นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอไม่สบายใจที่สุด แม้ ‘ปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 1’ จะการันตีความรักดีของเธอ แต่ความห่วงใยจนเกินกว่าเหตุของแม่ก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย เพราะตั้งแต่เรียนจบ แม่ไม่ยอมให้เธอไปทำงานที่ไหน แม่ให้เธอช่วยงานที่เกสเฮ้าท์ด้วยเหตุผลว่าเธอต้องสานต่อธุรกิจนี้ ทั้งที่เธอขอ นั่นคืออีกสิ่งที่อึดอัด แม้จะอายุ 22 ปีแล้ว แม่ก็ยังล้อมคอกป้องกันเธอทุกทาง ไม่ยอมให้รอดพ้นสายตา ทั้งๆ ที่คำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ จวบจนวันนี้เธอก็ไม่เคยฝ่าฝืน
‘ห้าม! ข้ามไปฝั่งโน้นเด็ดขาด’
ห้ามแม้กระทั่งเหยียบย่างขึ้นไปบนสะพานข้ามโขง แม่กลัวว่าเธอจะไปหาใครทางนั้นใช่ไหม แต่แม่จะรู้ไหมว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ยิ่งปิดกั้นเธอก็ยิ่งอยากรู้ ทุกอย่างเป็นแรงผลักดันให้เธอต้องรู้ให้ได้ ว่าความจริงคืออะไร แล้ววันนี้เธอจะต้องรู้ให้ได้
“พี่ดาวดูอะไรเหรอคะ”
“อุ้ย! เจ้าริช มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ตกใจหมด”
‘ริชชี่’ คือเด็กหญิงลูกครึ่งยุโรปวัย 10 ปี ที่ไม่รู้ว่าเป็นชาติไหนกับแม่คนไทย เด็กหญิงที่คลอดออกมาในบ้านของเธอเพราะ นารินไปโรงพยาบาลไม่ทัน แม่ของเธอจึงตั้งชื่อเด็กหญิงตัวอ้วนกลมเหมือนหมูสีชมพูแต่มีหน้าตาสะสวยราวกับตุ๊กตานี้ว่า ‘ริชชี่’ ที่แปลว่า ‘ความร่ำรวย’ เพื่อเรียกโชคลาภให้กับเกสเฮ้าท์ เพื่อตอบแทนที่แม่ของเธอให้ความเมตตา
“แล้วพี่ดาวดูอะไรเหรอคะ”
เจ้าริชชี่พยายามชะเง้อมองไปข้างหน้าแต่ก็ถูกมือนิ่มๆ ของพี่สาวคนสวยปิดจนมิดไม่ให้เห็น
“ไม่ต้องยุ่ง! เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กไม่เกี่ยว แล้วมาทำไมกันเนี่ย ทำไมไม่กลับห้อง”
ดวงดาราหันมาใส่อารมณ์หงุดหงิด เพราะเห็นหน้าไอ้หมูอ้วนทีไรพานให้เธออยากจะกอดอยากจะฟัดทุกครั้ง แต่นี่ไม่ใช่เวลา เพราะถ้าเธอทำแบบนั้นมีหวังเสียงไอ้หมูตัวนี้คงดังไกลไปถึงหน้าร้านอาหารแน่
“อ้าว! ไหงพูดงี้ล่ะพี่ ก็พี่ดาวให้หนูมาหาไง หนูก็ทำตามคำสั่งแล้วไง ไม่บกพร่องสักนิ้ด...”
“เออใช่... ไอ้อ้วน เอางี้ ไปรอที่ห้องพี่ พี่ทำธุระก่อนเดี๋ยวตามไป”
ดวงดาราโบกไม้โบกมือไล่ ชะเง้อมองแม่เพราะต้องการตรวจสอบอีกครั้งให้แน่ใจ
“พี่ดาวทำอะไรอยู่เหรอ ใช้หนูช่วยมั้ย” เสียงน้อยๆ เอ่ยถาม พร้อมทำสีหน้าเจ้าเล่ห์
ดวงดาราหันมองไอ้หมูอ้วน ยิ้มกว้างราวกับเห็นสวรรค์ เมื่อความเจ้าเล่ห์ของริชชี่กับความคิดเฉียบแหลมของเธอบรรจบกันพอดี สิ่งที่คิดไว้ย่อมสำเร็จ
“อย่างนี้สิถึงจะเรียกว่าน้องพี่ดาว ไอ้หมูอ้วนของพี่”
.
.
