ดวงดารายังปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปในอดีต เธอไม่มีความทรงจำร่วมกับ ‘เขา’ คนนั้นเลยสักนิด มีเพียงความทรงจำว่า ‘ไม่เคย’ มีเขา แต่หากเลือกได้และทุกสิ่งเป็นไปตามที่เธอคิด ถ้าเขาเป็นเจ้าของจดหมายฉบับนั้นจริง เธอก็ขอให้นับแต่นี้ไปมีเขาคนนั้นเข้ามาในชีวิต และคงจะดีที่สุด หากความทรงจำครั้งใหม่จะมีพร้อมหน้า ‘พ่อ แม่ ลูก’
แต่หากไม่เป็นดังคิด เธอก็ยังอยากไปหา อยากไปเห็น แค่อยากรู้ว่า ‘เขา’ อยู่ดีมีสุขหรือเปล่า ทำไมไม่มาดูดำดูดีเธอกับแม่บ้าง หรือเขาไม่เคยคิดว่ามีเธอเป็นลูกอยู่ทางนี้อีกคน
“ดาว”
น้ำเสียงอ่อนโยนที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ดวงดาราสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หันมาส่งรอยยิ้มสดชื่นให้กับคนที่รักเธอมากที่สุดในชีวิต
“คะแม่” ดวงดาราขานรับ พลางเดินเข้าไปกอดกระชับต้นแขนอุ่นๆ ของแม่ มองเสี้ยวหน้าสวยของแม่อย่างชื่นชม
แม่ในวัย 42 ปี แต่ยังดูสวยอยู่มาก ดูราวกับเป็นพี่สาวของเธอมากกว่าจะเป็นแม่ด้วยซ้ำ แม้จะมีชายหลากวัยขยันแวะเวียนกันมาขายขนมจีบ แต่แม่ก็ไม่เคยหวั่นไหว แม่ครองตัวเป็นโสดและเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมาจนถึงวันนี้
ทุกครั้งที่เธอมองดวงตาเศร้าของแม่ เธอเคยคิดว่าแม่อาจพานพบความเจ็บช้ำจากเขาคนนั้นมามากมาย แม่จึงปิดกั้นตัวเองทั้งที่เธอไม่เคยขัดขวางหากแม่จะมีครอบครัวใหม่ แต่ภาพที่เห็นเมื่อคืนทำให้เธอได้คำตอบใหม่ นั่นคือ ถ้าเจ้าของจดหมายเป็นคนเดียวกับที่เธอคิด แม่อาจไม่ได้เจ็บช้ำเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะแม่ยัง ‘รัก’ เขาคนนั้นอย่างมากมายที่สุด
“แม่มีอะไรกับดาวเหรอคะ” ถามอย่างประจบ พลางซบศีรษะกับไหล่แบบบางของแม่
“ทำไมตื่นแต่เช้าล่ะลูก”
น้ำเสียงปรานีของ ‘เดือน’ เอ่ยถามลูก ก่อนจะขืนร่างงดงามออกห่าง เพื่อมองสำรวจว่าลูกสาวของเธอมีอะไรผิดปกติไปหรือเปล่า เพราะดวงดาราไม่เคยตื่นเช้าและออกมายืนเหม่อมองริมโขงแบบนี้
“เอ่อ... คือดาว”
อาการอึกอักกับขอบตาโรยของลูกคือคำตอบ
“ดาว! นี่อย่าบอกแม่นะ ว่ายังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนน่ะ ดาวเป็นอะไรหรือเปล่าลูก หนูไม่สบายตรงไหนบอกแม่สิ โธ่! แล้วมายืน ตากลมทำไมล่ะลูก ทำไมไม่นอนพัก ลูกทำไมเป็นอย่างนี้นะ” เดือนจับเนื้อจับตัวลูกสาว ถามปากคอสั่นด้วยความตกใจ ทั้งยังตำหนิที่ลูกออกมายืนตากลม แทนที่จะพักผ่อน
“แม่คะ ใจเย็นๆ ค่ะ ดาวไม่ได้เป็นอะไร”
“ไม่เป็นอะไรได้ยังไง เนี่ยตัวเย็นเจี๊ยบเลย ทำไมล่ะลูก หนูเป็นอะไรทำไมไม่บอกแม่”
“แม่คะ ดาวไม่เป็นอะไรจริงๆ ค่ะแม่”
ดวงดารากระชับฝ่ามือของแม่ที่แทบจะจับไปทั่วตัวเธอ เพียงคิดว่าเธอไม่สบาย น้ำเสียงและสีหน้าของแม่ก็แทบจะแบกความเจ็บปวดเอาไว้เสียทั้งหมด
“แล้วมีเรื่องกลุ้มใจอะไรถึงนอนไม่หลับ มีอะไรบอกแม่สิลูก เราก็มีกันอยู่แค่สองคนแม่ลูกเท่านั้นนะ ดาวปรึกษาแม่ได้ทุกเรื่องนะลูก แม่พร้อมจะให้คำปรึกษากับดาวอย่างดีที่สุด แต่ถ้าเรื่องไหนแม่ไม่รู้ แม่ก็จะไปหาถามจากคนที่รู้ให้ ไหนบอกแม่สิลูกว่าหนูเป็นอะไร แม่เป็นห่วงนะลูก”
น้ำเสียงร้อนรนปนสั่นไหวจะร้องไห้ เร่งเร้าให้เธอบอกเล่าเรื่องราวที่เป็นกังวล นั่นยิ่งทำให้ดวงดาราสะท้อนใจมากขึ้นไปอีก เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของแม่ ถ้าเธอไม่อธิบายให้คลายใจ แม่คงกังวลไปตลอดทั้งวันแน่
“แม่คะ ใจเย็นๆ ค่ะ ดาวไม่ได้เป็นอะไรเลย แม่ดูสิคะ ดาวไม่ได้ปวดหัว ไม่ได้ตัวร้อน ดาวก็แค่ดื่มกาแฟเย็นมากไปหน่อยเท่านั้นเองค่ะ เลยตาค้างนอนไม่หลับทั้งคืน นี่พอเห็นว่าใกล้เช้า ดาวก็เลยขี้เกียจนอนต่อน่ะค่ะ ออกมาเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ดีกว่า”
ดวงดาราพยายามอธิบายพร้อมจับมือของแม่มาสัมผัสเนื้อตัวของเธอ
“โธ่! ลูก ทีหน้าทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ แม่เป็นห่วง หนูไม่รู้เหรอว่าแม่ห่วงหนูที่สุด”
“ค่ะแม่ ทีหน้าไม่ทำแล้วค่ะ แต่ทีหลังทำไปแล้วนะ”
“ทะเล้นจริงเชียวลูก”
ท่อนแขนเรียวเสลาสวมกอดผู้เป็นแม่อย่างออดอ้อนก่อนจะซบใบหน้าลงกับอกอุ่นที่เธอรู้ว่าอุ่นมากมายเหลือเกิน และตอนนี้เธออยากให้อ้อมกอดนี้ถ่ายทอดความรักของเธอไปสู่แม่ อยากให้แม่รู้ว่าเธอเองก็รักแม่มากที่สุด ยังจำครั้งแรกที่เธอต้องแยกห้องนอนกับแม่ นั่นเป็นช่วงที่เธอไปอยู่หอตอนเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 หลังจากนั้นไม่นานแม่ก็แยกห้องส่วนตัวให้กับเธอ
‘ต้องแยกกันนอนแล้วนะลูก แต่ก็ดีเหมือนกัน แม่จะได้ชิน ไม่งั้นถ้าลูกแต่งงานไป มีหวังแม่คงได้เข้าไปนอนในห้องหอด้วยแน่’
คำพูดติดตลกของแม่สวนทางกับดวงตาเศร้า เธอรู้ว่าแม่ต้องตัดใจมากมายแค่ไหนที่จะไม่ได้กอดเธอนอน ทั้งที่ความจริงแยกกันนอนแค่ตอนอยู่หอ กลับมาบ้านเธอก็นอนกับแม่เหมือนเดิมได้ แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธ ยอมแยกห้องนอนกับแม่โดยดี เพราะอยากให้แม่ชินอย่างที่แม่บอกจริงๆ อยากให้แม่อยู่ได้หากว่าวันหนึ่งจะไม่มีเธออยู่ด้วย ไม่ใช่เพราะเธอจะมีครอบครัว แต่เป็นเพราะเธอมีจุดหมายในใจ มีแรงผลักดันที่อยากไปค้นหาความจริง เธอจึงต้องทำทุกทางให้แม่เข้มแข็ง ไม่อยากให้แม่ผูกติดอยู่กับเธอแบบนี้ แม่ต้องอยู่ได้หากต้องแยกจากกันชั่วเวลาหนึ่ง
“แล้ววันนี้ลูกค้าจะมากี่โมงคะแม่ เผื่อดาวจะแว่บไปงีบสักแป๊บนึงน่ะค่ะ เดี๋ยวพอลูกค้ามา ดาวจะออกมาช่วย” “ดาวนอนไปเถอะลูก ตื่นเมื่อไหร่ก็ค่อยมาช่วยล่ะกัน วันนี้เป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกน่ะ สี่คนเอง แม่กับพวกพี่ๆ เขาดูแลกันเองได้ ดาวพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวจะเสียชื่อเจ้าของเกสเฮ้าท์หมด” “ทำไมเหรอคะแม่ แม่กลัวดาวไม่สวยเหรอ แค่นี้ดาวก็สวยจะแย่แล้ว” ดวงดาราอมยิ้มทำสีหน้าภูมิใจในความสวยของตัวเอง “ก็คงอย่างงั้นแหละ ยิ่งถ้าใครมาเห็นสภาพตอนนี้ สงสัยได้วิ่งกันป่าราบ” เดือนปรายตามองลูกสาวพร้อมทำท่าทางขนลุกขนพองราวกับเห็นตัวประหลาด “แม่อ่ะ ดาวน่ะสวยยี่สิบสี่นะคะ” “จ้า... แม่เชื่อ อย่างนั้นเราปิดเกสเฮ้าท์แล้วเปลี่ยนเป็นเปิดเซเว่นแทนดีมั้ย จะได้ไม่เสียชื่อดาวสวยยี่สิบสี่” “แม่อ่ะ ทันลูกทุกครั้งเลยนะ”ดวงดาราตัดพ้อทำท่ากระฟัดกระเฟียดที่แม่รู้ทันเธอไปซะทุกอย่าง แม้แต่เธออยากสวยไม่มีวันพักผ่อนเหมือนร้านสะดวกซื้อที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง แม่ก็ยังรับมุกเธอได้ “ก็ลองไม่ทันสิ ทะโมนอย่างเรา แม่จะไปตามจากที่ไหนได้ล่ะ แม่น่ะไม่ไหวจะเคลียร์กับ
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเมื่อนึกย้อนไปถึงอดีต ความช่างสงสัยในวัยเยาว์ทำให้พ่อแม่บอกเล่าความเป็นมาของตลาดแห่งนี้ สมัยพ่อแม่ยังหนุ่มสาวตลาดแห่งนี้เป็นศูนย์รวมสินค้าจากหลากหลายประเทศในแถบอินโดจีน ไม่ว่าจะเป็นลาว เวียดนาม ไทย และประเทศอื่นๆ คนทั่วไปจึงเรียกตลาดแห่งนี้ว่า ‘ตลาดอินโดจีน’ และก่อนที่จะมีการสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว นั้น ท่าเรือของตลาดแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นจุดผ่านแดนถาวรสำหรับผู้ซึ่งต้องการจะเดินทางไปมาระหว่างราชอาณาจักรไทย กับ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) มีเรือข้ามฟากสัญจรไปมาระหว่างสองฝั่งแม่น้ำโขงอย่างคึกคัก ก็เลยเป็นที่มาให้คนท้องถิ่นนิยมเรียกชื่อตลาดแห่งนี้ว่า ‘ตลาดท่าเรือ’จนถึงเมื่อปี พ.ศ.2498 เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ขึ้นที่จังหวัดหนองคาย ‘พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9’ พร้อมด้วย ‘สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ’ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมเยียนราษฎรผู้ประสบอุทกภัย และได้เสด็จฯ ขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ณ ท่าเรือของตลาดแห่งนี้ ‘ตลาดท่าเรือ’ จึงถูกเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น ‘ตลาดท่าเสด็จ’ ซึ่งเป็นชื่อที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้จักในปัจจุบันด
นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอไม่สบายใจที่สุด แม้ ‘ปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 1’ จะการันตีความรักดีของเธอ แต่ความห่วงใยจนเกินกว่าเหตุของแม่ก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย เพราะตั้งแต่เรียนจบ แม่ไม่ยอมให้เธอไปทำงานที่ไหน แม่ให้เธอช่วยงานที่เกสเฮ้าท์ด้วยเหตุผลว่าเธอต้องสานต่อธุรกิจนี้ ทั้งที่เธอขอ นั่นคืออีกสิ่งที่อึดอัด แม้จะอายุ 22 ปีแล้ว แม่ก็ยังล้อมคอกป้องกันเธอทุกทาง ไม่ยอมให้รอดพ้นสายตา ทั้งๆ ที่คำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ จวบจนวันนี้เธอก็ไม่เคยฝ่าฝืน ‘ห้าม! ข้ามไปฝั่งโน้นเด็ดขาด’ ห้ามแม้กระทั่งเหยียบย่างขึ้นไปบนสะพานข้ามโขง แม่กลัวว่าเธอจะไปหาใครทางนั้นใช่ไหม แต่แม่จะรู้ไหมว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ยิ่งปิดกั้นเธอก็ยิ่งอยากรู้ ทุกอย่างเป็นแรงผลักดันให้เธอต้องรู้ให้ได้ ว่าความจริงคืออะไร แล้ววันนี้เธอจะต้องรู้ให้ได้“พี่ดาวดูอะไรเหรอคะ”“อุ้ย! เจ้าริช มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ตกใจหมด”‘ริชชี่’ คือเด็กหญิงลูกครึ่งยุโรปวัย 10 ปี ที่ไม่รู้ว่าเป็นชาติไหนกับแม่คนไทย เด็กหญิงที่คลอดออกมาในบ้านของเธอเพราะ นารินไปโรงพยาบาลไม่ทัน แม่ของเธอจึงตั้งชื่อเด็กหญิงตัวอ้วนกลมเหมือนหมูสีชมพูแต่มีห
ละอองความชื้นจากบรรยากาศรุ่งสางทำให้คนที่นอนไม่หลับตลอดทั้งคืนตัดสินใจออกมาเดินเล่นที่ระเบียงริมน้ำ เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์และซึมซับเอาพลังงานดีรอบกายเข้าสู่ตนเองให้มากที่สุด สิ่งที่รับรู้เมื่อช่วงหัวค่ำของคืนวาน ส่งผลให้ไม่อาจฝืนข่มตาหลับได้สักนาทีเดียว ในหัวมีแต่คำถามว่าควรทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าสิ่งที่สงสัยนั้นเป็นจริงหรือเปล่า หรือทั้งหมดเป็นเพียงความโหยหาที่คิดไปเอง ดวงตากลมโตมีแววอิดโรยทอดมองไปจนสุดสายตา ณ ที่แห่งนั้น แผ่นดินที่สะพานมิตรภาพเชื่อมไปถึง ‘นครหลวงเวียงจันทน์’ เธออยากข้ามไปเหลือเกิน เพียงคิด... แพขนตางอนหนาก็ต้องกะพริบถี่เพื่อขับไล่หยาดน้ำที่เริ่มจะเอ่อซึมออกมาอีก ยามนึกถึงเหตุการณ์ที่กระตุ้นหัวใจให้เธออยากไปตามหาความจริง เพื่อไขสิ่งติดค้างในใจให้หมดไป เมื่อคืนเพราะความรีบจะไปบอกให้แม่รู้ว่ามีลูกค้ามาติดต่อขอเข้าพักเกสเฮ้าท์ทั้งที่ค่ำแล้ว เผื่อแม่จะสั่งให้เปิดครัวทำอาหารว่างอย่างง่ายๆ ให้ลูกค้า แต่เสียงร้องไห้ที่ดังเล็ดลอดออกมาจากในห้องของแม่ กลับทำเธอชะงัก ไม่กล้าที่จะเข้าไปหรือแม้แต่ส่งเสียงเรียก ทว่าหัวใจกลับผลักดันให้เธอล
นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอไม่สบายใจที่สุด แม้ ‘ปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 1’ จะการันตีความรักดีของเธอ แต่ความห่วงใยจนเกินกว่าเหตุของแม่ก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย เพราะตั้งแต่เรียนจบ แม่ไม่ยอมให้เธอไปทำงานที่ไหน แม่ให้เธอช่วยงานที่เกสเฮ้าท์ด้วยเหตุผลว่าเธอต้องสานต่อธุรกิจนี้ ทั้งที่เธอขอ นั่นคืออีกสิ่งที่อึดอัด แม้จะอายุ 22 ปีแล้ว แม่ก็ยังล้อมคอกป้องกันเธอทุกทาง ไม่ยอมให้รอดพ้นสายตา ทั้งๆ ที่คำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ จวบจนวันนี้เธอก็ไม่เคยฝ่าฝืน ‘ห้าม! ข้ามไปฝั่งโน้นเด็ดขาด’ ห้ามแม้กระทั่งเหยียบย่างขึ้นไปบนสะพานข้ามโขง แม่กลัวว่าเธอจะไปหาใครทางนั้นใช่ไหม แต่แม่จะรู้ไหมว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ยิ่งปิดกั้นเธอก็ยิ่งอยากรู้ ทุกอย่างเป็นแรงผลักดันให้เธอต้องรู้ให้ได้ ว่าความจริงคืออะไร แล้ววันนี้เธอจะต้องรู้ให้ได้“พี่ดาวดูอะไรเหรอคะ”“อุ้ย! เจ้าริช มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ตกใจหมด”‘ริชชี่’ คือเด็กหญิงลูกครึ่งยุโรปวัย 10 ปี ที่ไม่รู้ว่าเป็นชาติไหนกับแม่คนไทย เด็กหญิงที่คลอดออกมาในบ้านของเธอเพราะ นารินไปโรงพยาบาลไม่ทัน แม่ของเธอจึงตั้งชื่อเด็กหญิงตัวอ้วนกลมเหมือนหมูสีชมพูแต่มีห
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเมื่อนึกย้อนไปถึงอดีต ความช่างสงสัยในวัยเยาว์ทำให้พ่อแม่บอกเล่าความเป็นมาของตลาดแห่งนี้ สมัยพ่อแม่ยังหนุ่มสาวตลาดแห่งนี้เป็นศูนย์รวมสินค้าจากหลากหลายประเทศในแถบอินโดจีน ไม่ว่าจะเป็นลาว เวียดนาม ไทย และประเทศอื่นๆ คนทั่วไปจึงเรียกตลาดแห่งนี้ว่า ‘ตลาดอินโดจีน’ และก่อนที่จะมีการสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว นั้น ท่าเรือของตลาดแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นจุดผ่านแดนถาวรสำหรับผู้ซึ่งต้องการจะเดินทางไปมาระหว่างราชอาณาจักรไทย กับ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) มีเรือข้ามฟากสัญจรไปมาระหว่างสองฝั่งแม่น้ำโขงอย่างคึกคัก ก็เลยเป็นที่มาให้คนท้องถิ่นนิยมเรียกชื่อตลาดแห่งนี้ว่า ‘ตลาดท่าเรือ’จนถึงเมื่อปี พ.ศ.2498 เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ขึ้นที่จังหวัดหนองคาย ‘พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9’ พร้อมด้วย ‘สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ’ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมเยียนราษฎรผู้ประสบอุทกภัย และได้เสด็จฯ ขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ณ ท่าเรือของตลาดแห่งนี้ ‘ตลาดท่าเรือ’ จึงถูกเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น ‘ตลาดท่าเสด็จ’ ซึ่งเป็นชื่อที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้จักในปัจจุบันด
“แล้ววันนี้ลูกค้าจะมากี่โมงคะแม่ เผื่อดาวจะแว่บไปงีบสักแป๊บนึงน่ะค่ะ เดี๋ยวพอลูกค้ามา ดาวจะออกมาช่วย” “ดาวนอนไปเถอะลูก ตื่นเมื่อไหร่ก็ค่อยมาช่วยล่ะกัน วันนี้เป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกน่ะ สี่คนเอง แม่กับพวกพี่ๆ เขาดูแลกันเองได้ ดาวพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวจะเสียชื่อเจ้าของเกสเฮ้าท์หมด” “ทำไมเหรอคะแม่ แม่กลัวดาวไม่สวยเหรอ แค่นี้ดาวก็สวยจะแย่แล้ว” ดวงดาราอมยิ้มทำสีหน้าภูมิใจในความสวยของตัวเอง “ก็คงอย่างงั้นแหละ ยิ่งถ้าใครมาเห็นสภาพตอนนี้ สงสัยได้วิ่งกันป่าราบ” เดือนปรายตามองลูกสาวพร้อมทำท่าทางขนลุกขนพองราวกับเห็นตัวประหลาด “แม่อ่ะ ดาวน่ะสวยยี่สิบสี่นะคะ” “จ้า... แม่เชื่อ อย่างนั้นเราปิดเกสเฮ้าท์แล้วเปลี่ยนเป็นเปิดเซเว่นแทนดีมั้ย จะได้ไม่เสียชื่อดาวสวยยี่สิบสี่” “แม่อ่ะ ทันลูกทุกครั้งเลยนะ”ดวงดาราตัดพ้อทำท่ากระฟัดกระเฟียดที่แม่รู้ทันเธอไปซะทุกอย่าง แม้แต่เธออยากสวยไม่มีวันพักผ่อนเหมือนร้านสะดวกซื้อที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง แม่ก็ยังรับมุกเธอได้ “ก็ลองไม่ทันสิ ทะโมนอย่างเรา แม่จะไปตามจากที่ไหนได้ล่ะ แม่น่ะไม่ไหวจะเคลียร์กับ
ดวงดารายังปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปในอดีต เธอไม่มีความทรงจำร่วมกับ ‘เขา’ คนนั้นเลยสักนิด มีเพียงความทรงจำว่า ‘ไม่เคย’ มีเขา แต่หากเลือกได้และทุกสิ่งเป็นไปตามที่เธอคิด ถ้าเขาเป็นเจ้าของจดหมายฉบับนั้นจริง เธอก็ขอให้นับแต่นี้ไปมีเขาคนนั้นเข้ามาในชีวิต และคงจะดีที่สุด หากความทรงจำครั้งใหม่จะมีพร้อมหน้า ‘พ่อ แม่ ลูก’ แต่หากไม่เป็นดังคิด เธอก็ยังอยากไปหา อยากไปเห็น แค่อยากรู้ว่า ‘เขา’ อยู่ดีมีสุขหรือเปล่า ทำไมไม่มาดูดำดูดีเธอกับแม่บ้าง หรือเขาไม่เคยคิดว่ามีเธอเป็นลูกอยู่ทางนี้อีกคน “ดาว” น้ำเสียงอ่อนโยนที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ดวงดาราสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หันมาส่งรอยยิ้มสดชื่นให้กับคนที่รักเธอมากที่สุดในชีวิต “คะแม่” ดวงดาราขานรับ พลางเดินเข้าไปกอดกระชับต้นแขนอุ่นๆ ของแม่ มองเสี้ยวหน้าสวยของแม่อย่างชื่นชมแม่ในวัย 42 ปี แต่ยังดูสวยอยู่มาก ดูราวกับเป็นพี่สาวของเธอมากกว่าจะเป็นแม่ด้วยซ้ำ แม้จะมีชายหลากวัยขยันแวะเวียนกันมาขายขนมจีบ แต่แม่ก็ไม่เคยหวั่นไหว แม่ครองตัวเป็นโสดและเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมาจนถึงวันนี้ทุกครั้งที่เ
ละอองความชื้นจากบรรยากาศรุ่งสางทำให้คนที่นอนไม่หลับตลอดทั้งคืนตัดสินใจออกมาเดินเล่นที่ระเบียงริมน้ำ เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์และซึมซับเอาพลังงานดีรอบกายเข้าสู่ตนเองให้มากที่สุด สิ่งที่รับรู้เมื่อช่วงหัวค่ำของคืนวาน ส่งผลให้ไม่อาจฝืนข่มตาหลับได้สักนาทีเดียว ในหัวมีแต่คำถามว่าควรทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าสิ่งที่สงสัยนั้นเป็นจริงหรือเปล่า หรือทั้งหมดเป็นเพียงความโหยหาที่คิดไปเอง ดวงตากลมโตมีแววอิดโรยทอดมองไปจนสุดสายตา ณ ที่แห่งนั้น แผ่นดินที่สะพานมิตรภาพเชื่อมไปถึง ‘นครหลวงเวียงจันทน์’ เธออยากข้ามไปเหลือเกิน เพียงคิด... แพขนตางอนหนาก็ต้องกะพริบถี่เพื่อขับไล่หยาดน้ำที่เริ่มจะเอ่อซึมออกมาอีก ยามนึกถึงเหตุการณ์ที่กระตุ้นหัวใจให้เธออยากไปตามหาความจริง เพื่อไขสิ่งติดค้างในใจให้หมดไป เมื่อคืนเพราะความรีบจะไปบอกให้แม่รู้ว่ามีลูกค้ามาติดต่อขอเข้าพักเกสเฮ้าท์ทั้งที่ค่ำแล้ว เผื่อแม่จะสั่งให้เปิดครัวทำอาหารว่างอย่างง่ายๆ ให้ลูกค้า แต่เสียงร้องไห้ที่ดังเล็ดลอดออกมาจากในห้องของแม่ กลับทำเธอชะงัก ไม่กล้าที่จะเข้าไปหรือแม้แต่ส่งเสียงเรียก ทว่าหัวใจกลับผลักดันให้เธอล