บทที่ 8
รู้สึกแปลกไป
ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วผมก็ต้องเป็นคนดูแลคุณนาธานอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขายังคงลงน้ำหนักเท้าได้ไม่มาก แทนที่จะกลับกรุงเทพมหานครแต่สั่งให้พากลับมายังห้องพักห้องเดิม ส่วนผมไม่มีทางกลับเพราะตั้งใจจะมาเที่ยวทั้งทีต้องเที่ยวให้หนำใจ เขาเจ็บอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะตามไปแกล้งผม
เมื่อรู้ข่าวคุณป้าปัญจรีย์ก็เข้ามาเยี่ยมถึงห้องพัก ท่านถามว่าจะกลับกรุงเทพฯเลยไหมจะได้เตรียมรถและตั๋วเครื่องบินให้หลานชาย แต่เมื่อคุณนาธานปฏิเสธและบอกว่าจะอยู่เที่ยวที่นี่สักพักก่อน ท่านจึงเปลี่ยนแผนสั่งให้คนนำรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งมาให้ เพื่อจะได้ขับไปเที่ยวได้ตามสบายใจ
รถก็มีแล้วจะขาดก็แต่เงินเท่านั้น กระเป๋าสตางค์ก็ยังไม่ได้คืน ผมจึงคิดว่าจะต้องใช้วิธีสกปรกเพื่อเอาเงินมาจากคุณนาธาน รอช่วงที่เขาหล
บทที่ 9ไม่ได้รัก เราทั้งสองใช้เวลาอยู่ที่เชียงใหม่สามวันแล้ว แน่นอนว่ายังคงพักที่รีสอร์ตของคุณป้าปัญจรีย์ และยังคงพักห้องเดียวกัน เมื่อยามออกไปเที่ยวผมยังคงกระเตงคุณนาธานซ้อนท้ายไปเหมือนเคย ตากแดดตากลมห่มน้ำค้างด้วยกันมาโดยตลอด ตีกันบ้าง ดีกันบ้าง ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและสถานการณ์ที่พบเจอ พรุ่งนี้ตั้งใจว่าจะกลับกรุงเทพฯแล้ว ป่านนี้คุณนายก็คงใกล้จะกลับมาจากเที่ยวยุโรปเหมือนกัน น่าแปลกที่ท่านไม่โทรมาถามข่าวคราวเราสองคนเลยตั้งแต่เดินทางมาที่นี่ วันนี้ตั้งใจว่าจะนอนพักผ่อนเอาแรงก่อนเดินทางไกล ตื่นตั้งแต่เช้าตั้งใจว่าจะออกไปนั่งจิบกาแฟที่ริมลำธารด้านหลัง สูดกลิ่นอายของอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดให้เยอะ ๆ ก่อนกลับ กำลังจะเดินผ่านเตียงไปก็ต้องเอะใจ วันนี้เขายังคงนอนหลับอยู่บนเตียง ปกติแล้วจะตื่นนอนก่อนผมเสียอีก ไม่ต
บทที่ 10หมอยินดีด้วยครับ ในที่สุดเราทั้งสองก็กลับมาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ แต่กว่าจะมาถึงผมต้องเทียวเดินเข้าออกในห้องน้ำบนเครื่องบินเพราะมีอาการอาเจียนอยู่บ่อยครั้ง ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ หากจะว่าอาหารเป็นพิษก็คงไม่ใช่ เพราะไม่มีอาการถ่ายท้องเลย คุณนาธานผู้ซึ่งนั่งอยู่ข้างกันเอาแต่ถามว่าไหวไหม ดูท่าทางเขาจะเป็นห่วงผมมาก แต่ไม่เชื่อหรอกว่านั่นจะออกมาจากใจ “กลับมากันแล้ว” “สวัสดีครับนมสร้อย” “สวัสดีครับป้าสร้อย” เสียงป้าสร้อยดังมาแต่ไกลเมื่อเห็นเราทั้งสองเดินเข้ามาในบ้าน ท่านรับไหว้พลางยิ้มทักทายเหมือนเช่นเคย วันนี้บ้านโล่งคาดว่าคุณนายวิมลคงยังไม่กลับมา
