บทที่ 8
รู้สึกแปลกไป
ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วผมก็ต้องเป็นคนดูแลคุณนาธานอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขายังคงลงน้ำหนักเท้าได้ไม่มาก แทนที่จะกลับกรุงเทพมหานครแต่สั่งให้พากลับมายังห้องพักห้องเดิม ส่วนผมไม่มีทางกลับเพราะตั้งใจจะมาเที่ยวทั้งทีต้องเที่ยวให้หนำใจ เขาเจ็บอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะตามไปแกล้งผม
เมื่อรู้ข่าวคุณป้าปัญจรีย์ก็เข้ามาเยี่ยมถึงห้องพัก ท่านถามว่าจะกลับกรุงเทพฯเลยไหมจะได้เตรียมรถและตั๋วเครื่องบินให้หลานชาย แต่เมื่อคุณนาธานปฏิเสธและบอกว่าจะอยู่เที่ยวที่นี่สักพักก่อน ท่านจึงเปลี่ยนแผนสั่งให้คนนำรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งมาให้ เพื่อจะได้ขับไปเที่ยวได้ตามสบายใจ
รถก็มีแล้วจะขาดก็แต่เงินเท่านั้น กระเป๋าสตางค์ก็ยังไม่ได้คืน ผมจึงคิดว่าจะต้องใช้วิธีสกปรกเพื่อเอาเงินมาจากคุณนาธาน รอช่วงที่เขาหลับย่องเข้าไปแอบขโมยเงินในกระเป๋าสตางค์ ไม่นึกเลยว่าเขาจะพกเงินติดตัวเยอะขนาดนี้ นึกว่าจะใช้บัตรเครดิตเสียมากกว่า
“เอาไปสักสองพันก็พอ เงินเยอะขนาดนี้เขาคงไม่รู้หรอก”
ยิ้มด้วยความดีใจ วางกระเป๋าสตางค์ไว้ที่เดิมแล้วเดินไปคว้ากระเป๋าเป้เตรียมตัวจะออกไปเที่ยว แต่ทว่ากลับมีใครบางคนคว้าข้อมือผมเอาไว้เสียก่อน
“จะไปไหน!”
หันกลับไปก็พบกับสายตาอันขึงขัง คล้ายกับรอเวลาจับผิดผมอยู่ก่อนแล้ว ผมยิ้มแหยยอมรับความผิดแต่โดยดี
“คือ...ผมจะไปข้างนอก คุณอยากได้อะไรไหม เดี๋ยวผมจะหามาให้”
“เอาเงินฉันคืนมา” ว่าพร้อมกับแบมือขอเงินคืน
...มีหรือที่ผมจะคืน ไม่มีทางซะหรอก
“ผมขอยืมก่อน กลับบ้านแล้วผมจะคืนให้ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละยี่สิบเลยก็ได้”
“เธอคิดว่าฉันเห็นแก่เงินเล็ก ๆ น้อยแค่นี้เหรอ ถ้าไม่คืนเงินก็พาฉันไปด้วย”
“ไปด้วย! ไปทำไมครับ”
“ก็ไปเที่ยวไง มาถึงที่แล้วฉันก็อยากจะเที่ยวบ้าง เธอขับส่วนฉันซ้อน ถ้าไม่ยอมตกลงฉันจัดการเธอแน่”
“ไปก็ได้ครับ ชอบบังคับกันจัง”
วลีหลังผมบ่นอย่างเบาเสียง ทำสีหน้างองุ้มให้เขาเห็นจะได้รู้ว่าผมงอแงไม่อยากให้ไปด้วย แต่ท้ายที่สุดผมก็ช่วยพยุงเขามาที่รถจนได้ เมื่อยืนอยู่ข้างรถแล้วผมก็ทำการใส่หมวกกันน็อก จากนั้นยื่นให้เขาอีกใบเพื่อใส่บ้าง
“อ่ะ”
“ใส่ให้ฉันด้วย”
“ใส่เองไม่เป็นรึไง คุณไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
“ก็ฉันไม่สบาย ใส่ให้มันจะตายรึไงกัน” เขาส่งเสียงดุมาให้ แน่นอนว่าผมต้องยอมอยู่แล้ว
ด้วยที่ตัวผมเตี้ยกว่าสูงแค่ร้อยห้าสิบกว่า ส่วนเขาร้อยแปดสิบปลาย จึงต้องเขย่งเท้าขึ้นเพื่อให้ความสูงมันพอดีที่จะสวมหมวกกันน็อกให้เขาได้ ตอนแรกไม่ได้สนใจอะไรเพราะวางสายตาไว้ที่มือตัวเอง แต่เมื่อสะดุดกับสายตาคมที่กำลังจ้องหน้าด้วยประกายตาเจ้าเล่ห์ ทำให้ใบหน้าผมร้อนผ่าวขึ้นมาทันที สบตาเขาครู่หนึ่งแล้วเบนหนีไปทางอื่น เพราะตอนนี้ใบหน้ามันแดงก่ำไปหมดแล้ว
ไม่รู้จะจ้องอะไรนักหนา
ใบหน้าผมมีคำว่าน่ารักติดอยู่หรือไง?
“เสร็จแล้ว”
“ก็แค่นี้ล่ะ”
ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วขึ้นคร่อมรถ เมื่อทรงตัวได้แล้วก็ยกขาตั้งขึ้นรอให้เขาขึ้นมาซ้อนท้าย ด้วยความที่เขายังเจ็บตรงข้อเท้าอยู่เพราะมีอาการบวมเล็กน้อย จึงทำให้ทุกอย่างมันยุ่งยากไปเสียหมด กว่าจะขึ้นมาได้ผมต้องถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายอยู่หลายนาที
หมับ!
เมื่อขึ้นนั่งเรียบร้อยเขาก็กอดเอวผมซะแน่น ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงขึ้นมาทันที หันขวับไปมองแรงใส่
“แน่นไปไหมคุณ”
“ก็ฉันกลัวตก ขับไปเลยฉันอยากเที่ยวจะแย่แล้ว”
ว่าแล้วก็เกยคางไว้บนไหล่ผมอย่างถือวิสาสะ ในตอนนั้นทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้จะโกรธหรือเขินกันแน่ ความรู้สึกมันตีรวนสรวลในจิตจนแยกไม่ออก จึงตั้งสมาธิออกรถไป ก่อนจะมือสั่นไปมากกว่านี้
.
