“นี่มีสิทธิ์อะไรมาพูดหา? แกมันก็แค่ไอ้ผู้ชายไร้ค่า ไอ้หน้าขาว! หุบปากไปซะ!” หลีถิงชี้ไปที่เย่เฟิงพลางตะโกนด่าอย่างเกรี้ยวกราดเพี๊ยะ!เสียงนั้นยังไม่ทันจบ หลีเอียนก็ตบหน้าหลีถิงทันที “หลีถิง ฟังให้ดีนะ! ถ้าแกกล้าด่าสามีฉันอีกครั้ง ฉันจะตบแกอีกทุกครั้ง!”บรรยากาศของประธานสาวคนสวยเผยออกมาอย่างไม่เกรงใจ“แก…แก…” หลีถิงกุมแก้มตนเอง มองหลีเอียนด้วยความโกรธแค้น แต่ครอบครัวพวกเขาต้องพึ่งพาหลีเอียนจึงไม่กล้าตอบโต้“เอียนเอ๋อร์ พวกเราก็ครอบครัวเดียวกัน จะให้เป็นแบบนี้จริงๆ เหรอ? คุณย่าของเธอให้พวกเรามาขอร้องเธอแล้ว ต่างคนต่างหาทางออกกันดีไหม? ฉันจะถอนตัวจากการบริหารบริษัท ให้เธอเข้ามาดูแลต่อ ไม่ดีหรือไง?”หลีเทียนกังถอนหายใจลึกๆ พลางเปลี่ยนท่าทีให้อ่อนลงหลีเอียนแค่นเสียงเยาะเย้ย “หึ…ตอนนี้ถึงรู้จักหาทางออกดีๆ งั้นเหรอ? ลุงรอง พวกคุณกลับไปได้แล้ว! ตอนที่ย่าของฉันไล่พวกเราออกจากตระกูลหลี แถมยังริบหุ้นในธุรกิจของตระกูลทั้งหมดไป จำได้ไหม?ถ้าจะให้ฉันกลับไปบริหารบริษัท ย่าต้องมาเองและพูดขอโทษฉันด้วยตัวเอง!คำพูดของพวกคุณ ฉันไม่เชื่อ!”ความหมายคือ ครอบครัวของหลีเทียนกังทั้งสามคน ไม
สวีเพ่ยเพ่ยแม้จะรู้สึกสะใจ แต่ก็อดกังวลไม่ได้ เธอถามด้วยน้ำเสียงลังเล “เอียนเอ๋อร์ เธอให้คุณย่ามาขอโทษเธอด้วยตัวเอง แบบนี้…จะเป็นไปได้ไหม? คุณย่าของเธอน่ะ เป็นคนที่รักษาหน้าตาที่สุดเลยนะ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลีเทียนหยางก็ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ยังมีเรื่องนี้ด้วยหรือ? เอียนเอ๋อร์ แบบนี้มันไม่มากไปหน่อยเหรอ? นั่นมันคุณย่าของเธอนะ!”หลีเอียนกัดริมฝีปากของตัวเองแล้วตอบว่า “มากไปเหรอ? ย่าบังคับให้ฉันแต่งงานกับฉู่เทียนหลง ไม่มากไปเหรอ? ย่าผิดคำพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มากไปเหรอ? ย่าไล่พวกเราออกจากตระกูล แล้วยังริบหุ้นที่เป็นของเราไปอีก มันไม่มากไปเหรอ? ย่ายังจัดงานเลี้ยงยินดีกับลุงรอง แล้วยังเรียกพวกเราไปเพียงเพื่อจะเยาะเย้ย ดูถูก ไม่มากไปหรือไง?”ไม่กี่คำที่พูดออกมา ก็ทำให้หลีเทียนหยางถึงกับพูดไม่ออก! เขาอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจยาว ไม่พูดอะไรออกมาอีก“มาแน่นอน! คุณย่าจะต้องมา! เพราะเธอรักหน้าตามากถึงขนาดนั้น ถ้าต้องเลือกระหว่างขึ้นศาลหรือเข้าคุก แบบไหนจะทำให้เธอเสียหน้ามากกว่ากัน?” เย่เฟิงพูดแทนคำตอบให้กับคำถามของแม่ยายเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนในห้องก็ยังคงแ