บทที่ 11กลับบ้าน ผมกลับมาที่บ้านอีกครั้งก็พบว่าคุณนายวิมลท่านกลับมาจากยุโรปแล้ว มีของฝากจำนวนไม่น้อยถูกวางไว้บนโต๊ะในห้องรับแขก หากทว่าผมไม่ได้ดีใจกับสิ่งของเหล่านั้นเลย เพราะยังกังวลเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวผม แม้กระทั่งตอนนี้ยังไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่ามีหนึ่งชีวิตน้อย ๆ อยู่ในท้อง ผมขอร้องให้คุณหมอปิดเรื่องนี้เป็นความลับไม่ให้บอกคุณนาธาน ตอนนี้จึงมีเพียงผมเท่านั้นที่รู้เรื่อง แต่เชื่อว่าคุณนายวิมลและป้าสร้อยเองก็คงจะรู้ผลลัพธ์สิ่งที่พยายาม ท่านคงหวังและรอคอยวันนี้มาโดยตลอด ผมจะทำอย่างไรดีในเมื่อตอนนี้มีพันธะเกิดขึ้นกับคนในบ้านหลังนี้แล้ว คุณนาธานยังคงไม่ยอมกลับไปคอนโด เอาแต่ตามเฝ้าผมตลอดเวลาไม่ห่าง คล้ายกับกลัวว่าผมจะหนีไปหรือไม่ก็โทรหาคุณอั๋น ตั้งแต่กลับมาผมยังไม่พูดกับเขาสักคำ และตั้งใจว่าไม่พูดจนกว่าเ
บทที่ 12อีกไม่นานเกินรอ ผมรีบวิ่งลงมาจากชั้นบนด้วยความรู้สึกสงสัย ใครกันนะมาหาถึงบ้าน ปกติแล้วไม่เคยมีเพื่อนมาหาที่บ้านนานแล้ว คนที่เคยมาก็มีแค่คนเดียวนั่นคือฮาร์ท ฮาร์ทคือเพื่อนที่เคยอยู่ในกลุ่มเดียวกัน แต่ฮาร์ทไม่ได้คิดกับผมแค่เพื่อน ก่อนเรียนจบเคยสารภาพรักกับผมแต่โดนปฏิเสธไป หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้พบเจอหรือพูดคุยกันอีกเลยเดินลงมาก็เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ฮาร์ทนั่งอยู่บนโซฟาหน้าจอทีวี เห็นเพื่อนในรอบหลายเดือนก็ยิ้มด้วยความดีใจ “ฮาร์ท!” “บิว!” “มาได้ยังไงเนี่ย” “เราคิดถึงเลยมาหาน่ะ” เขาส่งยิ้มมาให้ รอยยิ้มนี้ยังคงจริงใจเสมอไม่เคยเปลี่ยน หากตัดเรื่องค
บทที่ 13นาธานการละคร ช่วงเวลาสามวันที่บ้าน...ผมรู้สึกว่ามันคือช่วงสุดแสนจะวิเศษนั่นเพราะมีคุณนาธาน ตั้งแต่ได้ยินว่าเขาจะบอกเลิกกับยัยซอนย่าเพื่อผม ก็เปิดใจให้เขามากขึ้น นอกจากผมแล้วแม่กับน้องชายก็เข้าถึงคุณนาธานได้มากขึ้น เขาเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย เข้ากับทุกคนในบ้านได้อย่างน่าเหลือเชื่อ หากเป็นอย่างนี้ต่อไปผมคงรักเขาได้อย่างเต็มหัวใจเป็นแน่แท้ ในระหว่างนี้เขาไม่แม้จะแตะโทรศัพท์มือถือ เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องกับผมและเจ้าหมูตอนตลอดทั้งวันทั้งคืน