คำแนะนำของอาเธอร์ทำให้สกายโกรธมากเธอปราดสายตามองเขา “อาเธอร์ คุณบ้าไปแล้วเหรอ? คุณก็รู้นี่ว่ามันอันตรายแค่ไหน? นี่ยังคิดที่จะเข้าไปในนั้นอีก? ฮ่า ๆ! คุณแค่เฝ้าอยู่นอกป่ากับทุกคนได้ไหม?”เฮนดริกเอ่ยขอร้องกับอาเธอร์ว่า “นายน้อยอาเธอร์ คุณจะทำตัวหุนหันพลันแล่นไม่ได้ เราจะเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ คนของพวกเขาอาจฆ่าเรา อย่างไรซะ กองทัพทั้งเก้าก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไรใหญ่โตเพียงเพราะคนพวกนั้นฆ่าคนไปหลายคนหรอก รอดูไปก่อนเถอะ”เอลล่าเองยังนึกประหลาดใจนและช่วยเกลี้ยกล่อมอาเธอร์ทันที “อาเธอร์ นี่คุณหุนหันพลันแล่นเกินไปแล้ว คุณคิดว่าคนจากเผ่ากระหายเลือดจะยอมให้เราเข้าไปงั้นเหรอ? การอนุญาตให้เราเข้าไปก็คือการอนุญาตให้เราไปช่วยฆ่าสมาชิกของพวกเขา พวกเขาจะยอมให้เป็นเช่นนั้นได้ยังไง? พวกเขาอาจฆ่าเราทันทีที่เราไปถึงทางเข้า!”อาเธอร์ถอนหายใจและกลับไปนั่งบนก้อนหินที่เคยนั่งก่อนหน้านี้ “เฮ้อ… ฉันได้แต่กังวลแทนพวกเขาในตอนที่ฉันได้ยินเสียงการต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่ในพื้นที่เบื้องหน้า ไหนจะเรื่องที่เหล่าสมาชิกของเผ่ากระหายเลือดกำลังดักพวกเขาไว้นอกป่าอีก”ในขณะนี้ดวงตาของเขาเป็นประกาย และพูดอย่างไร้เดียง
สกายพูดทันทีว่า “เห็นไหมล่ะ? เห็นไหม?! แม้แต่เจ้าอ้วนนี่ยังเข้าใจอะไร ๆ ได้ดีกว่าพวกคุณอีก! ไปกันเถอะ ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เรากลับไปฝึกซ้อมกันดีกว่า หลังจากนี้อีกสองวันเราอาจจะต้องเข้าร่วมการต่อสู้ขึ้นมาจริง ๆ ก็ได้”อาเธอร์ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “เราอาจจะต้องเข้าร่วมการต่อสู้ขึ้นมาก็ได้ งั้นเหรอ? ฮ่าฮ่า… ดูจากทัศนคติของหัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่งแล้ว โอกาสที่เราจะเข้าร่วมการต่อสู้กับพวกเขานั้นคงมีไม่มากนักหรอก และหลังจากออกไปสู้แค่แป๊บเดียว ผู้คนจากตำหนักคลื่นเมฆาก็จะมาถึง พอถึงตอนนั้น ก็จะเหลือเพียงแค่การเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายเท่านั้น!”เฮนดริกยังกล่าวอีกว่า “ถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้น เราก็ไม่อาจทะลวงไปในขั้นที่สูงขึ้นได้ภายในสองสามวันหรอก แล้วจะบ่มเพาะตัวเองไปเพื่ออะไรกันล่ะ?”ในขณะเดียวกัน ชายคนหนึ่งมาปรากฏตัวต่อหน้าหัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่งหัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่งมองไปที่ชายตรงหน้าและพูดช้า ๆ “เป็นยังไงบ้าง? สถานการณ์ในป่าเป็นยังไง?”ชายคนนั้นทำความเคารพด้วยมือและพูดว่า “พวกเขาเริ่มต่อสู้กันแล้ว ผู้คนจากเผ่ากระหายเลือดมาถึงเมื่อเช้าและส่งสมาชิกกลุ่มใหญ่เข้าไปในพ
