ปัง!อนิจจา แม้ออเรียลจะใช้พลังฉี แต่เธอสู้กับชายคนนี้ไม่ได้เลย กำปั้นของเขาส่งเธอลอยออกไป“เจ้าตำหนัก!” เมโลดี้หน้าซีดด้วยความตกใจ เธอบินไปอย่างรวดเร็วและแทบจะตามออเรียลที่กำลังบินถลาไปไม่ทัน“ทำไม… ทำไมเธอถึงไม่หนี” ออเรียลโกรธนิด ๆ ที่เมโลดี้ไม่ได้ใช้โอกาสนี้หนีไป มันมีช่องโหว่มากพอที่พวกเขาจะสามารถหนีออกไปได้ เป็นโอกาสที่หามาได้ยากยิ่ง แต่เมโลดี้กลับทำให้มันเสียเปล่าอั่ก!เธอกระอักเลือดออกมาเมื่อพูดจบ“ฮ่าฮ่า… เธอคิดว่าเธอจะหลบหนีได้ทั้งที่ฉันเห็นเธออยู่อย่างนี้น่ะเหรอ? อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ แต่เธอจะไม่มีโอกาสหนีไปจากฉัน โดยอาศัยแค่ความเร็วในการบินของเธอเพียงอย่างเดียวได้หรอกน่า!” ชายวัยกลางคนหัวเราะและค่อย ๆ บินมาชายคนหนึ่งพุ่งออกไปและฆ่าเหล่าสมาชิกของเผ่ากระหายเลือดที่อยู่ด้านนอกด้วยหมัดที่ต่อเนื่องกันหลายครั้งก่อนที่จะหยุดลงตรงหน้าเมโลดี้และคนอื่น ๆ “ฟ...เฟนด์?” เมโลดี้รู้สึกงุนงงเมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยนี้ เธอไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบกับเฟนด์ที่นี่ได้หวือ! หวือ! หวือ!ทันทีที่เฟนด์หยุดโจมตี แนชและคนอื่น ๆ ก็พุ่งเข้ามาโจมตีสมาชิกของเผ่ากระหายเลือดที่เหลืออย่างด
“เ*รเอ๊ย! เกิดอะไรขึ้น? คนในขั้นที่สามของระดับเทพสูงสุดจะปรากฏตัวได้ยังไง?” ก่อนหน้านี้ชายผู้นั้นดูจองหอง แต่เมื่อเหตุการณ์พลิกผันอย่างกะทันหันสีหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวด้วยความหวาดกลัว เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีผู้ที่อยู่ในขั้นที่สามระดับเทพสูงสุดในหมู่ของผู้ที่แอบเข้ามาในดินแดนนี้ชายคนที่อยู่ในขั้นที่สองระดับเทพสูงสุดบินไปหาชายที่อยู่ในขั้นที่สามระดับเทพสูงสุดด้วยสีหน้าจริงจัง “นี่ดูไม่เข้าท่าแล้ว ศิษย์พี่ คนในเผ่าคิดว่าในหมู่คนเหล่านี้มีปรมาจารย์ไม่มากนัก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ส่งสมาชิกที่แข็งแกร่งเข้าไปในพื้นที่มากเท่าไหร่ พวกเขาบอกว่านี่เป็นการฝึกของเราและบอกให้เราฆ่าพวกเขาให้สาแก่ใจ แต่เราไม่รู้เลยว่าในหมู่พวกเขาจะมีคนที่อยู่ในขั้นที่สามระดับเทพสูงสุดด้วย!”ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และตั้งทฤษฎีว่า “พวกเขาอาจเป็นสมาชิกของกองทัพทั้งเก้ารึเปล่า? คนเหล่านี้ไม่อาจจะทะลวงได้เร็วขนาดนี้หรอกเพราะพวกเขาเพิ่งเข้ามาในพื้นที่นี้ได้ไม่นาน!”ชายผู้อยู่ในขั้นที่สองระดับเทพสูงสุดส่ายหน้า "เป็นไปไม่ได้! คนเหล่านี้รู้จักกัน และพวกเขาก็มาจากดินแดนรกร้าง!”“ฮ่าฮ่า… เลิกเดาและยอมร
