แชร์

บทที่ 2350

ผู้แต่ง: โมเนโต้
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
“เขาแข็งแกร่งกว่าคนอื่น ๆ ที่อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิด เขาอาจได้รับบาดเจ็บมา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทักษะของเขาอ่อนแอกว่าเฟนด์สักหน่อย

“คุณก็ไม่ได้ตาบอดนี่ คุณก็น่าจะบอกได้ว่าเฟนด์สามารถเอาชนะอสรพิษปีศาจแปดหางได้อย่างง่ายดายและได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย นั่นเพราะเฟนด์มองเห็นจุดอ่อนของอสรพิษแปดหาง

“หากชายสวมหน้ากากรู้จุดอ่อนของอสรพิษแปดหางเหมือนเขา เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียวอย่างแน่นอน เฟนด์ก็แค่โชคดีมากเกินไป คุณไม่ควรกังขาในทักษะของชายสวมหน้ากาก เขาต้องเอาชนะเฟนด์ได้แน่นอน!”

คำพูดสุดท้ายนั่นแทบจะถูกซาเมียนตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง เขาต้องการใช้คำพูดพวกนั้นเป็นข้อยืนยันว่าชายสวมหน้ากากจะไม่มีวันแพ้!

ศิษย์จากสำนักทางเหนือต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป หากสิ่งที่ซาเมียนพูดถูกต้อง เฟนด์ก็คงไม่สามารถเอาชนะชายสวมหน้ากากได้

ท้ายที่สุดแล้ว ชายสวมหน้ากากก็เคยอยู่ที่ระดับผลึกวสันต์ ทักษะที่เขาฝึกฝนนั้นมีข้อจำกัดน้อยกว่าทักษะของพวกเขามาก

ระดับของพลังยุทธเป็นข้อจำกัดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการเรียนรู้ทักษะยุทธ เฉพาะผู้ที่อยู่ระดับการบ่มเพาะสูงเท่านั้นที่จะสามารถฝึกฝนทักษะระดับสูงและสามา
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2351

    ทุกคนตกตะลึงกับคำพูดเหล่านั้น การชายสวมหน้ากากบอกว่าเขาต้องการฆ่าเฟนด์อาจไม่กระตุ้นการตอบสนองมากนัก แต่การที่เฟนด์บอกว่าเขาต้องการฆ่าชายสวมหน้ากากนั้นทำให้ทุกคนตกใจอย่างแน่นอนท้ายที่สุดแล้วเฟนด์ดูเหมือนจะตามหลังชายสวมหน้ากากในทุก ๆ ด้าน แต่เมื่อเขาพูดคำเหล่านั้น น้ำเสียงของเขาก็สงบอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งใบหน้าของเขายังไม่ปรากฏอารมณ์ใด ๆ อีกด้วยการที่เขาประพฤติเช่นนั้นก็หมายความว่าคำพูดที่เขาพูดนั้นไม่ใช่การพูดเพื่อศักดิ์ศรี แต่เป็นเพราะเขาต้องการกำจัดชายสวมหน้ากากอย่างแท้จริง!เกรแฮมสูดลมหายใจเข้าแล้วพูดว่า "ถึงเวลาที่พวกคุณต้องหยุดเถียงกันได้แล้ว"เขาไม่อยากฟังทั้งสองเสวนากันอีกต่อไป นั่นก็เพราะเขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาในตอนที่พวกเขาทำเช่นนั้นทันทีที่เกรแฮมพูดจบประโยค เสียงของผู้อาวุโสก็ดังขึ้นอีกครั้ง "สองคนที่ผ่านไปได้โปรดขึ้นไปยังจุดสูงสุด!"ทันทีที่เขาพูดอย่างนั้น ทุกคนก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ในที่สุดก็ถึงเวลาแล้ว! พวกเขาจะได้เห็นแล้วว่าใครในบรรดาอัจฉริยะทั้งสองที่อยู่จุดสูงสุดที่แข็งแกร่งกว่ากันไม่รู้ว่าเฟนด์จะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้อีกค