ความใกล้ชิดสนิทสนมนี้ทำให้ผมกล้าที่จะพูดและทำตัวเหมือนคนสนิทสนมคุ้นเคยและรู้ใจ ไม่ต่างจากคนที่ใช้คำว่าคู่ชีวิต ที่ผมประทับใจมากนั่นคือเขาลงมือทำกับข้าวให้รับประทาน ซึ่งไม่เคยเห็นภาพนี้มาก่อนเลย หากคุณนายวิมลรู้ว่าคุณนาธานได้เปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้วท่านคงจะดีใจมาก วันน
บทที่ 14ลูกใคร? วันนี้ถึงเวลาที่ผมจะต้องกลับไปอยู่บ้านแล้ว ก่อนหน้าเคยคิดเสมอว่าเมื่อไหร่จะได้หลุดพ้นจากตรงนี้เสียที แต่พอถึงเวลาต้องจากไปความอาลัยก็เอ่อล้นออกมา คุณนายวิมลและป้าสร้อยยืนรออยู่ที่หน้าคฤหาสน์เพื่อร่ำลากัน เห็นคนแก่ทั้งสองก็ทำให้หัวใจผมมันห่อเหี่ยว ไม่อยากไปจากที่นี่เลยแต่ด้วยความจำเป็นชีวิตมันต้องเดินหน้าต่อไป เรายิ้มให้กันทั้งน้ำตา ก่อนผมจะยกมือไหว้คุณนายวิมลและป้าสร้อยตามลำดับ โผเข้าไปสวมกอดท่านทั้งสองเป็นปราการสุดท้ายก่อนจะเอ่ยคำลา “ผมต้องไปแล้วนะครับคุณแม่ ป้าสร้อย ผมจะไม่มีวันลืมที่นี่เลย ฮึก...” พูดไปก็ใช้มือปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มไปด้วย “ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว แต่ฉันก็ยังรักเธอเห
บทที่ 15อุบัติเหตุ “ลูกใคร? หลานใคร? เธอมีอะไรปกปิดฉันกันแน่!” “คือ...ไอ้หมูตอนไง ลูกผมแล้วก็เป็นหลานคุณแม่ด้วย ท่านเอ็นดูหมูตอนมาก” “คุณแม่ไม่เคยไปที่บ้านเธอ แล้วจะรู้จักหมูตอนได้ยังไง” “ก็ผมเอารูปถ่ายให้ดูไง ท่านเห็นแล้วเกิดเอ็นดูมันขึ้นมา เลยบอกให้ผมดูแลมันให้ดี” เขาทำหน้าเหมือนไม่เชื่อสิ่งที่ผมเอ่ย สายตาคมคู่นั้นยังคงจ้องมองมาคล้ายกำลังจับผิด ผมจึงจ้องหน้าเขาทำตาใสแป๋ว สื่อให้รู้ว่าผมพูดความจริงและไม่มีเรื่องใดแอบแฝง เมื่อเขาไม่ได้ว่าอะไรต่อผมก็นึกขึ้นได้ ว่าตอนนี้ควรจะเก็บโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูว่ามันยังใช้งานได้ไหม 
บทที่ 16พายุลูกใหม่ ไม่รู้ว่าผมหลับไปนานแค่ไหน หากทว่าลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ยินเสียงผู้คนร่ำไห้สะอึกสะอื้น เปลือกตาค่อย ๆ ขยับขึ้น จนมองเห็นเพดานห้องที่ไม่คุ้นตา เอียงหน้าไปมองยังต้นเสียงก็เห็นคุณนายวิมลและป้าสร้อย รวมถึงแม่และน้องชายของผมต่างก็กำลังร้องไห้อยู่ “ทุกคนร้องไห้ทำไมครับ” “บิวตื่นแล้วเหรอลูก ฮึก...” “แม่ร้องไห้ทำไมครับ” “จะไม่ร้องได้ยังไงในเมื่อแกแท้งลูกแล้ว หลานฉันไม่อยู่แล้ว ฮือ...” ได้ยินอย่างนั้นผมก็เบิกตาด้วยความตกใจ ส่งมือมาวางที่หน้าท้องพร้อมกับจ้องมอง น้ำใส ๆ ใ