เมโลดี้บินมาถามเฟนด์อย่างสงสัยหลังจากขอบคุณเขา“ฮ่าฮ่า… นี่มันไม่ชัดอีกเหรอ? ผมอยู่ในขั้นที่สี่ระดับเทพสูงสุด แต่พลังการต่อสู้ของผมนั้นแข็งแกร่งกว่าขั้นที่สี่ระดับเทพสูงสุดเล็กน้อยเท่านั้นเอง!” เฟนด์ยิ้มอย่างนอบน้อม ในขณะนั้นแนชและคนอื่น ๆ ก็ช่วยรวบรวมรางวัลของพวกเขาเมื่อได้ยินในสิ่งที่พวกเขาพูด ออเรียลก็พูดไม่ออก เธอแน่ใจว่าพลังการต่อสู้ของชายหนุ่มคนนี้ไม่เพียงแต่แข็งแกร่งกว่าขั้นที่สี่ของระดับเทพสูงสุดเล็กน้อยเท่านั้น แค้พลังเพียงเล็กน้อยของเขาก็ทำให้สมาชิกในขั้นที่สองและสามในระดับเทพสูงสุดของเผ่ากระหายเลือดกลายเป็นชิ้นเนื้อได้แล้ว“นายน้อยเฟนด์ เราได้ยินจากคนเหล่านี้ว่าพวกเขาเป็นสมาชิกของเผ่ากระหายเลือดและยังกล่าวถึงกองทัพทั้งเก้าด้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เราไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ของที่นี่นัก และดูเหมือนว่าลูกหลานของผู้ที่เข้ามาในพื้นที่นี้เมื่อนานมาแล้วจะไม่ค่อยต้อนรับเรานัก” ออเรียลคิดและมองไปที่เฟนด์อย่างงงงวย เธอหวังว่าจะได้รับคำตอบบางอย่างจากเฟนด์เฟนด์ยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะถ่ายทอดสิ่งที่เขารู้และเสริมว่า "ทำตามที่ผมบอกและไปรวมกันที่ภูเขาลูกนั้นจะดีที่สุด ตลอดการเดินทางไปยัง
“ฮ่าฮ่า… เมโลดี้ การอยู่กับเฟนด์เป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุด ถ้าผมไม่ได้พบกับเฟนด์ตอนนี้ผมจะได้อยู่ในขั้นที่สามระดับเทพสูงสุดหรือเปล่าก็ไม่รู้” อเล็กซานเออกมาอร์ประกาศอย่างจริงจังข้าง ๆ พวกเขา “แต่ทางเลือกนี้ของคุณก็ค่อนข้างถูกต้องนะ เพราะคุณไม่กลัวตาย การติดตามนายน้อยเฟนด์จะเป็นประโยชน์ต่อคุณอย่างแน่นอน นายน้อยเฟนด์ของเราเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุขั้นกลางระดับสามแล้ว ผมเห็นว่าคุณมีระดับพลังที่เสถียร และผมคิดว่าระดับพลังของทุกคนจะเสถียรภายในสองวันข้างหน้า หาโอกาสฝึกด้วยกันสิ คุณจะทะลวงเข้าสู่ขั้นที่ห้าของระดับเทพสูงสุดได้อย่างแน่นอน หากคุณมีโอสถขั้นกลางระดับสาม!”“คุณ… คุณเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุขั้นกลางระดับสามแล้วหรือ?” เมโลดี้อ้าปากค้างหลังจากได้ยินเรื่องทั้งหมดนี้ เธอได้แต่สงสัยว่าเธอได้ยินผิดไปหรือเปล่า“ใช่ แต่นั่นยังไม่พอ ช่วงหลังมานี้ผมไม่มีเวลาที่จะได้ลองบ่มเพาะโอสถในระดับสามขั้นต่อไป ไว้ว่างแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้ เราจำเป็นต้องยื้อเวลาเพื่อโค่นเผ่ากระหายเลือด ไปกันเถอะ ผมเกรงว่าเสียงการต่อสู้ที่นี่จะดึงดูดสมาชิกเผ่ากระหายเลือดหรือสัตว์อสูรตัวใหม่เข้ามา ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันเพื่อไม่ให้เส