โต๊ะทำงานสีทึมตั้งสงบนิ่งอยู่มุมห้องคือเป้าหมาย ดวงดาราเดินรี่ตรงไป จะไม่ปล่อยให้โอกาสดีๆ อย่างนี้หลุดมือไปแน่ รอยยิ้มปรากฏเมื่อค่อยๆ เลื่อนลิ้นชักออกแล้วพบว่าไม่ได้ล็อก ฝ่ามือว่องไวเริ่มค้นหาในสิ่งที่ต้องการ
ที่โคนบันไดบ้านนั้นไอ้หมูอ้วนริชชี่ทำทีเป็นนั่งเล่นตุ๊กตา ทั้งที่ดวงตากลมโตสีเขียวสุกใสคอยชำเลืองมองเจ้าของเกสเฮ้าท์ที่กำลังต้อนรับลูกค้าไม่วางตา เพราะหน้าที่ก็คือให้สัญญาณทันทีที่
‘คุณป้าเดือน’ เยื้องร่างออกมาำใ
ดวงดาราปาดหลังมือที่ไรผม เวลาที่ผ่านไปบวกกับความตื่นเต้นทำให้เหงื่อกาฬพร้อมใจกันไหลออกมาจนชุ่ม เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนตามธรรมชาติถูกขมวดขึ้นเป็นปมเหนือท้ายทอย เผยความนวลเนียนของผิวเนื้อและลำคอระหง มือยังคงค้นหา ตามองสอดส่อง สมองประมวลในสิ่งที่เห็น แต่ก็ไม่พบ
เมื่อลิ้นชักที่โต๊ะทำงานไม่มีสิ่งที่เธอต้องการ ดวงดาราจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ลิ้นชักหัวเตียง ทันทีที่เปิดออก หัวใจของเธอคล้ายจะเต้นผิดจังหวะ เพราะกล่องไม้ที่เห็นนั้นเธอคลับคล้ายคลับคลาว่าเมื่อคืนเห็นวางอยู่ข้างกายแม่ ดวงตาฉายความหวาดหวั่น ระแวง เผื่อมีใครโผล่เข้ามา ทั้งๆ ที่เจ้าริชชี่ยังไม่ได้ส่งเสียงให้สัญญาณด้วยซ้ำ
ไม่รอช้า ดวงดารารีบประคองกล่องไม้ใบใหญ่แต่ไม่หนักสักนิดออกมาวางข้างกาย หัวใจเต้นรัวเร็วขณะเปิดฝาด้วยคาดหวังว่าจะเจอสิ่งที่ต้องการ และเธอก็พบ ‘จดหมาย’ ปึกใหญ่ที่แม่เรียงซ้อนกันไว้อย่างเป็นระเบียบ แต่เธอจะทำอย่างไรต่อในเมื่อจดหมายทั้งปึกไม่มีฉบับไหนเลยที่ถูกเปิดอ่าน แล้วเธอจะดูเนื้อความในจดหมายได้ยังไง หากจะให้ถือวิสาสะเปิดอ่านเอง เธอก็ไม่กล้า
จดหมายทุกฉบับจ่าหน้าเฉพาะชื่อที่อยู่ของผู้รับ แต่ไม่มีชื่อที่อยู่ของผู้ส่ง หัวคิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันพยายามครุ่นคิด จดหมายเหล่านี้ไม่มีแม้ตราประทับจากไปรษณีย์ แต่เธอก็รู้ว่าทุกฉบับถูกส่งมาจากคนเดียวกัน เพราะลายมือที่ใช้จ่าหน้าซองนั้น ไม่ว่าจะฉบับเก่าสุดที่เนื้อกระดาษเปลี่ยนจากสีขาวจนออกสีเหลืองหม่น จนถึงฉบับล่าสุดที่เธอเห็นแม่กอดประคองแนบอกแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น ก่อนจะพูดคำที่ทำให้เธอสงสัยว่าเจ้าของจดหมายนี้อาจเป็นใครคนนั้น
‘พี่’ ตามน้ำเสียงสะอึกสะอื้นนั้นจะเป็น ‘พ่อ’ ที่เธอไม่เคยคิดว่ามีเหมือนกับใครๆ เขาหรือเปล่า
มือแบบบางจับพลิกซองจดหมายไปมาทีละซอง เพื่อหาสิ่งที่เธอจะสานต่อได้ และก็พบ ทว่าแว่วเสียงของแม่ที่เอ่ยทักไอ้หมูอ้วนกลับทำให้เธอสั่นไปทั้งร่างจนทำอะไรไม่ถูก มือหยิบปากกาจะจดข้อมูลก็สั่นเสียจนจดไม่ได้ ดวงตาหวาดระแวงมองบานประตู แม่ใกล้เข้ามา ในขณะที่เธอมีโอกาสเดียว
