วสมมติว่าผมอยากจะเป็นจริง ๆ คุณจะว่ายังไง”
เป่าลมเบา ๆ ไปที่ใบหู จ้องมองเขาด้วยสายตาอันหวานหยาดเยิ้ม เป็นครั้งแรกที่เห็นคุณนาธานทำหน้าไม่ถูก เขาหลบสายตาผมมองไปทางอื่น แล้วเอ่ยว่า...
“ขะ...ของเล่น...ก็พอได้นะ”
“แหม...คุณทำจริงจังไปได้ ผมก็แค่ล้อเล่นเท่านั้น คุณนอนเถอะผมเองก็จะนอนพักผ่อนเหมือนกัน”
ผมยิ้มเยาะแล้วห่มผ้าให้เขา สายตาคู่คมของคนป่วยลอบมองมายังใบหน้าของผม แต่ผมทำเป็นเมินมองไม่เห็น เสร็จแล้วก็เดินกลับมานั่งที่เดิม คว้าโทรศัพท์มือถือที่ตั้งกล้องไว้ขึ้นมาเปิดดูคลิป วิดีโอนี้จะเป็นอาวุธชิ้นเอกที่ทำให้ยัยซ่อนย่าดิ้นพล่าน เกิดอาการหึงหวงจนทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่สั่นคลอน เหลือไม่ถึงหนึ่งเดือนแล้วผมจะต้องทำให้ได้ หากทำสำเร็จก็จะได้เป็นอิสระเสียที
บทที่ 8รู้สึกแปลกไป ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วผมก็ต้องเป็นคนดูแลคุณนาธานอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขายังคงลงน้ำหนักเท้าได้ไม่มาก แทนที่จะกลับกรุงเทพมหานครแต่สั่งให้พากลับมายังห้องพักห้องเดิม ส่วนผมไม่มีทางกลับเพราะตั้งใจจะมาเที่ยวทั้งทีต้องเที่ยวให้หนำใจ เขาเจ็บอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะตามไปแกล้งผม เมื่อรู้ข่าวคุณป้าปัญจรีย์ก็เข้ามาเยี่ยมถึงห้องพัก ท่านถามว่าจะกลับกรุงเทพฯเลยไหมจะได้เตรียมรถและตั๋วเครื่องบินให้หลานชาย แต่เมื่อคุณนาธานปฏิเสธและบอกว่าจะอยู่เที่ยวที่นี่สักพักก่อน ท่านจึงเปลี่ยนแผนสั่งให้คนนำรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งมาให้ เพื่อจะได้ขับไปเที่ยวได้ตามสบายใจ รถก็มีแล้วจะขาดก็แต่เงินเท่านั้น กระเป๋าสตางค์ก็ยังไม่ได้คืน ผมจึงคิดว่าจะต้องใช้วิธีสกปรกเพื่อเอาเงินมาจากคุณนาธาน รอช่วงที่เขาหล
บทที่ 9ไม่ได้รัก เราทั้งสองใช้เวลาอยู่ที่เชียงใหม่สามวันแล้ว แน่นอนว่ายังคงพักที่รีสอร์ตของคุณป้าปัญจรีย์ และยังคงพักห้องเดียวกัน เมื่อยามออกไปเที่ยวผมยังคงกระเตงคุณนาธานซ้อนท้ายไปเหมือนเคย ตากแดดตากลมห่มน้ำค้างด้วยกันมาโดยตลอด ตีกันบ้าง ดีกันบ้าง ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและสถานการณ์ที่พบเจอ พรุ่งนี้ตั้งใจว่าจะกลับกรุงเทพฯแล้ว ป่านนี้คุณนายก็คงใกล้จะกลับมาจากเที่ยวยุโรปเหมือนกัน น่าแปลกที่ท่านไม่โทรมาถามข่าวคราวเราสองคนเลยตั้งแต่เดินทางมาที่นี่ วันนี้ตั้งใจว่าจะนอนพักผ่อนเอาแรงก่อนเดินทางไกล ตื่นตั้งแต่เช้าตั้งใจว่าจะออกไปนั่งจิบกาแฟที่ริมลำธารด้านหลัง สูดกลิ่นอายของอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดให้เยอะ ๆ ก่อนกลับ กำลังจะเดินผ่านเตียงไปก็ต้องเอะใจ วันนี้เขายังคงนอนหลับอยู่บนเตียง ปกติแล้วจะตื่นนอนก่อนผมเสียอีก ไม่ต