เมื่อเห็นว่าท้องฟ้ามืดลงแล้ว ผู้อาวุโสเอ่ยปากแนะนำหลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบ หลังจากนั้นพวกเขาก็ออกจากบริเวณนั้น ปล่อยให้ซากศพถูกสัตว์อสูรที่ออกเดินอยู่แถวนั้นจัดการในเวลาเดียวกัน อาเธอร์ เอลล่าและคนหนุ่มสาวหลายคนกำลังนั่งอยู่บนก้อนหินที่อยู่ตรงทางแยกนอกปราการของกองทัพทั้งเก้า“โอ้ พวกเขาเริ่มต่อสู้กันแล้วล่ะ เผ่ากระหายเลือดส่งคนเข้าไปในป่าเพื่อลอบสังหารเฮเลน่าและคนอื่น ๆ ตั้งแต่เช้าตรู่ ” อาเธอร์นึกถึงรูปร่างหน้าตาที่สวยงามของเฮเลน่าและรู้สึกกังวลสกายที่อยู่เคียงข้างพวกเขายิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณยังมาพูดถึงเฮเลน่ากันอยู่อีกฮ่า ๆ ! ตอนนี้เฮเลน่าอาจหายสาบสูญไปแล้ว และเธอก็น่าจะตายอย่างน่าสยดสยองด้วย ร่างกายของเธอคงถูกสัตว์อสูรกินไปแล้ว!”อาเธอร์กำหมัดแน่นด้วยความโกรธในสิ่งที่สกายพูด และจ้องเขม็งไปที่เธอ "เป็นไปไม่ได้! ฉันรู้ว่าเธอจะรอด ยังไงเสียเธอก็อยู่ในขั้นที่หนึ่งของระดับเทพสูงสุด และดูจากตำนวนของพวกเขาแล้ว พวกเขาอาจจะหนีไปได้!”“ฮ่าฮ่า… นายน้อยอาเธอร์ ช่วงนี้คุณไม่ได้ฉลาดน้อยลงใช่ไหม? ทำไมสติปัญญาของคุณถึงถดถอยลงแค่เพราะผู้หญิงคนเดียว? จริงอยู่ ที่เธออยู่ในขั้นที่
คำแนะนำของอาเธอร์ทำให้สกายโกรธมากเธอปราดสายตามองเขา “อาเธอร์ คุณบ้าไปแล้วเหรอ? คุณก็รู้นี่ว่ามันอันตรายแค่ไหน? นี่ยังคิดที่จะเข้าไปในนั้นอีก? ฮ่า ๆ! คุณแค่เฝ้าอยู่นอกป่ากับทุกคนได้ไหม?”เฮนดริกเอ่ยขอร้องกับอาเธอร์ว่า “นายน้อยอาเธอร์ คุณจะทำตัวหุนหันพลันแล่นไม่ได้ เราจะเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ คนของพวกเขาอาจฆ่าเรา อย่างไรซะ กองทัพทั้งเก้าก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไรใหญ่โตเพียงเพราะคนพวกนั้นฆ่าคนไปหลายคนหรอก รอดูไปก่อนเถอะ”เอลล่าเองยังนึกประหลาดใจนและช่วยเกลี้ยกล่อมอาเธอร์ทันที “อาเธอร์ นี่คุณหุนหันพลันแล่นเกินไปแล้ว คุณคิดว่าคนจากเผ่ากระหายเลือดจะยอมให้เราเข้าไปงั้นเหรอ? การอนุญาตให้เราเข้าไปก็คือการอนุญาตให้เราไปช่วยฆ่าสมาชิกของพวกเขา พวกเขาจะยอมให้เป็นเช่นนั้นได้ยังไง? พวกเขาอาจฆ่าเราทันทีที่เราไปถึงทางเข้า!”อาเธอร์ถอนหายใจและกลับไปนั่งบนก้อนหินที่เคยนั่งก่อนหน้านี้ “เฮ้อ… ฉันได้แต่กังวลแทนพวกเขาในตอนที่ฉันได้ยินเสียงการต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่ในพื้นที่เบื้องหน้า ไหนจะเรื่องที่เหล่าสมาชิกของเผ่ากระหายเลือดกำลังดักพวกเขาไว้นอกป่าอีก”ในขณะนี้ดวงตาของเขาเป็นประกาย และพูดอย่างไร้เดียง