ในตอนนั้นเอง เย่เฟิงคว้ามือของหลีเอียนมากุมไว้แน่น หลีเอียนรู้สึกถึงความมั่นคงในใจ สายตาของเธอจ้องตรงไปยังผู้อาวุโสหลีอีกครั้ง ความกดดัน ความไม่ยุติธรรม และความอึดอัดที่เธอได้รับจากผู้อาวุโสมานานได้ถาโถมเข้ามาในใจ“คุณย่าคะ ย่าไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำกับหนูบ้างเลยเหรอคะ?” หลีเอียนถามผู้อาวุโสหลี“หึ! ฉันมีอะไรให้ต้องรู้สึกผิด?” ผู้อาวุโสหลีแค่นเสียงเย็นชา แล้วถามกลับอย่างแข็งกร้าว“หลีเอียน แกนี่มันปีนเกลียวจริงๆ! ย่าของแกยอมมาหาเองขนาดนี้แล้ว ยังไม่พออีกเหรอ? ฉันถามแค่ว่า แกจะยอมกลับไปดูแลบริษัทยาไหม? แล้วช่วยเคลียร์ปัญหากับพวกตัวแทนจำหน่ายให้เรียบร้อย?” หลีเทียนกังถามด้วยสีหน้าหนักแน่นมีผู้อาวุโสอยู่ตรงนี้ เขาจึงมีท่าทีแข็งกร้าวอีกครั้ง“นั่นน่ะสิ! ตอบมาเลยเถอะ!”“ทำไม? จะให้คุณย่าคุกเข่าขอร้องแกอีกเหรอ? หลีเอียน แกไม่กลัวฟ้าผ่าเลยหรือไง?” หลี่เยว่ผิงและหลีถิงเองก็กล่าวต่อว่าด้วยวิธีบีบบังคับเช่นกัน!หลีเอียนไม่ได้สนใจพวกเขา เพียงมองผู้อาวุโสหลีด้วยดวงตาที่แสดงออกถึงความผิดหวังเสี้ยวสุดท้ายออกมาวินาทีต่อมา บนใบหน้าของเธอก็เยือกเย็นราวกับเก็บซ่อนอารมณ์ทั้งหมดไว้
“พรุ่งนี้ ไปดำเนินการโอนหุ้นที่บริษัทซะ! ถ้าแกไม่กลัวกรรมตามสนอง!” ผู้อาวุโสหลีชี้นิ้วมาที่หลีเอียนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยวจากนั้นเธอก็มองไปที่เย่เฟิงด้วยสายตาเย็นชา “ไอ้หน้าขาวแซ่เย่ นี่คงเป็นแผนชั่วที่แกวางไว้ลับหลังสินะ? แกหวังจะฮุบสมบัติของตระกูลหลีผ่านทางหลานสาวของฉันใช่ไหม?”เย่เฟิงได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเยาะ “ผู้อาวุโส คุณคิดมากไปแล้ว! ธุรกิจของตระกูลหลี ผมไม่คิดจะชายตามองเลยด้วยซ้ำ”พูดเป็นเล่น ถงว่านจินเคยเสนอหุ้น 20% ของถงฟากรุ๊ปให้ตน ตนยังปฏิเสธไปแล้วเลยจะมาสนใจธุรกิจของตระกูลหลีได้ยังไง?“ฮ่า…ฮ่าๆๆ…ช่างเป็นหนุ่มที่โอหังจริงๆ!”“แค่ก! แค่ก…แค่ก!”ผู้อาวุโสหลีหัวเราะเยาะสองสามครั้ง ก่อนจะไอออกมาอย่างรุนแรงเธอเอาผ้าเช็ดปากขึ้นมาปิดที่ปาก บนผ้าเต็มไปด้วยคราบเลือดหญิงชราแห่งตระกูลหลีผู้นี้ โกรธจนกระอักเลือด“แม่…แม่เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”หลีเทียนหยางเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปพยุงแต่กลับถูกผู้อาวุโสหลีสะบัดออกอย่างแรง “อย่ามายุ่งกับฉัน! นี่ล่ะลูกสาวที่แกสั่งสอนมาอย่างดีจริงๆ!ไปกันเถอะ!”หลีถิงกัดฟันกรอด “หลีเอียน แล้วก็ไอ้หน้าขาวแซ่เย่ กรรมต้องตามสนองพวกแกแน
เมื่อคิดว่าภรรยาของถงว่านจินเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เย่เฟิงจึงไม่ลังเลที่จะช่วยเหลือและถือเป็นการทำบุญไปด้วย หลังจากถงว่านจินทราบข่าว เขาก็ตื่นเต้นมากและให้ลูกชายพาแม่รีบเดินทางมาในทันทีพวกเขามาถึงหยุนเฉิงช่วงบ่ายสี่โมงกว่าเย่เฟิงจึงขอให้อาเจียงและเหล่าหยูช่วยไปรับนั่วนั่ว และตัวเขาไปพบถงว่านจินที่ที่พักในหยุนเฉิง“ที่รัก ซวี่เย่ นี่แหละคือหมอเทวดาเย่ที่ผมบอกพวกคุณ!” ทันทีที่เจอ ถงว่านจินก็แนะนำให้ภรรยาและลูกชายรู้จักทันทีภรรยาของเศรษฐีอันดับหนึ่งในมณฑลเจียง