บทที่ 10หมอยินดีด้วยครับ ในที่สุดเราทั้งสองก็กลับมาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ แต่กว่าจะมาถึงผมต้องเทียวเดินเข้าออกในห้องน้ำบนเครื่องบินเพราะมีอาการอาเจียนอยู่บ่อยครั้ง ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ หากจะว่าอาหารเป็นพิษก็คงไม่ใช่ เพราะไม่มีอาการถ่ายท้องเลย คุณนาธานผู้ซึ่งนั่งอยู่ข้างกันเอาแต่ถามว่าไหวไหม ดูท่าทางเขาจะเป็นห่วงผมมาก แต่ไม่เชื่อหรอกว่านั่นจะออกมาจากใจ “กลับมากันแล้ว” “สวัสดีครับนมสร้อย” “สวัสดีครับป้าสร้อย” เสียงป้าสร้อยดังมาแต่ไกลเมื่อเห็นเราทั้งสองเดินเข้ามาในบ้าน ท่านรับไหว้พลางยิ้มทักทายเหมือนเช่นเคย วันนี้บ้านโล่งคาดว่าคุณนายวิมลคงยังไม่กลับมา
บทที่ 11กลับบ้าน ผมกลับมาที่บ้านอีกครั้งก็พบว่าคุณนายวิมลท่านกลับมาจากยุโรปแล้ว มีของฝากจำนวนไม่น้อยถูกวางไว้บนโต๊ะในห้องรับแขก หากทว่าผมไม่ได้ดีใจกับสิ่งของเหล่านั้นเลย เพราะยังกังวลเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวผม แม้กระทั่งตอนนี้ยังไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่ามีหนึ่งชีวิตน้อย ๆ อยู่ในท้อง ผมขอร้องให้คุณหมอปิดเรื่องนี้เป็นความลับไม่ให้บอกคุณนาธาน ตอนนี้จึงมีเพียงผมเท่านั้นที่รู้เรื่อง แต่เชื่อว่าคุณนายวิมลและป้าสร้อยเองก็คงจะรู้ผลลัพธ์สิ่งที่พยายาม ท่านคงหวังและรอคอยวันนี้มาโดยตลอด ผมจะทำอย่างไรดีในเมื่อตอนนี้มีพันธะเกิดขึ้นกับคนในบ้านหลังนี้แล้ว คุณนาธานยังคงไม่ยอมกลับไปคอนโด เอาแต่ตามเฝ้าผมตลอดเวลาไม่ห่าง คล้ายกับกลัวว่าผมจะหนีไปหรือไม่ก็โทรหาคุณอั๋น ตั้งแต่กลับมาผมยังไม่พูดกับเขาสักคำ และตั้งใจว่าไม่พูดจนกว่าเ
บทที่ 12อีกไม่นานเกินรอ ผมรีบวิ่งลงมาจากชั้นบนด้วยความรู้สึกสงสัย ใครกันนะมาหาถึงบ้าน ปกติแล้วไม่เคยมีเพื่อนมาหาที่บ้านนานแล้ว คนที่เคยมาก็มีแค่คนเดียวนั่นคือฮาร์ท ฮาร์ทคือเพื่อนที่เคยอยู่ในกลุ่มเดียวกัน แต่ฮาร์ทไม่ได้คิดกับผมแค่เพื่อน ก่อนเรียนจบเคยสารภาพรักกับผมแต่โดนปฏิเสธไป หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้พบเจอหรือพูดคุยกันอีกเลยเดินลงมาก็เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ฮาร์ทนั่งอยู่บนโซฟาหน้าจอทีวี เห็นเพื่อนในรอบหลายเดือนก็ยิ้มด้วยความดีใจ “ฮาร์ท!” “บิว!” “มาได้ยังไงเนี่ย” “เราคิดถึงเลยมาหาน่ะ” เขาส่งยิ้มมาให้ รอยยิ้มนี้ยังคงจริงใจเสมอไม่เคยเปลี่ยน หากตัดเรื่องค