บทที่ 30อวสาน สี่ปีผ่านไป... เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมาล้วนแต่เป็นประสบการณ์ชีวิต อาจจะมีทั้งดีและร้ายปะปนกันไป ซึ่งได้สั่งสอนให้เราเรียนรู้และสามารถดำเนินชีวิตอย่างมีสติ หากทว่าในบางช่วงเวลาชีวิตของคนเรามักดิ่งลงเหวจนมิอาจปีนป่ายขึ้นมาได้ ต้องทนทุกข์เพราะความคิดด้านมืดของตัวเอง เหมือนเช่นที่ซอนย่าต้องกลายเป็นนางเอกตกอับ ต้องถูกจำคุกในข้อหาจ้างวานฆ่า รับผลกรรมในเรือนจำพร้อมกับคุณคณิน สี่ปีให้หลังชีวิตของผมวุ่นวายมากเพราะบัตเตอร์เติบโตและเข้าเรียนชั้นอนุบาลแล้ว เด็กคนนี้ทั้งดื้อทั้งซน ผิดแปลกจากเมื่อตอนเป็นทารกซึ่งเลี้ยงง่ายมาก แต่ความดื้อความซนกลับทำให้คนเป็นพ่อชอบใจนักแล พาลูกเล่นอะไรที่มันโลดโผน ชอบใช้กำลัง ผมกลัวเหลือเกินว่าโตขึ้นมาจะเป็นนักเลงหัวไม้ ต่อยตีกับคนอื่นไปทั่ว เชื่อแล้วว่าล
บทที่ 29กระต่ายน้อย วันเวลาผันผ่านมาจนถึงหกเดือนแล้ว ชีวิตผมเริ่มเข้าร่องเข้ารอย ส่วนคุณนาธานยังคงเป็นหัวหน้าสมาคมอีธาร์เช่นเคย แต่เขาน่าเกรงขามและมีความโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเดิมเสียอีก นั่นเพราะหลังจากได้เปิดตัวผมแล้วมีสมาชิกกลุ่มหนึ่งต่อต้านในความรักของเรา คิดว่าเขาไม่เหมาะจะเป็นหัวหน้าสมาคม การเป็นคนที่น่ากลัวกว่าเดิมมีส่วนทำให้อำนาจที่อยู่ในมือแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ไม่มีคนกล้าต่อต้านเขาแม้แต่น้อย ใช่ว่าผมจะชอบให้เขาเป็นแบบนี้ อยากให้คุณนาธานมีชีวิตที่ผ่อนคลายบ้าง เขาต้องแบกรับทุกอย่างมาโดยตลอด เมื่อกลับมาที่บ้านผมจึงอยากทำให้เขามีความสุขที่สุด ไม่ต้องตีสีหน้าเคร่งขรึมตลอดเวลา บางวันอารมณ์เสียมาจากที่ทำงาน เป็นหน้าที่ของผมต้องทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ตาหนูก็โตวันโตคืน โชคดีที่แกเป็นเด็กร่าเริง เลี้ยงง่าย เป็นข
บทที่ 28ไม่บ่นสักคำ “โห่ ฮี่โห่ ฮี่โห่ ฮี่โห่ ฮี่โหยยย ฮิ้ววว” หลังจากเสียงนำขบวนจบลงแล้วก็มีเสียงกลองยาวดังขึ้นทันที วันนี้คฤหาสน์แอนเดสันครึกครื้นเป็นพิเศษ ผมกับแม่อยู่ที่ระเบียงกำลังยืนชมขบวนแห่ขันหมากซึ่งตั้งขบวนอยู่หน้ารั้วบ้าน กำลังเคลื่อนเข้ามาอย่างช้า ๆ โดยมีคุณนายวิมลและป้าสร้อยเดินเคียงข้างเจ้าบ่าวเข้ามา วันนี้คุณนาธานสวมใส่ชุดเจ้าบ่าวซึ่งเป็นชุดไทยประยุกต์ ดูหล่อและมีเสน่ห์มาก เห็นแล้วรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจังที่กำลังจะได้แต่งงานกับเขา ถึงจะมีเวลาเตรียมงานแค่ไม่กี่วันแต่ทุกอย่างออกมาเป็นที่น่าพอใจมาก ลืมบอกไปว่าวันนี้คุณอั๋นรับหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ส่วนคุณกายเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วย “หมดทุกข์หมดโศกสักทีนะไอ้บิว จากนี้ฉ
