“แล้ววันนี้ลูกค้าจะมากี่โมงคะแม่ เผื่อดาวจะแว่บไปงีบสักแป๊บนึงน่ะค่ะ เดี๋ยวพอลูกค้ามา ดาวจะออกมาช่วย”
“ดาวนอนไปเถอะลูก ตื่นเมื่อไหร่ก็ค่อยมาช่วยล่ะกัน วันนี้เป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกน่ะ สี่คนเอง แม่กับพวกพี่ๆ เขาดูแลกันเองได้ ดาวพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวจะเสียชื่อเจ้าของเกสเฮ้าท์หมด”
“ทำไมเหรอคะแม่ แม่กลัวดาวไม่สวยเหรอ แค่นี้ดาวก็สวยจะแย่แล้ว” ดวงดาราอมยิ้มทำสีหน้าภูมิใจในความสวยของตัวเอง
“ก็คงอย่างงั้นแหละ ยิ่งถ้าใครมาเห็นสภาพตอนนี้ สงสัยได้วิ่งกันป่าราบ” เดือนปรายตามองลูกสาวพร้อมทำท่าทางขนลุกขนพองราวกับเห็นตัวประหลาด
“แม่อ่ะ ดาวน่ะสวยยี่สิบสี่นะคะ”
“จ้า... แม่เชื่อ อย่างนั้นเราปิดเกสเฮ้าท์แล้วเปลี่ยนเป็นเปิดเซเว่นแทนดีมั้ย จะได้ไม่เสียชื่อดาวสวยยี่สิบสี่”
“แม่อ่ะ ทันลูกทุกครั้งเลยนะ”
ดวงดาราตัดพ้อทำท่ากระฟัดกระเฟียดที่แม่รู้ทันเธอไปซะทุกอย่าง แม้แต่เธออยากสวยไม่มีวันพักผ่อนเหมือนร้านสะดวกซื้อที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง แม่ก็ยังรับมุกเธอได้
“ก็ลองไม่ทันสิ ทะโมนอย่างเรา แม่จะไปตามจากที่ไหนได้ล่ะ แม่น่ะไม่ไหวจะเคลียร์กับเราแล้วนะ”
“แหม... ใช้คำวัยสะรุ่นซะด้วย ทันสมัยจริ๊งคุณนายเดือน”
ดวงดาราพูดเย้าพร้อมสัมผัสปลายจมูกโด่งที่แก้มนวล ก่อนจะซบหน้าลงที่บ่าแบบบางพร้อมพูดคำหวานซึ้งๆ เรียกวาวน้ำตา
“แม่คะ... ดาวรักแม่นะคะ รักแม่ที่สุด”
“จ้า... แม่ก็รักดาวที่สุดในชีวิตของแม่ แต่แม่ว่าตอนนี้ดาวไปอาบน้ำก่อนดีมั้ย เหม็นขี้ฟันมากเลย”
น้ำเสียงอ่อนโยนของแม่ที่ตอบกลับคำรักของเธอ พร้อมทาบฝ่ามืออบอุ่นลงบนมือที่กอดรัดเอวของแม่เอาไว้ สร้างความอบอุ่นทว่าหนาวสะท้านไปถึงหัวใจ เมื่อสำนึกนั้นรับรู้อยู่เต็มอกว่าแม่รักเธอมากเหลือเกิน แต่สิ่งที่เธอคิดจะทำนั้น จะทำร้ายแม่หรือจะสร้างความสุขกันเล่า ดวงดาราครุ่นคิดจนรับรู้ได้ถึงอาการนิ่งไปของแม่ นั่นเธอจึงรู้ตัว เธอไม่ควรทำให้แม่สงสัยอะไร วงแขนจึงกอดรัดรอบเอวของแม่แน่นขึ้น ก่อนจะส่งน้ำเสียงเง้างอนไปหยอกเย้าแม่
“แม่อ่ะ รังเกียจดาวเหรอ นี่แน่ะ! นี่แน่ะ!”
“อุ๊ย! ดาว! แม่ไม่เล่นนะ ว้าย! ดาว นี่แน่ะ จี๋แม่เหรอ นี่แน่ะ!”
“แม่คะ ไม่นะคะ ว้าย!”