บทที่ 13นาธานการละคร ช่วงเวลาสามวันที่บ้าน...ผมรู้สึกว่ามันคือช่วงสุดแสนจะวิเศษนั่นเพราะมีคุณนาธาน ตั้งแต่ได้ยินว่าเขาจะบอกเลิกกับยัยซอนย่าเพื่อผม ก็เปิดใจให้เขามากขึ้น นอกจากผมแล้วแม่กับน้องชายก็เข้าถึงคุณนาธานได้มากขึ้น เขาเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย เข้ากับทุกคนในบ้านได้อย่างน่าเหลือเชื่อ หากเป็นอย่างนี้ต่อไปผมคงรักเขาได้อย่างเต็มหัวใจเป็นแน่แท้ ในระหว่างนี้เขาไม่แม้จะแตะโทรศัพท์มือถือ เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องกับผมและเจ้าหมูตอนตลอดทั้งวันทั้งคืน ความใกล้ชิดสนิทสนมนี้ทำให้ผมกล้าที่จะพูดและทำตัวเหมือนคนสนิทสนมคุ้นเคยและรู้ใจ ไม่ต่างจากคนที่ใช้คำว่าคู่ชีวิต ที่ผมประทับใจมากนั่นคือเขาลงมือทำกับข้าวให้รับประทาน ซึ่งไม่เคยเห็นภาพนี้มาก่อนเลย หากคุณนายวิมลรู้ว่าคุณนาธานได้เปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้วท่านคงจะดีใจมาก วันน
บทที่ 14ลูกใคร? วันนี้ถึงเวลาที่ผมจะต้องกลับไปอยู่บ้านแล้ว ก่อนหน้าเคยคิดเสมอว่าเมื่อไหร่จะได้หลุดพ้นจากตรงนี้เสียที แต่พอถึงเวลาต้องจากไปความอาลัยก็เอ่อล้นออกมา คุณนายวิมลและป้าสร้อยยืนรออยู่ที่หน้าคฤหาสน์เพื่อร่ำลากัน เห็นคนแก่ทั้งสองก็ทำให้หัวใจผมมันห่อเหี่ยว ไม่อยากไปจากที่นี่เลยแต่ด้วยความจำเป็นชีวิตมันต้องเดินหน้าต่อไป เรายิ้มให้กันทั้งน้ำตา ก่อนผมจะยกมือไหว้คุณนายวิมลและป้าสร้อยตามลำดับ โผเข้าไปสวมกอดท่านทั้งสองเป็นปราการสุดท้ายก่อนจะเอ่ยคำลา “ผมต้องไปแล้วนะครับคุณแม่ ป้าสร้อย ผมจะไม่มีวันลืมที่นี่เลย ฮึก...” พูดไปก็ใช้มือปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มไปด้วย “ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว แต่ฉันก็ยังรักเธอเห
บทที่ 15อุบัติเหตุ “ลูกใคร? หลานใคร? เธอมีอะไรปกปิดฉันกันแน่!” “คือ...ไอ้หมูตอนไง ลูกผมแล้วก็เป็นหลานคุณแม่ด้วย ท่านเอ็นดูหมูตอนมาก” “คุณแม่ไม่เคยไปที่บ้านเธอ แล้วจะรู้จักหมูตอนได้ยังไง” “ก็ผมเอารูปถ่ายให้ดูไง ท่านเห็นแล้วเกิดเอ็นดูมันขึ้นมา เลยบอกให้ผมดูแลมันให้ดี” เขาทำหน้าเหมือนไม่เชื่อสิ่งที่ผมเอ่ย สายตาคมคู่นั้นยังคงจ้องมองมาคล้ายกำลังจับผิด ผมจึงจ้องหน้าเขาทำตาใสแป๋ว สื่อให้รู้ว่าผมพูดความจริงและไม่มีเรื่องใดแอบแฝง เมื่อเขาไม่ได้ว่าอะไรต่อผมก็นึกขึ้นได้ ว่าตอนนี้ควรจะเก็บโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูว่ามันยังใช้งานได้ไหม 