ละอองความชื้นจากบรรยากาศรุ่งสางทำให้คนที่นอนไม่หลับตลอดทั้งคืนตัดสินใจออกมาเดินเล่นที่ระเบียงริมน้ำ เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์และซึมซับเอาพลังงานดีรอบกายเข้าสู่ตนเองให้มากที่สุด สิ่งที่รับรู้เมื่อช่วงหัวค่ำของคืนวาน ส่งผลให้ไม่อาจฝืนข่มตาหลับได้สักนาทีเดียว ในหัวมีแต่คำถามว่าควรทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าสิ่งที่สงสัยนั้นเป็นจริงหรือเปล่า หรือทั้งหมดเป็นเพียงความโหยหาที่คิดไปเอง ดวงตากลมโตมีแววอิดโรยทอดมองไปจนสุดสายตา ณ ที่แห่งนั้น แผ่นดินที่สะพานมิตรภาพเชื่อมไปถึง ‘นครหลวงเวียงจันทน์’ เธออยากข้ามไปเหลือเกิน เพียงคิด... แพขนตางอนหนาก็ต้องกะพริบถี่เพื่อขับไล่หยาดน้ำที่เริ่มจะเอ่อซึมออกมาอีก ยามนึกถึงเหตุการณ์ที่กระตุ้นหัวใจให้เธออยากไปตามหาความจริง เพื่อไขสิ่งติดค้างในใจให้หมดไป เมื่อคืนเพราะความรีบจะไปบอกให้แม่รู้ว่ามีลูกค้ามาติดต่อขอเข้าพักเกสเฮ้าท์ทั้งที่ค่ำแล้ว เผื่อแม่จะสั่งให้เปิดครัวทำอาหารว่างอย่างง่ายๆ ให้ลูกค้า แต่เสียงร้องไห้ที่ดังเล็ดลอดออกมาจากในห้องของแม่ กลับทำเธอชะงัก ไม่กล้าที่จะเข้าไปหรือแม้แต่ส่งเสียงเรียก ทว่าหัวใจกลับผลักดันให้เธอล
ดวงดารายังปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปในอดีต เธอไม่มีความทรงจำร่วมกับ ‘เขา’ คนนั้นเลยสักนิด มีเพียงความทรงจำว่า ‘ไม่เคย’ มีเขา แต่หากเลือกได้และทุกสิ่งเป็นไปตามที่เธอคิด ถ้าเขาเป็นเจ้าของจดหมายฉบับนั้นจริง เธอก็ขอให้นับแต่นี้ไปมีเขาคนนั้นเข้ามาในชีวิต และคงจะดีที่สุด หากความทรงจำครั้งใหม่จะมีพร้อมหน้า ‘พ่อ แม่ ลูก’ แต่หากไม่เป็นดังคิด เธอก็ยังอยากไปหา อยากไปเห็น แค่อยากรู้ว่า ‘เขา’ อยู่ดีมีสุขหรือเปล่า ทำไมไม่มาดูดำดูดีเธอกับแม่บ้าง หรือเขาไม่เคยคิดว่ามีเธอเป็นลูกอยู่ทางนี้อีกคน “ดาว” น้ำเสียงอ่อนโยนที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ดวงดาราสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หันมาส่งรอยยิ้มสดชื่นให้กับคนที่รักเธอมากที่สุดในชีวิต “คะแม่” ดวงดาราขานรับ พลางเดินเข้าไปกอดกระชับต้นแขนอุ่นๆ ของแม่ มองเสี้ยวหน้าสวยของแม่อย่างชื่นชมแม่ในวัย 42 ปี แต่ยังดูสวยอยู่มาก ดูราวกับเป็นพี่สาวของเธอมากกว่าจะเป็นแม่ด้วยซ้ำ แม้จะมีชายหลากวัยขยันแวะเวียนกันมาขายขนมจีบ แต่แม่ก็ไม่เคยหวั่นไหว แม่ครองตัวเป็นโสดและเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมาจนถึงวันนี้ทุกครั้งที่เ
“แล้ววันนี้ลูกค้าจะมากี่โมงคะแม่ เผื่อดาวจะแว่บไปงีบสักแป๊บนึงน่ะค่ะ เดี๋ยวพอลูกค้ามา ดาวจะออกมาช่วย” “ดาวนอนไปเถอะลูก ตื่นเมื่อไหร่ก็ค่อยมาช่วยล่ะกัน วันนี้เป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกน่ะ สี่คนเอง แม่กับพวกพี่ๆ เขาดูแลกันเองได้ ดาวพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวจะเสียชื่อเจ้าของเกสเฮ้าท์หมด” “ทำไมเหรอคะแม่ แม่กลัวดาวไม่สวยเหรอ แค่นี้ดาวก็สวยจะแย่แล้ว” ดวงดาราอมยิ้มทำสีหน้าภูมิใจในความสวยของตัวเอง “ก็คงอย่างงั้นแหละ ยิ่งถ้าใครมาเห็นสภาพตอนนี้ สงสัยได้วิ่งกันป่าราบ” เดือนปรายตามองลูกสาวพร้อมทำท่าทางขนลุกขนพองราวกับเห็นตัวประหลาด “แม่อ่ะ ดาวน่ะสวยยี่สิบสี่นะคะ” “จ้า... แม่เชื่อ อย่างนั้นเราปิดเกสเฮ้าท์แล้วเปลี่ยนเป็นเปิดเซเว่นแทนดีมั้ย จะได้ไม่เสียชื่อดาวสวยยี่สิบสี่” “แม่อ่ะ ทันลูกทุกครั้งเลยนะ”ดวงดาราตัดพ้อทำท่ากระฟัดกระเฟียดที่แม่รู้ทันเธอไปซะทุกอย่าง แม้แต่เธออยากสวยไม่มีวันพักผ่อนเหมือนร้านสะดวกซื้อที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง แม่ก็ยังรับมุกเธอได้ “ก็ลองไม่ทันสิ ทะโมนอย่างเรา แม่จะไปตามจากที่ไหนได้ล่ะ แม่น่ะไม่ไหวจะเคลียร์กับ
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเมื่อนึกย้อนไปถึงอดีต ความช่างสงสัยในวัยเยาว์ทำให้พ่อแม่บอกเล่าความเป็นมาของตลาดแห่งนี้ สมัยพ่อแม่ยังหนุ่มสาวตลาดแห่งนี้เป็นศูนย์รวมสินค้าจากหลากหลายประเทศในแถบอินโดจีน ไม่ว่าจะเป็นลาว เวียดนาม ไทย และประเทศอื่นๆ คนทั่วไปจึงเรียกตลาดแห่งนี้ว่า ‘ตลาดอินโดจีน’ และก่อนที่จะมีการสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว นั้น ท่าเรือของตลาดแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นจุดผ่านแดนถาวรสำหรับผู้ซึ่งต้องการจะเดินทางไปมาระหว่างราชอาณาจักรไทย กับ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) มีเรือข้ามฟากสัญจรไปมาระหว่างสองฝั่งแม่น้ำโขงอย่างคึกคัก ก็เลยเป็นที่มาให้คนท้องถิ่นนิยมเรียกชื่อตลาดแห่งนี้ว่า ‘ตลาดท่าเรือ’จนถึงเมื่อปี พ.ศ.2498 เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ขึ้นที่จังหวัดหนองคาย ‘พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9’ พร้อมด้วย ‘สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ’ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมเยียนราษฎรผู้ประสบอุทกภัย และได้เสด็จฯ ขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ณ ท่าเรือของตลาดแห่งนี้ ‘ตลาดท่าเรือ’ จึงถูกเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น ‘ตลาดท่าเสด็จ’ ซึ่งเป็นชื่อที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้จักในปัจจุบันด
นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอไม่สบายใจที่สุด แม้ ‘ปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 1’ จะการันตีความรักดีของเธอ แต่ความห่วงใยจนเกินกว่าเหตุของแม่ก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย เพราะตั้งแต่เรียนจบ แม่ไม่ยอมให้เธอไปทำงานที่ไหน แม่ให้เธอช่วยงานที่เกสเฮ้าท์ด้วยเหตุผลว่าเธอต้องสานต่อธุรกิจนี้ ทั้งที่เธอขอ นั่นคืออีกสิ่งที่อึดอัด แม้จะอายุ 22 ปีแล้ว แม่ก็ยังล้อมคอกป้องกันเธอทุกทาง ไม่ยอมให้รอดพ้นสายตา ทั้งๆ ที่คำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ จวบจนวันนี้เธอก็ไม่เคยฝ่าฝืน ‘ห้าม! ข้ามไปฝั่งโน้นเด็ดขาด’ ห้ามแม้กระทั่งเหยียบย่างขึ้นไปบนสะพานข้ามโขง แม่กลัวว่าเธอจะไปหาใครทางนั้นใช่ไหม