สิ่งที่ชายตรงหน้าพูดทำให้หัวใจของออสตินสั่นสะท้าน เป็นความจริงที่มีทรัพยากรเสริมพลังยุทธมากมายในป่า และเมื่อศิษย์จากเผ่ากระหายเลือดได้รับมันไป พวกเขาจะไม่มีวันได้มันกลับคืนมาเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันแน่ใจว่าศิษย์จากเผ่ากระหายเลือดจะต้องตายไปไม่น้อย และข้าวของของศิษย์จากกระหายเลือดจะตกไปอยู่ในมือของคนนอกพวกนั้นด้วยเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้น หากคนนอกพวกนั้นสามารถฆ่าศิษย์จากเผ่ากระหายเลือดได้ แล้วถ้าจะปล่อยให้คนเหล่านั้นได้รับค่าตอบแทนสักหน่อยจะเป็นไรไป?”หลังจากที่ชายวัยกลางคนได้ยินสิ่งนี้ก็พยักหน้าและพูดว่า “สิ่งที่คุณพูดนั้นถูกต้อง แต่เราจะต้องรอกันอีกกี่วันล่ะ?” “อย่างน้อยก็อาจจะอีกสักสองสามวัน? เพราะถ้าเราออกไปเร็วเกิน ฉันกลัวว่าคนของตำหนักคลื่นเมฆาก็จะมาช้าเช่นกัน แล้วถ้าผู้คนจากตำหนักคลื่นเมฆามาช้ากว่าที่คิด เราจะเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่หากต้องต่อสู้กับพวกนั้นนานเกินไป!” ออสตินครุ่นคิดก่อนที่จะพูดต่อ “พวกนายไปจับตาดูสิ่งที่เกิดขึ้นในป่าต่อเถอะ ถ้ามีข่าวคราวอะไรให้รีบมารายงานฉันทันที เข้าใจไหม?”“ไม่ต้องห่วงครับ หัวหน้าป้อมปราการที่หนึ่ง เราจะรีบมารา
ทันใดนั้น ศิษย์จากเผ่ากระหายเลือดก็วิ่งออกจากป่ากันหลายคน เขาตามหาหัวหน้าเผ่าและเหล่าผู้อาวุโสทันทีผู้อาวุโสลำดับที่สองยิ้มราบเรียบและถามเหล่าศิษย์ด้วยท่าทีสบาย ๆ ว่า “เกิดอะไรขึ้น? พวกนายออกมาพักผ่อนกันงั้นหรือ?”พวกเขาอาจจะเหนื่อยล้าจากการสังหารพวกที่มาจากดินแดนรกร้างมาทั้งวัน ถึงได้พากันออกมาเพื่อพักผ่อนศิษย์ชราที่อยู่ในขั้นที่สามของระดับเทพสูงสุด พยายามกลั้นหายใจหอบก่อนจะตอบว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น หัวหน้าเผ่าและเหล่าผู้อาวุโส ผมมีบางอย่างที่จะรายงาน เราสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ เราจึงวิ่งออกไปดู!”“แล้วมันยังไงล่ะ?” ผู้อาวุโสหนึ่งขมวดคิ้ว กวาดสายตามองไปยังเหล่าศิษย์จากนั้นชายชราก็พูดว่า “เรา… เราพบว่าคนของเราเสียชีวิตหลังจากต่อสู้กับคนนอกพวกนั้นไปจำนวนมาก ไม่คิดเลยว่าเราจะได้เห็นศิษย์ในขั้นที่สามของระดับเทพสูงสุดเสียชีวิตในสนามรบถึงสามคน นอกจากนี้ยังมีศิษย์ในขั้นที่หนึ่งและสองของระดับเทพสูงสุดของเราเสียชีวิตอีกหลายร้อยคนท่ามกลางศพของคนนอกที่มีเพียงร้อยกว่า ๆ ถึงอย่างนั้นพวกคนนอกที่ตายไปก็ไม่มีใครอยู่ในระดับเทพสูงสุดเลยสักคน!”"อะไรนะ?!" เอ็ดเวิร์ดและคนอื่น ๆ ตกใจสุดขีดเม
ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งมองไปที่เอ็ดเวิร์ดอย่างเคร่งขรึม “หัวหน้าเผ่า ตอนนี้เราควรทำยังไงดี? เราไม่รู้ว่ากองทัพทั้งเก้าส่งคนไปมากน้อยแค่ไหน และความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาเป็นอย่างไร ดูท่าว่าเราควรจะส่งศิษย์ของเราที่อยู่ในขั้นที่ห้า เจ็ด และแปดในระดับเทพสูงสุดเข้าไปในป่า”เอ็ดเวิร์ดคิดก่อนจะพูดว่า “อย่าห่วงไปเลย ผมรู้จักผู้ชายคนนั้นดีอยู่ ออสติน ดราโกน่ะมีนิสัยประหลาดไม่เหมือนใคร เขาจะไม่ส่งปรมาจารย์ที่ทรงพลังเข้าไปในป่าเยอะขนาดนั้นหรอก สิ่งที่เขาจะทำมากที่สุดคือ การส่งคนในขั้นที่ห้าหรือหกของระดับเทพสูงสุดเข้าไปเท่านั้น ถ้าเขาคิดที่จะต่อต้านเราอย่างไม่คิดชีวิตขึ้นมา นั่นก็ไม่ต่างอะไรกันรนหาที่ตาย!”ผู้อาวุโสลำดับที่สองพยักหน้าและพูดเห็นด้วย “สิ่งที่หัวหน้าเผ่าพูดนั้นถูกต้อง ถ้าพวกเขาส่งยอดฝีมือมาที่นี่ พวกเขาคงนำคนพวกนั้นมาต่อสู้กับเรา พวกเขาต้องส่งคนบางคนที่มีความสามารถในการต่อสู้ระดับกลางและช่วยคนพวกนั้นฆ่าคนของเราก็เท่านั้น ถ้าเป็นกรณีนั้น พวกเขาก็จะถือว่าตัวเองได้ช่วยเหลือคนนอกพวกนั้นแล้ว หลังจากนั้นพวกเขาจะสามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นต่อกองกำลังปฏิภาคีได้ แต่ถ้าพวกเขาวางเฉย พวกเข
แน่นอนว่าเฟนด์ไม่ได้ฝึกบ่มเพาะพลังยุทธ แต่เลือกที่จะบ่มเพาะโอสถชั้นกลางระดับสามในช่วงเวลากลางคืนแทน เขาหยิบส่วนผสมและหม้อหลอมโอสถออกมาเนื่องจากอัตราความสำเร็จมีความสำคัญอย่างยิ่ง เฟนด์จึงไม่มีความคิดที่จะลองบ่มเพาะโอสถชั้นกลางระดับสามสูตรอื่น ๆ เขากำลังบ่มเพาะโอสถที่เขาเคยบ่มเพาะสำเร็จไปก่อนหน้านี้กลุ่มของพวกเขารวมทั้งเมโลดี้ต้องการโอสถทั้งหมดเจ็ดเม็ด ถือเป็นแรงกดดันอย่างมากสำหรับเฟนด์เฟนด์บ่มเพาะโอสถด้วยส่วนผสมแปดชุดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืน และเขาประสบความสำเร็จสามครั้ง ส่งผลให้ตอนนี้เขาได้รับโอสถชั้นกลางระดับสามมาสามเม็ดแล้วถือได้ว่าอัตราความสำเร็จนั้นน่าประทับใจทีเดียว“ฮึ่ม!” เมื่อถึงเวลากลางวันเฟนด์ก็ลุกขึ้นยืนและถอนหายใจอย่างหนัก “ดูเหมือนว่าผมจะเชี่ยวชาญขึ้นกว่าครั้งที่แล้ว คืนนี้ผมจะบ่มเพาะโอสถเพิ่มอีกสี่เม็ด แล้วเราจะมีมันคนละหนึ่งเม็ด พลังยุทธของเราจะเพิ่มขึ้นมากอย่างแน่นอน ถ้าเราตั้งใจทะลวงไปด้วยกัน!” “ฮ่าฮ่า… หมายความว่าเราจะสามารถขวางคนเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย!” อเล็กซานเดอร์หัวเราะและพูดว่า “ในบรรดาศิษย์จากเผ่ากระหายเลือดที่เราฆ่าไปเมื่อวานนี้ คนที่มีพลังยุทธส
