บทที่ 4
แค่ครั้งเดียว
นึกถึงเหตุการ์เมื่อคืนนี้ผมยังคงขนลุกไม่หาย คุณนายให้ผมดื่มน้ำแกงอะไรสักอย่างในถ้วยกระเบื้องสีขาว รสชาติขมมาก แทบอยากจะอ้วกออกมา แต่โดนสั่งห้ามเอาไว้จึงต้องกลืนมันลงไปจนเกลี้ยง แค่นั้นยังไม่พอบังคับให้นั่งอยู่ในวงล้อมสายสิญจน์เพื่อฟังบทสวดประหลาดจากท่านจนจบ ปิดท้ายด้วยการใช้มือตบเบา ๆ ที่หน้าท้องสามครั้งอีกด้วย เสร็จพิธีก็ถูกไล่ให้กลับห้องนอนโดยไม่พูดหรืออธิบายอะไรให้ฟังเลย
ความวัวไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก วันนี้คุณนายวิมลโทรเรียกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนให้กลับมาที่บ้านโดยด่วนให้เหตุผลว่าผมไม่สบาย โทรแล้วโทรอีกจนเขารำคาญกระมังเลยต้องกลับมาที่คฤหาสน์ ออฟฟิศกับบ้านเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ถ้าถามผมว่าไกลไหมตอบว่าไม่ แต่เหตุผลที่เขาไม่ยอมกลับมานอนค้างที่บ้านคงเป็นเพราะต้องการอยู่กับแฟนสาวอย่างสบายใจกระมัง
แฟนของคุณนาธานก็คือซอนย่านั่นล่ะครับ เธอเป็นนางเอกซูเปอร์สตาร์ มีชื่อเสียงระดับประเทศ สวยและมีความสามารถ ในทีวีดูเป็นผู้หญิงเรียบร้อยอ่อนหวานแต่ในชีวิตจริงผิดจากหน้ามือเป็นหลังมือ นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณนายวิมลไม่ชอบขี้หน้า ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าคุณนาธานพาเธอมาบ้านครั้งหนึ่ง กิริยาวาจาและท่าทางดูเป็นผู้ดีแต่คุณนายวิมลรู้ว่านั่นคือการเล่นละคร ท่านจึงไม่ชอบขี้หน้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน หลังจากนั้นได้สั่งว่าห้ามเอาผู้หญิงคนนี้มาเป็นสะใภ้เด็ดขาด
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“คุณบิวคะ คุณผู้หญิงให้มาเรียนว่าตอนนี้คุณนาธานมาถึงแล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับพี่ปิ๋ว”
ผมต้องรีบเอากระเป๋าน้ำร้อนมาประคบตามลำตัวและใบหน้าเผื่อเวลาที่เขามาสัมผัสจะได้รู้ว่าผมมีไข้จริง นั่นคือแผนการของคุณนายวิมลที่สั่งเอาไว้ ผมรู้แล้วว่าคุณนาธานได้นิสัยกะล่อนอย่างนี้มาจากใครคงไม่ต้องเดาให้เสียเวลา
ไม่นานประตูก็ถูกเปิด ได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ผมหรี่ตามองก็เห็นคุณนายวิมลเดินมาพร้อมกับลูกชาย มีพี่ปิ๋วยกชามน้ำมาด้วยอีกต่างหาก จึงรีบปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นอนอยู่บนเตียงในสภาพอิดโรย
“ทำไมไม่พาไปโรงพยาบาลครับ หรือไม่ก็เรียกหมอมาตรวจก็ได้ ทำไมคุณแม่จะต้องให้ผมมาด้วย” เสียงบ่นดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
“เป็นผัวก็ต้องดูแลเมียตัวเองสิ หมอกี่คนก็ไม่หายหรอกถ้าไม่ได้กำลังใจจากคนรัก แกรีบเช็ดตัวให้น้องเลย นอนซมอยู่นานสองนาน กินยาแล้วตัวก็ยังไม่หายร้อน”
“ให้ปิ๋วทำเถอะครับ ผมทำไม่เป็นหรอก ไม่เคยดูแลใครอย่างนี้มาก่อน”
“ใครบอก เมื่อตอนที่แม่ไม่สบายแกก็ยังช่วยเช็ดตัวให้เลย นั่งลงแล้วเช็ดตัวให้น้องเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นแม่จะไม่ยอมให้แกกลับไปเด็ดขาด”
เขาเงียบไปครู่หนึ่งไม่รู้ทำสีหน้าอย่างไรก่อนจะส่งเสียงอีกครั้ง “ก็ได้ครับ งั้นทุกคนออกไปก่อนละกัน”
“แม่จะอยู่ตรงนี้ ดูว่าแกจะดูแลเมียได้ไหม”
“โธ่คุณแม่ครับ”
“เดี๋ยวนี้!”