บทที่ 30อวสาน สี่ปีผ่านไป... เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมาล้วนแต่เป็นประสบการณ์ชีวิต อาจจะมีทั้งดีและร้ายปะปนกันไป ซึ่งได้สั่งสอนให้เราเรียนรู้และสามารถดำเนินชีวิตอย่างมีสติ หากทว่าในบางช่วงเวลาชีวิตของคนเรามักดิ่งลงเหวจนมิอาจปีนป่ายขึ้นมาได้ ต้องทนทุกข์เพราะความคิดด้านมืดของตัวเอง เหมือนเช่นที่ซอนย่าต้องกลายเป็นนางเอกตกอับ ต้องถูกจำคุกในข้อหาจ้างวานฆ่า รับผลกรรมในเรือนจำพร้อมกับคุณคณิน สี่ปีให้หลังชีวิตของผมวุ่นวายมากเพราะบัตเตอร์เติบโตและเข้าเรียนชั้นอนุบาลแล้ว เด็กคนนี้ทั้งดื้อทั้งซน ผิดแปลกจากเมื่อตอนเป็นทารกซึ่งเลี้ยงง่ายมาก แต่ความดื้อความซนกลับทำให้คนเป็นพ่อชอบใจนักแล พาลูกเล่นอะไรที่มันโลดโผน ชอบใช้กำลัง ผมกลัวเหลือเกินว่าโตขึ้นมาจะเป็นนักเลงหัวไม้ ต่อยตีกับคนอื่นไปทั่ว เชื่อแล้วว่าล
บทที่ 29กระต่ายน้อย วันเวลาผันผ่านมาจนถึงหกเดือนแล้ว ชีวิตผมเริ่มเข้าร่องเข้ารอย ส่วนคุณนาธานยังคงเป็นหัวหน้าสมาคมอีธาร์เช่นเคย แต่เขาน่าเกรงขามและมีความโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเดิมเสียอีก นั่นเพราะหลังจากได้เปิดตัวผมแล้วมีสมาชิกกลุ่มหนึ่งต่อต้านในความรักของเรา คิดว่าเขาไม่เหมาะจะเป็นหัวหน้าสมาคม การเป็นคนที่น่ากลัวกว่าเดิมมีส่วนทำให้อำนาจที่อยู่ในมือแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ไม่มีคนกล้าต่อต้านเขาแม้แต่น้อย ใช่ว่าผมจะชอบให้เขาเป็นแบบนี้ อยากให้คุณนาธานมีชีวิตที่ผ่อนคลายบ้าง เขาต้องแบกรับทุกอย่างมาโดยตลอด เมื่อกลับมาที่บ้านผมจึงอยากทำให้เขามีความสุขที่สุด ไม่ต้องตีสีหน้าเคร่งขรึมตลอดเวลา บางวันอารมณ์เสียมาจากที่ทำงาน เป็นหน้าที่ของผมต้องทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ตาหนูก็โตวันโตคืน โชคดีที่แกเป็นเด็กร่าเริง เลี้ยงง่าย เป็นข
บทที่ 28ไม่บ่นสักคำ “โห่ ฮี่โห่ ฮี่โห่ ฮี่โห่ ฮี่โหยยย ฮิ้ววว” หลังจากเสียงนำขบวนจบลงแล้วก็มีเสียงกลองยาวดังขึ้นทันที วันนี้คฤหาสน์แอนเดสันครึกครื้นเป็นพิเศษ ผมกับแม่อยู่ที่ระเบียงกำลังยืนชมขบวนแห่ขันหมากซึ่งตั้งขบวนอยู่หน้ารั้วบ้าน กำลังเคลื่อนเข้ามาอย่างช้า ๆ โดยมีคุณนายวิมลและป้าสร้อยเดินเคียงข้างเจ้าบ่าวเข้ามา วันนี้คุณนาธานสวมใส่ชุดเจ้าบ่าวซึ่งเป็นชุดไทยประยุกต์ ดูหล่อและมีเสน่ห์มาก เห็นแล้วรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจังที่กำลังจะได้แต่งงานกับเขา ถึงจะมีเวลาเตรียมงานแค่ไม่กี่วันแต่ทุกอย่างออกมาเป็นที่น่าพอใจมาก ลืมบอกไปว่าวันนี้คุณอั๋นรับหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ส่วนคุณกายเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วย “หมดทุกข์หมดโศกสักทีนะไอ้บิว จากนี้ฉ
