รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเมื่อนึกย้อนไปถึงอดีต ความช่างสงสัยในวัยเยาว์ทำให้พ่อแม่บอกเล่าความเป็นมาของตลาดแห่งนี้ สมัยพ่อแม่ยังหนุ่มสาวตลาดแห่งนี้เป็นศูนย์รวมสินค้าจากหลากหลายประเทศในแถบอินโดจีน ไม่ว่าจะเป็นลาว เวียดนาม ไทย และประเทศอื่นๆ คนทั่วไปจึงเรียกตลาดแห่งนี้ว่า ‘ตลาดอินโดจีน’ และก่อนที่จะมีการสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว นั้น ท่าเรือของตลาดแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นจุดผ่านแดนถาวรสำหรับผู้ซึ่งต้องการจะเดินทางไปมาระหว่างราชอาณาจักรไทย กับ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) มีเรือข้ามฟากสัญจรไปมาระหว่างสองฝั่งแม่น้ำโขงอย่างคึกคัก ก็เลยเป็นที่มาให้คนท้องถิ่นนิยมเรียกชื่อตลาดแห่งนี้ว่า ‘ตลาดท่าเรือ’
จนถึงเมื่อปี พ.ศ.2498 เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ขึ้นที่จังหวัดหนองคาย ‘พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9’ พร้อมด้วย ‘สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ’ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมเยียนราษฎรผู้ประสบอุทกภัย และได้เสด็จฯ ขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ณ ท่าเรือของตลาดแห่งนี้ ‘ตลาดท่าเรือ’ จึงถูกเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น ‘ตลาดท่าเสด็จ’ ซึ่งเป็นชื่อที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้จักในปัจจุบัน
ดังนั้นการเปิดบ้านเพื่อเป็นเกสเฮ้าท์จึงเป็นโอกาสที่จะสร้างอาชีพมั่นคงให้กับเธอได้ดีที่สุด เพราะเป็นทางเลือกหนึ่งให้กับนักท่องเที่ยวได้พักค้างคืนเพื่อเยี่ยมชมบรรยากาศริมแม่น้ำโขงในยามค่ำคืนและในยามเช้าตรู่ หรือหากจะไปเที่ยวที่เวียงจันทน์แบบไปเช้าเย็นกลับ การเลือกเข้าพักใน ‘ดวงดารา เกสเฮ้าท์’ ก็เป็นทางเลือกที่สะดวก เพราะบ้านของเธออยู่ไม่ไกลจาก ‘ตลาดท่าเสด็จ’ เลย
และเธอก็คิดไม่ผิด เพราะช่วงที่มีการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เกสเฮ้าท์ถูกเหมาเป็นรายเดือน สร้างรายได้ให้เธอเป็นกอบเป็นกำ เมื่อทุนเพิ่มขึ้นเธอจึงตัดสินใจสร้างอพาตเม้นท์สูง 4 ชั้น 20 ห้อง บนที่ดินด้านข้าง ปรับปรุงบ้านด้านล่างเปิดกว้างไว้สำหรับเป็นห้องอาหารและโซนพักผ่อนต่างๆ ให้กับแขกที่มาเข้าพักค้างคืนและลูกค้าขาจรที่มากินอาหาร ส่วนชั้นบนนั้นห้องรับรองแขกที่พ่อกันเอาไว้จึงกลายเป็นห้องนอนของดวงดาราอย่างลงตัว
ทุกพื้นที่ถูกจัดสัดส่วนให้เหมาะกับประโยชน์ใช้สอย แม้แต่ระเบียงริมน้ำนี้ เมื่อลูกสาวออกความคิดเห็นว่าควรทำเป็นมุมนั่งเล่นทอดอารมณ์ชมโขง เธอก็ไม่ขัด และผลก็ออกมาดีจริงๆ เพราะนี่คือจุดเช็คอินที่ลูกค้าพูดถึงมากที่สุด
เดือนเคลื่อนสายตามองอาณาจักรที่เธอสร้างขึ้นเพื่อลูกสาวอย่างภาคภูมิ ก่อนจะพาร่างงดงามสมวัยเดินตรงไปสู่ด้านในตัวบ้าน เมื่อแดดยามเช้าไล่ระดับตามเวลาที่ก้าวเดิน
.