.
บรรยากาศที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาและต้นไม้สีเขียวขจี ทำให้การขับรถรับลมของพวกเราดำเนินไปอย่างราบรื่น พักรบกันช่วงหนึ่งเพื่อดื่มด่ำกับอากาศอันบริสุทธิ์ เย็นสบายกายและสบายใจ จุดมุ่งหมายก็คือไร่ชาขนาดใหญ่มีชื่อของที่นี่ ในระหว่างทางผมอดไม่ได้ที่จะส่องกระจกรถ เพื่อมองดูว่าเขามีสีหน้าอย่างไร เมื่อยามที่ผู้ชายคนนี้ยิ้มทำให้โลกดูสดใสขึ้นเป็นกอง รูปหน้าคือหล่ออยู่แล้วยิ่งมีรอยยิ้มมาประดับ ใจคนมองแทบละลายอยู่แล้ว
ไม่นะ! ไอ้บิว แกทำไมต้องชมเขาด้วย
“เย้! ถึงสักที”
เมื่อได้ที่จอดรถผมก็ดับเครื่องแล้วเอาขาตั้งลง ถอดหมวกกันน็อกแล้วก็หันไปมองคนนั่งซ้อนท้าย เขายังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่มีทีท่าจะลง
“ลงสิคุณ”
“ถอดหมวกกันน็อกให้ฉันด้วย”
“เฮ้อ! จะให้ผมทำให้ทุกอย่างเลยเหรอ พิการก็ไม่ใช่”
“พูดให้มันดี ๆ หน่อย ฉันเป็นนายจ้างเธอนะ”
“รู้แล้วน่า ไม่ต้องเอาเรื่องนี้มาบังคับหรอก”
บ่นแต่ก็ทำ ถอดหมวกกันน็อกแล้วก็ช่วยพยุงเขาลงมายืนจนสำเร็จ หันไปมองภาพตรงหน้าก็ทำให้ผมยิ้มทันที ไร่ชาเบื้องหน้าช่างเหมือนสวรรค์บนดิน ภาพนี้ช่างงดงามเกินคำบรรยาย ปลูกเป็นแถวแนวขั้นบันไดจากเนินเขาไปจนถึงยอดเขา ผมเดินไปหาเจ้าหน้าที่เพื่อติดต่อขอเข้าไป เมื่อเสร็จแล้วก็เดินกลับมาหาเขาอีกครั้ง
“ป่ะคุณ”
“ช่วยพยุงฉันด้วย”
ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “มาเป็นภาระจริง ๆ แทนที่ผมจะได้เที่ยวคนเดียวอย่างสบายใจ”
พูดแค่นั้นก็โดนเขาดีดหน้าผากเสียงดังป๊อก
“ขี้บ่นจริง ๆ เลย แค่นี้ไม่ตายหรอก ฉันไม่ยอมให้เธอได้เสวยสุขคนเดียวหรอก ฉันต้องมาขัดขวางความสุขของเธอ”
ผมไม่พูดอะไรแต่ยังคงแสดงสีหน้าบูดบึ้งเพื่อประท้วง ช่วยประคองเขาไปที่ไร่ชา ในระหว่างนั้นก็หยุดพักเพื่อถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ปล่อยให้เขายืนอยู่คนเดียวนานสองนาน นอกจากพวกเรายังมีนักท่องเที่ยวคนอื่นมาเที่ยวจำนวนหนึ่ง หันกลับมาอีกทีผมก็ไม่เห็นเขาแล้ว
“ไปไหนของคุณนะ”
เดินหาตั้งนานสองนานแต่ไม่เจอ ตอนแรกก็เฉย ๆ แต่เมื่อนานหลายนาทีก็เริ่มเป็นห่วงขึ้นมา ขายิ่งไม่ดีอยู่ด้วยหากสะดุดล้มหัวฟาดพื้นอยู่ที่ไหนสักแห่งจะทำอย่างไร ที่นี่ก็กว้างมากด้วยคงหาเจอยากแน่ ๆ
“คุณนาธาน! คุณอยู่ไหน”
เสียงของผมดังก้องสะท้อนออกไปหากทว่าไม่มีเสียงตอบรับ ใจคอเริ่มไม่ดีจึงคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี หากเขาตายขึ้นมาผมคงไม่มีหน้าไปพบคุณนายวิมลแน่ ๆ
กำลังจะร้องไห้อยู่แล้วเชียวแต่ได้ยินเสียงหัวเราะของใครบางคนดังขึ้น หันไปมองที่ใต้ต้นไม้ใหญ่กลางไร่ชาก็พบกับคนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งล้อมวงกันอยู่ หนึ่งในนั้นมีผู้ใหญ่ด้วย ผมหรี่ตามองพลางสาวเท้าเข้าไปเรื่อย ๆ เพื่อดูให้แน่ใจว่าเป็นเขาหรือไม่
“ใช่จริง ๆ ด้วย”
เมื่อรู้ว่าเป็นเขาผมก็ยิ้มทันที โล่งอกที่อย่างน้อยยังคงปลอดภัย เมื่อเห็นผมเขาก็ไม่ได้ทักทายหรือสนใจอะไร ยังคงนั่งสนุกกับเด็ก ๆ
“คุณมาทำอะไรที่นี่”
“...”
“คุณนาธาน!”
“...”