บทที่ 27ห้ามใจอ่อนกับใครอีก “คุณนาธาน! คุณยังไม่ตาย ฮึก...” “นาธานลูกแม่ ฮือ...แม่ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม” ผมกับคุณนายวิมลต่างก็เอ่ยด้วยความดีใจ รอยยิ้มและน้ำตาปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน ไม่เคยมีเรื่องใดทำให้ผมรู้สึกยินดีมากเท่านี้มาก่อน ตอนนี้เป็นอิสระจากบอดี้การ์ดพวกนั้นแล้วเพราะกลัวคุณนาธานจะส่งลูกตะกั่วมาเอาชีวิต ผมรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดเขาด้วยความดีใจ “คนใจร้าย ทำเอาผมแทบจะเป็นบ้าเลยรู้ไหม ฮือ...” “ไม่เอาไม่ร้อง ฉันกลับมาแล้ว” มือหนึ่งของเขายังคงถือปืนสั้น ส่วนอีกมือโอบกอดผมเอาไว้ ลูบเบา ๆ ที่กลางแผ่นหลัง&
บทที่ 26เมียข้าใครอย่าแตะ ข่าวร้ายในวันนั้นสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้พวกเราเป็นอย่างยิ่ง ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าศพที่ถูกไฟคลอกอยู่ในรถคือคุณนาธานจริง ๆ วันที่รู้ข่าวคุณนายวิมลเป็นลมล้มพับจนต้องหามส่งโรงพยาบาล ส่วนผมนั่งรถไปยังโรงพยาบาลใกล้กับที่เกิดเหตุ กู้ภัยส่งร่างของเขาไปชันสูตรที่นั่น แม้ร้องไห้เสียใจจนไม่มีกะจิตกะใจทำสิ่งใด แต่ผมก็ฝืนตัวเองไปให้เห็นกับตาว่าเป็นเขาจริง ๆ ผมขอร้องคุณหมอตรวจดีเอ็นเอเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นเขาจริง แต่เมื่อได้รับของจากเจ้าหน้าที่ซึ่งเก็บมาได้จากจุดเกิดเหตุก็ทำให้ต้องล้มเลิกความคิด มันคือของใช้ส่วนตัวของเขา ไม่ว่าจะเป็นแหวน สร้อย นาฬิกา ของพวกนี้เขาไม่เคยถอดไว้ที่ไหนเลย ไม่มีอะไรจะต้องสงสัยอีกต่อไปแล้ว ยืนทำใจอยู่นานกว่าจะกล้าส่งมือไปเปิดผ้าคลุมศพ เพียงได้เห็นน้ำตามันก็ไหลหลั่ง ผมรีบปิดมันเพราะสภาพศพดูไม่ได้เลยจริง ๆ ภาพนี้คงติดตาผมไปจนวันตาย
บทที่ 25ข่าวร้าย หัวใจของผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อรู้ว่าตาหนูหายตัวไป เราทั้งหมดรีบเดินเข้าไปยังห้องนอนของผม อู่เปลว่างเปล่าไร้เงาของเด็กทารกซึ่งนอนหลับอยู่ เป็นความชะล่าใจของพวกเราเพราะคิดว่าภายในบ้านคงไม่มีใครกล้า แม่กับป้าสร้อยกินข้าวอยู่ในห้องครัว ผมกับคุณนายวิมลสนทนากันอยู่ในห้องนั่งเล่น ใครกันที่กล้าบังอาจลักพาตัวลูกชายผมไป “ตาหนูลูกแม่ ฮือ...” “ตาหนูหลานย่า ใครกันที่มันบังอาจเข้ามาลักพาตัวหลานฉันถึงในนี้!” คุณนายวิมลตะโกนดังก้องไปทั่วทั้งบ้านด้วยความโกรธขั้นสุด ผมทรุดตัวลงนั่งด้วยความเสียใจ เป็นห่วงลูกชายว่าจะโดนคนพวกนั้นทำอะไรบ้าง เมื่อนึกขึ้นได้ว
