แก้มของเฮเลน่าแดงขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนี้ เธอจ้องที่เขา “อย่าพูดเรื่องไร้สาระ ยังไม่เกิดขึ้นหรอก ยังไงก็ตามฉันไม่ได้รู้จักเขามานานเกินไปแล้ว!”จากนั้นเฮเลน่าก็มองไปที่เฟนด์อีกครั้ง “อันที่จริง เขาไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่คุณคิด!” เธอกล่าว“โอ้โห คุณหนูใหญ่คาเบลโล ผู้ชายเช่นนี้ยังไม่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบอีกหรือ? ระดับการบ่มเพาะของเขาสูงมาก และเขาก็เป็นหนุ่มหล่อ แม้แต่เหล่าเจ้าตำหนักแห่งชนเผ่าโบราณทั้งสี่ก็เทียบเขาไม่ได้ นอกจากนี้เขารู้จักเล่นแร่แปรธาตุ ขนาดผมเองยังคิดว่าผู้ชายคนนี้สมบูรณ์แบบแล้ว แล้วคุณคิดว่าเขาไม่ใช่เหรอ?”ท่าทีของชายคนนั้นดูไม่เชื่อเอาซะเลยหลังจากที่เขาได้ยินแบบนั้น “ผู้หญิงในตระกูลของเราทุกคนล้วนเป็นแฟนคลับเขา และพวกเธอล้วนใฝ่ฝันที่จะแต่งงานกับเขา คุณคิดว่าเขาไม่ดีพออีกเหรอ?”เฮเลน่าโกรธมาก เธอจ้องอย่างดุร้าย และพูดอย่างฉุนเฉียวใส่เขาว่า “คนคนนึงจะพูดเรื่องไร้สาระขนาดนี้ได้ยังไง? ทําไมมันถึงสําคัญกับคุณนักว่าเขาจะสมบูรณ์แบบหรือไม่? ออกไป!"ชายคนนั้นก็ยิ่งไม่รู้เหมือนกันว่าทําไมเฮเลน่าถึงกับโกรธขึ้นมา เขาอดไม่ได้ที่จะพูดงึมงัมขอโทษและรีบกลับไปหาครอบครัวเขาดาเนียลล่
“แล้วทําไมเราไม่ประลองกันหน่อยล่ะ?”ดวงตาของชายชราหรี่ลงเล็กน้อย และเขารวบรวมพลังฉีเข้ามาในฝ่ามือของเขา พอเขาโบกมือของเขา ดาบอันน่ากลัวที่มาจากพลังฉีก็ปรากฏขึ้นดาบบินขนาดมหึมาราวกว่ายี่สิบฟุต ปรากฏขึ้นมา แล้วยกตัวขึ้นฟาดฟันฉวัดเฉวียนไปมา จากนั้นก็ฟันฉับลงมา"ฮึ่ม!"อเล็กซานเดอร์รู้สึกว่าชายชราผู้นี้เป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่ง่ายหลังจากได้เห็นการโจมตีของเขา จากที่ดู ชายผู้นี้ต้องเป็นนักสู้ที่เข้าถึงขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริง ยิ่งกว่านั้น การโจมตีครั้งแรกของเขาก็ดุร้ายเหลือเกิน ราวกับเขาไม่มีความตั้งใจที่จะยั้งมันเขากําหมัดจนแน่นและต่อยออกไป ทันใดนั้น กำปั้นหมัดยักษ์ที่เกิดขึ้นจากพลังฉีก็ปรากฏขึ้น หมัดนี้มีออร่าที่น่ากลัว และลอยไปหาดาบที่กำลังลอยอยู่ปัง!เสียงโครมครามดังขึ้นในอากาศระหว่างทั้งสองฝ่าย การปะทะกันอย่างรุนแรงทําให้คลื่นพลังงานกระเพื่อมไปทุกทิศทาง ลมอันน่าสะพรึงกลัวพัดผ่านผู้คนมากมาย และผู้ที่ยังฝึกฝนอยู่ในระดับต่ำกว่าต่างก็กลัวกันมากจนถอยหลังไปสองก้าวเกิดระลอกคลื่นปรากฏบนผืนน้ำของมหาสมุทรเบื้องล่าง บอกได้เลยว่านักสู้ทั้งสองอยู่จุดสูงสุดของระดับเทพแท้จริงถึงได้มีการปะทะ