แม้ว่าใบหน้าของเธอจะสวยงาม แต่ผมของเธอร่วงหมดแล้ว และดูซีดเซียวมากส่วนลูกชายถงซวี่เย่ก็ดูมีบุคลิกดี“หมอเทวดาเย่ ขอบคุณมากสำหรับยาแสงแห่งชีวิต ถ้าไม่ได้ยาเม็ดนั้น ชีวิตของฉันคงไม่เหลือแล้ว!” คุณนายถงกล่าวขอบคุณพร้อมกับโค้งคำนับให้เย่เฟิงถงซวี่เย่ก็ก้มหัวขอบคุณเช่นกัน ก่อนเอ่ยถามด้วยความคาดหวัง “คุณเย่ ได้ยินว่าคุณสามารถรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวของแม่ผมให้หายขาดได้ เรื่องจริง…เหรอครับ?”“มีโอกาสสำเร็จประมาณ 80% ครับ” เย่เฟิงไม่ได้รับรองเต็มร้อย นั่วนั่วยังคงเป็นข้อกังวลที่ติดค้างอยู่ในใจของเขาการรักษาคุณน
“จริงสิ ถ้าสะดวก ลองชวนพี่สะใภ้มาด้วยสิครับ มาทานอาหารด้วยกัน”เซียวคุนเสนอ“ได้สิ เดี๋ยวถามพี่สะใภ้ให้” เย่เฟิงตอบ แต่เขาไม่แน่ใจว่าหลีเอียนจะว่างหรือเปล่า เพราะช่วงนี้เธอยุ่งมาก“เยี่ยมเลย! ห้องเพชรหมายเลขเก้าที่เซียนเว่ยเซวียน ผมจองไว้เรียบร้อยแล้ว พี่เย่มาได้เลย”“จริงสิ อย่าบอกพ่อแม่ของผมนะ แหะๆ…”เซียวคุนย้ำอีกครั้งเย่เฟิงตอบรับและวางสาย จากนั้นก็ลาถงว่านจินและลูกชายแล้วจากไปเซียวคุนปิดบังพ่อแม่ตัวเอง คาดว่าคงไม่อยากให้ลุงถงรู้ด้วย เย่เฟิงจึงไม่ได้เอ่ยถึงให้ครอบครังถงว่านจินได้ฟังอะไรหลังจากที่โทรศัพท์ชวนหลีเอียนแล้ว เธอตอบรับ เย่เฟิงจึงไปรับบอสสาวสวยแล้วมุ่งหน้าไปที่เชียนเว่ยเซวียนพร้อมกันเมื่อทั้งสองมาถึงและลงจากรถ ก็พบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งตัวฉูดฉาดกำลังเดินมากับชายชาวต่างชาติสูงใหญ่ เมื่อหญิงสาวเห็นหลีเอียน เธอก็แสดงท่าทางดีใจ“เอียนเอียน? เธอใช่ไหม?” สวี่ซีเหยียนโบกมือให้หลีเอียนด้วยท่าทีเป็นกันเอง เธอเป็นคนในตระกูลสวี่ ซึ่งมีฐานะใกล้เคียงกับตระกูลหลีและเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอิทธิพลในหยุนเฉิงสวี่ซีเหยียนกับหลีเอียนสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน โดยเฉพาะตอน
“ถึงอย่างไรที่เยียนเซียนี้ก็ไม่ได้มีทุกคนที่ได้รับการศึกษาขั้นสูงอยู่แล้วไหนๆ คุณก็เก่งอยู่แล้วนี่ ถนัดหลายภาษาด้วย” สวี่ซีเหยียนกล่าว พร้อมกับหันไปพูดกับหลีเอียนด้วยน้ำเสียงตักเตือน “เอียนเอียน ทำไมไม่แต่งตัวให้สามีเธอดูมีระดับหน่อยล่ะ? ออกมาข้างนอกแบบนี้เธอไม่รู้สึกอายบ้างเหรอ?”ผู้หญิงคนนี้มองเย่เฟิงด้วยความดูถูกความจริงสวี่ซี่เหยียนก็เป็นคนสวยที่โดดเด่นในคณะสมัยเรียนเหมือนกัน แต่ก็ยังเทียบกับหลีเอียนไม่ได้สมัยเรียนเธอมักจะแนะนำหลีเอียนให้รู้จักกับหนุ่มหล่อๆ ในโม๋ตู เพื่อที่จะใช้ความสัมพันธ์ของหลีเอียนเข้าถึงตระกูลใหญ่ๆ แต่เสียดายที่หลีเอียนไม่สนใจหนุ่มพวกนั้น ทำให้สวี่ซีเหยียนรู้สึกเสียเวลาเปล่าเมื่อเห็นว่าหลีเอียนเลือกเย่เฟิงที่ดูเหมือน ‘คนธรรมดา’ ทำให้สวี่ซีเหยียนยิ่งรู้สึกดูแคลนในใจเย่เฟิงมองสวี่ซีเหยียนโดยไม่แสดงอารมณ์ออกมา แม้เขาจะรู้สึกไม่พอใจที่เธอแสดงความดูถูกก็ตามแต่ก็ยอมอดทนไม่พูดอะไร เพราะเธอเป็นเพื่อนของหลีเอียน ยังไงตนและหลีเอียนก็กำลังจะไปทานอาหารที่ชั้นหกอยู่แล้ว และคงจะเจอพวกเขาเพียงผ่านๆ เท่านั้น“อยู่ในเยียนเซีย ก็ควรพูดภาษาเยียนเซียไม่ใช่เหรอ?