สกายพูดทันทีว่า “เห็นไหมล่ะ? เห็นไหม?! แม้แต่เจ้าอ้วนนี่ยังเข้าใจอะไร ๆ ได้ดีกว่าพวกคุณอีก! ไปกันเถอะ ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เรากลับไปฝึกซ้อมกันดีกว่า หลังจากนี้อีกสองวันเราอาจจะต้องเข้าร่วมการต่อสู้ขึ้นมาจริง ๆ ก็ได้”อาเธอร์ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “เราอาจจะต้องเข้าร่วมการต่อสู้ขึ้นมาก็ได้ งั้นเหรอ? ฮ่าฮ่า… ดูจากทัศนคติของหัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่งแล้ว โอกาสที่เราจะเข้าร่วมการต่อสู้กับพวกเขานั้นคงมีไม่มากนักหรอก และหลังจากออกไปสู้แค่แป๊บเดียว ผู้คนจากตำหนักคลื่นเมฆาก็จะมาถึง พอถึงตอนนั้น ก็จะเหลือเพียงแค่การเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายเท่านั้น!”เฮนดริกยังกล่าวอีกว่า “ถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้น เราก็ไม่อาจทะลวงไปในขั้นที่สูงขึ้นได้ภายในสองสามวันหรอก แล้วจะบ่มเพาะตัวเองไปเพื่ออะไรกันล่ะ?”ในขณะเดียวกัน ชายคนหนึ่งมาปรากฏตัวต่อหน้าหัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่งหัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่งมองไปที่ชายตรงหน้าและพูดช้า ๆ “เป็นยังไงบ้าง? สถานการณ์ในป่าเป็นยังไง?”ชายคนนั้นทำความเคารพด้วยมือและพูดว่า “พวกเขาเริ่มต่อสู้กันแล้ว ผู้คนจากเผ่ากระหายเลือดมาถึงเมื่อเช้าและส่งสมาชิกกลุ่มใหญ่เข้าไปในพ
สิ่งที่ชายตรงหน้าพูดทำให้หัวใจของออสตินสั่นสะท้าน เป็นความจริงที่มีทรัพยากรเสริมพลังยุทธมากมายในป่า และเมื่อศิษย์จากเผ่ากระหายเลือดได้รับมันไป พวกเขาจะไม่มีวันได้มันกลับคืนมาเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันแน่ใจว่าศิษย์จากเผ่ากระหายเลือดจะต้องตายไปไม่น้อย และข้าวของของศิษย์จากกระหายเลือดจะตกไปอยู่ในมือของคนนอกพวกนั้นด้วยเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้น หากคนนอกพวกนั้นสามารถฆ่าศิษย์จากเผ่ากระหายเลือดได้ แล้วถ้าจะปล่อยให้คนเหล่านั้นได้รับค่าตอบแทนสักหน่อยจะเป็นไรไป?”หลังจากที่ชายวัยกลางคนได้ยินสิ่งนี้ก็พยักหน้าและพูดว่า “สิ่งที่คุณพูดนั้นถูกต้อง แต่เราจะต้องรอกันอีกกี่วันล่ะ?” “อย่างน้อยก็อาจจะอีกสักสองสามวัน? เพราะถ้าเราออกไปเร็วเกิน ฉันกลัวว่าคนของตำหนักคลื่นเมฆาก็จะมาช้าเช่นกัน แล้วถ้าผู้คนจากตำหนักคลื่นเมฆามาช้ากว่าที่คิด เราจะเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่หากต้องต่อสู้กับพวกนั้นนานเกินไป!” ออสตินครุ่นคิดก่อนที่จะพูดต่อ “พวกนายไปจับตาดูสิ่งที่เกิดขึ้นในป่าต่อเถอะ ถ้ามีข่าวคราวอะไรให้รีบมารายงานฉันทันที เข้าใจไหม?”“ไม่ต้องห่วงครับ หัวหน้าป้อมปราการที่หนึ่ง เราจะรีบมารา