เขายังคงไม่สนใจหากทว่าเด็ก ๆ ชาวเขาเหล่านั้นหันมามองผมเป็นตาเดียวกัน
“พี่ชายรู้จักกับพี่คนนี้เหรอ”
“ใช่ รู้จัก ทำอะไรกันอยู่ครับเด็ก ๆ”
“กำลังเล่าเรื่องสนุก ๆ ให้พี่ชายใจดีฟังอยู่”
เขาน่ะเหรอจะนั่งฟังเด็ก ๆ เล่าเรื่องสนุกให้ฟัง ผมไม่อยากจะเชื่อเลย มองไปที่กลางวงก็มีตะกร้าชาที่เพิ่งเก็บมาสด ๆ ร้อน ๆ ในมือของเด็ก ๆ มีธนบัตรสีเทากำไว้ด้วย คาดว่าเขาคงจะจ้างเด็ก ๆ เก็บชามาให้กระมัง
“เรื่องอะไรเหรอครับ เล่าให้พี่ฟังด้วยสิ”
เมื่อผมหย่อนก้นนั่งลงแล้ว เขาก็สั่งให้เด็กทุกคนกลับไป ผมเกิดความสงสัยว่าทำไมถึงทำอย่างนี้ เขางอนผมเรื่องอะไรกันแน่ ทำเหมือนผมเป็นธาตุอากาศเสียอย่างนั้น
“ทำไมไม่ยอมพูดกับผม คุณโกรธผมเรื่องอะไร”
“...”
“คุณนาธาน! เป็นใบ้หรือไง”
“...”
“ถ้าไม่พูดผมจะกลับแล้วนะ ถ้าจะกลับด้วยกันก็ลุกขึ้น”
“...”
“โอเค ไม่ไปก็ไม่ไป หาทางกลับเองก็แล้วกัน”
ตอนแรกเฉย ๆ เพราะคิดว่าตัวเองผิด แต่ตอนนี้ผมเกิดมีน้ำโหขึ้นมาจริง ๆ ซะแล้ว เล่นตัวเกินมนุษย์มนา คนอย่างไอ้บิวไม่ยอมทนแน่
“นั่งลงที่เดิม อยู่ที่นี่จนกว่าฉันจะสั่งให้ไป”
“พูดได้แล้วเหรอ”
ผมพูดประชดพลางนั่งลงข้างเขา คว้าตะกร้าชาขึ้นมาดูแล้วเงยหน้าขึ้นถาม “คุณจ้างเด็ก ๆ เก็บชาไปฝากคุณแม่ใช่ไหม”
“เปล่า ฉันจะเอาไปฝากซอนย่า ซอนย่าชอบดื่มชา”
ได้ยินอย่างนั้นก็ทำหน้าเซ็ง วางตะกร้าลงที่เดิม ทำไมผมต้องรู้สึกแปลก ๆ เมื่อยามที่เขาเอ่ยถึงยัยนั่น เมื่อรู้ว่าเขารักยัยนั่นมากแค่ไหน
“ดีเหมือนกัน ผมก็จะเอาไปฝากคุณอั๋นบ้าง ขอบคุณที่เขาช่วยไว้วันนั้น”
เขาหันขวับมาสนใจผมทันที หากทว่าผมยังคงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูรูปที่ถ่ายเมื่อครู่อย่างสบายใจ แต่จู่ ๆ เขาก็คว้ามันไปจากมือผมซะอย่างนั้น
“นี่คุณ! เอาคืนมาเดี๋ยวนี้เลย”
“ฉันจะเก็บไว้ให้ ถึงกรุงเทพฯเมื่อไหร่ค่อยคืน”
“ไม่ได้นะ! ผมจำเป็นต้องใช้ ผมต้องโทรหาแม่กับน้อง”
“จะโทรหาไอ้นั่นล่ะสิไม่ว่า”
“โทรหาใครก็เรื่องของผมปะ เอาคืนมาเดี๋ยวนี้นะ”
ผมพยายามแย่งมือถือจากเขาอย่างสุดความสามารถ เอาไปเอามาจนตอนนี้ขึ้นมาคร่อมบนตัวเขาแล้ว รู้ตัวอีกทีก็ถูกมือใหญ่รั้งเอวไม่ให้ลุกขึ้นจากตัวเขาได้ สีหน้าของคนที่อยู่เบื้องล่างเจ้าเล่ห์และเป็นต่อ
“คุณจะทำอะไร?”
“แย่งให้ได้สิ”
“ปล่อยก่อนสิ ผมแย่งได้แน่”
“ไม่ปล่อย”
เขายิ้มหน้าระรื่น ปล่อยมือถือผมทิ้งลงพื้นเพื่อส่งมืออีกข้างมากอดไว้ ตอนนี้เราต่างก็อยู่ในท่าล่อแหลมเสียแล้ว ทำไมหัวใจผมมันเต้นแรงอย่างนี้นะ ทำไมอ้อมกอดผู้ชายคนนี้อบอุ่นจัง เมื่อยามมองหน้าสบตากับเขาหัวใจมันสั่นพิกล
“ชอบใส่จีสตริงเหรอ”
คำถามนั้นทำให้หน้าผมแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง “ถะ...ถามทำไม”
“ก็เมื่อวานเธอเอามันรัดขาให้ฉันไงเลยถาม แล้ววันนี้ยังใส่อยู่ไหม”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นทำให้ผมต้องเบิกตาด้วยความตกใจ มือทั้งสองข้างวางอยู่บนแผงอกเขาแทบขยับไม่ได้ ทำให้อีกฝ่ายสามารถส่งมือล้วงเข้าไปใต้กางเกงยีนตัวเก่งอย่างง่ายดาย เขาสำรวจกางเกงชั้นในของผมอย่างถือวิสาสะ เมื่อรู้ว่าผมใส่แทนที่จะเอามือออกไป แต่เปลี่ยนมาบีบเคล้นแก้มก้นแทน
ในวินาทีนี้ใครจะต้านทานไหวกันเล่า
“อะ...เอามือออกเดี๋ยวนี้เลย”
“ก้นนุ่มจัง” โทนเสียงอันแหบพร่าของเขาทำให้ผมต้องก้มหน้าลง ไม่อยากสบตาคมคู่นั้นให้ต้องอายมากกว่านี้
“...”