ในที่สุดคุณนายวิมลก็เอาชนะจนได้ ผมยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียง รู้สึกได้ว่าตอนนี้มีใครบางคนกำลังสัมผัสที่หน้าผาก ก่อนจะได้รับความเย็นจากผ้าผืนเล็ก ๆ ที่กำลังถูไถไปตามแขน ผู้ชายบ้าอะไรจะมือหนักขนาดนี้ ไม่คิดจะถนอมผมเลยหรือยังไงกัน
“ตรงซอกคอด้วย เช็ดแต่แขนไข้จะไปลดได้ยังไงกัน”
“แต่”
“ไม่มีแต่”
ผมเองก็อยากจะส่งเสียงห้ามแต่ไม่กล้าขัดใจคุณนายวิมล หัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อตอนนี้เขากำลังเช็ดตามลำคอให้ วนเวียนอยู่บริเวณนั้นก่อนจะลงมาเรื่อย ๆ จนเกือบจะถึงเนินอก มือที่วางอยู่ใต้ผ้าห่มกำแน่นจนเกร็งไปหมด ในขณะนั้นคุณนายวิมลก็สั่งให้เช็ดลึกเข้ามาเรื่อย ๆ จนเกือบจะถึงยอดอกผมแล้ว ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่ ผมเสียหายนะรู้ไหม
“เอาล่ะแม่พอใจแล้ว แกเฝ้าเมียอยู่ในนี้ห้ามออกไปจนกว่าไข้จะลด หนูบิวคงจะนอนหลับอีกนานเลยล่ะ” ประโยคหลังเหมือนสั่งให้ผมนอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงทางอ้อม คุณนายคิดจะทำอะไรกันแน่
หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงปิดประตูห้อง ภายในนี้จึงมีเพียงแต่ความเงียบงัน ไม่รู้ว่าคุณนาธานกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน จะยังคงนั่งอยู่ข้างเตียงไหมนะ
“ไอ้บื้อเอ๊ย หาความซวยมาให้ฉันจนได้ แทนที่จะได้มีเวลาอยู่กับซอนย่า”
เสียงนั้นดังอยู่ข้างเตียงจริง ๆ ด้วย ผมจึงต้องหลับตาอยู่อย่างนั้นรอให้เขาเงียบไปพักใหญ่ กำลังจะเปิดเปลือกตาขึ้นจู่ ๆ ก็มีร่างของใครบางคนทิ้งตัวลงมานอนข้างกัน ทำให้ต้องนอนนิ่งอยู่ท่าเดิม จู่ ๆ ก็รู้สึกได้ว่ามีมือใหญ่วางพาดบนตัว รู้สึกได้ว่าเขาขยับตัวเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่กำลังเป่ารดพวงแก้ม ไม่นะ! เขากำลังคิดจะทำอะไรผมกันแน่
“หน้าตาจืดชืดแต่หุ่นดีใช้ได้เลยทีเดียว ผิวก็เนียนอย่างกับผู้หญิง”
ตอนนี้แทบไม่ต้องใช้กระเป๋าน้ำร้อนเพราะใบหน้ามันร้อนผ่าวเองโดยอัตโนมัติ เขากำลังอ่านกินผมอยู่แน่ ๆ กำลังใช้สายตาโลมเลียผมอยู่แน่ ๆ แล้วจะทำอย่างไรดี จู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าต้องนอนละเมอ!
เพี๊ยะ!
“โอ๊ย! ไอ้บ้าเอ๊ย! เจ็บชะมัด”
ผมตัดสินใจฟาดมือไปมั่วแต่บังเอิญมันประทับลงที่แก้มเขาอย่างจังจนต้องแอบขำในใจ ทำไมซื้อหวยไม่แม่นอย่างนี้นะ แถมยังดันใบหน้าเขาให้ออกห่างอีกด้วย
“ออกไปเลย คนไม่ดี คนนิสัยเสีย อย่าเข้ามาใกล้”
“เป็นบ้าไปแล้วเหรอ ฉันไม่น่ากลับมาเลยจริง ๆ จ้างมาเป็นภาระซะเปล่า”
เขาบ่นพลางจับข้อมือผมไว้ก่อนพลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่าง ด้วยความตกใจจึงลืมตาขึ้นมา เห็นใบหน้าของคุณนาธานอยู่ใกล้แค่เอื้อม เขากำลังจ้องมองอย่างจับผิดจนผมทำหน้าไม่ถูก
“คะ...คุณจะทำอะไร”
“ตื่นแล้วเหรอ เล่นละครเก่งจังเลยนะเธอ...แต่ไม่เนียน”
เขาเอ่ยพลางมองไปยังกระเป๋าน้ำร้อนที่วางอยู่บนเตียง ผมไม่นึกว่าเขาจะขึ้นมานอนบนนี้จึงไม่ได้เก็บไว้ใหดี แล้วทีนี้จะทำอย่างไรจะบอกความจริงเรื่องคุณนายวิมลก็ไม่ได้ด้วยสิ
“คือ...ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่ได้ตั้งใจแต่ทำให้ฉันเสียเวลา แกล้งทำเป็นไม่สบายเพื่ออะไรกัน แถมยังละเมอตบหน้าฉันอีก”
“คือ...ผมแค่รู้สึกเบื่อ ๆ เลยอยากให้คุณพาออกไปข้างนอกบ้างก็เท่านั้น อยู่แต่ในนี้มันอึดอัด”
“แล้วทำไมไม่โทรหาฉันเอง”
“มันเป็นแผนของผม ถ้าไม่ทำอย่างนี้ก็ไม่รู้น่ะสิว่าคุณแม่เอ็นดูผมจริงไหม เห็นไหมว่าท่านเป็นห่วงผมจริง ๆ ถึงขนาดโทรตามคุณมาที่นี่ อย่างนี้แล้วคุณก็หายห่วงอยู่กับแฟนคุณอย่างสบายใจได้เลย” ในที่สุดผมก็หาทางออกให้ตัวเองจนได้ และดูเหมือนว่าเขาจะคล้อยตามด้วย
“ไม่นึกว่าเธอจะฉลาดกับเขาบ้างเหมือนกัน สงสัยต้องมองเธอใหม่ซะแล้วล่ะ”
เขายกยิ้มมุมปากพลางส่งสายตาแปลก ๆ มายังผม เห็นอย่างนั้นหัวใจมันก็เต้นแรงขึ้น เขาเลื่อนสายตาลงมายังริมฝีปากของผมจึงรีบเม้มเอาไว้ โลมเลียอย่างนี้อย่าบอกนะว่าคิดจะทำมิดีมิร้ายกัน มันไม่อยู่ในข้อตกลงของเราสักหน่อย
“คุณกลับไปได้แล้ว บอกคุณแม่ว่าผมหายแล้ว”
“...”