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2352

    จนกระทั่งเฟนด์เปิดเผยทักษะที่แท้จริงของเขาต่อชายสวมหน้ากาก จนเขาตระหนักได้ว่าเฟนด์เกือบจะอยู่ในระดับเดียวกับเขาแล้ว!แต่ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกสับสนและหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น นั่นคือสาเหตุที่ชายสวมหน้ากากต้องถาม ไม่ใช่แค่ชายสวมหน้ากากที่สับสน แต่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็มองเฟนด์ด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็นเช่นกันริมฝีปากของเฟนด์กระตุกขณะที่เขาเกาจมูกอย่างช่วยไม่ได้ ย้อนกลับไปตอนนั้นเขาสามารถรวบรวมดาบวิญญาณได้เพียงสิบห้าเล่มเท่านั้น! เขาเลือกที่จะวิ่งหนีก็เพื่อเอาชีวิตรอดจริง ๆ เพราะในตอนนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะต่อกรกับชายสวมหน้ากากได้แต่เขาไม่อธิบายออกไปแบบนั้นได้ ดังนั้นเขาจึงถูกบีบให้ต้องสร้างเรื่องบางอย่างขึ้น“มันไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะจะเอาไว้ใช้สู้กันนี่นา!”คำพูดเหล่านั้นทำให้ทุกคนหยุดชะงัก แววตาที่ครุ่นคิดแวบขึ้นมาในดวงตาของชายสวมหน้ากาก เขาหมายถึงอะไรที่บอกว่ามันไม่ใช่สถานที่ที่จะใช้สู้กัน? ทำเลที่ตั้งสำคัญขนาดนั้นเชียวเหรอ?"นายหมายความว่ายังไงกันแน่?"เฟนด์กระแอมเล็กน้อย การโกหกเพียงหนึ่งครั้งอาจต้องใช้การโกหกอีกมากมายเพื่อปกปิดมัน เขาพูดต่อด้วยค

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2353

    แม้แต่เฟนด์ก็ยังถูกแสงสีม่วงและสีแดงห้อมล้อมเอาไว้ ชายสวมหน้ากากรวบรวมกำลังได้เต็มที่แล้ว “ฉันไม่อยากเสียเวลากับนายนานเท่าไหร่นักหรอก! เพราะงั้นฉันจะฆ่านายด้วยการโจมตีครั้งนี้แหละ!”ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น เขาก็สร้างผนึกอยู่ตลอดเวลา สายฟ้าหลั่งไหลเข้าสู่แหวนเพลิงอินทนิลอย่างต่อเนื่อง!“ฉันจะไม่ปิดบังอะไรจากนาย แล้วจะให้นายตายไปอย่างไม่ต้องรู้สึกค้างคา! ทักษะอสุนีโลหิตมารที่ฉันกำลังฝึกฝนนั้นเป็นทักษะยุทธขั้นกลางระดับปฐพี! นอกจากนี้ ฉันก็อยู่ในระดับเชี่ยวชาญแล้วด้วย! อีกนิดเดียวฉันก็จะเข้าถึงระดับสมบูรณ์แล้ว!”เฟนด์เลิกคิ้วหลังจากได้ยินแบบนั้น เขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อมันมากนัก เนื่องจากเขาเองก็คาดหวังเอาไว้ก่อนแล้ว เขาเคยคาดเดาระดับพลังยุทธของชายสวมหน้ากากมาก่อนแล้วหลังจากการตั้งสมมติฐาน เขาก็มั่นใจว่าชายสวมหน้ากากนั้นแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่ออย่างแน่นอน เนื่องจากเขาอยู่ในระดับผลึกวสันต์แล้ว ชายสวมหน้ากากยอมถือได้ว่าอยู่บนจุดสูงสุดในบรรดาทุกคนที่นั่นอย่างแน่นอน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามทักษะและความสามารถของเขายังคงถูกจำกัดเอาไว้ ไม่มีทางที่ชายสวมหน้ากากจะฝึกฝนทักษะยุทธขั้นสูงในระดับปฐ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2354

    ก่อนหน้านี้เฟนด์คิดว่าอย่างน้อยที่สุดมันก็เป็นทักษะระดับเทพสูงสุด แต่หลังจากครุ่นคิดมันเพิ่มเติมแล้ว เขาก็พบว่ามันอยู่ในขั้นสูงสุดระดับเทพสูงสุด!ขั้นสูงสุดของระดับเทพสูงสุดเทียบได้กับทักษะระดับปฐพี และเฟนด์ก็อยู่ในขั้นสมบูรณ์ของทักษะแล้ว! ทักษะของเขาสูงขึ้นไปหนึ่งระดับแล้ว และมันก็เป็นระดับที่สูงกว่าเช่นกัน!แม้ว่าความแข็งแกร่งของเฟนด์จะไม่เท่ากับชายสวมหน้ากาก แต่ทักษะที่เฟนด์ใช้นั้นแข็งแกร่งกว่าทักษะที่ชายสวมหน้ากากใช้มาก! เมื่อเปรียบเทียบกันด้วยวิธีนั้น เฟนด์ก็ไม่กลัวชายสวมหน้ากากเลยแม้แต่น้อย!เขาตะคอกออกไปอย่างเย็นชาขณะที่เขายกดาบขึ้นด้วยมือทั้งสองข้าง เขาเล็งไปที่สายฟ้าที่พุ่งเข้ามา แล้วฟันออกไป! ทุกคนได้ยินเสียงการโจมตีปะทะกันในขณะที่พื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงจากสายฟ้าสีแดงเลือด!สายฟ้าแยกออกจากกัน และกระจัดกระจายอย่างต่อเนื่องอยู่บนจุดสูงสุดของหุบเหวแห่งสุญญะ! อันที่จริง แล้วมันก็ดูสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อแม้จะมีสายฟ้าหลากสีสันขยับขยายไม่หยุด แต่ก็ไม่มีใครสนใจที่จะมองมันพวกเขาทั้งหมดต่างมุ่งความสนใจไปที่ว่าเฟนด์จะสามารถป้องกันการโจมตีได้หรือไม่!เบนจามินอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2355

    เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น มันก็ทำให้เกรแฮมรู้สึกเหมือนกำลังถูกก้อนหินขนาดใหญ่ถ่วงไว้มากมาย! ในขณะนั้น ก็เกิดเสียงร้องดังออกมาจากภายในสายฟ้า!เนื่องจากความดังของการปะทะกัน จึงไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าเสียงร้องนั้นมาจากใคร ขณะที่ทุกคนวิตกกังวลอย่างไม่น่าเชื่อ สายฟ้าที่กระจายไปทั่วสนามรบก็เริ่มอ่อนลงอย่างช้า ๆคนสองคนยืนอยู่ตรงกลางจุดสูงสุดของหุบเหวแห่งสุญญะ คนหนึ่งยืนอยู่ทางทิศตะวันตก และคนหนึ่งยืนอยู่ทางทิศตะวันออก คนทางทิศตะวันตกมีดาบอยู่ในมือ ซึ่งแทงทะลุหน้าอกของคนทางทิศตะวันออก! คนที่ยืนอยู่ทางทิศตะวันออกยังคงถือแหวนเพลิงอินทนิลอยู่ทุกคนถึงกับอ้าปากค้างในที่เกิดเหตุ แม้แต่ชายสวมหน้ากากก็มองดูเฟนด์ที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยความไม่เชื่อ!เลือดไหลลงมาจากมุมปากของเขา ใบหน้าที่อยู่ด้านหลังหน้ากากเต็มไปด้วยความตกใจอยู่นานแล้ว “ทำไมกัน? ทำไมฉันถึงไม่สามารถเอาชนะนายได้! นายเป็นใคร? เป็นไปไม่ได้! มันเป็นไปไม่ได้แน่ ๆ!“ทักษะอสุนีโลหิตมารเป็นทักษะขั้นกลางระดับปฐพีเชียวนะ! นายมีทักษะแบบไหนกัน? ทำไมมันถึงทะลวงผ่านทักษะอสุนีโลหิตมารและแทงเข้าที่อกของฉันได้!”หลังจากการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น เฟนด์ใช้การโจ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2356

    เพราะอาการไออย่างรุนแรง ใบหน้าของเขาก็ซีดราวกับกระดาษ เลือดไหลออกมาจากปากของเขาอย่างควบคุมไม่ได้ “ฉันจะตายอยู่รอมร่อแล้ว ก่อนฉันจะตายนายช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่านายเป็นใครกันแน่? แล้วนายใช้ทักษะระดับเทพสูงสุดแบบนี้ได้ยังไง?” ชายสวมหน้ากากใช้กำลังเฮือกสุดท้ายในการพูดเฟนด์สูดหายใจเข้าลึก ๆ มีบางสิ่งที่เขาคิดจะเก็บเป็นความลับไว้กับตัวจนตาย แต่ทว่าชายสวมหน้ากากพูดถูก อีกฝ่ายกำลังจะตายอยู่แล้ว เขาทำอะไรไม่ได้อีกเฟนด์หัวเราะเล็กน้อย และก็คิดเพียงให้พวกเขาสองคนได้ยินกันเพียงเท่านั้น “คุณพูดถูกแล้ว ผมใช้ทักษะในระดับเทพสูงสุด และไม่ใช่แค่นั้น มันยังอยู่ในขั้นสูงสุดอีกด้วย!”ในตอนที่เขาพูดออก ชายสวมหน้ากากก็เบิกตากว้างราวกับว่าเขาเพิ่งถูกตบหน้า เขามองเฟนด์อย่างไม่เชื่อสายตา เขาพูดถูก! เฟนด์ใช้ทักษะระดับเทพสูงสุดจริง ๆทำไม ทำไมเขาถึงสามารถเรียนรู้อะไรแบบนั้นได้? เฟนด์เป็นเพียงผู้ที่อยู่ขั้นกลางของระดับแรกกำเนิด เมื่อเขาถึงจุดสูงสุด เขาจะไม่มีทางได้พบกับคนที่เป็นแบบเขาอีกอย่างแน่นอน"นายเป็นใครกัน?!" ชายสวมหน้ากากพูดขณะที่ตัวสั่นเฟนด์หัวเราะเบา ๆ ขณะที่เขาดึงมือขวากลับไป ด้วยการออกแรงเพีย