ผมเงียบยอมปล่อยให้เขาทำอย่างนั้น จนเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังตื่นตัวขึ้นมาเสียแล้ว เจ้านาธานใหญ่อยากจะออกมาชมโลกภายนอกเต็มทีแล้ว
“เงยหน้าขึ้นมา” เขาสั่งเบา ๆ
เงยขึ้นมาแล้วเขาก็รีบประกบจูบทันที ไม่ปล่อยให้ผมได้มีโอกาสทำการขัดขืน รสจูบอันเร่าร้อนเริ่มต้นขึ้น ไฟสวาทที่อยู่ในกายกำลังถูกจุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง มือใหญ่เลื้อยขึ้นมาจากแก้มก้นสู่แผ่นหลังบาง ลูบไล้วนเวียนอยู่อย่างนั้นจนหนำใจ
เขาพลิกตัวผมมานอนอยู่ด้านล่าง เราจ้องตากันด้วยประกายตาแห่งความหวามไหว หัวใจผมเต้นตึกตักไม่ใช่เพียงเพราะความตื่นเต้น แต่เป็นเพราะความรู้สึกบางอย่างที่มันก่อตัวขึ้นเมื่อได้เจอคนที่ถูกใจ ผมเคยมีความรู้สึกนี้เมื่อครั้งเรียนมอต้น เคยแอบชอบรุ่นพี่มอปลายซึ่งเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียน เขาคนนั้นทั้งหล่อและนิสัยดี ทุกครั้งที่ได้พูดคุยหรืออยู่ใกล้ผมมีอาการแบบนี้เสมอ
หรือว่า...ผมจะหลงรักคุณนาธานเข้าให้แล้ว
“ไม่ได้นะครับ”
“ฉันจะเอาใครก็ห้ามไม่ได้”
“ผมบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้...คนเยอะ”
หากเป็นแต่ก่อนผมคงจะบอกว่าไม่มีทางให้เขาอีกแล้ว แต่ข้ออ้างครั้งนี้คือคนเยอะ มันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
มีหรือที่คนเอาแต่ใจอย่างคุณนาธานจะยอม เขาถลกเสื้อผมขึ้นมากองไว้เหนืออก จากนั้นละเลงปลายลิ้นลงมาทักทายยอดอกของผม มือใหญ่ประสานนิ้วผมไว้ไม่ยอมให้ขัดขืนได้ ผมต้องนอนหลับตา ขบริมฝีปากไว้เพราะเกรงว่าจะมีเสียงเล็ดลอดออกไปให้คนอื่นได้ยิน
กำลังนอนหลับตาเคลิ้มจู่ ๆ ก็ดึงตัวผมให้ลุกขึ้นนั่ง ไม่รู้เขาเอาความกล้ามาจากไหนยืนควักเจ้าโลกอันแข็งขึงออกมาต่อหน้าต่อตา มือข้างหนึ่งจับมันชักรูด ส่วนอีกข้างดันท้ายทอยผมให้เคลื่อนใบหน้าเข้าไปครอบครองมัน ผมยอมทำตามอย่างว่าง่ายเพื่อให้ช่วงเวลานี้ผ่านพ้นโดยเร็วที่สุด เพราะเกรงว่าจะมีคนมาเห็นเข้า…
ผมจะปฏิเสธก็ได้แต่ทำไมไม่ยอมทำ
ผมควรจะโกรธเกลียดที่เขาบังคับฝืนใจ...แต่ไม่เลย
ช่วงหลังมานี้รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไป อยากให้คุณนาธานกลับมาที่บ้านบ่อย ๆ อยากให้เขาเอาอกเอาใจเหมือนเอาใจยัยซอนย่า เกิดความหึงหวงเวลาที่เขาอยู่กับแฟน มันเกิดโรคประหลาดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ หากเป็นอย่างนี้ต่อไปมีหวังเขาคงได้ใจแน่ ๆ
บทที่ 1 เรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย “แม๊!!!!!!!!” เสียงโวยวายดังลั่นบ้านนั้นไม่ใช่เสียงใคร เป็นเสียงของผมเองครับ จู่ ๆ แม่ก็มาบอกว่าให้เก็บข้าวเก็บของเพราะวันพรุ่งนี้จะมีคนมารับไปทำงานด้วย ผมผู้ซึ่งนั่งโซ้ยมาม่าพร้อมกับหางานทำไปด้วยก็กรี๊ดลั่นบ้านเลยทีเดียว เพิ่งเรียนจบแท้ ๆ แต่แม๊!!! ดันหางานให้ผมซะแล้ว สวัสดีครับ ผมชื่อ ‘บิว’ พีรพล มนตรีอิสระ อายุยี่สิบสองปี เพิ่งเรียนจบด้านไอทีมาหมาด ๆ ตั้งใจว่าจะหางานทำตรงสายให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ออกไปจากบ้านหลังนี้เสียที เพราะเบื่อแม่ผีพนันเข้าสิงจนหางานให้ผมนี่ล่ะ งานดี ๆ จะไม่ว่าเลยแต่งานที่หามาให้นั่นคือเป็นเมียรับจ้างของมาเฟียเจ้าของบ่อนการพนันที่แม่ติดหนี้ไว้ แค่คิดก็ขนลุกขนพองสยองเกล้า! ชีวิตผมทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย! “แกจะโวยวายหาหอกอะไร! ฉันไม่ได้จะขายแกสักหน่อย แค่ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ แลกกับหนี้เท่านั้น” “เล็กน้อยงั้นเหรอแม่ เงินเป็นล้านแม่เล่นไปได้ยังไงกัน ชีวิตผมต้องหมดอิสรภาพก็เพราะแม่” “เอาน่า แค่ไม่กี่เดือนเองก็จะได้เป็นอิสระแล้ว อยู่ที่นั่