เขายังไม่ยอมตอบ ส่งสายตาโลมเลียมาอย่างน่าหวาดกลัว แถมยังกลืนน้ำลายลงคออีกด้วย ผมจึงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ตัวเองลงจากเตียงนี้โดยเร็ว
“คุณคิดจะทำอะไร อย่าเชียวนะ”
“มองใกล้ ๆ เธอก็น่ารักใช่ย่อยนะ”
“บ้า! ผมไม่ได้น่ารักเล้ยยย ผมขี้เหร่จะตาย” พูดเสียงสูงแล้วเอียงหน้าหนีไม่ยอมให้เขาจ้องหน้า แต่ดูเหมือนว่าใบหน้าของผู้ชายคนนี้กลับเคลื่อนลงมาใกล้ยิ่งขึ้นจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ปะทะผิวแก้ม
จู่ ๆ ผมก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ความร้อนรุ่มปะทุออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำไมถึงรู้สึกเกิดความต้องการขึ้นมา อยากให้เขาสัมผัสเรือนกายของตัวเอง อยากกอด อยากจูบ อยากทำอะไรเหมือนที่คนรักพึงกระทำ ดูท่าทางเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน พยายามคลอเคลียตามพวงแก้ม ก่อนจะฉกฉวยริมฝีปากอย่างไม่ทันตั้งตัว รสจุมพิตอันแสนหนักหน่วงได้เริ่มต้นขึ้น เพียงแค่จูบกลับระบายความกำหนัดได้เป็นอย่างดี หากเกินเลยไปกว่านี้ผมคงรู้สึกโล่งมากขึ้น อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดเพราะในวินาทีนี้ผมมิอาจฝืนทนความต้องการได้แล้ว
“ฉันต้องการเธอ ฉัน...ห้ามตัวเองไม่ไหวแล้ว”
“ก่อนอะไรมันจะสายเกินไปคุณรีบออกไปจากห้องเถอะนะ รีบออกไปเดี๋ยวนี้!” ยังมีอีกหนึ่งความคิดที่จะหาทางออกให้ตนเอง รักษาพรหมจรรย์เอาไว้ อาการแบบนี้ผมไม่แน่ใจว่าเกิดจากการวางยาปลุกเซ็กซ์หรือไม่ เพราะไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน แต่เมื่อนึกย้อนกลับไปก่อนหน้านี้คุณนายวิมลสั่งให้พี่ปิ๋วนำน้ำส้มคั้นมาให้นี่นา ไม่นะ!
“ไม่! ฉันจะทำมันต่อ”
เขาพยายามจะจูบแต่ผมดันใบหน้าเอาไว้ ผลักร่างหนาจนพ้นตัวก่อนลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู หากทว่ามันกลับถูกล็อกจากด้านนอกเสียอย่างนั้น นั่นทำให้มั่นใจว่าทุกอย่างมันคือแผนการของคุณนายวิมล หันกลับมาอีกครั้งก็ถูกคุณนาธานกระชากตัวเข้าไปไว้ในอ้อมกอด ส่งริมฝีปากเข้ามาประทับจุมพิตอย่างบ้าคลั่ง มือใหญ่สาละวนอยู่กับการปลดเปลื้องเสื้อผ้าของผม แม้จะจับมือห้ามไว้แต่มิอาจต่อต้านความกำหนัดที่อยู่ในกาย ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ
“อื้อ...คุณนาธาน อ๊า”
“แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ฉันจะไม่ทำมันอีก ครั้งเดียวจริง ๆ” เขาพร่ำบอกข้างใบหูขณะใช้มือใหญ่ลูบไล้แผงอกอย่างเสน่หา
“เราเป็นผู้ชายด้วยกันนะ มันไม่ควรจะเกิดขึ้น”
“ตอนนี้ฉันไม่สนอะไรทั้งนั้น ฉันจะชดใช้ให้ คุณแม่ต้องการให้มันเป็นอย่างนี้เราต้องเล่นมันให้สมบทบาท”
กล่าวแล้วเขาก็อุ้มผมขึ้นมาวางบนเตียงแล้วตามขึ้นมาคร่อมร่างไว้ ตรึงข้อมือไว้เหนือศีรษะ ส่งใบหน้าลงมาซุกไซ้ที่ซอกคออย่างดุดัน ด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่คละเคล้าความหวามไหวทำให้ผมตอบรับความดุดันนั้นอย่างสมยอม เมื่อรู้ว่าผมมีอารมณ์ร่วมแล้วก็ยอมปล่อยข้อมือให้เป็นอิสระ แทนที่จะตบตีหรือผลักตัวเขาออกหากทว่าผมกอดต้นคอหนาไว้อย่างแน่นหนา ในขณะที่ริมฝีปากถูกประกบจูบอย่างดูดดื่มไม่หยุดหย่อน
เขาเลื่อนตัวลงมาอย่างช้า ๆ ผ่านเนินอกและหน้าท้องอันแบนราบ ในตอนนั้นผมรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร จึงบีบขาทั้งสองเข้ามาด้วยสัญชาตญาณ หากทว่าเขาทำหน้าดุให้แล้วแยกมันออกอีกครั้ง ส่งมือเข้ามาทักทายเจ้าบิวน้อยที่ไม่เคยมีคนได้สัมผัส ผมจำต้องขบริมฝีปากล่างเพื่อไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกไป นั่นเพราะเขาใช้ปากกับส่วนนั้นจนร่างสั่นเทิ้ม กระตุกทุกครั้งที่ใช้ลิ้นละเลงส่วนหัว รู้สึกดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเก่งเรื่องอย่างว่าจนทำให้คนที่ไม่เคยอย่างผมเกิดความประทับใจ จากนั้นเขาก็พลิกตัวขึ้นมาให้ผมทำเช่นนั้นบ้าง แม้จะไม่เคยแต่เขาก็สอนจนผมเริ่มทำได้และคุ้นชินกับมันเป็นอย่างดี
“ถะ...ถุงยางล่ะ”
“ไม่มี ปกติก็ไม่เคยใส่”
“ถ้าอย่างนั้นก็หยุด ผมไม่เชื่อใจคุณ”
“ฉันไม่มั่ว ไม่มีโรคแน่”
“ยังไงผมก็ไม่ไว้ใจ”
“หลั่งข้างนอกก็ได้”
“ไม่ได้!”
ถึงจะเกิดอารมณ์มากแค่ไหนก็ยังมีสติมากพอ ผมพยายามใช้ขาดันเขาให้ลงจากเตียงไป ทว่ามาเฟียหนุ่มหล่อกลับโถมตัวเข้ามาโอบกอดไว้ ส่งสายตามายั่วยวนชวนสยิวกิ้ว เคลื่อนใบหน้าเข้ามาคลอเคลีย ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังอย่างเสน่หา คิดจะหว่านล้อมผมหรือไงนะ
“ฉันปลอดภัยแน่ แค่ครั้งเดียวไม่เป็นอะไรหรอกน่า” โทนเสียงอันทรงเสน่ห์นี้ทำให้ผมเคลิ้มตามได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
“ก็ได้ แต่คุณสัญญาแล้วนะ”
“ฉันสัญญา”
เมื่อได้รับอนุญาตแล้วเขาก็เริ่มบรรเลงบทเพลงรักอย่างไว นับเป็นครั้งแรกที่ผมมีอะไรกับผู้ชาย วินาทีที่เขาเอามันเข้ามาเจ็บปวดเหมือนร่างจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ จนต้องขอร้องให้เขาเอามันออกไป คุณนาธานยอมทำตามแต่ก็พยายามดันมันเข้ามาอีกครั้งจนสำเร็จ เขาเล้าโลมช่วยเพื่อให้ผมผ่อนคลาย เมื่อเราเชื่อมต่อกันแล้วเขาก็เริ่มขยับสะโพก
“อะ...อื้อ...เจ็บ!”