“เห้ย! ตรงนั้นมีถ้ำ แถมยังมีคนอยู่ตรงนั้นหลายคนด้วย ฮ่าฮ่า… ดูเหมือนว่าเมื่อคืนนี้คนพวกนี้จะซ่อนตัวอยู่ในถ้ำนี่!” ทันใดนั้นเองศิษย์จากเผ่ากระหายเลือดร่วมโหลก็ได้พบเฟนด์และคนอื่น ๆ พวกเขาบินเข้าหาอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าในทันที“จุ๊ จุ๊…ไม่เลวเลยนี่ เราได้พบพวกเขาถึงเจ็ดคน มีสาวสวยอยู่ในหมู่พวกเขาอีกต่างหาก ถึงแม้ว่าใบหน้าของเธอจะถูกปกปิดไว้ แต่ฉันแน่ใจว่าเธอจะต้องเป็นผู้หญิงที่สวยแน่!” ศิษย์อีกคนของเผ่ากระหายเลือดพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า“ฮ่าฮ่า… ศิษย์น้อง ดูนายสิ! ทุกครั้งที่นายเห็นผู้หญิงสวย นายก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ทุกที ถ้ายังไม่เลิกเป็นเช่นนี้ สักวันหนึ่งนายอาจตายด้วยน้ำมือผู้หญิงเอานะ!” ชายชราคนหนึ่งเริ่มหัวเราะเสียงดังเฟนด์มองไปที่คนเหล่านี้ก่อนที่รอยยิ้มอันอ่อนโยนจะปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา “ผู้ที่มีพลังยุทธสูงสุดนั้นอยู่แค่เพียงขั้นที่สามในระดับเทพสูงสุด ส่วนพวกที่เหลืออีกเกินครึ่งอยู่ในระดับเทพแท้จริงเท่านั้น จุ๊ จุ๊… พวกคุณมีกันน้อยเกินไปเพราะมีคนที่อยู่ในระดับเทพสูงสุดเพียงห้าคนเท่านั้น ถ้าคุณมีกันมากกว่านี้ก็คงจะดีกว่า!”มุมปากของชายชรากระตุกไม่หยุดเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้
ศิษย์หญิงที่ดูแคลนเฟนด์ตกใจจนอ้าปากค้างหลังจากที่เธอเห็นฉากนี้ เธอไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเธอ"หนีเร็ว! ระดับพลังยุทธของผู้ชายคนนั้นเทียบได้กับนักสู้ขั้นที่ห้าหรือหกของระดับเทพสูงสุดเชียวนะ บ้าไปแล้ว! ทำไมในป่าแห่งนี้ถึงได้มีผู้ที่มีพลังยุทธสูงส่งถึงขนาดนี้ได้ล่ะ!” ชายอีกคนที่อยู่ในขั้นที่สามของระดับเทพสูงสุดตะโกนด้วยความตกใจในทันทีและหันหลังเตรียมจะหลบหนีถึงอย่างนั้นเฟนด์ก็เคลื่อนเข้าหาเขาอย่างรวดเร็วดุจเงา เขายังไม่ได้ขยับไปไหนแต่เฟนด์ปรากฏตัวต่อหน้าชายคนนั้นและโจมตีเขาในทันทีวิ้ง วิ้ง วิ้ง!ในเวลาเดียวกัน แนชและคนอื่น ๆ ก็เริ่มพุ่งตัวไปข้างหน้า พวกเขาพุ่งไปข้างหน้ากันทีละคน เหล่าศิษย์ร่วมโหลไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาจึงถูกฆ่าตายภายในไม่กี่วินาที“เมื่อคืนเราเดินทางเข้ามาในป่าค่อนข้างลึก ก่อนที่เราจะหลบซ่อนตัวเพื่อฝึกยุทธ ไม่คาดคิดเลยว่าคนพวกนี้จะล่วงล้ำเข้ามาในป่าได้ไกลถึงขนาดนี้”เฟนด์พูดในขณะที่เขากำลังตรวจสอบแหวนยุทธของอีกฝ่ายหลังจากที่เขาฆ่าคนเหล่านั้นลงได้"ใช่ เพราะฉะนั้นคนพวกนี้อาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในป่านี้แน่ชัดนัก” แนชพยักหน้าหลังจากเก็บของร