.
“คุณเดือนคะ ลูกค้าที่จองห้องไว้มาถึงแล้วค่ะ รินให้เขารออยู่ที่ห้องรับรอง”
เดือนละสายตาจากจานอาหารที่กำลังตกแต่งเงยหน้าขึ้นมอง นารินพนักงานต้อนรับร่างอวบวัย 30 ปีกว่า ที่เยี่ยมหน้าเข้ามาในครัว ยิ้มอ่อนโยนก่อนจะพูด
“อืม... รินไปคอยดูพวกเขาก่อนนะ หาเครื่องดื่มรับรองให้ด้วย เดี๋ยวฉันจะตามออกไป”
มือจัดจานอาหารต่ออย่างเร็วรี่ เพราะใกล้เวลาอาหารเที่ยงเข้ามาทุกที ทั้งลูกค้าที่เข้าพักและลูกค้าขาจรก็จะทยอยกันเข้ามากินอาหาร เธอจึงต้องเร่งมือให้ไวยิ่งขึ้น
แม้จะเป็นเพียงเกสเฮ้าท์ขนาดเล็กแต่เธอก็อยากให้ลูกค้าทุกคนที่มาพักได้รับความประทับใจกลับไปมากที่สุด เพื่อหวังผลให้เขากลับมาเยี่ยมเยือนกันอีกครั้ง ซึ่งผลตอบรับจากสิ่งที่ทำก็ดีตามคาดเพราะในส่วนของร้านอาหารมีลูกค้าขาจรเข้ามากินอาหารเยอะเป็นพิเศษ จนแม่ครัวของเธอวิ่งวุ่นทำอาหารมือเป็นระวิง เธอจึงเข้ามาช่วยจัดตกแต่งจานอาหารเพื่อแบ่งเบา และมอบหมายให้นารินคอยดูแลพื้นที่โดยรวม
“ค่ะคุณเดือน รินจะดูแลให้ดีที่สุดค่ะ”
นารินรับคำ แววตาเปี่ยมไปด้วยความเทิดทูนปรากฏบนใบหน้าขาวหมดจดตามแบบฉบับสาวหนองคาย กว่า 10 ปีแล้วที่ทำงานอยู่ที่นี่ จากผู้หญิงเร่ร่อนท้องแก่ที่ไม่รู้เลยว่าเด็กในท้องเป็นลูกของผู้ชายคนไหน เพราะเธอใช้ชีวิตบนเส้นทางประมาท จนญาติพี่น้องขับไล่ไสส่งเพราะกลัวว่าเธอจะมาสร้างปัญหาให้ ไม่มีใครให้พึ่งพิงจนคิดฆ่าตัวตาย โชคดีเหลือเกินที่ได้เจ้าของเกสเฮ้าท์แห่งนี้ให้ความช่วยเหลือ เธอได้ที่พัก อาหาร และงานที่ดีที่สุด ทั้งชีวิตนี้เธอและลูกจะฝากไว้ที่ ‘ดวงดารา’ อย่างซื่อสัตย์ จะไม่จากไปไหน
“เอ่อ! รินเดี๋ยวก่อน”
“คะ คุณเดือน”
“เดี๋ยวริชชี่กลับมาจากโรงเรียนให้ไปหาพี่ดาวด้วยนะ ดาวเขาเก็บเสื้อผ้าเอาไว้ให้น่ะ ดูเหมือนจะมีรองเท้าคู่ใหม่ของเจ้าริชด้วยนะ”
“ค่ะ คุณเดือน รินขอบคุณมากนะคะ”
เดือนพยักหน้ายิ้มๆ เมื่อเห็นดวงตาวาวไปด้วยหยาดน้ำอย่างซาบซึ้งใจของนารินก่อนจะก้มลงจัดจานอาหารต่อ เธอและพนักงานที่นี่อยู่กันแบบพี่น้อง ช่วยเหลือกันตามที่พอช่วยได้ โดยเฉพาะนารินกับ ‘ริชชี่’ เด็กหญิงตัวอ้วนกลมที่เธอคิดว่าเป็นญาติสนิท เพราะช่วยเหลือกันมาตั้งแต่เจ้าริชชี่ยังไม่คลอด
.
