‘สวัสดี มิล่า นี่ฮอลลี่เองนะ เรานัดเจอกันหน่อยได้ไหม? ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอน่ะ!' ข้อความดังกล่าวปรากฏขึ้น มิล่ารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องแปลกและน่าประหลาดใจที่ฮอลลี่เป็นคนชักชวนเธอให้ออกไปเจอ มิล่าจึงมองไปที่เจอรัลด์ก่อนที่จะพูดว่า “มัน... มันเป็นข้อความจากฮอลลี่… ดูเหมือนเธออยากจะพบฉันน่ะ!” "โอ้? งั้นมาดูกันว่าเธอต้องการอะไร! ฉันจะไปกับเธอเอง!" เจอรัลด์ตอบ เขารู้สึกว่าฮอลลี่ต้องมีเจตนาแอบแฝงอย่างแน่นอน เมื่อรู้ว่าเจอรัลด์จะมาเป็นเพื่อนเธอ มิล่าก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย แต่ถึงแม้เขาจะไม่ได้มากับเธอ มิล่าก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเธอจะสามารถรับมือกับฮอลลี่ได้ ไม่ว่าเธอจะมาไม้ไหนก็ตาม อย่างไรก็ตาม หลังจากตัดสินใจเลือกสถานที่นัดพบกับฮอลลี่แล้ว มิล่าและเจอรัลด์แล้วก็ออกจากโรงแรม... พวกเขานัดพบกันที่สวนสาธารณะอันเงียบสงบแห่งหนึ่ง และแม้ว่าเจอรัลด์จะเดินทางมาด้วย แต่เขาก็เลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวกับฮอลลี่ในทันที เมื่อไปถึงที่นั่น ฮอลลี่ก็อยู่ที่สวนสาธารณะแล้ว มิล่าไม่อยากอ้อมค้อมให้เสียเวลา เธอจึงพูดว่า “มีอะไรเหรอ ฮอลลี่?” ฮอลลี่หัวเราะคิกคัก ก่อนจะตอบกลับไปว่า “อ๋อ ฉันก็แค่อยากรู้
เมื่อคนเหล่านั้นถูกกำจัดจนสิ้นซากแล้ว เจอรัลด์จึงหันไปมองฮอลลี่ที่ตกตะลึงและกำลังหวาดกลัว จนไม่มีแรงแม้แต่จะเคลื่อนไหว... เมื่อตระหนักว่าตอนนี้เจอรัลด์กำลังเดินไปหาเธออย่างช้า ๆ ฮอลลี่ที่สั่นเทาจึงพูดตะกุกตะกักว่า “แก…! อย่าเข้ามานะ…! ฉัน ฉันมาจากตระกูลสมิธ…!” ความจริงที่ว่าเธอพยายามที่จะอ้างชื่อเสียงของตระกูลสมิธขึ้นมาข่มขู่ให้ผู้คนหวาดกลัว แสดงให้เห็นอย่างแท้จริงว่าผู้หญิงคนนี้ช่างโง่เขลานัก... ในขณะเดียวกัน มิล่าก็รีบวิ่งไปหาเจอรัลด์ ก่อนจะดึงแขนเสื้อของเขาแล้วพูดว่า “ช่างมันเถอะนะ เจอรัลด์…” ในท้ายที่สุด ฮอลลี่ไม่เพียงแต่เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เท่านั้น แต่เธอยังเป็นลูกสาวของบิดาผู้ให้กำเนิดของมิล่าอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ มิล่าจึงรู้สึกค่อนข้างลังเลที่จะปล่อยให้เรื่องราวที่เลวร้ายเกิดขึ้นกับฮอลลี่ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “…ก็ได้” อย่างไรก็ตาม เขายังคงต้องการที่จะตักเตือนฮอลลี่ เพียงเพื่อให้เธอเข้าใจว่าการยุ่งกับเขาและมิล่าจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่เลวร้าย “ฮอลลี่ใช่ไหม? ฟังให้ดีนะ หากเธอหรือคนในตระกูลสมิธคนไหนกล้าที่จะแตะต้องมิล่าอีก ฉันรับประกั
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็พยักหน้าเห็นด้วย… ในวันถัดมา เจอรัลด์ได้กล่าวคำอำลากับมิล่าและครอบครัวของเขา ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังแผ่นศิลาสกายรีชที่ตั้งอยู่ในจาเอลตรา เมื่อถึงจุดนั้น ข่าวที่ว่าประตูมิติแห่งแผ่นศิลาสกายรีชได้เปิดออกก็แพร่สะพัดไปทั่วจาเอลตราเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากนี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับการผจญภัยที่มักจะปรากฏให้เห็นเพียงครั้งคราว ในทุกสองหรือสามทศวรรษ จึงเห็นได้ชัดว่ามีอีกหลายคนที่กำลังวางแผนที่จะข้ามประตูมิตินั้นเช่นกัน! ในระหว่างที่เขาเดินทางไปจาเอลตรา เจอรัลด์ได้ใช้ยันต์สื่อสารเพื่อบอกโนริเกี่ยวกับแผนการของเขา เมื่อได้ยินว่าเขากำลังมุ่งหน้าไปยังแผ่นศิลาสกายรีช