“เดี๋ยวก็หายเจ็บแล้ว เชื่อฉัน”
โทนเสียงอบอุ่นและแววตาหวานซึ้งขับกล่อมให้ผมพยักหน้ารับ ยอมอดทนเพื่อให้พายุแห่งความเสน่หานี้จบลงไป ไม่นานความเจ็บปวดก็ทุเลาลง มีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่ เสียวซ่าน สนุก ตื่นเต้น เร้าใจ เขาพาผมโลดแล่นท่ามกลางพายุเสน่หาจวบจนจะถึงฝั่งฝัน ในวินาทีนั้นผมทำได้เพียงนอนส่งเสียงร้องครวญครางเพื่อระบายความกำหนัด โดยลืมไปว่าเขาจะต้องหลั่งข้างนอก เราทั้งสองส่งเสียงแข่งกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เหงื่อกาฬไหลหลั่งออกมาจนเปียกชุ่มไปทั้งตัว เขาเร่งจังหวะสะโพกเร็วและแรงขึ้นจนในที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทางพร้อมกัน
“แฮ่ก ๆ เสียวไหม”
“อื้อ...”
ผมตอบได้เพียงเท่านั้นเพราะยังคงรู้สึกเหนื่อย ร่างหนายังคงทับทาบบนตัวผม เขายังคงคลอเคลียที่ซอกคอ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าเขาได้หลั่งข้างในไปแล้วความตกใจจึงบังเกิดขึ้น
“นี่คุณ! ไหนบอกจะหลั่งข้างนอก ลุกออกจากตัวผมเดี๋ยวนี้เลย คนไม่รักษาสัญญา”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ อารมณ์มันพาไป ครั้งเดียวเองน่า อีกอย่างฉันก็ไม่มีโรค กลัวแต่เธอนั่นล่ะ”
“ผมไม่เคยมีอะไรกับใครจะไปติดโรคมาจากไหนล่ะ คุณนั่นล่ะที่ไม่เคยใส่ถุงยางมีความเสี่ยงกว่าผมตั้งเยอะ” ด้วยความโมโหผมจึงฟาดมือไปที่แก้มเขาอย่างสุดแรง น้ำตาไหลพรากเพราะกลัวว่าตัวเองจะติดโรคจากเขา
“แล้วไง! เธอเองก็ชอบมัน เธอยอมเองช่วยไม่ได้”
“ฮึก...ออกไปเลย รีบกลับไปเลย ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ”
“นี่ห้องนอนฉัน” เขาส่งเสียงดุกลับมา
“ผมจะไปเอง”
กล่าวจบก็ลุกขึ้นจากเตียงเก็บเสื้อผ้าที่ทิ้งเกลื่อนขึ้นมาสวมใส่ กำลังจะวิ่งออกไปแต่นึกขึ้นได้ว่าประตูข้างนอกถูกล็อกเอาไว้ แล้วอย่างนี้จะออกไปได้อย่างไร
“ออกไปสิ” เขาทำลอยหน้าลอยตา นอนค้ำศีรษะอยู่บนเตียงอย่างสะใจที่เห็นผมจนมุม
“ถ้าผมติดโรคขึ้นมาผมเอาคุณตายแน่!”
“จริง ๆ แล้วเมื่อหลายวันก่อนฉันก็มีอาการแปลก ๆ นะ มีตุ่มขึ้นตามตัวด้วย กะว่าจะไปหาหมออยู่พอดี” เขายิ้มเจ้าเล่ห์
“อี๋! คุณมันน่ารังเกียจที่สุด ผมเกลียดคุณ!”
“เรื่องนี้ฉันไม่ได้ผิดมันเป็นแผนของคุณแม่ต่างหาก เอาเป็นว่าฉันจะให้ค่าแรงก้อนนึงก็แล้วกัน เราจะได้เลิกแล้วต่อกัน พรุ่งนี้ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าเธอติดโรคขึ้นมาฉันจะจ่ายค่ารักษาให้ทุกบาททุกสตางค์”
“ต่อให้เงินมากองเป็นสิบล้านก็แลกกับสิ่งที่ผมเสียไปไม่ได้หรอก! ถ้าติดโรคจากคุณขึ้นมาชีวิตผมเหมือนตกนรกทั้งเป็นตลอดชีวิตแน่ ๆ ฮือ...”