“พวกเขามีนักสู้จำนวนมาก? และพวกเขายังเคลื่อนไปข้างหน้าต่อ?” คืนนั้น เจ้าวิหารแห่งวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ เรียกผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ให้มารวมตัวกัน เขาบอกทุกคนเกี่ยวกับรายงานที่เขาได้รับหลังจากที่เขาแจ้งพวกเขาถึงรายงานแล้ว เขาก็พูดว่า "พิจารณาจากเส้นทางของพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขากําลังมุ่งหน้าไปยังเกาะวายุมืด!"“ไม่มีทาง พวกเขากําลังจะไปเกาะวายุมืดจริง ๆ เหรอ? มีกองกําลังมากมายที่นั่น พวกนั้นไม่เหมาะกับเราเช่นกัน แต่ถ้าคนเหล่านั้นกําลังมุ่งหน้าตรงไปที่ป่าวายุมืดเพื่อค้นหาบางสิ่ง หึหึ กองกําลังเหล่านั้นอาจจะโจมตีพวกเขา!”ผู้อาวุโสฮาร์ทแมนหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า“นั่นเป็นเขตอันตรายและหลายคนกําลังมุ่งหน้าสู่เขตอันตรายอย่างงั้นหรือ? เกาะวายุมืดอันตรายมาก เรายังไม่สามารถเข้าไปได้โดยง่าย ทําไมพวกเขาถึงไปที่นั่น? เว้นแต่ว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะพวกเขาได้พบเบาะแสที่จะทะลวงเข้าถึงระดับเทพสูงสุดที่นั่นแล้ว”ผู้อาวุโสโมสลีย์ขมวดคิ้วและเริ่มพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง“เรากลัวอะไรกันอยู่หรือ? เจ้าวิหารแห่งวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังมาก ในทางกลับกัน ตระกูลเหล่านั้นเป็นเพียงฝูงชนที่มารวมตัวกันเม
เห็นได้ชัดว่าเฟนด์ได้กลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในนั้น เพราะแม้แต่หัวหน้าตระกูลชั้นหนึ่งอย่างตระกูลซีเมเนสก็ยังต้องขอความคิดเห็นของเฟนด์ด้วยน้ำเสียงยำเกรงเสียก่อนเฟนด์พยักหน้า “ผมก็คิดถึงวิธีที่เราจะใช้เข้าไปในเกาะอยู่เหมือนกัน! สรุปว่าเราจะเข้าไปตอนกลางคืน! ตอนนี้คงต้องพักผ่อนที่เกาะตรงนั้นก่อน ที่นั่นมีต้นไม้มากพอให้เราหลบได้ชั่วคราว!”ในไม่ช้าทุกคนก็บินไปและซ่อนตัวอยู่บนเกาะเล็ก ๆ นั่นเป็นการชั่วคราวในตอนกลางคืน ทุกคนออกเดินทางไปยังป่าวายุมืด"ที่นี่ไง มาเถอะ ทุกคนระวังด้วย ยิ่งเราเข้าไปในผืนป่าแห่งนี้ลึกเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีสิทธิ์เจอสัตว์อสูรมากขึ้นเท่านั้น แถมยังมีสัตว์อสูรในระดับเทพแท้จริงไม่น้อยอีกด้วย!”เควินมองไปข้างหน้าและเห็นว่าข้างหน้าเขานอกจากต้นไม้แล้วก็ไม่มีอะไรเลย ดวงตาของเขาก็เคร่งขรึมขึ้น โชคดีที่มีนักสู้หลายคน การเข้าป่าด้วยวิธีนี้นั้นดูปลอดภัยกว่า เพราะหากทุกคนแยกไปทางใครทางมันและคิดจะต่อสู่แก่งแย่งกันโดยขาดกลยุทธ์ที่เหมาะสม คนสุดท้ายที่เดินออกมาโดยที่ร่างกายไม่บุบสลายไปครึ่งหนึ่งก็ถือว่าโชคดี ไหนนะจำนวนสัตว์อสูรที่อยู่ข้างในอีกโฮก!เสียงคำรามที่น่ากลัวข