ฟลานเดอร์ยืดอกขึ้นเล็กน้อยด้วยความภูมิใจ "คุณหลีเอียนคนสวย วันนี้พวกเราได้รับเชิญมา ดังนั้นจริงๆ แล้วบัตรสมาชิกระดับเพชรของผมไม่จำเป็นต้องใช้เลยด้วยซ้ำ ถ้าคุณต้องการ ผมให้ยืมได้นะ"หลีเอียนส่ายหัว "ไม่เป็นไร วันนี้ก็มีคนเชิญพวกเรามาเหมือนกัน"พูดจบ เธอก็รีบเดินไปข้างหน้า ไม่อยากเสียเวลากับสวี่ซีเหยียนและฟลานเดอร์อีก"อะไรนะ? มีคนเชิญพวกเธองั้นเหรอ?"สวี่ซีเหยียนหัวเราะเยาะ ไม่เชื่อแม้แต่นิดเดียว แล้วรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็วฟลานเดอร์ก็ยิ้มเยาะพลางตามไปทันทีเย่เฟิงเพิ่งไล่เขาไปเมื่อครู่ ต่างชาติคนนี้จึงเจ็บใจและต้องการเยาะเย้ยเย่เฟิงอย่างมาก"นี่ อย่าให้พวกเขาเข้าไป! พวกเขาไม่มีบัตรสมาชิกแน่ ๆ!"สวี่ซีเหยียนตะโกนบอกพนักงานต้อนรับที่ยืนเรียงแถวอยู่ตรงนั้นเมื่อหลีเอียนและเย่เฟิงเดินมาถึงประตู ก็ถูกพนักงานต้อนรับขวางไว้"คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง กรุณาแสดงบัตรสมาชิกด้วยค่ะ! ที่นี่อนุญาตให้เข้าได้เฉพาะสมาชิกเท่านั้น!"หัวหน้าพนักงานต้อนรับพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยเมื่อเย่เฟิงและหลีเอียนเห็นหัวหน้าพนักงานคนนั้น ทั้งสองก็หยุดชะงักไปสักพักหลีเอียนรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาผู้หญิงคนนั้น คล้
“ถ้าขุดเจออะไรสกปรกจริงๆ ฉันจะกินมันเข้าไปเลย!”อาจารย์คงพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แสดงออกถึงความเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง “เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว?”เย่เฟิงส่ายหัวพลางถอนหายใจ รถขุดเริ่มทำงานตามจุดที่เย่เฟิงชี้ไว้ขณะที่เย่เฟิงยืนดูอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ถงซวี่เย่เองก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาจับจ้องไม่กะพริบส่วนเฉาเริ่นกับอาจารย์คงยืนกอดอกอยู่ไม่ไกลนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะ ไม่กี่นาทีต่อมา ก็ขุดลึกลงไปได้สี่ถึงห้าเมตร แต่กลับพบเพียงก้อนหินรกๆ เท่านั้น“ตลกจริงๆ! ไอ้ที่นายบอกมันอยู่ไหนล่ะ? ไม่รู้รึไงว่าฉันมีชื่อเสียงขนาดไหนในวงการฮวงจุ้ย กล้ามาสงสัยในฝีมือฉันเนี่ยนะ? ไอ้หนุ่ม จ่ายค่าเสียหายมาเลย ฉันไม่เอาเยอะ สักห้าล้านพอ!”