บทที่ 2สะใภ้คนใหม่ ในที่สุดผมก็ได้เข้ามาสู่รั้วคฤหาสน์หลังใหญ่ของคุณนาธานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ช่างใหญ่โตเสียนี่กระไร ถนนทางเข้าบ้านกว้างกว่าถนนเข้าซอยบ้านผมเสียอีก มีคนรับใช้มายืนต้อนรับหน้าบ้านจำนวนหลายคนอย่างกับในละคร เห็นอย่างนี้แล้วรู้สึกรวยขึ้นมาทันทีเลยล่ะ เมื่อรถจอดเทียบหน้าบ้านแล้วก็มีคนเปิดประตูรถให้เราทั้งคู่ ผมทำตัวไม่ถูกเมื่อจู่ ๆ ก็กลายมาเป็นเจ้าชายในชั่วข้ามคืน แม้ความเป็นจริงจะเป็นเจ้าชายกำมะลอก็ตามที แต่ดู ๆ ไปแล้วที่นี่ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดแฮะ “ยินดีต้อนรับคุณนาธานกลับบ้านครับ / ค่ะ” “ยินดีต้อนรับคุณบิวครับ / ค่ะ” “สวัสดีครับทุกคน” ผมยิ้มเขินพลางยกมือไหว้ทุกคนอย่างไม่คุ้นชิน หันไปมองหน้าคุณนาธานก็เห็นเพียงความเย็นชา เขาทำหน้าราวกับว่ารำคาญผมเต็มทนแล้ว คว้ามือลากผมให้เดินตามเข้าไปในบ้าน พยายามบิดข้อมือพลางส่งสายตาดุให้เขาแต่ไม่ได้ผลเลยสักนิด “ปล่อยผมนะคุณ” “เธออย่าทำตัวเงอะงะซื่อบื้อได้ไหม ทำตัวให้สมกับเป็นเมียมาเฟียอย่างฉันหน่อยสิ” “ก็ผมไม่ใช่เมียคุณจริง ๆ
บทที่ 3ไม่มีทางเลือก เช้าวันใหม่ของผมในรั้วคฤหาสน์แอนเดสันได้เริ่มต้นจากการได้ยินเสียงคนเปิดลิ้นชัก ดังกุกกักเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง หันไปมองก็เห็นคุณนาธานสวมใส่ชุดสูทอย่างเนี้ยบเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะตื่นเช้ากว่าผมเสียอีก “คุณจะไปแล้วเหรอ หาววว” ว่าแล้วก็อ้าปากหาวหวอด ส่งมือขึ้นเกาศีรษะแกร็ก ๆ หมดสภาพคนหน้าตาดีกันเลยทีเดียว “อยู่ที่นี่ตื่นให้มันเช้า ๆ หน่อย แม่ฉันเป็นคนเข้มงวด อย่าทำอะไรให้มันเดือดร้อนมาถึงฉันก็แล้วกัน อยากได้อะไรก็บอก จะสั่งคนส่งมาให้” กล่าวแล้วก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผมนั่งทำหน้ายุ่งอยู่คนเดียว แต่เมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้นผมก็ดีดตัวลุกขึ้นด้วยความเริงร่า เพราะนับจากนี้ห้องนี้จะเป็นของผมคนเดียวแล้ว หลังจากนั้นก็ไปอาบน้ำอย่างสบายใจ แต่งตัวให้เรียบร้อยที่สุดเพื่อเอาใจคุณนายวิมล เลือกในตู้ที่คุณนาธานซื้อมาไว้นั่นล่ะครับ เดินลงมาข้างล่างก็เห็นแม่บ้านสูงวัยกำลังตั้งโต๊ะ จึงเดินเข้าไปทักทายเผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง ป้าแม่บ้านคนนี้ชื่อ ‘ป้าแหวน’ ทำงานที่นี่มาตั้งแต่สมัยสาว ๆ จนกระทั่งต
บทที่ 4แค่ครั้งเดียว นึกถึงเหตุการ์เมื่อคืนนี้ผมยังคงขนลุกไม่หาย คุณนายให้ผมดื่มน้ำแกงอะไรสักอย่างในถ้วยกระเบื้องสีขาว รสชาติขมมาก แทบอยากจะอ้วกออกมา แต่โดนสั่งห้ามเอาไว้จึงต้องกลืนมันลงไปจนเกลี้ยง แค่นั้นยังไม่พอบังคับให้นั่งอยู่ในวงล้อมสายสิญจน์เพื่อฟังบทสวดประหลาดจากท่านจนจบ ปิดท้ายด้วยการใช้มือตบเบา ๆ ที่หน้าท้องสามครั้งอีกด้วย เสร็จพิธีก็ถูกไล่ให้กลับห้องนอนโดยไม่พูดหรืออธิบายอะไรให้ฟังเลย ความวัวไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก วันนี้คุณนายวิมลโทรเรียกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนให้กลับมาที่บ้านโดยด่วนให้เหตุผลว่าผมไม่สบาย โทรแล้วโทรอีกจนเขารำคาญกระมังเลยต้องกลับมาที่คฤหาสน์ ออฟฟิศกับบ้านเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ถ้าถามผมว่าไกลไหมตอบว่าไม่ แต่เหตุผลที่เขาไม่ยอมกลับมานอนค้างที่บ้านคงเป็นเพราะต้องการอยู่กับแฟนสาวอย่างสบายใจกระมัง แฟนของคุณนาธานก็คือซอนย่านั่นล่ะครับ เธอเป็นนางเอกซูเปอร์สตาร์ มีชื่อเสียงระดับประเทศ สวยและมีความสามารถ ในทีวีดูเป็นผู้หญิงเรียบร้อยอ่อนหวานแต่ในชีวิตจริงผิดจากหน้ามือเป็นหลังมือ นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณนายวิมลไม่ชอบขี้หน้า
บทที่ 5สะใภ้ตัวจริง ช่วงเวลาที่สุดแสนจะกลัดกลุ้มได้ผ่านพ้นไปแล้ว เขากลับไปในช่วงค่ำของวันนั้น ส่วนผมนั่งร้องไห้อยู่ในห้องนานหลายชั่วโมงกว่าจะทำใจได้ สรุปว่าผมมาทำอะไรที่นี่ มาขายตัวหรือมาเป็นเมียหลอก ๆ หรือมาเป็นสะใภ้หลอก ๆ เริ่มไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน คุณนายวิมลให้คนมาเรียกลงไปที่ห้องรับแขก ผมจึงต้องรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หากทว่าดวงตายังคงแดงก่ำมิอาจปกปิดได้ ลงมาถึงแล้วก็เห็นท่านนั่งอ่านนิยายวายเรื่องโปรดรออยู่ก่อนแล้ว จึงยกมือไหว้แล้วนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าก้มตาไม่อยากให้ท่านมองเห็นร่องรอยของการร้องไห้มา “เป็นยังไงบ้าง” “ไม่เป็นไรครับคุณแม่” น้ำเสียงของผมสั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ว่าจะไม่ร้องแล้วนะแต่พอมีคนมาสะกิดความรู้สึกนั้นอีกทีก็ต้องอ่อนแออีกครั้ง “ฉันขอโทษที่ทำอย่างนั้นลงไป ฉันแค่อยากให้เธอกับนาธานผูกพันกัน ทุกอย่างมันจะได้ง่ายขึ้น” “คุณแม่ต้องการแค่นั้นเองเหรอครับ ไม่ห่วงความรู้สึกผมเลยเหรอครับ ผมขอโทษที่ต้องพูดตรง ๆ ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเสียตัวให้ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน ไม่เคยรักเลยด้วยซ้ำและไม่คิ
