“แม้แต่คนที่อยู่ในระดับผลึกวสันต์ หรือแม้กระทั่งระดับผลึกสวรรค์ก็ยังไม่กล้าสุ่มสี่สุ่มห้าลองมัน เขาคิดว่าตัวเองไหวเหรอ? กำลังรนหาที่ตายสิไม่ว่า!”เกรแฮมเหลือบมองชายสวมหน้ากาก เกรแฮมเกลียดชายสวมหน้ากากถึงขั้นสูงสุดแล้ว นั่นก็เพราะผู้ชายคนนั้นทำให้เกรแฮมต้องประสบกับปัญหามากมายและยังฆ่าศิษย์จากสำนักสหัสบรรณไปไม่น้อยด้วยเดิมทีเขาอยากจะเพิกเฉยต่อชายสวมหน้ากาก แต่เมื่อได้ยินคำพูดที่ถือดีของชายสวมหน้ากากแล้ว เกรแฮมก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากอย่างเย็นชาว่า "นายมักจะประเมินเฟนด์แบบนี้ตลอดเลยนะ แต่ก็นายไม่ใช่เหรอที่มองเขาผิดไปอยู่ตลอดเวลา? อย่ามาวิจารณ์กันมั่ว ๆ นะ!”จู่ ๆ ใบหน้าของชายสวมหน้ากากก็แดงก่ำด้วยความโกรธ และอยากจะเข้าไปเล่นงานเกรแฮมเสียเดี๋ยวนี้! ขณะที่ชายสวมหน้ากากกำลังจะตอบโต้ เฟนด์ที่อดทนจนถึงขีดสุดก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด "อ๊า..."แต่เสียงร้องของเฟนด์ถูกกลั้นเอาไว้ เขาปิดปากแน่น ไม่อยากให้ใครได้ยินเสียงร้องเนื่องจากความเจ็บปวดของตัวเองแต่เนื่องจากความเจ็บปวดที่เขาต้องทนทุกข์ทรมาน ร่างกายของเขาจึงสั่นสะท้านยิ่งขึ้นไปอีก เขาสั่นอย่างรุนแรงจนกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายของเ
“ในตอนที่พลังวิญญาณของเฟนด์ที่ใช้ในการสนับสนุนการสร้างวิญญาณของเขาขึ้นมาใหม่หมดลง วิญญาณของเขาก็จะแหลกสลาย! หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น จะไม่ใช่แค่การบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น แต่เฟนด์อาจจะถึงแก่ความตายก็เป็นได้”คำพูดของเบนจามินทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจให้ทุกคน นั่นก็เพราะพวกเขาส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับโอสถขัดเกลาวิญญาณมากนัก แต่กลับกันเบนจามินไม่ได้เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธที่มีพรสวรรค์เท่านั้น แต่ยังเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุรุ่นต่อไปอีกด้วยเขาเข้าใจเรื่องโอสถมากกว่าคนทั่วไป ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยที่คำพูดของเขาจะน่าเชื่อถือ อิเซยาห์ทำท่าราวกับคนในครอบครัวของตัวเองกำลังจะตาย "แล้วพวกเราจะทำยังไงดี?!"ในขณะนั้น เขาไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรได้อีกนอกจากพูดออกมาแบบนั้น ใบหน้าของเนลสันเองก็กังวลไม่แพ้กัน นับตั้งแต่ที่เฟนด์กลืนโอสถขัดเกลาวิญญาณลงคอไป เนลสันก็คลายความกังวลลงไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียวเขาส่ายหน้าเล็กน้อย ไม่มีคำตอบให้กับอิเซยาห์ นอกจากเบนจามินแล้ว ทุกคนก็เงียบเป็นเป่าสาก เบนจามินมองอิเซยาห์ด้วยสายตามีนัยยะ เขารู้ว่าอิเซยาห์เป็นศิษย์ของตำหนักสองกษัตริย์เช่นเดียวกับเฟนด์หากเกิ
หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่เหล่าศิษย์คนอื่น ๆ นอกเหนือจากศิษย์จากสำนักทางเหนือแล้ว ยังมีศิษย์จากสำนักใต้ซึ่งมองดูเขาอย่างสนุกสนานไม่ต่างกับชายสวมหน้ากากอยู่ด้วยพวกเขาทุกคนรอให้เฟนด์ล้มเหลวต่อการสร้างพลังวิญญาณของตัวเองขึ้นมาใหม่และต้องตายจากไปในที่สุด!เฟนด์ส่งเสียงเย็นชาออกมาและพยักหน้าเห็นด้วยกับชายสวมหน้ากาก คนอื่น ๆ จึงเริ่มกระวนกระวายขึ้นอีกครั้งทันทีเมื่อเห็นเฟนด์พยักหน้ารับเช่นนั้นศิษย์สำนักทางใต้ที่ไม่ชอบเฟนด์เริ่มหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างมีความสุข"พระเจ้าช่วย! นี่เพิ่งผ่านไปแค่พริบตาเดียวเท่านั้น พลังงานที่แท้จริงของเขากลับหมดลงแล้ว ดูร่างของเฟนด์สิ มันสั่นสะท้านไปหมด แค่นี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าวิญญาณของเขาคงถูกฉีกทึ้งออกจากกันและถูกรวบรวมใหม่อยู่ตลอดเวลา“หากขาดการสนับสนุนจากพลังที่แท้จริงของเขา เฟนด์จะไม่สามารถก่อร่างสร้างพลังวิญญาณของเขาขึ้นมาใหม่ได้อีกต่อไป! เขาจะทำได้เพียงรอให้วิญญาณของเขาถูกฉีกออกจากกันเท่านั้น เขาจะทนกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยังไง? เขาต้องตายแน่ ๆ!"“ถูกต้อง! ถึงเขาจะแข็งแกร่งและมีความสามารถแล้วจะยังไงล่ะ ยังไงคนโง่ก็ต้องโง่อยู่วันยันค่ำ นี่จะต่างอะไรกับ
พื้นที่แยกเดี่ยวถูกสร้างขึ้นเพราะไม่อยากให้พวกเขาต้องต่อสู้กันเอง ในขณะนั้น เกรแฮมไม่รู้ว่าเขาจะต้องทำอย่างไร แม้ว่าทุกคนจะคิดว่าเฟนด์จะต้องตายอย่างแน่นอน แต่สีหน้าของเฟนด์กลับไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมามากมายนักเขาค่อย ๆ หยิบผลึกสีม่วงดำจากมัสตาร์ด ซี๊ดออกมา ผลึกดังกล่าวดูคล้ายกับผลึกสีธรรมดา ๆ เท่านั้น มันดูธรรมดาอย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่ภายในมีพลังพุ่งพล่านอยู่ในนั้นทุกคนเห็นกับตาว่าเฟนด์เอื้อมมือออกไป ก่อนที่พลังงานสีดำจะเริ่มรวมตัวกันที่ปลายนิ้วของเขา เขาส่งกระแสพลังงานพุ่งเข้าหาผลึกดังกล่าว จนทำให้มันเกิดรอยร้าวพลังงานภายในเริ่มรั่วไหลออกมา และเฟนด์สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ฝ่ามือของเขาเล็งไปที่แหล่งกำเนิดพลังและเริ่มดูดซับพลังเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกายของตัวเอง!ผลึกวิญญาณสลายก้อนนี้นั้นใหญ่กว่าก้อนก่อนหน้าที่เขาเคยได้รับมา ผลึกวิญญาณสลายมีความพิเศษตรงที่เมื่อเกิดรอยร้าวขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย พลังที่กักเก็บไว้ภายในจะรั่วไหลออกมาอย่างหยุดไม่ได้เขาจำเป็นต้องดูดซับพลังงานทั้งหมดเข้าไปในตัวเขาเอง เฟนด์คิดไว้ว่าจะรอให้ถึงระดับผลึกสวรรค์เสียก่อนถึงจะใช้ผลึกก้อนนั้น นั่นก็เพราะผลึกวิญญาณ