“ช่วยไม่ได้” ว่าแล้วเขาก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างสบายใจอยู่บนเตียง ผมรีบวิ่งแจ้นเข้าไปล้างเนื้อล้างตัว ล้างกลิ่นคาวของผู้ชายคนนั้นออกไปให้หมด แค่ครั้งเดียวหวังว่าผมคงไม่โชคร้ายถึงขนาดนั้นหรอกกระมัง
บทที่ 5สะใภ้ตัวจริง ช่วงเวลาที่สุดแสนจะกลัดกลุ้มได้ผ่านพ้นไปแล้ว เขากลับไปในช่วงค่ำของวันนั้น ส่วนผมนั่งร้องไห้อยู่ในห้องนานหลายชั่วโมงกว่าจะทำใจได้ สรุปว่าผมมาทำอะไรที่นี่ มาขายตัวหรือมาเป็นเมียหลอก ๆ หรือมาเป็นสะใภ้หลอก ๆ เริ่มไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน คุณนายวิมลให้คนมาเรียกลงไปที่ห้องรับแขก ผมจึงต้องรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หากทว่าดวงตายังคงแดงก่ำมิอาจปกปิดได้ ลงมาถึงแล้วก็เห็นท่านนั่งอ่านนิยายวายเรื่องโปรดรออยู่ก่อนแล้ว จึงยกมือไหว้แล้วนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าก้มตาไม่อยากให้ท่านมองเห็นร่องรอยของการร้องไห้มา “เป็นยังไงบ้าง” “ไม่เป็นไรครับคุณแม่” น้ำเสียงของผมสั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ว่าจะไม่ร้องแล้วนะแต่พอมีคนมาสะกิดความรู้สึกนั้นอีกทีก็ต้องอ่อนแออีกครั้ง “ฉันขอโทษที่ทำอย่างนั้นลงไป ฉันแค่อยากให้เธอกับนาธานผูกพันกัน ทุกอย่างมันจะได้ง่ายขึ้น” “คุณแม่ต้องการแค่นั้นเองเหรอครับ ไม่ห่วงความรู้สึกผมเลยเหรอครับ ผมขอโทษที่ต้องพูดตรง ๆ ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเสียตัวให้ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน ไม่เคยรักเลยด้วยซ้ำและไม่คิ
บทที่ 6ภารกิจใหม่ หลังจากถูกเขม่นด้วยสายตาจากนางเอกชื่อดังแล้ว ผมก็มองนางเปลี่ยนไปไม่คิดจะญาติดีด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาคิดอะไรมากเพราะต้องออกไปเดินแบบแล้ว แขกของงานวันนี้มีแต่พวกคุณหญิงคุณนายและไฮโซทั้งนั้น แน่นอนว่าคุณนายวิมลต้องบังคับให้ลูกชายมาด้วย ไม่สิ! หากจะบอกว่าบังคับก็คงไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะเขาเองก็คงอยากจะมาให้กำลังใจแฟนสาวด้วย รอบแรกของการเดินแบบผ่านไปด้วยดี การเดินของวันนี้จะเดินเป็นคู่ชายหญิง คู่ของผมเป็นนางแบบอาชีพที่มีสกิลการเดินค่อนข้างดีมาก ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจที่มีคู่เดินซึ่งมีประสบการณ์มาก่อน พวกเราเข้ามาเปลี่ยนชุดอย่างเร่งรีบ ทุกอย่างดูวุ่นวายไปเสียหมด ชุดที่สองสำหรับงานในวันนี้เป็นชุดผ้าไหมที่ออกแบบตัดเย็บให้ดูทันสมัย ทุกครั้งที่ผมเข้ามาเปลี่ยนชุดซอนย่าก็ออกไปเดินบนเวที โชคดีที่เราไม่ได้เดินพร้อมกันมิเช่นนั้นคงเกิดซีนขัดแข้งขัดขาเหมือนในละครเป็นแน่
บทที่ 7เป็นของเล่นก็พอได้ ในที่สุดผมก็ได้โบยบินออกจากกรงทองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้เดินทางมายังเชียงใหม่ตั้งแต่เช้า ถึงสนามบินก็มีรถจากทางรีสอร์ตมารอรับถึงที่ เดินทางจากตัวเมืองไม่ไกลนักก็มาถึงที่หมาย รีสอร์ตแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร ฉากหลังเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน บรรยากาศดีมาก วันนี้คึกคักเป็นพิเศษเพราะเปิดรีสอร์ตอย่างเป็นทางการ และเปิดต้อนรับนักเที่ยวเป็นวันแรกอีกด้วย ห้องพักที่ทางรีสอร์ตเตรียมไว้ให้เป็นบ้านน็อกดาวน์หลังเล็ก ๆ ติดกับลำธารน้ำไหล มีร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ทัศนียภาพของที่นี่ช่างงดงาม เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจจริง ๆ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่แล้วก็แต่งตัวหล่อ ๆ ออกไปร่วมแสดงความยินดีตามที่คุณนายวิมลได้วานมา เดินออกมาได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็เจอกับพนักงานสาวสวยซึ่งกำลังจะเดินมาหาผมพอดี เมื่อได้คุยกันนางบอกว่าทางคุณปัญจรีย์ให้มารับผมไปงานด้วยเกรงว่าจะห
บทที่ 8รู้สึกแปลกไป ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วผมก็ต้องเป็นคนดูแลคุณนาธานอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขายังคงลงน้ำหนักเท้าได้ไม่มาก แทนที่จะกลับกรุงเทพมหานครแต่สั่งให้พากลับมายังห้องพักห้องเดิม ส่วนผมไม่มีทางกลับเพราะตั้งใจจะมาเที่ยวทั้งทีต้องเที่ยวให้หนำใจ เขาเจ็บอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะตามไปแกล้งผม เมื่อรู้ข่าวคุณป้าปัญจรีย์ก็เข้ามาเยี่ยมถึงห้องพัก ท่านถามว่าจะกลับกรุงเทพฯเลยไหมจะได้เตรียมรถและตั๋วเครื่องบินให้หลานชาย แต่เมื่อคุณนาธานปฏิเสธและบอกว่าจะอยู่เที่ยวที่นี่สักพักก่อน ท่านจึงเปลี่ยนแผนสั่งให้คนนำรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งมาให้ เพื่อจะได้ขับไปเที่ยวได้ตามสบายใจ รถก็มีแล้วจะขาดก็แต่เงินเท่านั้น กระเป๋าสตางค์ก็ยังไม่ได้คืน ผมจึงคิดว่าจะต้องใช้วิธีสกปรกเพื่อเอาเงินมาจากคุณนาธาน รอช่วงที่เขาหล