บทที่ 6ภารกิจใหม่ หลังจากถูกเขม่นด้วยสายตาจากนางเอกชื่อดังแล้ว ผมก็มองนางเปลี่ยนไปไม่คิดจะญาติดีด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาคิดอะไรมากเพราะต้องออกไปเดินแบบแล้ว แขกของงานวันนี้มีแต่พวกคุณหญิงคุณนายและไฮโซทั้งนั้น แน่นอนว่าคุณนายวิมลต้องบังคับให้ลูกชายมาด้วย ไม่สิ! หากจะบอกว่าบังคับก็คงไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะเขาเองก็คงอยากจะมาให้กำลังใจแฟนสาวด้วย รอบแรกของการเดินแบบผ่านไปด้วยดี การเดินของวันนี้จะเดินเป็นคู่ชายหญิง คู่ของผมเป็นนางแบบอาชีพที่มีสกิลการเดินค่อนข้างดีมาก ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจที่มีคู่เดินซึ่งมีประสบการณ์มาก่อน พวกเราเข้ามาเปลี่ยนชุดอย่างเร่งรีบ ทุกอย่างดูวุ่นวายไปเสียหมด ชุดที่สองสำหรับงานในวันนี้เป็นชุดผ้าไหมที่ออกแบบตัดเย็บให้ดูทันสมัย ทุกครั้งที่ผมเข้ามาเปลี่ยนชุดซอนย่าก็ออกไปเดินบนเวที โชคดีที่เราไม่ได้เดินพร้อมกันมิเช่นนั้นคงเกิดซีนขัดแข้งขัดขาเหมือนในละครเป็นแน่
บทที่ 7เป็นของเล่นก็พอได้ ในที่สุดผมก็ได้โบยบินออกจากกรงทองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้เดินทางมายังเชียงใหม่ตั้งแต่เช้า ถึงสนามบินก็มีรถจากทางรีสอร์ตมารอรับถึงที่ เดินทางจากตัวเมืองไม่ไกลนักก็มาถึงที่หมาย รีสอร์ตแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร ฉากหลังเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน บรรยากาศดีมาก วันนี้คึกคักเป็นพิเศษเพราะเปิดรีสอร์ตอย่างเป็นทางการ และเปิดต้อนรับนักเที่ยวเป็นวันแรกอีกด้วย ห้องพักที่ทางรีสอร์ตเตรียมไว้ให้เป็นบ้านน็อกดาวน์หลังเล็ก ๆ ติดกับลำธารน้ำไหล มีร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ทัศนียภาพของที่นี่ช่างงดงาม เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจจริง ๆ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่แล้วก็แต่งตัวหล่อ ๆ ออกไปร่วมแสดงความยินดีตามที่คุณนายวิมลได้วานมา เดินออกมาได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็เจอกับพนักงานสาวสวยซึ่งกำลังจะเดินมาหาผมพอดี เมื่อได้คุยกันนางบอกว่าทางคุณปัญจรีย์ให้มารับผมไปงานด้วยเกรงว่าจะห
บทที่ 8รู้สึกแปลกไป ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วผมก็ต้องเป็นคนดูแลคุณนาธานอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขายังคงลงน้ำหนักเท้าได้ไม่มาก แทนที่จะกลับกรุงเทพมหานครแต่สั่งให้พากลับมายังห้องพักห้องเดิม ส่วนผมไม่มีทางกลับเพราะตั้งใจจะมาเที่ยวทั้งทีต้องเที่ยวให้หนำใจ เขาเจ็บอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะตามไปแกล้งผม เมื่อรู้ข่าวคุณป้าปัญจรีย์ก็เข้ามาเยี่ยมถึงห้องพัก ท่านถามว่าจะกลับกรุงเทพฯเลยไหมจะได้เตรียมรถและตั๋วเครื่องบินให้หลานชาย แต่เมื่อคุณนาธานปฏิเสธและบอกว่าจะอยู่เที่ยวที่นี่สักพักก่อน ท่านจึงเปลี่ยนแผนสั่งให้คนนำรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งมาให้ เพื่อจะได้ขับไปเที่ยวได้ตามสบายใจ รถก็มีแล้วจะขาดก็แต่เงินเท่านั้น กระเป๋าสตางค์ก็ยังไม่ได้คืน ผมจึงคิดว่าจะต้องใช้วิธีสกปรกเพื่อเอาเงินมาจากคุณนาธาน รอช่วงที่เขาหล