นั่นเป็นข้อพิสูจน์ถึงทักษะของเฟนด์ได้ชัดเจนที่สุด พวกเขารู้สึกว่าหากเฟนด์ต้องต่อสู้กับชายสวมหน้ากากคงเป็นการต่อสู้ที่สูสีกันน่าดู ศิษย์จากสำนักทางเหนือทุกคนยิ้มอย่างมีความสุข บางคนถึงกับเริ่มส่งเสียงเชียร์เฟนด์ดัง ๆ แต่เบนจามินก็ปรามพวกเขาไว้ทันทีนั่นก็เพราะเฟนด์ยังคงดูดซับโอสถขัดเกลาวิญญาณอยู่ หากเขาถูกรบกวนด้วยเสียงร้องตะโกนเหล่านั้น เขาอาจจะได้รับผลกระทบ แต่ถึงกระนั้นเขายังคงไม่สามารถหยุดความกระตือรือร้นของทุกคนได้“เฟนด์น่าทึ่งมาก ฉันนี่มันไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ ฉันประเมินเฟนด์ต่ำไป ฉันก็นึกว่าเฟนด์กำลังมีปัญหา แต่จริงๆ แล้วเขาเตรียมพร้อมมาโดยตลอด!”“นี่มันน่าทึ่งเกินไปแล้ว หลังจากดูดซับโอสถขัดเกลาวิญญาณแล้ว เขาจะก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอย่างแน่นอน เพียงแต่ฉันไม่รู้ว่าระหว่างเขากับชายสวมหน้ากากแล้ว ใครแข็งแกร่งกว่ากัน!”“ฉันคิดว่าเฟนด์จะเป็นผู้ชนะ เขาไม่เคยทำให้เราผิดหวัง คราวนี้ สมบัติล้ำค่าบนหุบเหวแห่งสุญญะทั้งหมดจะต้องตกเป็นของเฟนด์แน่!”ศิษย์ของสำนักทางตอนเหนือต่างสนับสนุนเฟนด์ โดยเชื่อว่าเฟนด์จะสามารถเอาชนะชายสวมหน้ากากได้ ขณะเดียวกันศิษย์จากสำนักทางใต้ไม่พอใจกับเรื่องนั้นแม้
“เขาแข็งแกร่งกว่าคนอื่น ๆ ที่อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิด เขาอาจได้รับบาดเจ็บมา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทักษะของเขาอ่อนแอกว่าเฟนด์สักหน่อย“คุณก็ไม่ได้ตาบอดนี่ คุณก็น่าจะบอกได้ว่าเฟนด์สามารถเอาชนะอสรพิษปีศาจแปดหางได้อย่างง่ายดายและได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย นั่นเพราะเฟนด์มองเห็นจุดอ่อนของอสรพิษแปดหาง“หากชายสวมหน้ากากรู้จุดอ่อนของอสรพิษแปดหางเหมือนเขา เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียวอย่างแน่นอน เฟนด์ก็แค่โชคดีมากเกินไป คุณไม่ควรกังขาในทักษะของชายสวมหน้ากาก เขาต้องเอาชนะเฟนด์ได้แน่นอน!”คำพูดสุดท้ายนั่นแทบจะถูกซาเมียนตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง เขาต้องการใช้คำพูดพวกนั้นเป็นข้อยืนยันว่าชายสวมหน้ากากจะไม่มีวันแพ้!ศิษย์จากสำนักทางเหนือต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป หากสิ่งที่ซาเมียนพูดถูกต้อง เฟนด์ก็คงไม่สามารถเอาชนะชายสวมหน้ากากได้ท้ายที่สุดแล้ว ชายสวมหน้ากากก็เคยอยู่ที่ระดับผลึกวสันต์ ทักษะที่เขาฝึกฝนนั้นมีข้อจำกัดน้อยกว่าทักษะของพวกเขามากระดับของพลังยุทธเป็นข้อจำกัดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการเรียนรู้ทักษะยุทธ เฉพาะผู้ที่อยู่ระดับการบ่มเพาะสูงเท่านั้นที่จะสามารถฝึกฝนทักษะระดับสูงและสามา