เสียงวี้ดว้ายตามมาด้วยเสียงหัวเราะสอดประสานของสองแม่ลูกที่ระเบียงริมโขง ทำให้พนักงานที่อยู่บริเวณนั้นต่างเยี่ยมหน้าออกมายิ้มและมีความสุขร่วมไปด้วย ภาพความรักนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เพราะที่แห่งนี้ ‘ดวงดารา’ เป็นดั่งดวงใจของทุกคน
.
.
หลังจากส่งดวงดาราที่โคนบันไดพร้อมกำชับให้ลูกสาวนอนพัก ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกค้าเพราะเธอกับพนักงานคนอื่นๆ ดูแลกันได้ เดือนก็เข้ามาดูความเรียบร้อยของเกสเฮ้าท์ เพื่อรอรับลูกค้ากลุ่มแรกที่จะเข้าพักในเช้าวันนี้
เธอเดินตรวจตราไปทั่วทุกจุดของเกสเฮ้าท์ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณต้อนรับลูกค้า มุมพักผ่อน มุมของว่าง หรือแม้แต่ห้องครัว เพราะเธออยากให้คนที่มาพักได้รับความพึงพอใจสูงสุดและได้รับความสุขในบ้านของเธอเสมือนอยู่บ้านของตนเอง เดินออกมาจนถึงริมน้ำก่อนจะหันมองเข้าสู่ตัวบ้านเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยโดยรวม ทุกอย่างดูน่าพอใจสมกับที่เธอใส่ใจดูแลเป็นอย่างดี ความภูมิใจในวันนี้ทำให้อดไม่ได้ที่จะคิดถึงความเป็นมาของ ‘ดวงดารา เกสเฮ้าท์’
รอยยิ้มละมุนแต่เจือเศร้าปรากฏบนใบหน้าเมื่อนึกถึงเจ้าของบ้านคนเดิมซึ่งก็คือ ‘พ่อ-แม่’ บ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อครั้งเธออายุราว 10 ปี โดยพ่อเป็นคนออกแบบและคุมช่างก่อสร้างด้วยตัวเอง
บ้านที่จัดว่าทันสมัยในยุคนั้นปลูกสร้างแบบเรือนไทยครึ่งตึกครึ่งไม้ ชั้นบนเป็นไม้ ชั้นล่างเป็นปูน วางผังพื้นที่ใช้สอยได้อย่างครบครัน โดยชั้นล่างประกอบไปด้วยห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องกินข้าว ห้องเก็บของ ห้องนอนของพ่อแม่ และห้องนอนของแม่บ้าน
ส่วนชั้นบนนั้นออกแบบให้มีบันไดขึ้นจากด้านหน้าและแยกเป็นห้องปีกซ้ายกับห้องปีกขวา มีห้องน้ำในตัวและมีระเบียงหน้าห้องสำหรับจัดมุมนั่งเล่นขนาดย่อมได้ พ่อบอกว่าสร้างแบบนี้ไว้เผื่อเธอโตขึ้นจะได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นอิสระ ไปไหนมาไหนจะได้ไม่ต้องคอยให้พ่อแม่มารอเปิดประตู ส่วนอีกห้องนั้นก็เอาไว้รับรองแขกหรือญาติพี่น้องที่อาจมาเยี่ยมเยือนกันในช่วงเทศกาลวันหยุด แต่เธอกลับทำให้พ่อแม่ผิดหวัง เรียนไม่จบ หนีตามผู้ชายไป พ่อแม่ต้องอับอายญาติพี่น้อง ทว่าสุดท้ายพ่อแม่และบ้านหลังนี้กลับเป็นที่พึ่งพิงทั้งทางร่างกายและทางจิตใจให้กับเธอ
และในยามนี้บ้านที่พ่อแม่สร้างไว้ก็สร้างอาชีพที่มั่นคงให้กับเธอ เพราะเมื่อพ่อกับแม่เสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยอุบัติเหตุ เธอที่พอมีความรู้ด้านบัญชีแม้จะเรียนไม่จบก็ตาม แต่ก็พอที่จะมองอนาคตสำหรับตัวเองและลูกได้
เดือนผินหน้ามองไปยังสะพานขนาดใหญ่ที่ทอดตัวสานสัมพันธ์จากฝั่งไทยไปฝั่งลาว โดยมีจุดเริ่มต้นจาก ‘ตลาดอินโดจีน’ หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในนาม ‘ตลาดท่าเสด็จ’ แต่พ่อกับแม่ของเธอมักเรียกติดปากว่า ‘ตลาดท่าเรือ’