บทที่ 1 เรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย “แม๊!!!!!!!!” เสียงโวยวายดังลั่นบ้านนั้นไม่ใช่เสียงใคร เป็นเสียงของผมเองครับ จู่ ๆ แม่ก็มาบอกว่าให้เก็บข้าวเก็บของเพราะวันพรุ่งนี้จะมีคนมารับไปทำงานด้วย ผมผู้ซึ่งนั่งโซ้ยมาม่าพร้อมกับหางานทำไปด้วยก็กรี๊ดลั่นบ้านเลยทีเดียว เพิ่งเรียนจบแท้ ๆ แต่แม๊!!! ดันหางานให้ผมซะแล้ว สวัสดีครับ ผมชื่อ ‘บิว’ พีรพล มนตรีอิสระ อายุยี่สิบสองปี เพิ่งเรียนจบด้านไอทีมาหมาด ๆ ตั้งใจว่าจะหางานทำตรงสายให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ออกไปจากบ้านหลังนี้เสียที เพราะเบื่อแม่ผีพนันเข้าสิงจนหางานให้ผมนี่ล่ะ งานดี ๆ จะไม่ว่าเลยแต่งานที่หามาให้นั่นคือเป็นเมียรับจ้างของมาเฟียเจ้าของบ่อนการพนันที่แม่ติดหนี้ไว้ แค่คิดก็ขนลุกขนพองสยองเกล้า! ชีวิตผมทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย! “แกจะโวยวายหาหอกอะไร! ฉันไม่ได้จะขายแกสักหน่อย แค่ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ แลกกับหนี้เท่านั้น” “เล็กน้อยงั้นเหรอแม่ เงินเป็นล้านแม่เล่นไปได้ยังไงกัน ชีวิตผมต้องหมดอิสรภาพก็เพราะแม่” “เอาน่า แค่ไม่กี่เดือนเองก็จะได้เป็นอิสระแล้ว อยู่ที่นั่
บทที่ 2สะใภ้คนใหม่ ในที่สุดผมก็ได้เข้ามาสู่รั้วคฤหาสน์หลังใหญ่ของคุณนาธานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ช่างใหญ่โตเสียนี่กระไร ถนนทางเข้าบ้านกว้างกว่าถนนเข้าซอยบ้านผมเสียอีก มีคนรับใช้มายืนต้อนรับหน้าบ้านจำนวนหลายคนอย่างกับในละคร เห็นอย่างนี้แล้วรู้สึกรวยขึ้นมาทันทีเลยล่ะ เมื่อรถจอดเทียบหน้าบ้านแล้วก็มีคนเปิดประตูรถให้เราทั้งคู่ ผมทำตัวไม่ถูกเมื่อจู่ ๆ ก็กลายมาเป็นเจ้าชายในชั่วข้ามคืน แม้ความเป็นจริงจะเป็นเจ้าชายกำมะลอก็ตามที แต่ดู ๆ ไปแล้วที่นี่ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดแฮะ “ยินดีต้อนรับคุณนาธานกลับบ้านครับ / ค่ะ” “ยินดีต้อนรับคุณบิวครับ / ค่ะ” “สวัสดีครับทุกคน” ผมยิ้มเขินพลางยกมือไหว้ทุกคนอย่างไม่คุ้นชิน หันไปมองหน้าคุณนาธานก็เห็นเพียงความเย็นชา เขาทำหน้าราวกับว่ารำคาญผมเต็มทนแล้ว คว้ามือลากผมให้เดินตามเข้าไปในบ้าน พยายามบิดข้อมือพลางส่งสายตาดุให้เขาแต่ไม่ได้ผลเลยสักนิด “ปล่อยผมนะคุณ” “เธออย่าทำตัวเงอะงะซื่อบื้อได้ไหม ทำตัวให้สมกับเป็นเมียมาเฟียอย่างฉันหน่อยสิ” “ก็ผมไม่ใช่เมียคุณจริง ๆ
บทที่ 3ไม่มีทางเลือก เช้าวันใหม่ของผมในรั้วคฤหาสน์แอนเดสันได้เริ่มต้นจากการได้ยินเสียงคนเปิดลิ้นชัก ดังกุกกักเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง หันไปมองก็เห็นคุณนาธานสวมใส่ชุดสูทอย่างเนี้ยบเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะตื่นเช้ากว่าผมเสียอีก “คุณจะไปแล้วเหรอ หาววว” ว่าแล้วก็อ้าปากหาวหวอด ส่งมือขึ้นเกาศีรษะแกร็ก ๆ หมดสภาพคนหน้าตาดีกันเลยทีเดียว “อยู่ที่นี่ตื่นให้มันเช้า ๆ หน่อย แม่ฉันเป็นคนเข้มงวด อย่าทำอะไรให้มันเดือดร้อนมาถึงฉันก็แล้วกัน อยากได้อะไรก็บอก จะสั่งคนส่งมาให้” กล่าวแล้วก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผมนั่งทำหน้ายุ่งอยู่คนเดียว แต่เมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้นผมก็ดีดตัวลุกขึ้นด้วยความเริงร่า เพราะนับจากนี้ห้องนี้จะเป็นของผมคนเดียวแล้ว หลังจากนั้นก็ไปอาบน้ำอย่างสบายใจ แต่งตัวให้เรียบร้อยที่สุดเพื่อเอาใจคุณนายวิมล เลือกในตู้ที่คุณนาธานซื้อมาไว้นั่นล่ะครับ เดินลงมาข้างล่างก็เห็นแม่บ้านสูงวัยกำลังตั้งโต๊ะ จึงเดินเข้าไปทักทายเผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง ป้าแม่บ้านคนนี้ชื่อ ‘ป้าแหวน’ ทำงานที่นี่มาตั้งแต่สมัยสาว ๆ จนกระทั่งต
บทที่ 8รู้สึกแปลกไป ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วผมก็ต้องเป็นคนดูแลคุณนาธานอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขายังคงลงน้ำหนักเท้าได้ไม่มาก แทนที่จะกลับกรุงเทพมหานครแต่สั่งให้พากลับมายังห้องพักห้องเดิม ส่วนผมไม่มีทางกลับเพราะตั้งใจจะมาเที่ยวทั้งทีต้องเที่ยวให้หนำใจ เขาเจ็บอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะตามไปแกล้งผม เมื่อรู้ข่าวคุณป้าปัญจรีย์ก็เข้ามาเยี่ยมถึงห้องพัก ท่านถามว่าจะกลับกรุงเทพฯเลยไหมจะได้เตรียมรถและตั๋วเครื่องบินให้หลานชาย แต่เมื่อคุณนาธานปฏิเสธและบอกว่าจะอยู่เที่ยวที่นี่สักพักก่อน ท่านจึงเปลี่ยนแผนสั่งให้คนนำรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งมาให้ เพื่อจะได้ขับไปเที่ยวได้ตามสบายใจ รถก็มีแล้วจะขาดก็แต่เงินเท่านั้น กระเป๋าสตางค์ก็ยังไม่ได้คืน ผมจึงคิดว่าจะต้องใช้วิธีสกปรกเพื่อเอาเงินมาจากคุณนาธาน รอช่วงที่เขาหล
