เมื่อได้ยินคำถามของลูกชาย ดีแลนจึงตอบว่า “อ่า ทั้งคู่ไปที่รัฐไลรอสแล้ว! เราได้ข่าวมา ดูเหมือนมิล่าจะพบพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอที่นั่น! ด้วยเหตุนี้เธอจึงจ่ายเงินให้ตระกูลสมิธเดินทางไปยืนยันเรื่องนี้!” "ว่าไงนะ? รัฐไลรอส? พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอ?” เจอรัลด์พึมพำด้วยความไม่เชื่อเล็กน้อย หลังจากนั้น เจอรัลด์ได้ฝากคำแนะนำบางอย่างไว้ให้กับพ่อแม่ของเขา ก่อนที่จะออกเดินทางไปรัฐไลรอสเพียงลำพัง... ในขณะเดียวกัน ทั้งมิล่าและเจสสิก้ายืนอยู่ในห้องโถงของคฤหาสน์ตระกูลสมิธ ในรัฐไลรอส ตระกูลสมิธมีอำนาจมาก เนื่องจากพวกเขาเป็นเจ้าของเครือข่ายธุรกิจขนาดใหญ่ และเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีชื่อเสียงมากของที่นี่ พูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า การมาถึงอย่างกะทันหันของมิล่าอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนอย่างแน่นอน “งั้น… เธอกำลังจะบอกว่าเธอชื่อมิล่า สมิธ งั้นหรือ” หญิงสาวในเครื่องแต่งกายหรูหรา ซึ่งแต่งหน้าหนาเตอะเอ่ยถาม ขณะที่เธอจ้องไปที่มิล่า "ถูกต้อง ฉันมาที่นี่เพื่อตามหาไซร์ สมิธ บิดาผู้ให้กำเนิดของฉัน!” มิล่าตอบด้วยสายตามุ่งมั่น "ฮึ! นั่นมันชื่อพ่อของฉัน รู้หรือเปล่า ฉันยังไม่เคยได้ยินเขาบอกว่ามีลูกสาวอี
เมื่อได้ยินอย่างนั้น มิล่าแทบไม่พูดอะไรสักคำ เธอเพียงแค่จับแขนของเจสสิก้าก่อนจะดึงเธอออกไป ไซร์ไม่รู้เลยว่าเขาควรจะทำเช่นไร จึงได้แต่มองดูหญิงสาวสองคนจากไป... เมื่อเห็นว่าทั้งคู่จากไปแล้ว ฮอลลี่และแม่ของเธอก็ดึงไซร์เข้าไปในบ้านพร้อมกับพวกเธอในทันที หลังจากนั่งบนโซฟาแล้ว พวกเขาก็ซักถามไซร์อย่างขะมักเขม้น จึงได้รู้ว่าไซร์ได้มีสัมพันธ์กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งนามว่า อีเวียน มอริช ซึ่งเป็นมารดาให้กำเนิดมิล่า ก่อนที่จะแต่งงานกับเชนีย์ น่าเสียดายที่ครอบครัวของไซร์ไม่อยากให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน เพราะเหตุนั้นหลังจากมิล่าลืมตาดูโลก อีเวียนก็จากไปเช่นนั้น แม้ว่าความทรงจำที่เกี่ยวกับเธอจะไม่จางหายไปเลยหลังจากผ่านไปหลายปี แต่ไซร์ก็ไม่เคยขุดความทรงจำนั้นขึ้นมา เขายังเฝ้าคิดถึงวันที่อีเวียนจะปรากฏตัวพร้อมกับมิล่า ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะได้พบกับลูกสาวตามลำพังแบบนี้ เชนีย์และฮอลลี่รู้สึกโกรธเป็นอย่างมากหลังจากได้ยินเรื่องทั้งหมด ความจริงก็คือ ทั้งแม่และลูกสาวต่างสันนิษฐานว่าที่มิล่ามาแสดงตัวในตอนนี้ เธอมีเจตนาที่จะแย่งชิงสมบัติของตระกูลสมิธ และแม้ว่าอีกฝ่ายจะกังวล แต่ความคิดประเภทนี้ไม่เคยอยู่ในหัวขอ