.
ดวงดาราค่อยๆ เยี่ยมหน้ามองผ่านประตูห้องครัวไปยังห้องรับรองด้านนอก เมื่อได้ยินเสียงหวานและเจือไปด้วยความอ่อนโยนของแม่ดังแว่วมาจากทางนั้น เธอต้องแน่ใจว่าแม่อยู่ที่นั่นจริงๆ แม่กำลังต้อนรับลูกค้าที่มากันเป็นครอบครัว ซึ่งประกอบไปด้วยพ่อแม่วัยทำงานและลูกในวัยไม่น่าจะเกิน 10 ปี
เห็นดังนั้นดวงดาราก็มั่นใจว่าแม่จะไม่กลับขึ้นไปบนห้องนอนในเวลานี้แน่ เพราะถ้าลูกค้ามีเด็กเล็กมาด้วย แม่จะยิ่งดูแลเป็นพิเศษไม่ให้คลาดสายตา เพราะแม่ห่วงใยเด็กทุกคน ไม่ต่างจากที่แม่ห่วงใยเธอมากจนเกินพอดี
นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอไม่สบายใจที่สุด แม้ ‘ปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 1’ จะการันตีความรักดีของเธอ แต่ความห่วงใยจนเกินกว่าเหตุของแม่ก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย เพราะตั้งแต่เรียนจบ แม่ไม่ยอมให้เธอไปทำงานที่ไหน แม่ให้เธอช่วยงานที่เกสเฮ้าท์ด้วยเหตุผลว่าเธอต้องสานต่อธุรกิจนี้ ทั้งที่เธอขอ นั่นคืออีกสิ่งที่อึดอัด แม้จะอายุ 22 ปีแล้ว แม่ก็ยังล้อมคอกป้องกันเธอทุกทาง ไม่ยอมให้รอดพ้นสายตา ทั้งๆ ที่คำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ จวบจนวันนี้เธอก็ไม่เคยฝ่าฝืน ‘ห้าม! ข้ามไปฝั่งโน้นเด็ดขาด’ ห้ามแม้กระทั่งเหยียบย่างขึ้นไปบนสะพานข้ามโขง แม่กลัวว่าเธอจะไปหาใครทางนั้นใช่ไหม แต่แม่จะรู้ไหมว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ยิ่งปิดกั้นเธอก็ยิ่งอยากรู้ ทุกอย่างเป็นแรงผลักดันให้เธอต้องรู้ให้ได้ ว่าความจริงคืออะไร แล้ววันนี้เธอจะต้องรู้ให้ได้“พี่ดาวดูอะไรเหรอคะ”“อุ้ย! เจ้าริช มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ตกใจหมด”‘ริชชี่’ คือเด็กหญิงลูกครึ่งยุโรปวัย 10 ปี ที่ไม่รู้ว่าเป็นชาติไหนกับแม่คนไทย เด็กหญิงที่คลอดออกมาในบ้านของเธอเพราะ นารินไปโรงพยาบาลไม่ทัน แม่ของเธอจึงตั้งชื่อเด็กหญิงตัวอ้วนกลมเหมือนหมูสีชมพูแต่มีห
ละอองความชื้นจากบรรยากาศรุ่งสางทำให้คนที่นอนไม่หลับตลอดทั้งคืนตัดสินใจออกมาเดินเล่นที่ระเบียงริมน้ำ เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์และซึมซับเอาพลังงานดีรอบกายเข้าสู่ตนเองให้มากที่สุด สิ่งที่รับรู้เมื่อช่วงหัวค่ำของคืนวาน ส่งผลให้ไม่อาจฝืนข่มตาหลับได้สักนาทีเดียว ในหัวมีแต่คำถามว่าควรทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าสิ่งที่สงสัยนั้นเป็นจริงหรือเปล่า หรือทั้งหมดเป็นเพียงความโหยหาที่คิดไปเอง