บทที่ 27ห้ามใจอ่อนกับใครอีก “คุณนาธาน! คุณยังไม่ตาย ฮึก...” “นาธานลูกแม่ ฮือ...แม่ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม” ผมกับคุณนายวิมลต่างก็เอ่ยด้วยความดีใจ รอยยิ้มและน้ำตาปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน ไม่เคยมีเรื่องใดทำให้ผมรู้สึกยินดีมากเท่านี้มาก่อน ตอนนี้เป็นอิสระจากบอดี้การ์ดพวกนั้นแล้วเพราะกลัวคุณนาธานจะส่งลูกตะกั่วมาเอาชีวิต ผมรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดเขาด้วยความดีใจ “คนใจร้าย ทำเอาผมแทบจะเป็นบ้าเลยรู้ไหม ฮือ...” “ไม่เอาไม่ร้อง ฉันกลับมาแล้ว” มือหนึ่งของเขายังคงถือปืนสั้น ส่วนอีกมือโอบกอดผมเอาไว้ ลูบเบา ๆ ที่กลางแผ่นหลัง&
บทที่ 26เมียข้าใครอย่าแตะ ข่าวร้ายในวันนั้นสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้พวกเราเป็นอย่างยิ่ง ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าศพที่ถูกไฟคลอกอยู่ในรถคือคุณนาธานจริง ๆ วันที่รู้ข่าวคุณนายวิมลเป็นลมล้มพับจนต้องหามส่งโรงพยาบาล ส่วนผมนั่งรถไปยังโรงพยาบาลใกล้กับที่เกิดเหตุ กู้ภัยส่งร่างของเขาไปชันสูตรที่นั่น แม้ร้องไห้เสียใจจนไม่มีกะจิตกะใจทำสิ่งใด แต่ผมก็ฝืนตัวเองไปให้เห็นกับตาว่าเป็นเขาจริง ๆ ผมขอร้องคุณหมอตรวจดีเอ็นเอเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นเขาจริง แต่เมื่อได้รับของจากเจ้าหน้าที่ซึ่งเก็บมาได้จากจุดเกิดเหตุก็ทำให้ต้องล้มเลิกความคิด มันคือของใช้ส่วนตัวของเขา ไม่ว่าจะเป็นแหวน สร้อย นาฬิกา ของพวกนี้เขาไม่เคยถอดไว้ที่ไหนเลย ไม่มีอะไรจะต้องสงสัยอีกต่อไปแล้ว ยืนทำใจอยู่นานกว่าจะกล้าส่งมือไปเปิดผ้าคลุมศพ เพียงได้เห็นน้ำตามันก็ไหลหลั่ง ผมรีบปิดมันเพราะสภาพศพดูไม่ได้เลยจริง ๆ ภาพนี้คงติดตาผมไปจนวันตาย
บทที่ 25ข่าวร้าย หัวใจของผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อรู้ว่าตาหนูหายตัวไป เราทั้งหมดรีบเดินเข้าไปยังห้องนอนของผม อู่เปลว่างเปล่าไร้เงาของเด็กทารกซึ่งนอนหลับอยู่ เป็นความชะล่าใจของพวกเราเพราะคิดว่าภายในบ้านคงไม่มีใครกล้า แม่กับป้าสร้อยกินข้าวอยู่ในห้องครัว ผมกับคุณนายวิมลสนทนากันอยู่ในห้องนั่งเล่น ใครกันที่กล้าบังอาจลักพาตัวลูกชายผมไป “ตาหนูลูกแม่ ฮือ...” “ตาหนูหลานย่า ใครกันที่มันบังอาจเข้ามาลักพาตัวหลานฉันถึงในนี้!” คุณนายวิมลตะโกนดังก้องไปทั่วทั้งบ้านด้วยความโกรธขั้นสุด ผมทรุดตัวลงนั่งด้วยความเสียใจ เป็นห่วงลูกชายว่าจะโดนคนพวกนั้นทำอะไรบ้าง เมื่อนึกขึ้นได้ว