‘สวัสดี มิล่า นี่ฮอลลี่เองนะ เรานัดเจอกันหน่อยได้ไหม? ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอน่ะ!' ข้อความดังกล่าวปรากฏขึ้น มิล่ารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องแปลกและน่าประหลาดใจที่ฮอลลี่เป็นคนชักชวนเธอให้ออกไปเจอ มิล่าจึงมองไปที่เจอรัลด์ก่อนที่จะพูดว่า “มัน... มันเป็นข้อความจากฮอลลี่… ดูเหมือนเธออยากจะพบฉันน่ะ!” "โอ้? งั้นมาดูกันว่าเธอต้องการอะไร! ฉันจะไปกับเธอเอง!" เจอรัลด์ตอบ เขารู้สึกว่าฮอลลี่ต้องมีเจตนาแอบแฝงอย่างแน่นอน เมื่อรู้ว่าเจอรัลด์จะมาเป็นเพื่อนเธอ มิล่าก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย แต่ถึงแม้เขาจะไม่ได้มากับเธอ มิล่าก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเธอจะสามารถรับมือกับฮอลลี่ได้ ไม่ว่าเธอจะมาไม้ไหนก็ตาม อย่างไรก็ตาม หลังจากตัดสินใจเลือกสถานที่นัดพบกับฮอลลี่แล้ว มิล่าและเจอรัลด์แล้วก็ออกจากโรงแรม... พวกเขานัดพบกันที่สวนสาธารณะอันเงียบสงบแห่งหนึ่ง และแม้ว่าเจอรัลด์จะเดินทางมาด้วย แต่เขาก็เลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวกับฮอลลี่ในทันที เมื่อไปถึงที่นั่น ฮอลลี่ก็อยู่ที่สวนสาธารณะแล้ว มิล่าไม่อยากอ้อมค้อมให้เสียเวลา เธอจึงพูดว่า “มีอะไรเหรอ ฮอลลี่?” ฮอลลี่หัวเราะคิกคัก ก่อนจะตอบกลับไปว่า “อ๋อ ฉันก็แค่อยากรู้
เมื่อคนเหล่านั้นถูกกำจัดจนสิ้นซากแล้ว เจอรัลด์จึงหันไปมองฮอลลี่ที่ตกตะลึงและกำลังหวาดกลัว จนไม่มีแรงแม้แต่จะเคลื่อนไหว... เมื่อตระหนักว่าตอนนี้เจอรัลด์กำลังเดินไปหาเธออย่างช้า ๆ ฮอลลี่ที่สั่นเทาจึงพูดตะกุกตะกักว่า “แก…! อย่าเข้ามานะ…! ฉัน ฉันมาจากตระกูลสมิธ…!” ความจริงที่ว่าเธอพยายามที่จะอ้างชื่อเสียงของตระกูลสมิธขึ้นมาข่มขู่ให้ผู้คนหวาดกลัว แสดงให้เห็นอย่างแท้จริงว่าผู้หญิงคนนี้ช่างโง่เขลานัก... ในขณะเดียวกัน มิล่าก็รีบวิ่งไปหาเจอรัลด์ ก่อนจะดึงแขนเสื้อของเขาแล้วพูดว่า “ช่างมันเถอะนะ เจอรัลด์…” ในท้ายที่สุด ฮอลลี่ไม่เพียงแต่เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เท่านั้น แต่เธอยังเป็นลูกสาวของบิดาผู้ให้กำเนิดของมิล่าอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ มิล่าจึงรู้สึกค่อนข้างลังเลที่จะปล่อยให้เรื่องราวที่เลวร้ายเกิดขึ้นกับฮอลลี่ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “…ก็ได้” อย่างไรก็ตาม เขายังคงต้องการที่จะตักเตือนฮอลลี่ เพียงเพื่อให้เธอเข้าใจว่าการยุ่งกับเขาและมิล่าจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่เลวร้าย “ฮอลลี่ใช่ไหม? ฟังให้ดีนะ หากเธอหรือคนในตระกูลสมิธคนไหนกล้าที่จะแตะต้องมิล่าอีก ฉันรับประกั