ทว่าเฟนด์กลับส่ายศีรษะ “ผมคิดว่าผมถูกพบเห็นนานแล้ว” เขาพูดพร้อมยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่อย่างนั้นเมื่อวานนี้คนกลุ่มนั้นจะไม่ปรากฏตัว! อีกอย่างไม่แปลกเหรอที่พวกเขาต่อสู้กับนายท่านคาเบลโลเพียงช่วงสั้น ๆ ก่อนที่จะปล่อยให้เราผ่านเข้ามาได้?!”“ผมไม่คิดว่าเราต้องกังวลเรื่องนี้ พวกเขาต้องเห็นจำนวนคนที่เรามี และเมื่อตอนที่เขาพยายามต่อสู้กับนายท่านคาเบลโล ย่อมเป็นเพราะพวกเขากลัวความแข็งแกร่งของนายท่านคาเบลโล พวกเขาจึงจากไป!”ผู้อาวุโสสามคนจากตระกูลชั้นสามพูดขึ้นหลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ถึงกระนั้นเฟนด์ก็ยิ้มอย่างขมขื่นอีกครั้ง “เรามีผู้คนมากมาย พวกเขาน่าจะเห็นเราจากระยะไกล เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่มียอดฝีมือท่ามกลางคนมากมายพวกนั้น พอพวกเขารู้ถึงสถานการณ์ของเราและมาเพื่อทดสอบเราอย่างนั้น แน่นอนว่าพวกเขาย่อมมีแรงจูงใจบางอย่างซ่อนอยู่!”“คุณกำลังบอกว่าเราถูกจับตามองอยู่ก่อนแล้ว แต่ที่พวกเขาปล่อยให้เรามาง่าย ๆ ก็อาจจะเพราะพวกเขาอยากรู้ว่าเราจะไปที่ไหน หากเป็นเช่นนี้ ตอนนี้พวกเขาคงกำลังตามเรามาแล้ว!”แนชคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และเสริมว่า “แต่นี่เป็นสิ่งที่เราไม่ทันได้คาดคิด นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไม
ผู้อาวุโสฮาร์ทแมนหน้าซีดเมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสโมสลีย์ ทว่าเขาดื้อรั้นมากเกินว่าจะยอมรับความพ่ายแพ้ “บรรลุไปสู่ระดับเทพสูงสุดงั้นเหรอ? คุณคิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเลยรึไง? ผมใช้เวลาสองถึงสามปีในการก้าวไปขั้นจุดสูงสุดของระดับเทพแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น ในระหว่างนั้นผมก็ล้มเหลวไปหลายครั้ง นอกจากนี้ ภายในอาณาเขตของเรา ผู้คนมากมายบรรลุไปสู่ขั้นสูงสุดได้ก็จริง แต่แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่คน ๆ หนึ่งจะบรรลุไปสู่ขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงได้ในคราวเดียว จริงไหม? ไม่ต้องพูดถึงระดับเทพสูงสุดอันยิ่งใหญ่เลย” “ไม่ว่ายังไง เราก็จะเสี่ยงไม่ได้ เราควรมุ่งหน้าไปให้เร็วกว่านี้ หากสิ่งที่สามารถช่วยเราให้ก้าวไปสู่ระดับเทพขั้นสูงสุดได้นั้นแท้จริงแล้วเป็นผลวิญญาณบางอย่าง และมีอยู่เพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้นจะเป็นเช่นไร? พวกเขาอาจกินมันจนไม่มีเหลือให้เรา! หากเป็นเช่นนั้น เราจะไม่มีโอกาสไปถึงระดับเทพสูงสุดได้เลย!” เจ้าแห่งวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็หันไปหาผู้อาวุโสอีกครั้ง “เอายังไงดี ผู้อาวุโสล็อค คุณพาคนสองสามคนที่มีระดับพลังยุทธในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงไปสอดแนมสถานการณ์
“หนึ่งหมื่นตัว? บ้าไปแล้ว! ถ้าพวกมันบินเข้าไปในเมฆดำทะมึนพวกนั้นแล้วบินลงมาหาเราด้วยความเร็วสูงสุดและโจมตีเรา เราคงจะรับมือได้ยาก!” แนชซึ่งยืนอยู่ข้างเฟนด์เชื่อมั่นในการวิเคราะห์ของเฟนด์อย่างหมดหัวใจ เพราะเฟนด์เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุขั้นกลางระดับสอง ความสามารถในเรื่องสมาธิและความอดทนของเขาแข็งแกร่งกว่าใคร ดังนั้นเฟนด์จะสามารถคาดเดาสถานการณ์ จำนวนของสัตว์อสูร และความผันผวนของพลังฉีในเมฆได้แม่นยำกว่าพวกเขาทุกคน “ทุกคนโปรดระวัง สัตว์มีปีกพวกนี้กำลังบินอย่างเป็นระเบียบในเมฆมืดเหนือเรา แน่นอนว่าพวกมันกำลังจะโจมตีเรา เรามีนักสู้ที่แข็งแกร่งมากมาย แต่เราจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด! เราต้องพยายามลดความสูญเสีย” เฟนด์จ้องมองท้องฟ้าเหนือศีรษะและพูดกับฝูงชน แกว๊ก! เสียงร้องหวีดหวิวดังลงมาจากด้านบนอีก คลื่นเงาดำพุ่งเข้าหาเฟนด์และพรรคพวกราวกับฝนทมิฬที่เทลงมาอย่างหนัก “ตั้งสติไว้! พวกมันมาแล้ว!” เมื่อเฟนด์สังเกตเห็นว่าสัตว์อสูรเริ่มโจมตี เขาก็โบกมือและการโจมตีกลับไป พลังฉีรูปฝ่ามือขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที! "ฆ่าพวกมันให้หมด!" คนอื่น ๆ ควบคุมพลังฉีในร่างกายและปล่อยระเบิดใส่สัตว์อสูร
“อืม... จำนวนผู้เสียชีวิตนั้นยังพอรับได้ ถึงยังไงพวกเราก็มีกันสองแสนคน เพียงแต่เราไม่รู้ว่าเราอยู่ห่างจากส่วนที่ลึกที่สุดของป่าเพียงใด และมีสัตว์อสูรดุร้ายรอเราอยู่อีกกี่ตัว เราไม่รู้อะไรเลย ดังนั้นเราจะประมาทไม่ได้ เราต้องระวังตัวตลอดเวลา!” เฟนด์ผงกศีรษะ คนที่พวกเขาสูญเสียไปล้วนเป็นคนในระดับกึ่งเทพ คนที่มีระดับการต่อสู้สูงกว่าสามารถรับมือกับการต่อสู้ก่อนหน้านี้ได้อย่างง่ายดาย แต่นั่นเป็นเพราะพวกเขาสามารถมองเห็นสัตว์อสูรได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และเตรียมพร้อมรับมือได้ทันท่วงที หากพวกเขาไม่สังเกตเห็นนกอินทรีดำเหล่านั้นล่วงหน้า พวกเขาคงจะต้องสูญเสียกันไปมากกว่านี้! หากพวกเขาคิดหาทางรับมือกับพวกมันหลังจากที่พวกมันเริ่มโจมตีไปแล้ว จำนวนผู้เสียชีวิตคงจะมากกว่านี้ “ต้องขอบคุณแผนของเรา เรารวมพลังของทุกคนเข้าด้วยกัน และนั่นคือเหตุผลที่เรามีพลังมากพอที่จะต่อกรกับนกอินทรีพวกนั้น!” หัวหน้าตระกูลชั้นสามแสดงความคิดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ “หากเราแยกย้ายกันออกไปสำรวจที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตระกูลชั้นสามอย่างเรา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหล่าอินทรีดำพวกนั้นเราคงต้องประสบความสูญเสียครั้งใ