ทุกคนตกตะลึงกับคำพูดเหล่านั้น การชายสวมหน้ากากบอกว่าเขาต้องการฆ่าเฟนด์อาจไม่กระตุ้นการตอบสนองมากนัก แต่การที่เฟนด์บอกว่าเขาต้องการฆ่าชายสวมหน้ากากนั้นทำให้ทุกคนตกใจอย่างแน่นอนท้ายที่สุดแล้วเฟนด์ดูเหมือนจะตามหลังชายสวมหน้ากากในทุก ๆ ด้าน แต่เมื่อเขาพูดคำเหล่านั้น น้ำเสียงของเขาก็สงบอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งใบหน้าของเขายังไม่ปรากฏอารมณ์ใด ๆ อีกด้วยการที่เขาประพฤติเช่นนั้นก็หมายความว่าคำพูดที่เขาพูดนั้นไม่ใช่การพูดเพื่อศักดิ์ศรี แต่เป็นเพราะเขาต้องการกำจัดชายสวมหน้ากากอย่างแท้จริง!เกรแฮมสูดลมหายใจเข้าแล้วพูดว่า "ถึงเวลาที่พวกคุณต้องหยุดเถียงกันได้แล้ว"เขาไม่อยากฟังทั้งสองเสวนากันอีกต่อไป นั่นก็เพราะเขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาในตอนที่พวกเขาทำเช่นนั้นทันทีที่เกรแฮมพูดจบประโยค เสียงของผู้อาวุโสก็ดังขึ้นอีกครั้ง "สองคนที่ผ่านไปได้โปรดขึ้นไปยังจุดสูงสุด!"ทันทีที่เขาพูดอย่างนั้น ทุกคนก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ในที่สุดก็ถึงเวลาแล้ว! พวกเขาจะได้เห็นแล้วว่าใครในบรรดาอัจฉริยะทั้งสองที่อยู่จุดสูงสุดที่แข็งแกร่งกว่ากันไม่รู้ว่าเฟนด์จะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้อีกค
จนกระทั่งเฟนด์เปิดเผยทักษะที่แท้จริงของเขาต่อชายสวมหน้ากาก จนเขาตระหนักได้ว่าเฟนด์เกือบจะอยู่ในระดับเดียวกับเขาแล้ว!แต่ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกสับสนและหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น นั่นคือสาเหตุที่ชายสวมหน้ากากต้องถาม ไม่ใช่แค่ชายสวมหน้ากากที่สับสน แต่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็มองเฟนด์ด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็นเช่นกันริมฝีปากของเฟนด์กระตุกขณะที่เขาเกาจมูกอย่างช่วยไม่ได้ ย้อนกลับไปตอนนั้นเขาสามารถรวบรวมดาบวิญญาณได้เพียงสิบห้าเล่มเท่านั้น! เขาเลือกที่จะวิ่งหนีก็เพื่อเอาชีวิตรอดจริง ๆ เพราะในตอนนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะต่อกรกับชายสวมหน้ากากได้แต่เขาไม่อธิบายออกไปแบบนั้นได้ ดังนั้นเขาจึงถูกบีบให้ต้องสร้างเรื่องบางอย่างขึ้น“มันไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะจะเอาไว้ใช้สู้กันนี่นา!”คำพูดเหล่านั้นทำให้ทุกคนหยุดชะงัก แววตาที่ครุ่นคิดแวบขึ้นมาในดวงตาของชายสวมหน้ากาก เขาหมายถึงอะไรที่บอกว่ามันไม่ใช่สถานที่ที่จะใช้สู้กัน? ทำเลที่ตั้งสำคัญขนาดนั้นเชียวเหรอ?"นายหมายความว่ายังไงกันแน่?"เฟนด์กระแอมเล็กน้อย การโกหกเพียงหนึ่งครั้งอาจต้องใช้การโกหกอีกมากมายเพื่อปกปิดมัน เขาพูดต่อด้วยค