บทที่ 7เป็นของเล่นก็พอได้ ในที่สุดผมก็ได้โบยบินออกจากกรงทองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้เดินทางมายังเชียงใหม่ตั้งแต่เช้า ถึงสนามบินก็มีรถจากทางรีสอร์ตมารอรับถึงที่ เดินทางจากตัวเมืองไม่ไกลนักก็มาถึงที่หมาย รีสอร์ตแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร ฉากหลังเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน บรรยากาศดีมาก วันนี้คึกคักเป็นพิเศษเพราะเปิดรีสอร์ตอย่างเป็นทางการ และเปิดต้อนรับนักเที่ยวเป็นวันแรกอีกด้วย ห้องพักที่ทางรีสอร์ตเตรียมไว้ให้เป็นบ้านน็อกดาวน์หลังเล็ก ๆ ติดกับลำธารน้ำไหล มีร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ทัศนียภาพของที่นี่ช่างงดงาม เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจจริง ๆ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่แล้วก็แต่งตัวหล่อ ๆ ออกไปร่วมแสดงความยินดีตามที่คุณนายวิมลได้วานมา เดินออกมาได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็เจอกับพนักงานสาวสวยซึ่งกำลังจะเดินมาหาผมพอดี เมื่อได้คุยกันนางบอกว่าทางคุณปัญจรีย์ให้มารับผมไปงานด้วยเกรงว่าจะห
บทที่ 6ภารกิจใหม่ หลังจากถูกเขม่นด้วยสายตาจากนางเอกชื่อดังแล้ว ผมก็มองนางเปลี่ยนไปไม่คิดจะญาติดีด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาคิดอะไรมากเพราะต้องออกไปเดินแบบแล้ว แขกของงานวันนี้มีแต่พวกคุณหญิงคุณนายและไฮโซทั้งนั้น แน่นอนว่าคุณนายวิมลต้องบังคับให้ลูกชายมาด้วย ไม่สิ! หากจะบอกว่าบังคับก็คงไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะเขาเองก็คงอยากจะมาให้กำลังใจแฟนสาวด้วย รอบแรกของการเดินแบบผ่านไปด้วยดี การเดินของวันนี้จะเดินเป็นคู่ชายหญิง คู่ของผมเป็นนางแบบอาชีพที่มีสกิลการเดินค่อนข้างดีมาก ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจที่มีคู่เดินซึ่งมีประสบการณ์มาก่อน พวกเราเข้ามาเปลี่ยนชุดอย่างเร่งรีบ ทุกอย่างดูวุ่นวายไปเสียหมด ชุดที่สองสำหรับงานในวันนี้เป็นชุดผ้าไหมที่ออกแบบตัดเย็บให้ดูทันสมัย ทุกครั้งที่ผมเข้ามาเปลี่ยนชุดซอนย่าก็ออกไปเดินบนเวที โชคดีที่เราไม่ได้เดินพร้อมกันมิเช่นนั้นคงเกิดซีนขัดแข้งขัดขาเหมือนในละครเป็นแน่
บทที่ 5สะใภ้ตัวจริง ช่วงเวลาที่สุดแสนจะกลัดกลุ้มได้ผ่านพ้นไปแล้ว เขากลับไปในช่วงค่ำของวันนั้น ส่วนผมนั่งร้องไห้อยู่ในห้องนานหลายชั่วโมงกว่าจะทำใจได้ สรุปว่าผมมาทำอะไรที่นี่ มาขายตัวหรือมาเป็นเมียหลอก ๆ หรือมาเป็นสะใภ้หลอก ๆ เริ่มไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน คุณนายวิมลให้คนมาเรียกลงไปที่ห้องรับแขก ผมจึงต้องรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หากทว่าดวงตายังคงแดงก่ำมิอาจปกปิดได้ ลงมาถึงแล้วก็เห็นท่านนั่งอ่านนิยายวายเรื่องโปรดรออยู่ก่อนแล้ว จึงยกมือไหว้แล้วนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าก้มตาไม่อยากให้ท่านมองเห็นร่องรอยของการร้องไห้มา “เป็นยังไงบ้าง” “ไม่เป็นไรครับคุณแม่” น้ำเสียงของผมสั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ว่าจะไม่ร้องแล้วนะแต่พอมีคนมาสะกิดความรู้สึกนั้นอีกทีก็ต้องอ่อนแออีกครั้ง “ฉันขอโทษที่ทำอย่างนั้นลงไป ฉันแค่อยากให้เธอกับนาธานผูกพันกัน ทุกอย่างมันจะได้ง่ายขึ้น” “คุณแม่ต้องการแค่นั้นเองเหรอครับ ไม่ห่วงความรู้สึกผมเลยเหรอครับ ผมขอโทษที่ต้องพูดตรง ๆ ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเสียตัวให้ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน ไม่เคยรักเลยด้วยซ้ำและไม่คิ
บทที่ 4แค่ครั้งเดียว นึกถึงเหตุการ์เมื่อคืนนี้ผมยังคงขนลุกไม่หาย คุณนายให้ผมดื่มน้ำแกงอะไรสักอย่างในถ้วยกระเบื้องสีขาว รสชาติขมมาก แทบอยากจะอ้วกออกมา แต่โดนสั่งห้ามเอาไว้จึงต้องกลืนมันลงไปจนเกลี้ยง แค่นั้นยังไม่พอบังคับให้นั่งอยู่ในวงล้อมสายสิญจน์เพื่อฟังบทสวดประหลาดจากท่านจนจบ ปิดท้ายด้วยการใช้มือตบเบา ๆ ที่หน้าท้องสามครั้งอีกด้วย เสร็จพิธีก็ถูกไล่ให้กลับห้องนอนโดยไม่พูดหรืออธิบายอะไรให้ฟังเลย ความวัวไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก วันนี้คุณนายวิมลโทรเรียกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนให้กลับมาที่บ้านโดยด่วนให้เหตุผลว่าผมไม่สบาย โทรแล้วโทรอีกจนเขารำคาญกระมังเลยต้องกลับมาที่คฤหาสน์ ออฟฟิศกับบ้านเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ถ้าถามผมว่าไกลไหมตอบว่าไม่ แต่เหตุผลที่เขาไม่ยอมกลับมานอนค้างที่บ้านคงเป็นเพราะต้องการอยู่กับแฟนสาวอย่างสบายใจกระมัง แฟนของคุณนาธานก็คือซอนย่านั่นล่ะครับ เธอเป็นนางเอกซูเปอร์สตาร์ มีชื่อเสียงระดับประเทศ สวยและมีความสามารถ ในทีวีดูเป็นผู้หญิงเรียบร้อยอ่อนหวานแต่ในชีวิตจริงผิดจากหน้ามือเป็นหลังมือ นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณนายวิมลไม่ชอบขี้หน้า