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเมื่อนึกย้อนไปถึงอดีต ความช่างสงสัยในวัยเยาว์ทำให้พ่อแม่บอกเล่าความเป็นมาของตลาดแห่งนี้ สมัยพ่อแม่ยังหนุ่มสาวตลาดแห่งนี้เป็นศูนย์รวมสินค้าจากหลากหลายประเทศในแถบอินโดจีน ไม่ว่าจะเป็นลาว เวียดนาม ไทย และประเทศอื่นๆ คนทั่วไปจึงเรียกตลาดแห่งนี้ว่า ‘ตลาดอินโดจีน’ และก่อนที่จะมีการสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว นั้น ท่าเรือของตลาดแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นจุดผ่านแดนถาวรสำหรับผู้ซึ่งต้องการจะเดินทางไปมาระหว่างราชอาณาจักรไทย กับ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) มีเรือข้ามฟากสัญจรไปมาระหว่างสองฝั่งแม่น้ำโขงอย่างคึกคัก ก็เลยเป็นที่มาให้คนท้องถิ่นนิยมเรียกชื่อตลาดแห่งนี้ว่า ‘ตลาดท่าเรือ’จนถึงเมื่อปี พ.ศ.2498 เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ขึ้นที่จังหวัดหนองคาย ‘พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9’ พร้อมด้วย ‘สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ’ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมเยียนราษฎรผู้ประสบอุทกภัย และได้เสด็จฯ ขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ณ ท่าเรือของตลาดแห่งนี้ ‘ตลาดท่าเรือ’ จึงถูกเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น ‘ตลาดท่าเสด็จ’ ซึ่งเป็นชื่อที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้จักในปัจจุบันด
นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอไม่สบายใจที่สุด แม้ ‘ปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 1’ จะการันตีความรักดีของเธอ แต่ความห่วงใยจนเกินกว่าเหตุของแม่ก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย เพราะตั้งแต่เรียนจบ แม่ไม่ยอมให้เธอไปทำงานที่ไหน แม่ให้เธอช่วยงานที่เกสเฮ้าท์ด้วยเหตุผลว่าเธอต้องสานต่อธุรกิจนี้ ทั้งที่เธอขอ นั่นคืออีกสิ่งที่อึดอัด แม้จะอายุ 22 ปีแล้ว แม่ก็ยังล้อมคอกป้องกันเธอทุกทาง ไม่ยอมให้รอดพ้นสายตา ทั้งๆ ที่คำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ จวบจนวันนี้เธอก็ไม่เคยฝ่าฝืน ‘ห้าม! ข้ามไปฝั่งโน้นเด็ดขาด’ ห้ามแม้กระทั่งเหยียบย่างขึ้นไปบนสะพานข้ามโขง แม่กลัวว่าเธอจะไปหาใครทางนั้นใช่ไหม แต่แม่จะรู้ไหมว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ยิ่งปิดกั้นเธอก็ยิ่งอยากรู้ ทุกอย่างเป็นแรงผลักดันให้เธอต้องรู้ให้ได้ ว่าความจริงคืออะไร แล้ววันนี้เธอจะต้องรู้ให้ได้“พี่ดาวดูอะไรเหรอคะ”“อุ้ย! เจ้าริช มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ตกใจหมด”‘ริชชี่’ คือเด็กหญิงลูกครึ่งยุโรปวัย 10 ปี ที่ไม่รู้ว่าเป็นชาติไหนกับแม่คนไทย เด็กหญิงที่คลอดออกมาในบ้านของเธอเพราะ นารินไปโรงพยาบาลไม่ทัน แม่ของเธอจึงตั้งชื่อเด็กหญิงตัวอ้วนกลมเหมือนหมูสีชมพูแต่มีห