ดวงตากลมโตมีแววอิดโรยทอดมองไปจนสุดสายตา ณ ที่แห่งนั้น แผ่นดินที่สะพานมิตรภาพเชื่อมไปถึง ‘นครหลวงเวียงจันทน์’ เธออยากข้ามไปเหลือเกิน เพียงคิด... แพขนตางอนหนาก็ต้องกะพริบถี่เพื่อขับไล่หยาดน้ำที่เริ่มจะเอ่อซึมออกมาอีก ยามนึกถึงเหตุการณ์ที่กระตุ้นหัวใจให้เธออยากไปตามหาความจริง เพื่อไขสิ่งติดค้างในใจให้หมดไป เมื่อคืนเพราะความรีบจะไปบอกให้แม่รู้ว่ามีลูกค้ามาติดต่อขอเข้าพักเกสเฮ้าท์ทั้งที่ค่ำแล้ว เผื่อแม่จะสั่งให้เปิดครัวทำอาหารว่างอย่างง่ายๆ ให้ลูกค้า แต่เสียงร้องไห้ที่ดังเล็ดลอดออกมาจากในห้องของแม่ กลับทำเธอชะงัก ไม่กล้าที่จะเข้าไปหรือแม้แต่ส่งเสียงเรียก ทว่าหัวใจกลับผลักดันให้เธอล
ดวงดารายังปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปในอดีต เธอไม่มีความทรงจำร่วมกับ ‘เขา’ คนนั้นเลยสักนิด มีเพียงความทรงจำว่า ‘ไม่เคย’ มีเขา แต่หากเลือกได้และทุกสิ่งเป็นไปตามที่เธอคิด ถ้าเขาเป็นเจ้าของจดหมายฉบับนั้นจริง เธอก็ขอให้นับแต่นี้ไปมีเขาคนนั้นเข้ามาในชีวิต และคงจะดีที่สุด หากความทรงจำครั้งใหม่จะมีพร้อมหน้า ‘พ่อ แม่ ลูก’ แต่หากไม่เป็นดังคิด เธอก็ยังอยากไปหา อยากไปเห็น แค่อยากรู้ว่า ‘เขา’ อยู่ดีมีสุขหรือเปล่า ทำไมไม่มาดูดำดูดีเธอกับแม่บ้าง หรือเขาไม่เคยคิดว่ามีเธอเป็นลูกอยู่ทางนี้อีกคน “ดาว” น้ำเสียงอ่อนโยนที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ดวงดาราสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หันมาส่งรอยยิ้มสดชื่นให้กับคนที่รักเธอมากที่สุดในชีวิต “คะแม่” ดวงดาราขานรับ พลางเดินเข้าไปกอดกระชับต้นแขนอุ่นๆ ของแม่ มองเสี้ยวหน้าสวยของแม่อย่างชื่นชมแม่ในวัย 42 ปี แต่ยังดูสวยอยู่มาก ดูราวกับเป็นพี่สาวของเธอมากกว่าจะเป็นแม่ด้วยซ้ำ แม้จะมีชายหลากวัยขยันแวะเวียนกันมาขายขนมจีบ แต่แม่ก็ไม่เคยหวั่นไหว แม่ครองตัวเป็นโสดและเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมาจนถึงวันนี้ทุกครั้งที่เ
“แล้ววันนี้ลูกค้าจะมากี่โมงคะแม่ เผื่อดาวจะแว่บไปงีบสักแป๊บนึงน่ะค่ะ เดี๋ยวพอลูกค้ามา ดาวจะออกมาช่วย” “ดาวนอนไปเถอะลูก ตื่นเมื่อไหร่ก็ค่อยมาช่วยล่ะกัน วันนี้เป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกน่ะ สี่คนเอง แม่กับพวกพี่ๆ เขาดูแลกันเองได้ ดาวพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวจะเสียชื่อเจ้าของเกสเฮ้าท์หมด” “ทำไมเหรอคะแม่ แม่กลัวดาวไม่สวยเหรอ แค่นี้ดาวก็สวยจะแย่แล้ว” ดวงดาราอมยิ้มทำสีหน้าภูมิใจในความสวยของตัวเอง “ก็คงอย่างงั้นแหละ ยิ่งถ้าใครมาเห็นสภาพตอนนี้ สงสัยได้วิ่งกันป่าราบ” เดือนปรายตามองลูกสาวพร้อมทำท่าทางขนลุกขนพองราวกับเห็นตัวประหลาด “แม่อ่ะ ดาวน่ะสวยยี่สิบสี่นะคะ” “จ้า... แม่เชื่อ อย่างนั้นเราปิดเกสเฮ้าท์แล้วเปลี่ยนเป็นเปิดเซเว่นแทนดีมั้ย จะได้ไม่เสียชื่อดาวสวยยี่สิบสี่” “แม่อ่ะ ทันลูกทุกครั้งเลยนะ”ดวงดาราตัดพ้อทำท่ากระฟัดกระเฟียดที่แม่รู้ทันเธอไปซะทุกอย่าง แม้แต่เธออยากสวยไม่มีวันพักผ่อนเหมือนร้านสะดวกซื้อที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง แม่ก็ยังรับมุกเธอได้ “ก็ลองไม่ทันสิ ทะโมนอย่างเรา แม่จะไปตามจากที่ไหนได้ล่ะ แม่น่ะไม่ไหวจะเคลียร์กับ
นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอไม่สบายใจที่สุด แม้ ‘ปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 1’ จะการันตีความรักดีของเธอ แต่ความห่วงใยจนเกินกว่าเหตุของแม่ก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย เพราะตั้งแต่เรียนจบ แม่ไม่ยอมให้เธอไปทำงานที่ไหน แม่ให้เธอช่วยงานที่เกสเฮ้าท์ด้วยเหตุผลว่าเธอต้องสานต่อธุรกิจนี้ ทั้งที่เธอขอ นั่นคืออีกสิ่งที่อึดอัด แม้จะอายุ 22 ปีแล้ว แม่ก็ยังล้อมคอกป้องกันเธอทุกทาง ไม่ยอมให้รอดพ้นสายตา ทั้งๆ ที่คำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ จวบจนวันนี้เธอก็ไม่เคยฝ่าฝืน ‘ห้าม! ข้ามไปฝั่งโน้นเด็ดขาด’ ห้ามแม้กระทั่งเหยียบย่างขึ้นไปบนสะพานข้ามโขง แม่กลัวว่าเธอจะไปหาใครทางนั้นใช่ไหม แต่แม่จะรู้ไหมว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ยิ่งปิดกั้นเธอก็ยิ่งอยากรู้ ทุกอย่างเป็นแรงผลักดันให้เธอต้องรู้ให้ได้ ว่าความจริงคืออะไร แล้ววันนี้เธอจะต้องรู้ให้ได้“พี่ดาวดูอะไรเหรอคะ”“อุ้ย! เจ้าริช มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ตกใจหมด”‘ริชชี่’ คือเด็กหญิงลูกครึ่งยุโรปวัย 10 ปี ที่ไม่รู้ว่าเป็นชาติไหนกับแม่คนไทย เด็กหญิงที่คลอดออกมาในบ้านของเธอเพราะ นารินไปโรงพยาบาลไม่ทัน แม่ของเธอจึงตั้งชื่อเด็กหญิงตัวอ้วนกลมเหมือนหมูสีชมพูแต่มีห