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็พยักหน้าเห็นด้วย… ในวันถัดมา เจอรัลด์ได้กล่าวคำอำลากับมิล่าและครอบครัวของเขา ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังแผ่นศิลาสกายรีชที่ตั้งอยู่ในจาเอลตรา เมื่อถึงจุดนั้น ข่าวที่ว่าประตูมิติแห่งแผ่นศิลาสกายรีชได้เปิดออกก็แพร่สะพัดไปทั่วจาเอลตราเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากนี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับการผจญภัยที่มักจะปรากฏให้เห็นเพียงครั้งคราว ในทุกสองหรือสามทศวรรษ จึงเห็นได้ชัดว่ามีอีกหลายคนที่กำลังวางแผนที่จะข้ามประตูมิตินั้นเช่นกัน! ในระหว่างที่เขาเดินทางไปจาเอลตรา เจอรัลด์ได้ใช้ยันต์สื่อสารเพื่อบอกโนริเกี่ยวกับแผนการของเขา เมื่อได้ยินว่าเขากำลังมุ่งหน้าไปยังแผ่นศิลาสกายรีช โนริก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะเธอเองก็กำลังวางแผนที่จะเดินทางไปที่นั่นด้วยตัวเองเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ เธอจึงออกเดินทางไปที่นั่นเพื่อรอคอยการมาถึงของเจอรัลด์ทันที ในเวลาประมาณเที่ยงวันของวันเดียวกัน ทั้งสองก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะพบกันครั้งล่าสุดเมื่อไม่กี่วัน แต่โนริก็คิดถึงเจอรัลด์มากเหลือเกิน เธอแสดงออกโดยการกระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของเขาทันที ในวินาทีที่เธอเห็นเขา โดยไม่สนใจสายตาของคนอื
“เราก็ควรจะรีบเข้าไปเหมือนกันนะ เจอรัลด์! พื้นที่ดี ๆ อาจจะถูกคนอื่นจับจองกันหมดหากเรามัวแต่ชักช้า!” โนริเตือน หลังจากที่พยักหน้าให้กัน ทั้งคู่ก็แปลงร่างเป็นรูปแบบสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะผ่านประตูมิติเข้าไปในลานประลองเช่นกัน เมื่อเข้าไปด้านในแล้ว พวกเขาก็ได้เผชิญหน้ากับผืนป่าอันแสนกว้างใหญ่ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและเย็นสบายจนทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนเพิ่งเข้าสู่แดนสวรรค์อย่างแท้จริง ถึงกระนั้น เจอรัลด์และโนริก็ตระหนักดีว่านี่เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น แม้จะเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็รู้ดีว่าอันตรายทุกรูปแบบอาจจะซุ่มซ่อนอยู่ในทุกซอกทุกมุมของพื้นที่แห่งนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าความจริงแล้วพื้นที่ลวงตานี้กว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด แต่พวกเขาก็มีลางสังหรณ์ว่าป่าที่พวกเขายืนอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่ภูมิประเทศเดียวของสถานที่แห่งนี่... และพวกเขาก็คิดถูก นอกจากป่าแห่งนี้แล้ว ยังมีภูมิประเทศอื่น ๆ อีกหลายรูปแบบในลานประลองแห่งสรวงสวรรค์แห่งนี้ เช่น ทะเลทราย เมืองโบราณ และทุ่งหิมะ หลังจากข้ามผ่านประตูมิติไปแล้ว สัมผัสศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏขึ้นตามสถานที่ที่แตกต่างกันออกไป ความจริงที่ว่าโนริและเจอรัลด์ปรากฏ