บทที่ 7เป็นของเล่นก็พอได้ ในที่สุดผมก็ได้โบยบินออกจากกรงทองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้เดินทางมายังเชียงใหม่ตั้งแต่เช้า ถึงสนามบินก็มีรถจากทางรีสอร์ตมารอรับถึงที่ เดินทางจากตัวเมืองไม่ไกลนักก็มาถึงที่หมาย รีสอร์ตแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร ฉากหลังเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน บรรยากาศดีมาก วันนี้คึกคักเป็นพิเศษเพราะเปิดรีสอร์ตอย่างเป็นทางการ และเปิดต้อนรับนักเที่ยวเป็นวันแรกอีกด้วย ห้องพักที่ทางรีสอร์ตเตรียมไว้ให้เป็นบ้านน็อกดาวน์หลังเล็ก ๆ ติดกับลำธารน้ำไหล มีร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ทัศนียภาพของที่นี่ช่างงดงาม เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจจริง ๆ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่แล้วก็แต่งตัวหล่อ ๆ ออกไปร่วมแสดงความยินดีตามที่คุณนายวิมลได้วานมา เดินออกมาได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็เจอกับพนักงานสาวสวยซึ่งกำลังจะเดินมาหาผมพอดี เมื่อได้คุยกันนางบอกว่าทางคุณปัญจรีย์ให้มารับผมไปงานด้วยเกรงว่าจะห
บทที่ 6ภารกิจใหม่ หลังจากถูกเขม่นด้วยสายตาจากนางเอกชื่อดังแล้ว ผมก็มองนางเปลี่ยนไปไม่คิดจะญาติดีด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาคิดอะไรมากเพราะต้องออกไปเดินแบบแล้ว แขกของงานวันนี้มีแต่พวกคุณหญิงคุณนายและไฮโซทั้งนั้น แน่นอนว่าคุณนายวิมลต้องบังคับให้ลูกชายมาด้วย ไม่สิ! หากจะบอกว่าบังคับก็คงไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะเขาเองก็คงอยากจะมาให้กำลังใจแฟนสาวด้วย รอบแรกของการเดินแบบผ่านไปด้วยดี การเดินของวันนี้จะเดินเป็นคู่ชายหญิง คู่ของผมเป็นนางแบบอาชีพที่มีสกิลการเดินค่อนข้างดีมาก ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจที่มีคู่เดินซึ่งมีประสบการณ์มาก่อน พวกเราเข้ามาเปลี่ยนชุดอย่างเร่งรีบ ทุกอย่างดูวุ่นวายไปเสียหมด ชุดที่สองสำหรับงานในวันนี้เป็นชุดผ้าไหมที่ออกแบบตัดเย็บให้ดูทันสมัย ทุกครั้งที่ผมเข้ามาเปลี่ยนชุดซอนย่าก็ออกไปเดินบนเวที โชคดีที่เราไม่ได้เดินพร้อมกันมิเช่นนั้นคงเกิดซีนขัดแข้งขัดขาเหมือนในละครเป็นแน่
บทที่ 5สะใภ้ตัวจริง ช่วงเวลาที่สุดแสนจะกลัดกลุ้มได้ผ่านพ้นไปแล้ว เขากลับไปในช่วงค่ำของวันนั้น ส่วนผมนั่งร้องไห้อยู่ในห้องนานหลายชั่วโมงกว่าจะทำใจได้ สรุปว่าผมมาทำอะไรที่นี่ มาขายตัวหรือมาเป็นเมียหลอก ๆ หรือมาเป็นสะใภ้หลอก ๆ เริ่มไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน คุณนายวิมลให้คนมาเรียกลงไปที่ห้องรับแขก ผมจึงต้องรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หากทว่าดวงตายังคงแดงก่ำมิอาจปกปิดได้ ลงมาถึงแล้วก็เห็นท่านนั่งอ่านนิยายวายเรื่องโปรดรออยู่ก่อนแล้ว จึงยกมือไหว้แล้วนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าก้มตาไม่อยากให้ท่านมองเห็นร่องรอยของการร้องไห้มา “เป็นยังไงบ้าง” “ไม่เป็นไรครับคุณแม่” น้ำเสียงของผมสั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ว่าจะไม่ร้องแล้วนะแต่พอมีคนมาสะกิดความรู้สึกนั้นอีกทีก็ต้องอ่อนแออีกครั้ง “ฉันขอโทษที่ทำอย่างนั้นลงไป ฉันแค่อยากให้เธอกับนาธานผูกพันกัน ทุกอย่างมันจะได้ง่ายขึ้น” “คุณแม่ต้องการแค่นั้นเองเหรอครับ ไม่ห่วงความรู้สึกผมเลยเหรอครับ ผมขอโทษที่ต้องพูดตรง ๆ ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเสียตัวให้ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน ไม่เคยรักเลยด้วยซ้ำและไม่คิ
บทที่ 4แค่ครั้งเดียว นึกถึงเหตุการ์เมื่อคืนนี้ผมยังคงขนลุกไม่หาย คุณนายให้ผมดื่มน้ำแกงอะไรสักอย่างในถ้วยกระเบื้องสีขาว รสชาติขมมาก แทบอยากจะอ้วกออกมา แต่โดนสั่งห้ามเอาไว้จึงต้องกลืนมันลงไปจนเกลี้ยง แค่นั้นยังไม่พอบังคับให้นั่งอยู่ในวงล้อมสายสิญจน์เพื่อฟังบทสวดประหลาดจากท่านจนจบ ปิดท้ายด้วยการใช้มือตบเบา ๆ ที่หน้าท้องสามครั้งอีกด้วย เสร็จพิธีก็ถูกไล่ให้กลับห้องนอนโดยไม่พูดหรืออธิบายอะไรให้ฟังเลย ความวัวไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก วันนี้คุณนายวิมลโทรเรียกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนให้กลับมาที่บ้านโดยด่วนให้เหตุผลว่าผมไม่สบาย โทรแล้วโทรอีกจนเขารำคาญกระมังเลยต้องกลับมาที่คฤหาสน์ ออฟฟิศกับบ้านเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ถ้าถามผมว่าไกลไหมตอบว่าไม่ แต่เหตุผลที่เขาไม่ยอมกลับมานอนค้างที่บ้านคงเป็นเพราะต้องการอยู่กับแฟนสาวอย่างสบายใจกระมัง แฟนของคุณนาธานก็คือซอนย่านั่นล่ะครับ เธอเป็นนางเอกซูเปอร์สตาร์ มีชื่อเสียงระดับประเทศ สวยและมีความสามารถ ในทีวีดูเป็นผู้หญิงเรียบร้อยอ่อนหวานแต่ในชีวิตจริงผิดจากหน้ามือเป็นหลังมือ นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณนายวิมลไม่ชอบขี้หน้า
บทที่ 3ไม่มีทางเลือก เช้าวันใหม่ของผมในรั้วคฤหาสน์แอนเดสันได้เริ่มต้นจากการได้ยินเสียงคนเปิดลิ้นชัก ดังกุกกักเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง หันไปมองก็เห็นคุณนาธานสวมใส่ชุดสูทอย่างเนี้ยบเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะตื่นเช้ากว่าผมเสียอีก “คุณจะไปแล้วเหรอ หาววว” ว่าแล้วก็อ้าปากหาวหวอด ส่งมือขึ้นเกาศีรษะแกร็ก ๆ หมดสภาพคนหน้าตาดีกันเลยทีเดียว “อยู่ที่นี่ตื่นให้มันเช้า ๆ หน่อย แม่ฉันเป็นคนเข้มงวด อย่าทำอะไรให้มันเดือดร้อนมาถึงฉันก็แล้วกัน อยากได้อะไรก็บอก จะสั่งคนส่งมาให้” กล่าวแล้วก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผมนั่งทำหน้ายุ่งอยู่คนเดียว แต่เมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้นผมก็ดีดตัวลุกขึ้นด้วยความเริงร่า เพราะนับจากนี้ห้องนี้จะเป็นของผมคนเดียวแล้ว หลังจากนั้นก็ไปอาบน้ำอย่างสบายใจ แต่งตัวให้เรียบร้อยที่สุดเพื่อเอาใจคุณนายวิมล เลือกในตู้ที่คุณนาธานซื้อมาไว้นั่นล่ะครับ เดินลงมาข้างล่างก็เห็นแม่บ้านสูงวัยกำลังตั้งโต๊ะ จึงเดินเข้าไปทักทายเผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง ป้าแม่บ้านคนนี้ชื่อ ‘ป้าแหวน’ ทำงานที่นี่มาตั้งแต่สมัยสาว ๆ จนกระทั่งต
บทที่ 2สะใภ้คนใหม่ ในที่สุดผมก็ได้เข้ามาสู่รั้วคฤหาสน์หลังใหญ่ของคุณนาธานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ช่างใหญ่โตเสียนี่กระไร ถนนทางเข้าบ้านกว้างกว่าถนนเข้าซอยบ้านผมเสียอีก มีคนรับใช้มายืนต้อนรับหน้าบ้านจำนวนหลายคนอย่างกับในละคร เห็นอย่างนี้แล้วรู้สึกรวยขึ้นมาทันทีเลยล่ะ เมื่อรถจอดเทียบหน้าบ้านแล้วก็มีคนเปิดประตูรถให้เราทั้งคู่ ผมทำตัวไม่ถูกเมื่อจู่ ๆ ก็กลายมาเป็นเจ้าชายในชั่วข้ามคืน แม้ความเป็นจริงจะเป็นเจ้าชายกำมะลอก็ตามที แต่ดู ๆ ไปแล้วที่นี่ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดแฮะ “ยินดีต้อนรับคุณนาธานกลับบ้านครับ / ค่ะ” “ยินดีต้อนรับคุณบิวครับ / ค่ะ” “สวัสดีครับทุกคน” ผมยิ้มเขินพลางยกมือไหว้ทุกคนอย่างไม่คุ้นชิน หันไปมองหน้าคุณนาธานก็เห็นเพียงความเย็นชา เขาทำหน้าราวกับว่ารำคาญผมเต็มทนแล้ว คว้ามือลากผมให้เดินตามเข้าไปในบ้าน พยายามบิดข้อมือพลางส่งสายตาดุให้เขาแต่ไม่ได้ผลเลยสักนิด “ปล่อยผมนะคุณ” “เธออย่าทำตัวเงอะงะซื่อบื้อได้ไหม ทำตัวให้สมกับเป็นเมียมาเฟียอย่างฉันหน่อยสิ” “ก็ผมไม่ใช่เมียคุณจริง ๆ
บทที่ 1 เรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย “แม๊!!!!!!!!” เสียงโวยวายดังลั่นบ้านนั้นไม่ใช่เสียงใคร เป็นเสียงของผมเองครับ จู่ ๆ แม่ก็มาบอกว่าให้เก็บข้าวเก็บของเพราะวันพรุ่งนี้จะมีคนมารับไปทำงานด้วย ผมผู้ซึ่งนั่งโซ้ยมาม่าพร้อมกับหางานทำไปด้วยก็กรี๊ดลั่นบ้านเลยทีเดียว เพิ่งเรียนจบแท้ ๆ แต่แม๊!!! ดันหางานให้ผมซะแล้ว สวัสดีครับ ผมชื่อ ‘บิว’ พีรพล มนตรีอิสระ อายุยี่สิบสองปี เพิ่งเรียนจบด้านไอทีมาหมาด ๆ ตั้งใจว่าจะหางานทำตรงสายให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ออกไปจากบ้านหลังนี้เสียที เพราะเบื่อแม่ผีพนันเข้าสิงจนหางานให้ผมนี่ล่ะ งานดี ๆ จะไม่ว่าเลยแต่งานที่หามาให้นั่นคือเป็นเมียรับจ้างของมาเฟียเจ้าของบ่อนการพนันที่แม่ติดหนี้ไว้ แค่คิดก็ขนลุกขนพองสยองเกล้า! ชีวิตผมทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย! “แกจะโวยวายหาหอกอะไร! ฉันไม่ได้จะขายแกสักหน่อย แค่ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ แลกกับหนี้เท่านั้น” “เล็กน้อยงั้นเหรอแม่ เงินเป็นล้านแม่เล่นไปได้ยังไงกัน ชีวิตผมต้องหมดอิสรภาพก็เพราะแม่” “เอาน่า แค่ไม่กี่เดือนเองก็จะได้เป็นอิสระแล้ว อยู่ที่นั่