บทที่ 3ไม่มีทางเลือก เช้าวันใหม่ของผมในรั้วคฤหาสน์แอนเดสันได้เริ่มต้นจากการได้ยินเสียงคนเปิดลิ้นชัก ดังกุกกักเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง หันไปมองก็เห็นคุณนาธานสวมใส่ชุดสูทอย่างเนี้ยบเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะตื่นเช้ากว่าผมเสียอีก “คุณจะไปแล้วเหรอ หาววว” ว่าแล้วก็อ้าปากหาวหวอด ส่งมือขึ้นเกาศีรษะแกร็ก ๆ หมดสภาพคนหน้าตาดีกันเลยทีเดียว “อยู่ที่นี่ตื่นให้มันเช้า ๆ หน่อย แม่ฉันเป็นคนเข้มงวด อย่าทำอะไรให้มันเดือดร้อนมาถึงฉันก็แล้วกัน อยากได้อะไรก็บอก จะสั่งคนส่งมาให้” กล่าวแล้วก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผมนั่งทำหน้ายุ่งอยู่คนเดียว แต่เมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้นผมก็ดีดตัวลุกขึ้นด้วยความเริงร่า เพราะนับจากนี้ห้องนี้จะเป็นของผมคนเดียวแล้ว หลังจากนั้นก็ไปอาบน้ำอย่างสบายใจ แต่งตัวให้เรียบร้อยที่สุดเพื่อเอาใจคุณนายวิมล เลือกในตู้ที่คุณนาธานซื้อมาไว้นั่นล่ะครับ เดินลงมาข้างล่างก็เห็นแม่บ้านสูงวัยกำลังตั้งโต๊ะ จึงเดินเข้าไปทักทายเผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง ป้าแม่บ้านคนนี้ชื่อ ‘ป้าแหวน’ ทำงานที่นี่มาตั้งแต่สมัยสาว ๆ จนกระทั่งต
บทที่ 2สะใภ้คนใหม่ ในที่สุดผมก็ได้เข้ามาสู่รั้วคฤหาสน์หลังใหญ่ของคุณนาธานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ช่างใหญ่โตเสียนี่กระไร ถนนทางเข้าบ้านกว้างกว่าถนนเข้าซอยบ้านผมเสียอีก มีคนรับใช้มายืนต้อนรับหน้าบ้านจำนวนหลายคนอย่างกับในละคร เห็นอย่างนี้แล้วรู้สึกรวยขึ้นมาทันทีเลยล่ะ เมื่อรถจอดเทียบหน้าบ้านแล้วก็มีคนเปิดประตูรถให้เราทั้งคู่ ผมทำตัวไม่ถูกเมื่อจู่ ๆ ก็กลายมาเป็นเจ้าชายในชั่วข้ามคืน แม้ความเป็นจริงจะเป็นเจ้าชายกำมะลอก็ตามที แต่ดู ๆ ไปแล้วที่นี่ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดแฮะ “ยินดีต้อนรับคุณนาธานกลับบ้านครับ / ค่ะ” “ยินดีต้อนรับคุณบิวครับ / ค่ะ” “สวัสดีครับทุกคน” ผมยิ้มเขินพลางยกมือไหว้ทุกคนอย่างไม่คุ้นชิน หันไปมองหน้าคุณนาธานก็เห็นเพียงความเย็นชา เขาทำหน้าราวกับว่ารำคาญผมเต็มทนแล้ว คว้ามือลากผมให้เดินตามเข้าไปในบ้าน พยายามบิดข้อมือพลางส่งสายตาดุให้เขาแต่ไม่ได้ผลเลยสักนิด “ปล่อยผมนะคุณ” “เธออย่าทำตัวเงอะงะซื่อบื้อได้ไหม ทำตัวให้สมกับเป็นเมียมาเฟียอย่างฉันหน่อยสิ” “ก็ผมไม่ใช่เมียคุณจริง ๆ
บทที่ 1 เรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย “แม๊!!!!!!!!” เสียงโวยวายดังลั่นบ้านนั้นไม่ใช่เสียงใคร เป็นเสียงของผมเองครับ จู่ ๆ แม่ก็มาบอกว่าให้เก็บข้าวเก็บของเพราะวันพรุ่งนี้จะมีคนมารับไปทำงานด้วย ผมผู้ซึ่งนั่งโซ้ยมาม่าพร้อมกับหางานทำไปด้วยก็กรี๊ดลั่นบ้านเลยทีเดียว เพิ่งเรียนจบแท้ ๆ แต่แม๊!!! ดันหางานให้ผมซะแล้ว สวัสดีครับ ผมชื่อ ‘บิว’ พีรพล มนตรีอิสระ อายุยี่สิบสองปี เพิ่งเรียนจบด้านไอทีมาหมาด ๆ ตั้งใจว่าจะหางานทำตรงสายให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ออกไปจากบ้านหลังนี้เสียที เพราะเบื่อแม่ผีพนันเข้าสิงจนหางานให้ผมนี่ล่ะ งานดี ๆ จะไม่ว่าเลยแต่งานที่หามาให้นั่นคือเป็นเมียรับจ้างของมาเฟียเจ้าของบ่อนการพนันที่แม่ติดหนี้ไว้ แค่คิดก็ขนลุกขนพองสยองเกล้า! ชีวิตผมทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย! “แกจะโวยวายหาหอกอะไร! ฉันไม่ได้จะขายแกสักหน่อย แค่ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ แลกกับหนี้เท่านั้น” “เล็กน้อยงั้นเหรอแม่ เงินเป็นล้านแม่เล่นไปได้ยังไงกัน ชีวิตผมต้องหมดอิสรภาพก็เพราะแม่” “เอาน่า แค่ไม่กี่เดือนเองก็จะได้เป็นอิสระแล้ว อยู่ที่นั่