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2357

    เขาพูดไม่จบประโยค แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าเขาต้องการจะพูดอะไร เบนจามินถอนหายใจออก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ“ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ ดูเหมือนว่าทักษะของเฟนด์จะอยู่ในระดับที่สูงกว่าศิษย์ชั้นนำจากสำนักวายชนม์เสียอีก! และอาจจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าทุกด้านก็ได้”อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าเฟนด์เพิ่งอยู่เพียงขั้นกลางของระดับแรกกำเนิด ด้วยพลังอันน้อยนิดเช่นนี้ เขาสามารถใช้ทักษะระดับเทพสูงสุดได้อย่างไร? นั่นมันไร้สาระเกินไปแล้ว!ทุกคนเข้าใจว่าหากนี่ไม่ใช่เรื่องจริง ก็ไม่มีทางอธิบายทุกสิ่งที่พวกเขาเห็นได้ นั่นก็เพราะชายสวมหน้ากากไม่ได้ประเมินคู่ต่อสู้ของเขาต่ำไปอย่างแน่นอนเขาใช้ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเอง แต่สุดท้ายก็ยังล้มเหลว นั่นพิสูจน์แล้วว่าทักษะที่เฟนด์ใช้นั้นเหนือกว่าทักษะอสุนีโลหิตมารของชายสวมหน้ากากมากในขณะนั้น เฟนด์ไม่จำเป็นต้องหันกลับไปก็สัมผัสได้ถึงสายตาของทุกคนที่จ้องมองมาที่เขา นอกจากความตกใจแล้ว พวกเขายังเต็มไปด้วยความสับสน เขาละสายตาจากร่างของชายสวมหน้ากากเมื่อชายคนนั้นตายไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องครุ่นคิดถึงอดีตของพวกเขาอีกต่อไป เขามองไปที่หุบเหวแห่งสุญ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2358

    เขากำลังอยู่ที่ไหน? นี่เป็นห้วงจินตนาการหรือเปล่า? สถานที่นี้เกี่ยวข้องกับแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามหรือไม่? คำถามในใจของเขาผุดขึ้นมาทีละคำถาม แต่ไม่มีใครตอบคำถามเหล่านี้เลย!ทั้งสองหยุดอยู่ห่างกันประมาณร้อยเมตร เฟนด์ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าชายชุดเกราะสีดำมีหน้าตาเป็นอย่างไรเนื่องจากเขาสวมชุดเกราะอย่างมิดชิด แต่ชายชุดขาวไม่ได้ถูกปกปิดเสียเท่าไหร่แต่ใบหน้าของชายคนนั้นดูไม่ชัดเจน ราวกับว่ามีชั้นหมอกหนาลอยอยู่รอบตัวเขา มันปิดบังใบหน้าของเขาไว้อย่างสมบูรณ์สองคนนี้คือใครกัน? ทำไมพวกเขาถึงอยู่ที่นั่น? แล้วทำไมเขาถึงเห็นเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น?ในขณะนั้น ชายชุดขาวกล่าวว่า "นายไม่เพียงแต่โหดร้ายเท่านั้น แต่ยังน่ารังเกียจอีกด้วย! ความสำเร็จทั้งหมดที่นายมีในวันนี้ล้วนเป็นเพราะที่ปรึกษาของนายทั้งนั้น"ชายชุดดำเผยรอยยิ้มเย็นชาแล้วพูดว่า "ฉันก็เกลียดคนหลอกลวงและเสแสร้งอย่างนายมากที่สุด ถ้านายมาเป็นฉัน นายก็คงเลวยิ่งกว่านี้! อย่ามาพูดเหมือนกับนายเป็นคนที่มีศีลธรรมสูงส่งที่สุดในโลกเลยดีกว่า"ชายในชุดขาวตะคอก "นั่นสินะ คุยกับนายไปก็มีแต่เปลืองน้ำลายเปล่า ๆ!"ชายชุดดำยิ้มออกมาอย่างเย็นชาขณะที่เข

บทล่าสุด

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2455

    ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2454

    ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2453

    เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2452

    พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2451

    “สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2450

    ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2449

    เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2448

    กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2447

    ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ

DMCA.com Protection Status