อาจารย์คงพูดด้วยความภูมิใจ “คุณเย่ ถ้าคุณไม่มีเงินจ่าย ก็ขอโทษอาจารย์คงซะ เดี๋ยวผมจะช่วยพูดให้ แล้วปล่อยให้เรื่องนี้จบๆ ไปอย่ากลับไปขอเงินคุณหลีเลยนะ แบบนั้นมันไม่ดี” เฉาเริ่นพูดพลางเย้ยหยัน “คุณชายเฉา จะขุดต่อไหมครับ?”คนงานของเขาเอียงศีรษะออกมาถาม“ขุดต่อไป!” เย่เฟิงพูดเสียงเรียบ ไม่สนใจคำพูดของอาจารย์คงและเฉาเริ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนท้ายที่เย่เฟิงพูดเชิงเย้ยหยันด้วยแก้วเหล้านั้น ทำให้เฉาเริ่นยิ่งรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “ผมเรียกพี่เย่มาช่วยดูฮวงจุ้ยหน่อยน่ะ” ถงซวี่เย่พูดด้วยรอยยิ้ม พอได้ยินเช่นนั้น เฉาเริ่นก็ขมวดคิ้วทันที “คุณชายถง เรื่องงานก่อสร้างนี่ปล่อยให้ตระกูลเฉาของเราจัดการเถอะ คุณไม่ต้องกังวลหรอก!”“ผมคอยดูสักหน่อยดีกว่า” ถงซวี่เย่ตอบ “คุณชายถง คุณไม่เชื่อใจผมแล้วเหรอ?”เฉาเริ่นพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ขณะนั้นเอง ชายชราที่ดูมีลักษณะคล้ายคนมีวิชาในชุดกี่เพ้าเหลืองก็แค่นเสียงดังอย่างไม่พอใจ เฉาเริ่นแนะนำถงซวี่เย่ว่า “นี่คืออาจารย์คง ท่านเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยชื่อดังแห่งหยุนเฉิง ก่อนเริ่มงานก่อสร้างอะไรที่บ้านผมก็มักจะเชิญท่านอาจารย์คงมาดูให้เสมอ มีอาจารย์คงอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเชิญใครที่ไม่ได้เรื่องมาดูอีกหรอกคุณชายถง คุณพาคุณเย่กลับไปเถอะ”พูดจบ เฉาเริ่นก็หันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหยียดหยามพร้อมโบกมือไล่ อาจารย์คงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนพูดด้วยความหยิ่งยโส “ผมตรวจดูที่นี่แล้ว ฮวงจุ้ยดีมาก มีแสงแห่งโชคลาภปกคลุม สามารถเริ่มงานก่อสร้างอย่างสบายใจได้เลยพลังชั่ว
เมื่อได้ยินหลีเทียนกังพูดเช่นนี้ หลี่เยว่ผิงก็ฉายแววดีใจออกมาหลีถิงกลับเผยสีหน้าตกใจ “พ่อคะ ไม่…ไม่จริงหรอกใช่ไหมคะ? พ่อเองก็อยาก…”หลีเทียนกังขรึมหน้าลง แล้วจ้องหลีถิงเขม็ง “ถิงถิง แกอย่าพูดออกไปมั่วซั่วล่ะ! ถ้าย่าของแกตาย นั่นก็เพราะหลีเอียนกับไอ้หน้าขาวแซ่เย่! เข้าใจไหม?”หลีถิงตัวสะดุ้ง แล้วพยักหน้าด้วยความหวาดกลัว “เข้า…เข้าใจแล้วค่ะ!”วินาทีต่อมา หลีเทียนกังพลันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดโทรหาเบอร์หนึ่งในฐานะที่เป็น ‘คุณชายรอง’ ของตระกูลหลี อำนาจของเขาในตระกูลย่อมมีคนสนิทคนหนึ่งอยู่แล้ว“หลีปา จัดการหมอหลี่ที่มาดูอาการผู้อาวุโสวันนี้ซะ! จัดการให้สะอาดล่ะ!”หลังจากวางสาย หลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชาไปทีหนึ่งก่อนจะกล่าวเสียงขรึมว่า “เรื่องนี้จะต้องหาแพทย์แผนจีนที่เก่งกาจคนหนึ่ง และต้องทำแบบเงียบๆ ไร้ร่องรอยด้วย!”หลี่เยว่ผิงกล่าวด้วยสายตาเป็นประกาย “จริงสิคะที่รัก ฉันได้ยินมาว่าหมอเทวดาจู้จากโม๋ตูคนนั้นมาที่หยุนเฉิงแล้ว ไม่กี่วันก่อนยังมารักษาที่คลินิกจู้คังด้วย หรือว่า…จะหาเขาดี?”คลินิกจู้คังที่หมอเทวดาจู้คนนี้ก่อตั้งขึ้นเป็นคลินิกลูกโซ่ ตอนนี้มีคลินิกย่อยอยู่ทั่วประเทศแล้ว