บทที่ 24กลับมา เมื่อรู้ว่ามีกองทัพนักข่าวบุกเข้ามาถึงถิ่นผมก็เกิดความกังวลใจ ใครก็รู้ว่านักข่าวน่ากลัวกว่าฝูงซอมบี้เสียอีก พวกเขาต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ข่าวไปขาย คนทั้งประเทศกำลังจับตามองคุณนาธาน ต่างก็ส่งเสียงสาปแช่งเพราะไปทำให้นางเอกขวัญใจของพวกเขาเจ็บช้ำน้ำใจ มีหรือที่ผมจะรอดไปได้ อยู่ที่น่านก็เกรงว่าจะได้รับอันตราย มาที่นี่ก็ต้องเจอกับกองทัพนักข่าวอีก ไม่มีทางเลือกอื่นให้สบายใจบ้างเลย “เราจะทำยังไงดีครับคุณแม่” “ไม่ต้องทำอะไร ยังไงก็เข้ามาไม่ได้หรอก ฉันจะสั่งเพิ่มกำลังคนให้เข้มงวดมากขึ้น ไม่ต้องเป็นห่วง” “ครับคุณแม่” “เธอเองก็พักผ่อนเถอะ จะได้มีแรงเล
บทที่ 23บุกรุกบ้าน ภาพข่าวถูกปิดด้วยฝีมือของคุณนายวิมล ผมยังคงอึ้งกับภาพที่เห็น คิดไปต่าง ๆ นานาว่าหลังจากนี้จะไปต่ออย่างไร จะตัดสินใจอย่างไร ตอนนี้เรื่องมันกระจ่างแล้วว่าเขาไม่ได้คิดจะแต่งงานกับซอนย่าเพราะความรักเหมือนก่อนหน้า แต่คลิปที่ผมเห็นวันนั้นล่ะ ผมยังไม่อยากเชื่อใจเขาเต็มร้อยเพราะกลัวว่าจะโดนหลอกซ้ำอีก เรื่องที่คาราคาซังระหว่างผมกับเขาอาจจะคลี่คลายลงบ้าง แต่ปัญหาจากการหักหน้าซอนย่าในงานแต่งกำลังจะถาโถมเข้ามา เขาประกาศว่ามีลูกมีเมียแล้ว เชื่อว่าหลังจากนี้นักข่าวจะต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตผมกับเขาเป็นแน่ “รู้ความจริงแล้วเธอคิดยังไงบ้าง” คุณนายวิมลถาม “ผม...ยังไม่อยากตัดสินใจอะไรตอนนี้ครับ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมยังค้า
บทที่ 22สิ้นคำสาป จังหวะที่ผมนั่งลงบนพื้นป้าสร้อยรีบวิ่งเข้ามาช่วยพยุงเอาไว้ หลังจากนั้นคนขับรถก็ตามมาติด ๆ เขาสวมหมวกแก็ป สวมแมส ใส่แว่นกันแดด จึงไม่รู้ว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ดูท่าทางเป็นห่วงผมมาก “รีบพาขึ้นรถเร็วค่ะ ป้าจะเข้าไปเรียกคุณนายก่อน” ป้าสร้อยเอ่ยกับคนขับรถ จากนั้นเขาก็อุ้มผมขึ้นไปบนรถตู้ ไม่ยอมพูดยอมจาแม้แต่สักคำ ผมนอนร้องโอดโอยอยู่บนเบาะรถ ส่วนคนขับก็รีบมานั่งประจำที่ สตาร์ทเครื่องรอทุกคน “โอ้ย ทำไมปวดอย่างนี้นะ จะทนไม่ไหวแล้ว” “ไอ้บิว! แกเป็นยังไงบ้าง” “ผมปวดท้องอ่ะแ