แต่แม่จะรู้ไหมว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ยิ่งปิดกั้นเธอก็ยิ่งอยากรู้ ทุกอย่างเป็นแรงผลักดันให้เธอต้องรู้ให้ได้ ว่าความจริงคืออะไร แล้ววันนี้เธอจะต้องรู้ให้ได้“พี่ดาวดูอะไรเหรอคะ”“อุ้ย! เจ้าริช มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ตกใจหมด”‘ริชชี่’ คือเด็กหญิงลูกครึ่งยุโรปวัย 10 ปี ที่ไม่รู้ว่าเป็นชาติไหนกับแม่คนไทย เด็กหญิงที่คลอดออกมาในบ้านของเธอเพราะ นารินไปโรงพยาบาลไม่ทัน แม่ของเธอจึงตั้งชื่อเด็กหญิงตัวอ้วนกลมเหมือนหมูสีชมพูแต่มีห
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเมื่อนึกย้อนไปถึงอดีต ความช่างสงสัยในวัยเยาว์ทำให้พ่อแม่บอกเล่าความเป็นมาของตลาดแห่งนี้ สมัยพ่อแม่ยังหนุ่มสาวตลาดแห่งนี้เป็นศูนย์รวมสินค้าจากหลากหลายประเทศในแถบอินโดจีน ไม่ว่าจะเป็นลาว เวียดนาม ไทย และประเทศอื่นๆ คนทั่วไปจึงเรียกตลาดแห่งนี้ว่า ‘ตลาดอินโดจีน’ และก่อนที่จะมีการสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว นั้น ท่าเรือของตลาดแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นจุดผ่านแดนถาวรสำหรับผู้ซึ่งต้องการจะเดินทางไปมาระหว่างราชอาณาจักรไทย กับ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) มีเรือข้ามฟากสัญจรไปมาระหว่างสองฝั่งแม่น้ำโขงอย่างคึกคัก ก็เลยเป็นที่มาให้คนท้องถิ่นนิยมเรียกชื่อตลาดแห่งนี้ว่า ‘ตลาดท่าเรือ’จนถึงเมื่อปี พ.ศ.2498 เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ขึ้นที่จังหวัดหนองคาย ‘พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9’ พร้อมด้วย ‘สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ’ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมเยียนราษฎรผู้ประสบอุทกภัย และได้เสด็จฯ ขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ณ ท่าเรือของตลาดแห่งนี้ ‘ตลาดท่าเรือ’ จึงถูกเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น ‘ตลาดท่าเสด็จ’ ซึ่งเป็นชื่อที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้จักในปัจจุบันด
“แล้ววันนี้ลูกค้าจะมากี่โมงคะแม่ เผื่อดาวจะแว่บไปงีบสักแป๊บนึงน่ะค่ะ เดี๋ยวพอลูกค้ามา ดาวจะออกมาช่วย” “ดาวนอนไปเถอะลูก ตื่นเมื่อไหร่ก็ค่อยมาช่วยล่ะกัน วันนี้เป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกน่ะ สี่คนเอง แม่กับพวกพี่ๆ เขาดูแลกันเองได้ ดาวพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวจะเสียชื่อเจ้าของเกสเฮ้าท์หมด” “ทำไมเหรอคะแม่ แม่กลัวดาวไม่สวยเหรอ แค่นี้ดาวก็สวยจะแย่แล้ว” ดวงดาราอมยิ้มทำสีหน้าภูมิใจในความสวยของตัวเอง “ก็คงอย่างงั้นแหละ ยิ่งถ้าใครมาเห็นสภาพตอนนี้ สงสัยได้วิ่งกันป่าราบ” เดือนปรายตามองลูกสาวพร้อมทำท่าทางขนลุกขนพองราวกับเห็นตัวประหลาด “แม่อ่ะ ดาวน่ะสวยยี่สิบสี่นะคะ” “จ้า... แม่เชื่อ อย่างนั้นเราปิดเกสเฮ้าท์แล้วเปลี่ยนเป็นเปิดเซเว่นแทนดีมั้ย จะได้ไม่เสียชื่อดาวสวยยี่สิบสี่” “แม่อ่ะ ทันลูกทุกครั้งเลยนะ”ดวงดาราตัดพ้อทำท่ากระฟัดกระเฟียดที่แม่รู้ทันเธอไปซะทุกอย่าง แม้แต่เธออยากสวยไม่มีวันพักผ่อนเหมือนร้านสะดวกซื้อที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง แม่ก็ยังรับมุกเธอได้ “ก็ลองไม่ทันสิ ทะโมนอย่างเรา แม่จะไปตามจากที่ไหนได้ล่ะ แม่น่ะไม่ไหวจะเคลียร์กับ
ดวงดารายังปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปในอดีต เธอไม่มีความทรงจำร่วมกับ ‘เขา’ คนนั้นเลยสักนิด มีเพียงความทรงจำว่า ‘ไม่เคย’ มีเขา แต่หากเลือกได้และทุกสิ่งเป็นไปตามที่เธอคิด ถ้าเขาเป็นเจ้าของจดหมายฉบับนั้นจริง เธอก็ขอให้นับแต่นี้ไปมีเขาคนนั้นเข้ามาในชีวิต และคงจะดีที่สุด หากความทรงจำครั้งใหม่จะมีพร้อมหน้า ‘พ่อ แม่ ลูก’ แต่หากไม่เป็นดังคิด เธอก็ยังอยากไปหา อยากไปเห็น แค่อยากรู้ว่า ‘เขา’ อยู่ดีมีสุขหรือเปล่า ทำไมไม่มาดูดำดูดีเธอกับแม่บ้าง หรือเขาไม่เคยคิดว่ามีเธอเป็นลูกอยู่ทางนี้อีกคน “ดาว” น้ำเสียงอ่อนโยนที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ดวงดาราสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หันมาส่งรอยยิ้มสดชื่นให้กับคนที่รักเธอมากที่สุดในชีวิต “คะแม่” ดวงดาราขานรับ พลางเดินเข้าไปกอดกระชับต้นแขนอุ่นๆ ของแม่ มองเสี้ยวหน้าสวยของแม่อย่างชื่นชมแม่ในวัย 42 ปี แต่ยังดูสวยอยู่มาก ดูราวกับเป็นพี่สาวของเธอมากกว่าจะเป็นแม่ด้วยซ้ำ แม้จะมีชายหลากวัยขยันแวะเวียนกันมาขายขนมจีบ แต่แม่ก็ไม่เคยหวั่นไหว แม่ครองตัวเป็นโสดและเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมาจนถึงวันนี้ทุกครั้งที่เ
ละอองความชื้นจากบรรยากาศรุ่งสางทำให้คนที่นอนไม่หลับตลอดทั้งคืนตัดสินใจออกมาเดินเล่นที่ระเบียงริมน้ำ เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์และซึมซับเอาพลังงานดีรอบกายเข้าสู่ตนเองให้มากที่สุด สิ่งที่รับรู้เมื่อช่วงหัวค่ำของคืนวาน ส่งผลให้ไม่อาจฝืนข่มตาหลับได้สักนาทีเดียว ในหัวมีแต่คำถามว่าควรทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าสิ่งที่สงสัยนั้นเป็นจริงหรือเปล่า หรือทั้งหมดเป็นเพียงความโหยหาที่คิดไปเอง ดวงตากลมโตมีแววอิดโรยทอดมองไปจนสุดสายตา ณ ที่แห่งนั้น แผ่นดินที่สะพานมิตรภาพเชื่อมไปถึง ‘นครหลวงเวียงจันทน์’ เธออยากข้ามไปเหลือเกิน เพียงคิด... แพขนตางอนหนาก็ต้องกะพริบถี่เพื่อขับไล่หยาดน้ำที่เริ่มจะเอ่อซึมออกมาอีก ยามนึกถึงเหตุการณ์ที่กระตุ้นหัวใจให้เธออยากไปตามหาความจริง เพื่อไขสิ่งติดค้างในใจให้หมดไป เมื่อคืนเพราะความรีบจะไปบอกให้แม่รู้ว่ามีลูกค้ามาติดต่อขอเข้าพักเกสเฮ้าท์ทั้งที่ค่ำแล้ว เผื่อแม่จะสั่งให้เปิดครัวทำอาหารว่างอย่างง่ายๆ ให้ลูกค้า แต่เสียงร้องไห้ที่ดังเล็ดลอดออกมาจากในห้องของแม่ กลับทำเธอชะงัก ไม่กล้าที่จะเข้าไปหรือแม้แต่ส่งเสียงเรียก ทว่าหัวใจกลับผลักดันให้เธอล