ส่วนสถานการณ์ของเจ้าสามและเจ้าสี่ไม่ชัดเจนนักผู้อาวุโสหลีหน้าเสียต่อหน้าหลีเอียนและเย่เฟิงมานักต่อนัก สุดท้ายยังต้องยอมจำนนอย่างน่าอับอายอีกเธอในตอนนี้ไม่ถูกกับครอบครัวลูกชายคนโตเลยแม้แต่นิด!ดังนั้นเธอย่อมต้องสนับสนุนคนที่ไม่ถูกกับอีกฝ่ายเช่นเดียวกันอยู่แล้วซึ่งคนคนนั้น ก็มีเพียงหลีเทียนกัง ลูกชายคนรองเท่านั้น…หลังจากที่กลับจากคฤหาสน์ตระกูลหลี ทันทีที่หลีเทียนกังขึ้นรถไป หลี่เยว่ผิวและหลีถิงที่รออยู่บนรถก่อนแล้วก็เอ่ยถามอย่างรอไม่ไหว“ที่รัก ผู้อาวุโสเป็นยังไงบ้าง? ใกล้จะไม่ไหวแล้วใช่ไหม?”ภรรยาคนนี้ทำหน้าตั้งตารอ“พ่อคะ พ่อต้องทำให้ย่าเขียนพินัยกรรมมอบหุ้นส่วนทั้งหมดให้พ่อก่อนที่ท่านจะตายนะคะ!”หลีถิงเองก็ทำหน้าโลภมากหลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชา แล้วโบกมืออย่างอารมณ์เสีย “คิดอะไรอยู่น่ะ? ผู้อาวุโสยังไม่ตายเร็วๆ นี้หรอก หมอบอกว่าแค่พักผ่อนดีๆ รักษาอาการป่วยให้ดี ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง!”เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่เยว่ผิงและหลีถิงก็เผยสีหน้าผิดหวังออกมาหลีเทียนกังเห็นดังนั้น ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ดีว่า “แต่ผมขู่ผู้อาวุโสไป ให้ท่านรู้สึกว่าตัวเองเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วแล
เมื่อเห็นท่าทางของลูกชายคนรอง ผู้อาวุโสหลีก็รู้สึกไม่ดี!ท่าทีของอีกฝ่าย ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าตนใกล้จะตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น"เป็นอะไรกันแน่? บอกมา!"ผู้อาวุโสหลีถามเสียงเข้ม สีหน้ายิ่งแดงก่ำกว่าเดิมพร้อมไอเป็นครั้งคราว"แม่ ไม่มีอะไรจริงๆ แม่พักผ่อนให้สบายเถอะ"หลีเทียนกังพยายามปลอบแต่ผู้อาวุโสหลียังจับตาดูลูกชายอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจ "เฮ้อ…ฉันเองก็อายุมากแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่แปลก! เพียงแต่…ฉันไม่ยอม!"เธอพูดพลางตบโต๊ะด้วยความโกรธหลังจากใช้ชีวิตอย่างเด็ดเดี่ยวมาตลอด สุดท้ายเธอกลับพ่ายแพ้ให้กับหลานสาวตัวเอง จนถึงขั้นเสียบริษัทยาไปทั้งหมดความรู้สึกนี้ยากที่จะทำใจยอมรับได้ แม้จะเป็นวาระสุดท้ายก็ตาม!"แม่ครับ ผมจะช่วยกู้ศักดิ์ศรีกลับมาให้แม่เอง!"หลีเทียนกังกัดฟันและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นครั้งนี้ไม่ใช่การแสร้งทำ!เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ครอบครัวเขาหน้าด้านหน้าทนไปขอหลีเอียน แต่กลับถูกขับไล้ออกมาอย่างไร้เยื่อใย ในใจเขาเองก็รู้สึกอับอายและโกรธมากเช่นกัน"แม่ ถึงแม้เราจะเสียเปรียบเรื่องบริษัทยา แต่เราสามารถหาวิธีอื่นจัดการครอบครัวพี่ใหญ่ได้นี่ครับ!หลีหย่วนยังไงก็