โนริจ้องมองไปที่เจอรัลด์ด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวล เธอรู้สึกว่าเธอจำเป็นต้องเตือนสติเขาว่าทั้งสองคนได้บรรลุอาณาจักรแห่งนักปราชญ์เรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็รู้สึกว่าเธอมีเหตุผล จากนั้นเขาก็ตอบว่า “…เอาล่ะ เอาล่ะ! เรามาเริ่มโจมตีกันเลยดีกว่า! ยิ่งเรารวบรวมหินศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องการได้เร็วเท่าไร เราก็จะสามารถชนะการแข่งขันในครั้งนี้ได้เร็วเท่านั้น!” พอพูดจบ ทั้งคู่ก็กระโดดลงจากต้นไม้พร้อมกัน... อย่างไรก็ตาม ในวินาทีที่ทั้งคู่ลงมาสู่พื้นดิน พวกเขาก็ถูกซุ่มยิงโดยลูกศรหลายลูกที่พุ่งออกมาจากพุ่มไม้ที่อยู่ในบริเวณนั้น! โชคดีที่พวกเขาทั้งสองคนมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วมาก และพวกเขาสามารถหลบลูกธนูได้อย่างง่ายดาย ลูกธนูเหล่านั้นจึงพุ่งไปโดนต้นไม้สองต้นที่อยู่ข้างหลังพวกเขาแทน... หลังจากนั้น ชายสามคนที่ถือหน้าไม้อยู่ในมือก็รีบวิ่งออกมาจากพุ่มไม้ พวกเขาล้อมรอบเจอรัลด์และโนริเอาไว้อย่างรวดเร็ว! “ไม่คิดเลยว่าเราจะเจอเหยื่อเร็วขนาดนี้! โชคดีจริง ๆ เจ้านาย!” ชายหัวโล้นพูดพร้อมกับยิ้มอย่างน่ากลัว ขณะหันไปมองชายผู้มีรอยแผลเป็นที่ยืนอยู่ข้างเขา ก่อนหน้านี้ทั้งสามคนกำลังแอบซุ่ม
ขณะที่นั่งพักอยู่ริมแม่น้ำ โนริก็อดไม่ได้ที่จะถาม “…มันน่าแปลกที่เราไม่เจอคนอื่นเลยทั้ง ๆ ที่เราเดินดูจนทั่วมาเป็นชั่วโมงแล้ว คุณว่าไหม…?” “ก็นั่นน่ะสิ… ฉันชักจะสงสัยแล้วว่าเราอยู่ห่างจากคนอื่นเกินไปหรือเปล่า” เจอรัลด์พึมพำ เขารู้สึกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องแปลก วินาทีที่ประโยคของเขาสิ้นสุดลง ก็มีน้ำพุ่งขึ้นมาจากแม่น้ำ… และทั้งคู่ก็จ้องมองไปที่มังกรสีเขียวที่เพิ่งกระโดดขึ้นมาจากน้ำด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง! ตอนนี้มังกรตัวนั้นกำลังลอยอยู่ในอากาศ มันจ้องมองไปที่โนริและเจอรัลด์ ก่อนจะเปล่งเสียงคำรามอันทรงพลังที่ดังก้องไปทั่วบริเวณ! ทั้งสองคนไม่คาดคิดมาก่อนว่าสิ่งมีชีวิตเช่นนี้จะอาศัยอยู่ในแม่น้ำนั้น! อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนั้น เพราะมังกรสีเขียวตัวนั้นกำลังพุ่งเข้ามาหาเจอรัลด์และโนริโดยที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัว! "ระวังตัวด้วย!" เจอรัลด์ตะโกน ขณะที่เขาและโนริกระโดดหลบไปด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตี! ถึงแม้พวกเขาจะโชคดีที่หลบหลีกการโจมตีได้ แต่พื้นที่ที่พวกเขานั่งอยู่ก่อนหน้านี้กลับพังทลายลงมา ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่