บทที่ 24กลับมา เมื่อรู้ว่ามีกองทัพนักข่าวบุกเข้ามาถึงถิ่นผมก็เกิดความกังวลใจ ใครก็รู้ว่านักข่าวน่ากลัวกว่าฝูงซอมบี้เสียอีก พวกเขาต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ข่าวไปขาย คนทั้งประเทศกำลังจับตามองคุณนาธาน ต่างก็ส่งเสียงสาปแช่งเพราะไปทำให้นางเอกขวัญใจของพวกเขาเจ็บช้ำน้ำใจ มีหรือที่ผมจะรอดไปได้ อยู่ที่น่านก็เกรงว่าจะได้รับอันตราย มาที่นี่ก็ต้องเจอกับกองทัพนักข่าวอีก ไม่มีทางเลือกอื่นให้สบายใจบ้างเลย “เราจะทำยังไงดีครับคุณแม่” “ไม่ต้องทำอะไร ยังไงก็เข้ามาไม่ได้หรอก ฉันจะสั่งเพิ่มกำลังคนให้เข้มงวดมากขึ้น ไม่ต้องเป็นห่วง” “ครับคุณแม่” “เธอเองก็พักผ่อนเถอะ จะได้มีแรงเล
บทที่ 23บุกรุกบ้าน ภาพข่าวถูกปิดด้วยฝีมือของคุณนายวิมล ผมยังคงอึ้งกับภาพที่เห็น คิดไปต่าง ๆ นานาว่าหลังจากนี้จะไปต่ออย่างไร จะตัดสินใจอย่างไร ตอนนี้เรื่องมันกระจ่างแล้วว่าเขาไม่ได้คิดจะแต่งงานกับซอนย่าเพราะความรักเหมือนก่อนหน้า แต่คลิปที่ผมเห็นวันนั้นล่ะ ผมยังไม่อยากเชื่อใจเขาเต็มร้อยเพราะกลัวว่าจะโดนหลอกซ้ำอีก เรื่องที่คาราคาซังระหว่างผมกับเขาอาจจะคลี่คลายลงบ้าง แต่ปัญหาจากการหักหน้าซอนย่าในงานแต่งกำลังจะถาโถมเข้ามา เขาประกาศว่ามีลูกมีเมียแล้ว เชื่อว่าหลังจากนี้นักข่าวจะต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตผมกับเขาเป็นแน่ “รู้ความจริงแล้วเธอคิดยังไงบ้าง” คุณนายวิมลถาม “ผม...ยังไม่อยากตัดสินใจอะไรตอนนี้ครับ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมยังค้า
บทที่ 22สิ้นคำสาป จังหวะที่ผมนั่งลงบนพื้นป้าสร้อยรีบวิ่งเข้ามาช่วยพยุงเอาไว้ หลังจากนั้นคนขับรถก็ตามมาติด ๆ เขาสวมหมวกแก็ป สวมแมส ใส่แว่นกันแดด จึงไม่รู้ว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ดูท่าทางเป็นห่วงผมมาก “รีบพาขึ้นรถเร็วค่ะ ป้าจะเข้าไปเรียกคุณนายก่อน” ป้าสร้อยเอ่ยกับคนขับรถ จากนั้นเขาก็อุ้มผมขึ้นไปบนรถตู้ ไม่ยอมพูดยอมจาแม้แต่สักคำ ผมนอนร้องโอดโอยอยู่บนเบาะรถ ส่วนคนขับก็รีบมานั่งประจำที่ สตาร์ทเครื่องรอทุกคน “โอ้ย ทำไมปวดอย่างนี้นะ จะทนไม่ไหวแล้ว” “ไอ้บิว! แกเป็นยังไงบ้าง” “ผมปวดท้องอ่ะแ