“ราคาสูง? สูงแค่ไหน?”เย่เฟิงขมวดคิ้วถาม“ยกตัวอย่างเช่น ยาหนึ่งเม็ดจากตระกูลนี้ ราคาก็สูงถึงหลักสิบล้าน ส่วนทักษะวิชาการต่อสู้บางเล่มอาจทะลุไปถึงร้อยล้านเลย...”หลีหยวนเล่าความเป็นมาของตระกูลกู่นี้ให้เย่เฟิงฟังตระกูลกู่เป็นตระกูลที่เงียบสงบและไม่เผยตัวต่อสาธารณะ แต่ก็แข็งแกร่งมากพวกเขาไม่ทำธุรกิจข้างนอก แต่ก็ร่ำรวยมหาศาลลำพังแค่งานประมูลหนึ่งครั้ง ก็สามารถทำรายได้ถึงหลายพันหลายหมื่นล้านแล้วยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลนี้ยังเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญฝีมือสูงที่สามารถรับงานต่างๆ ได้ แต่ค่าจ้างก็แพงมากเช่นกันแน่นอนว่าความสามารถของยอดฝีมือที่ส่งไปนั้น ก็เก่งกาจมากเช่นกันเฉินจิงเทียนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักสู้อันดับหนึ่งในมณฑลเจียง ยังอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญบางคนในตระกูลนี้ด้วยซ้ำ เพียงแค่พวกเขาไม่เปิดเผยตัวเท่านั้นหลังจากที่หลีหย่วนพูดจบแล้ว เย่เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและรู้สึกหนักใจตระกูลกู่จะมีผู้เชี่ยวชาญหรือยอดฝีมืออะไรไม่เกี่ยวกับเขา สิ่งที่เขาต้องการคือของประมูลราคาสูงลิ่วที่หลีหย่วนพูดถึงตามที่หลีหย่วนกล่าว ราคาของหยกพลังวิญญาณนั่น เผลอๆ อาจสูงถึงร้อยล้านเลยก็ได้
ใช่แล้ว หลีเอียนรู้เรื่องจี้หยกรูปมังกรของเย่เฟิงตอนที่เย่เฟิงโดนรถของเธอชนแล้วกระเด็นไป ตอนนั้นเขากำจี้หยกชิ้นนั้นไว้แน่น หลีเอียนจึงจำมันได้ขึ้นใจอีกทั้งตอนที่เย่อินเสวียนหยิบภาพวาดออกมา หลีเอียนเองก็สงสัยอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมาเมื่อได้ยินคำขู่ของหลีเอียน สีหน้าของเย่เฟิงก็เปลี่ยนไปทันที แววตาของเขาแฝงด้วยความเย็นชา “คุณกำลังขู่ผมอยู่เหรอ?”หลีเอียนที่เห็นสายตาเย็นชาของเย่เฟิง ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย ในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความไม่พอใจ เธอจ้องมองเขาอย่างน้อยใจ“ใช่ ฉันขู่คุณ แล้วจะทำไม? ยังจะกล้าขัดคำสั่งฉันไหม?”เย่เฟิงถอนหายใจเล็กน้อย รู้สึกปั่นป่วนในใจเมื่อเห็นท่าทางของเธอ สุดท้ายเขาก็ยอมจำนน“โอเคๆ ผมจะทำตามที่คุณบอก โอเคไหม คุณภรรยาผู้ยิ่งใหญ่ของผม...แต่คุณต้องช่วยผมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ”หลีเอียนจ้องเขาด้วยสายตาไม่พอใจแล้วพูดขึ้น “ก็ต้องดูพฤติกรรมของคุณแล้ว”“ผมว่าผมก็ทำตัวดีมาตลอดนะ”“แย่สุดๆ!”หลีเอียนกัดฟันและพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาทำให้เย่เฟิงได้แต่นั่งหน้าหมอง พร้อมคิดในใจว่า(ผู้หญิง เหอะๆ…เปลี่ยนอารมณ์ง่ายเหมือนเปลี่ยนหน้าหนังสือเลย!