ละอองความชื้นจากบรรยากาศรุ่งสางทำให้คนที่นอนไม่หลับตลอดทั้งคืนตัดสินใจออกมาเดินเล่นที่ระเบียงริมน้ำ เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์และซึมซับเอาพลังงานดีรอบกายเข้าสู่ตนเองให้มากที่สุด สิ่งที่รับรู้เมื่อช่วงหัวค่ำของคืนวาน ส่งผลให้ไม่อาจฝืนข่มตาหลับได้สักนาทีเดียว ในหัวมีแต่คำถามว่าควรทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าสิ่งที่สงสัยนั้นเป็นจริงหรือเปล่า หรือทั้งหมดเป็นเพียงความโหยหาที่คิดไปเอง ดวงตากลมโตมีแววอิดโรยทอดมองไปจนสุดสายตา ณ ที่แห่งนั้น แผ่นดินที่สะพานมิตรภาพเชื่อมไปถึง ‘นครหลวงเวียงจันทน์’ เธออยากข้ามไปเหลือเกิน เพียงคิด... แพขนตางอนหนาก็ต้องกะพริบถี่เพื่อขับไล่หยาดน้ำที่เริ่มจะเอ่อซึมออกมาอีก ยามนึกถึงเหตุการณ์ที่กระตุ้นหัวใจให้เธออยากไปตามหาความจริง เพื่อไขสิ่งติดค้างในใจให้หมดไป เมื่อคืนเพราะความรีบจะไปบอกให้แม่รู้ว่ามีลูกค้ามาติดต่อขอเข้าพักเกสเฮ้าท์ทั้งที่ค่ำแล้ว เผื่อแม่จะสั่งให้เปิดครัวทำอาหารว่างอย่างง่ายๆ ให้ลูกค้า แต่เสียงร้องไห้ที่ดังเล็ดลอดออกมาจากในห้องของแม่ กลับทำเธอชะงัก ไม่กล้าที่จะเข้าไปหรือแม้แต่ส่งเสียงเรียก ทว่าหัวใจกลับผลักดันให้เธอล
ดวงดารายังปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปในอดีต เธอไม่มีความทรงจำร่วมกับ ‘เขา’ คนนั้นเลยสักนิด มีเพียงความทรงจำว่า ‘ไม่เคย’ มีเขา แต่หากเลือกได้และทุกสิ่งเป็นไปตามที่เธอคิด ถ้าเขาเป็นเจ้าของจดหมายฉบับนั้นจริง เธอก็ขอให้นับแต่นี้ไปมีเขาคนนั้นเข้ามาในชีวิต และคงจะดีที่สุด หากความทรงจำครั้งใหม่จะมีพร้อมหน้า ‘พ่อ แม่ ลูก’ แต่หากไม่เป็นดังคิด เธอก็ยังอยากไปหา อยากไปเห็น แค่อยากรู้ว่า ‘เขา’ อยู่ดีมีสุขหรือเปล่า ทำไมไม่มาดูดำดูดีเธอกับแม่บ้าง หรือเขาไม่เคยคิดว่ามีเธอเป็นลูกอยู่ทางนี้อีกคน “ดาว” น้ำเสียงอ่อนโยนที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ดวงดาราสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หันมาส่งรอยยิ้มสดชื่นให้กับคนที่รักเธอมากที่สุดในชีวิต “คะแม่” ดวงดาราขานรับ พลางเดินเข้าไปกอดกระชับต้นแขนอุ่นๆ ของแม่ มองเสี้ยวหน้าสวยของแม่อย่างชื่นชมแม่ในวัย 42 ปี แต่ยังดูสวยอยู่มาก ดูราวกับเป็นพี่สาวของเธอมากกว่าจะเป็นแม่ด้วยซ้ำ แม้จะมีชายหลากวัยขยันแวะเวียนกันมาขายขนมจีบ แต่แม่ก็ไม่เคยหวั่นไหว แม่ครองตัวเป็นโสดและเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมาจนถึงวันนี้ทุกครั้งที่เ
นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอไม่สบายใจที่สุด แม้ ‘ปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 1’ จะการันตีความรักดีของเธอ แต่ความห่วงใยจนเกินกว่าเหตุของแม่ก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย เพราะตั้งแต่เรียนจบ แม่ไม่ยอมให้เธอไปทำงานที่ไหน แม่ให้เธอช่วยงานที่เกสเฮ้าท์ด้วยเหตุผลว่าเธอต้องสานต่อธุรกิจนี้ ทั้งที่เธอขอ นั่นคืออีกสิ่งที่อึดอัด แม้จะอายุ 22 ปีแล้ว แม่ก็ยังล้อมคอกป้องกันเธอทุกทาง ไม่ยอมให้รอดพ้นสายตา ทั้งๆ ที่คำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ จวบจนวันนี้เธอก็ไม่เคยฝ่าฝืน ‘ห้าม! ข้ามไปฝั่งโน้นเด็ดขาด’ ห้ามแม้กระทั่งเหยียบย่างขึ้นไปบนสะพานข้ามโขง แม่กลัวว่าเธอจะไปหาใครทางนั้นใช่ไหม แต่แม่จะรู้ไหมว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ยิ่งปิดกั้นเธอก็ยิ่งอยากรู้ ทุกอย่างเป็นแรงผลักดันให้เธอต้องรู้ให้ได้ ว่าความจริงคืออะไร แล้ววันนี้เธอจะต้องรู้ให้ได้“พี่ดาวดูอะไรเหรอคะ”“อุ้ย! เจ้าริช มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ตกใจหมด”‘ริชชี่’ คือเด็กหญิงลูกครึ่งยุโรปวัย 10 ปี ที่ไม่รู้ว่าเป็นชาติไหนกับแม่คนไทย เด็กหญิงที่คลอดออกมาในบ้านของเธอเพราะ นารินไปโรงพยาบาลไม่ทัน แม่ของเธอจึงตั้งชื่อเด็กหญิงตัวอ้วนกลมเหมือนหมูสีชมพูแต่มีห
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเมื่อนึกย้อนไปถึงอดีต ความช่างสงสัยในวัยเยาว์ทำให้พ่อแม่บอกเล่าความเป็นมาของตลาดแห่งนี้ สมัยพ่อแม่ยังหนุ่มสาวตลาดแห่งนี้เป็นศูนย์รวมสินค้าจากหลากหลายประเทศในแถบอินโดจีน ไม่ว่าจะเป็นลาว เวียดนาม ไทย และประเทศอื่นๆ คนทั่วไปจึงเรียกตลาดแห่งนี้ว่า ‘ตลาดอินโดจีน’ และก่อนที่จะมีการสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว นั้น ท่าเรือของตลาดแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นจุดผ่านแดนถาวรสำหรับผู้ซึ่งต้องการจะเดินทางไปมาระหว่างราชอาณาจักรไทย กับ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) มีเรือข้ามฟากสัญจรไปมาระหว่างสองฝั่งแม่น้ำโขงอย่างคึกคัก ก็เลยเป็นที่มาให้คนท้องถิ่นนิยมเรียกชื่อตลาดแห่งนี้ว่า ‘ตลาดท่าเรือ’จนถึงเมื่อปี พ.ศ.2498 เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ขึ้นที่จังหวัดหนองคาย ‘พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9’ พร้อมด้วย ‘สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ’ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมเยียนราษฎรผู้ประสบอุทกภัย และได้เสด็จฯ ขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ณ ท่าเรือของตลาดแห่งนี้ ‘ตลาดท่าเรือ’ จึงถูกเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น ‘ตลาดท่าเสด็จ’ ซึ่งเป็นชื่อที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้จักในปัจจุบันด
“แล้ววันนี้ลูกค้าจะมากี่โมงคะแม่ เผื่อดาวจะแว่บไปงีบสักแป๊บนึงน่ะค่ะ เดี๋ยวพอลูกค้ามา ดาวจะออกมาช่วย” “ดาวนอนไปเถอะลูก ตื่นเมื่อไหร่ก็ค่อยมาช่วยล่ะกัน วันนี้เป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกน่ะ สี่คนเอง แม่กับพวกพี่ๆ เขาดูแลกันเองได้ ดาวพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวจะเสียชื่อเจ้าของเกสเฮ้าท์หมด” “ทำไมเหรอคะแม่ แม่กลัวดาวไม่สวยเหรอ แค่นี้ดาวก็สวยจะแย่แล้ว” ดวงดาราอมยิ้มทำสีหน้าภูมิใจในความสวยของตัวเอง “ก็คงอย่างงั้นแหละ ยิ่งถ้าใครมาเห็นสภาพตอนนี้ สงสัยได้วิ่งกันป่าราบ” เดือนปรายตามองลูกสาวพร้อมทำท่าทางขนลุกขนพองราวกับเห็นตัวประหลาด “แม่อ่ะ ดาวน่ะสวยยี่สิบสี่นะคะ” “จ้า... แม่เชื่อ อย่างนั้นเราปิดเกสเฮ้าท์แล้วเปลี่ยนเป็นเปิดเซเว่นแทนดีมั้ย จะได้ไม่เสียชื่อดาวสวยยี่สิบสี่” “แม่อ่ะ ทันลูกทุกครั้งเลยนะ”ดวงดาราตัดพ้อทำท่ากระฟัดกระเฟียดที่แม่รู้ทันเธอไปซะทุกอย่าง แม้แต่เธออยากสวยไม่มีวันพักผ่อนเหมือนร้านสะดวกซื้อที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง แม่ก็ยังรับมุกเธอได้ “ก็ลองไม่ทันสิ ทะโมนอย่างเรา แม่จะไปตามจากที่ไหนได้ล่ะ แม่น่ะไม่ไหวจะเคลียร์กับ
ดวงดารายังปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปในอดีต เธอไม่มีความทรงจำร่วมกับ ‘เขา’ คนนั้นเลยสักนิด มีเพียงความทรงจำว่า ‘ไม่เคย’ มีเขา แต่หากเลือกได้และทุกสิ่งเป็นไปตามที่เธอคิด ถ้าเขาเป็นเจ้าของจดหมายฉบับนั้นจริง เธอก็ขอให้นับแต่นี้ไปมีเขาคนนั้นเข้ามาในชีวิต และคงจะดีที่สุด หากความทรงจำครั้งใหม่จะมีพร้อมหน้า ‘พ่อ แม่ ลูก’ แต่หากไม่เป็นดังคิด เธอก็ยังอยากไปหา อยากไปเห็น แค่อยากรู้ว่า ‘เขา’ อยู่ดีมีสุขหรือเปล่า ทำไมไม่มาดูดำดูดีเธอกับแม่บ้าง หรือเขาไม่เคยคิดว่ามีเธอเป็นลูกอยู่ทางนี้อีกคน “ดาว” น้ำเสียงอ่อนโยนที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ดวงดาราสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หันมาส่งรอยยิ้มสดชื่นให้กับคนที่รักเธอมากที่สุดในชีวิต “คะแม่” ดวงดาราขานรับ พลางเดินเข้าไปกอดกระชับต้นแขนอุ่นๆ ของแม่ มองเสี้ยวหน้าสวยของแม่อย่างชื่นชมแม่ในวัย 42 ปี แต่ยังดูสวยอยู่มาก ดูราวกับเป็นพี่สาวของเธอมากกว่าจะเป็นแม่ด้วยซ้ำ แม้จะมีชายหลากวัยขยันแวะเวียนกันมาขายขนมจีบ แต่แม่ก็ไม่เคยหวั่นไหว แม่ครองตัวเป็นโสดและเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมาจนถึงวันนี้ทุกครั้งที่เ
ละอองความชื้นจากบรรยากาศรุ่งสางทำให้คนที่นอนไม่หลับตลอดทั้งคืนตัดสินใจออกมาเดินเล่นที่ระเบียงริมน้ำ เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์และซึมซับเอาพลังงานดีรอบกายเข้าสู่ตนเองให้มากที่สุด สิ่งที่รับรู้เมื่อช่วงหัวค่ำของคืนวาน ส่งผลให้ไม่อาจฝืนข่มตาหลับได้สักนาทีเดียว ในหัวมีแต่คำถามว่าควรทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าสิ่งที่สงสัยนั้นเป็นจริงหรือเปล่า หรือทั้งหมดเป็นเพียงความโหยหาที่คิดไปเอง ดวงตากลมโตมีแววอิดโรยทอดมองไปจนสุดสายตา ณ ที่แห่งนั้น แผ่นดินที่สะพานมิตรภาพเชื่อมไปถึง ‘นครหลวงเวียงจันทน์’ เธออยากข้ามไปเหลือเกิน เพียงคิด... แพขนตางอนหนาก็ต้องกะพริบถี่เพื่อขับไล่หยาดน้ำที่เริ่มจะเอ่อซึมออกมาอีก ยามนึกถึงเหตุการณ์ที่กระตุ้นหัวใจให้เธออยากไปตามหาความจริง เพื่อไขสิ่งติดค้างในใจให้หมดไป เมื่อคืนเพราะความรีบจะไปบอกให้แม่รู้ว่ามีลูกค้ามาติดต่อขอเข้าพักเกสเฮ้าท์ทั้งที่ค่ำแล้ว เผื่อแม่จะสั่งให้เปิดครัวทำอาหารว่างอย่างง่ายๆ ให้ลูกค้า แต่เสียงร้องไห้ที่ดังเล็ดลอดออกมาจากในห้องของแม่ กลับทำเธอชะงัก ไม่กล้าที่จะเข้าไปหรือแม้แต่ส่งเสียงเรียก ทว่าหัวใจกลับผลักดันให้เธอล