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเมื่อนึกย้อนไปถึงอดีต ความช่างสงสัยในวัยเยาว์ทำให้พ่อแม่บอกเล่าความเป็นมาของตลาดแห่งนี้ สมัยพ่อแม่ยังหนุ่มสาวตลาดแห่งนี้เป็นศูนย์รวมสินค้าจากหลากหลายประเทศในแถบอินโดจีน ไม่ว่าจะเป็นลาว เวียดนาม ไทย และประเทศอื่นๆ คนทั่วไปจึงเรียกตลาดแห่งนี้ว่า ‘ตลาดอินโดจีน’ และก่อนที่จะมีการสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว นั้น ท่าเรือของตลาดแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นจุดผ่านแดนถาวรสำหรับผู้ซึ่งต้องการจะเดินทางไปมาระหว่างราชอาณาจักรไทย กับ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) มีเรือข้ามฟากสัญจรไปมาระหว่างสองฝั่งแม่น้ำโขงอย่างคึกคัก ก็เลยเป็นที่มาให้คนท้องถิ่นนิยมเรียกชื่อตลาดแห่งนี้ว่า ‘ตลาดท่าเรือ’จนถึงเมื่อปี พ.ศ.2498 เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ขึ้นที่จังหวัดหนองคาย ‘พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9’ พร้อมด้วย ‘สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ’ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมเยียนราษฎรผู้ประสบอุทกภัย และได้เสด็จฯ ขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ณ ท่าเรือของตลาดแห่งนี้ ‘ตลาดท่าเรือ’ จึงถูกเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น ‘ตลาดท่าเสด็จ’ ซึ่งเป็นชื่อที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้จักในปัจจุบันด
“แล้ววันนี้ลูกค้าจะมากี่โมงคะแม่ เผื่อดาวจะแว่บไปงีบสักแป๊บนึงน่ะค่ะ เดี๋ยวพอลูกค้ามา ดาวจะออกมาช่วย” “ดาวนอนไปเถอะลูก ตื่นเมื่อไหร่ก็ค่อยมาช่วยล่ะกัน วันนี้เป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกน่ะ สี่คนเอง แม่กับพวกพี่ๆ เขาดูแลกันเองได้ ดาวพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวจะเสียชื่อเจ้าของเกสเฮ้าท์หมด” “ทำไมเหรอคะแม่ แม่กลัวดาวไม่สวยเหรอ แค่นี้ดาวก็สวยจะแย่แล้ว” ดวงดาราอมยิ้มทำสีหน้าภูมิใจในความสวยของตัวเอง “ก็คงอย่างงั้นแหละ ยิ่งถ้าใครมาเห็นสภาพตอนนี้ สงสัยได้วิ่งกันป่าราบ” เดือนปรายตามองลูกสาวพร้อมทำท่าทางขนลุกขนพองราวกับเห็นตัวประหลาด “แม่อ่ะ ดาวน่ะสวยยี่สิบสี่นะคะ” “จ้า... แม่เชื่อ อย่างนั้นเราปิดเกสเฮ้าท์แล้วเปลี่ยนเป็นเปิดเซเว่นแทนดีมั้ย จะได้ไม่เสียชื่อดาวสวยยี่สิบสี่” “แม่อ่ะ ทันลูกทุกครั้งเลยนะ”ดวงดาราตัดพ้อทำท่ากระฟัดกระเฟียดที่แม่รู้ทันเธอไปซะทุกอย่าง แม้แต่เธออยากสวยไม่มีวันพักผ่อนเหมือนร้านสะดวกซื้อที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง แม่ก็ยังรับมุกเธอได้ “ก็ลองไม่ทันสิ ทะโมนอย่างเรา แม่จะไปตามจากที่ไหนได้ล่ะ แม่น่ะไม่ไหวจะเคลียร์กับ
ดวงดารายังปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปในอดีต เธอไม่มีความทรงจำร่วมกับ ‘เขา’ คนนั้นเลยสักนิด มีเพียงความทรงจำว่า ‘ไม่เคย’ มีเขา แต่หากเลือกได้และทุกสิ่งเป็นไปตามที่เธอคิด ถ้าเขาเป็นเจ้าของจดหมายฉบับนั้นจริง เธอก็ขอให้นับแต่นี้ไปมีเขาคนนั้นเข้ามาในชีวิต และคงจะดีที่สุด หากความทรงจำครั้งใหม่จะมีพร้อมหน้า ‘พ่อ แม่ ลูก’ แต่หากไม่เป็นดังคิด เธอก็ยังอยากไปหา อยากไปเห็น แค่อยากรู้ว่า ‘เขา’ อยู่ดีมีสุขหรือเปล่า ทำไมไม่มาดูดำดูดีเธอกับแม่บ้าง หรือเขาไม่เคยคิดว่ามีเธอเป็นลูกอยู่ทางนี้อีกคน “ดาว” น้ำเสียงอ่อนโยนที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ดวงดาราสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หันมาส่งรอยยิ้มสดชื่นให้กับคนที่รักเธอมากที่สุดในชีวิต “คะแม่” ดวงดาราขานรับ พลางเดินเข้าไปกอดกระชับต้นแขนอุ่นๆ ของแม่ มองเสี้ยวหน้าสวยของแม่อย่างชื่นชมแม่ในวัย 42 ปี แต่ยังดูสวยอยู่มาก ดูราวกับเป็นพี่สาวของเธอมากกว่าจะเป็นแม่ด้วยซ้ำ แม้จะมีชายหลากวัยขยันแวะเวียนกันมาขายขนมจีบ แต่แม่ก็ไม่เคยหวั่นไหว แม่ครองตัวเป็นโสดและเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมาจนถึงวันนี้ทุกครั้งที่เ
ละอองความชื้นจากบรรยากาศรุ่งสางทำให้คนที่นอนไม่หลับตลอดทั้งคืนตัดสินใจออกมาเดินเล่นที่ระเบียงริมน้ำ เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์และซึมซับเอาพลังงานดีรอบกายเข้าสู่ตนเองให้มากที่สุด สิ่งที่รับรู้เมื่อช่วงหัวค่ำของคืนวาน ส่งผลให้ไม่อาจฝืนข่มตาหลับได้สักนาทีเดียว ในหัวมีแต่คำถามว่าควรทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าสิ่งที่สงสัยนั้นเป็นจริงหรือเปล่า หรือทั้งหมดเป็นเพียงความโหยหาที่คิดไปเอง ดวงตากลมโตมีแววอิดโรยทอดมองไปจนสุดสายตา ณ ที่แห่งนั้น แผ่นดินที่สะพานมิตรภาพเชื่อมไปถึง ‘นครหลวงเวียงจันทน์’ เธออยากข้ามไปเหลือเกิน เพียงคิด... แพขนตางอนหนาก็ต้องกะพริบถี่เพื่อขับไล่หยาดน้ำที่เริ่มจะเอ่อซึมออกมาอีก ยามนึกถึงเหตุการณ์ที่กระตุ้นหัวใจให้เธออยากไปตามหาความจริง เพื่อไขสิ่งติดค้างในใจให้หมดไป เมื่อคืนเพราะความรีบจะไปบอกให้แม่รู้ว่ามีลูกค้ามาติดต่อขอเข้าพักเกสเฮ้าท์ทั้งที่ค่ำแล้ว เผื่อแม่จะสั่งให้เปิดครัวทำอาหารว่างอย่างง่ายๆ ให้ลูกค้า แต่เสียงร้องไห้ที่ดังเล็ดลอดออกมาจากในห้องของแม่ กลับทำเธอชะงัก ไม่กล้าที่จะเข้าไปหรือแม้แต่ส่งเสียงเรียก ทว่าหัวใจกลับผลักดันให้เธอล