สวี่ซีเหยียนหน้าซีดด้วยความกลัว "เย่เฟิง ช่วยหน่อยเถอะนะ เห็นแก่ที่ฉันกับเอียนเอียนเป็นเพื่อนกัน นายอย่าถือสาฉันเลยนะ ช่วยฉันด้วย…ฉันไม่อยากโดนหนอนพิษ..."เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ทั้งหลายต่างพากันตกใจกลัว ร้องขอความช่วยเหลืออย่างหมดท่า"หึๆ ตอนนี้รู้สึกกลัวแล้วเหรอ? ไม่ต้องตกใจไป หนอนพิษเพิ่งเข้าไปไม่นาน ยังอยู่แค่ในกระเพาะอาหารของพวกเธอ ยังไม่เข้ากระแสเลือดกลับไปเอาผงสารส้มละลายน้ำร้อน แล้วก็ล้วงคอให้อาเจียนออกมา อาเจียนออกมาให้หมดจนไม่มีอะไรเหลือค้างอยู่"เย่เฟิงพูดนิ่งๆเมื่อพูดจบ เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ต่างรีบพุ่งออกจากห้อง ไม่รอช้าแม้แต่วินาทีเดียวเซียวคุนกับถงซวี่เย่ยิ่งรู้สึกศรัทธาและเคารพเย่เฟิงมากขึ้นไปอีกหลังจากนั้น เซียวคุนก็เปลี่ยนห้องเพื่อทานอาหารกันสี่คนแบบเรียบง่ายหนึ่งชั่วโมงต่อมา...เย่เฟิงและหลีเอียนออกมาจากร้านเชียนเว่ยเซวียน กำลังจะขึ้นรถไปส่งบอสสาวสวยกลับบ้านหลีเอียนเดินตามหลังเย่เฟิง มองเย่เฟิงที่เดินนำหน้าไปอย่างไม่สนใจใยดีด้วยสายตาที่มีแววขุ่นเคืองตอนทานอาหารเมื่อครู่ หลีเอียนเห็นเซียวคุนหลงใหลและอ่อนโยนกับเย่อินเสวียน ก็รู้สึกแปลกๆ แล้วแม้จะรู้ว่าเซ
หลังจากหายใจได้ไม่กี่อึดใจ เซียวคุนก็รู้สึกถึงความขมคาวในลำคอของเขา"แหวะ!" ทันใดนั้น เขาก็อาเจียนออกมา!พบว่ามีหนอนสีแดงสดตัวหนึ่งถูกอาเจียนออกมาจากปากของเขา!"อ๊า!" ฉากนี้ทำให้หญิงสาวบางคนในที่นั้นกรีดร้องออกมาส่วนคนอื่นๆ ก็มองด้วยความตกใจกลัว รู้สึกขนลุกและหัวใจเต้นแรงเซียวคุนที่ตอนนี้สีหน้ากลับมาเป็นปกติ แววตาที่เคยหลงใหลในเย่อินเสวียนหายไป แทนที่ด้วยความสับสนสงสัยเขามองดูหนอนพิษที่ตัวเองอาเจียนออกมาอย่างตกใจและโมโห "เสวียนเอ๋อร์ ฝีมือคุณจริงๆ เหรอ?"แต่เย่อินเสวียนกลับไม่สนใจเขาเลย สำหรับเธอแล้ว เซียวคุนก็แค่เครื่องมือเท่านั้นในเมื่อเครื่องมือถูกทำลาย เธอก็มองเย่เฟิงด้วยความโกรธแค้น"ไอ้ผู้ชายบ้า มาขัดขวางฉันอีกแล้ว! วอนหาที่ตาย!”เธอด่าด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะเคลื่อนไหวพุ่งตรงไปหาเย่เฟิงอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งทำเป็นมีดแล้วฟันไปที่คอของเขา ส่งเสียงฟาดลมอันดุดันออกมาเย่เฟิงเบิกตากว้าง แล้วรีบรับมือทันที!ปัง! ปัง! ปัง...ทั้งสองกระโดดเหยียบบนโต๊ะ ต่อสู้กันไปมาสามครั้งในพริบตาเดียว เย่อินเสวียนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะถอยร่นกลับด้วยแรงผลักจากนั้นใช้