โนริก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะเธอเองก็กำลังวางแผนที่จะเดินทางไปที่นั่นด้วยตัวเองเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ เธอจึงออกเดินทางไปที่นั่นเพื่อรอคอยการมาถึงของเจอรัลด์ทันที ในเวลาประมาณเที่ยงวันของวันเดียวกัน ทั้งสองก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะพบกันครั้งล่าสุดเมื่อไม่กี่วัน แต่โนริก็คิดถึงเจอรัลด์มากเหลือเกิน เธอแสดงออกโดยการกระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของเขาทันที ในวินาทีที่เธอเห็นเขา โดยไม่สนใจสายตาของคนอื
“เราก็ควรจะรีบเข้าไปเหมือนกันนะ เจอรัลด์! พื้นที่ดี ๆ อาจจะถูกคนอื่นจับจองกันหมดหากเรามัวแต่ชักช้า!” โนริเตือน หลังจากที่พยักหน้าให้กัน ทั้งคู่ก็แปลงร่างเป็นรูปแบบสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะผ่านประตูมิติเข้าไปในลานประลองเช่นกัน เมื่อเข้าไปด้านในแล้ว พวกเขาก็ได้เผชิญหน้ากับผืนป่าอันแสนกว้างใหญ่ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและเย็นสบายจนทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนเพิ่งเข้าสู่แดนสวรรค์อย่างแท้จริง ถึงกระนั้น เจอรัลด์และโนริก็ตระหนักดีว่านี่เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น แม้จะเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็รู้ดีว่าอันตรายทุกรูปแบบอาจจะซุ่มซ่อนอยู่ในทุกซอกทุกมุมของพื้นที่แห่งนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าความจริงแล้วพื้นที่ลวงตานี้กว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด แต่พวกเขาก็มีลางสังหรณ์ว่าป่าที่พวกเขายืนอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่ภูมิประเทศเดียวของสถานที่แห่งนี่... และพวกเขาก็คิดถูก นอกจากป่าแห่งนี้แล้ว ยังมีภูมิประเทศอื่น ๆ อีกหลายรูปแบบในลานประลองแห่งสรวงสวรรค์แห่งนี้ เช่น ทะเลทราย เมืองโบราณ และทุ่งหิมะ หลังจากข้ามผ่านประตูมิติไปแล้ว สัมผัสศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏขึ้นตามสถานที่ที่แตกต่างกันออกไป ความจริงที่ว่าโนริและเจอรัลด์ปรากฏ
โนริจ้องมองไปที่เจอรัลด์ด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวล เธอรู้สึกว่าเธอจำเป็นต้องเตือนสติเขาว่าทั้งสองคนได้บรรลุอาณาจักรแห่งนักปราชญ์เรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็รู้สึกว่าเธอมีเหตุผล จากนั้นเขาก็ตอบว่า “…เอาล่ะ เอาล่ะ! เรามาเริ่มโจมตีกันเลยดีกว่า! ยิ่งเรารวบรวมหินศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องการได้เร็วเท่าไร เราก็จะสามารถชนะการแข่งขันในครั้งนี้ได้เร็วเท่านั้น!” พอพูดจบ ทั้งคู่ก็กระโดดลงจากต้นไม้พร้อมกัน... อย่างไรก็ตาม ในวินาทีที่ทั้งคู่ลงมาสู่พื้นดิน พวกเขาก็ถูกซุ่มยิงโดยลูกศรหลายลูกที่พุ่งออกมาจากพุ่มไม้ที่อยู่ในบริเวณนั้น! โชคดีที่พวกเขาทั้งสองคนมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วมาก และพวกเขาสามารถหลบลูกธนูได้อย่างง่ายดาย ลูกธนูเหล่านั้นจึงพุ่งไปโดนต้นไม้สองต้นที่อยู่ข้างหลังพวกเขาแทน... หลังจากนั้น ชายสามคนที่ถือหน้าไม้อยู่ในมือก็รีบวิ่งออกมาจากพุ่มไม้ พวกเขาล้อมรอบเจอรัลด์และโนริเอาไว้อย่างรวดเร็ว! “ไม่คิดเลยว่าเราจะเจอเหยื่อเร็วขนาดนี้! โชคดีจริง ๆ เจ้านาย!” ชายหัวโล้นพูดพร้อมกับยิ้มอย่างน่ากลัว ขณะหันไปมองชายผู้มีรอยแผลเป็นที่ยืนอยู่ข้างเขา ก่อนหน้านี้ทั้งสามคนกำลังแอบซุ่ม
ขณะที่นั่งพักอยู่ริมแม่น้ำ โนริก็อดไม่ได้ที่จะถาม “…มันน่าแปลกที่เราไม่เจอคนอื่นเลยทั้ง ๆ ที่เราเดินดูจนทั่วมาเป็นชั่วโมงแล้ว คุณว่าไหม…?” “ก็นั่นน่ะสิ… ฉันชักจะสงสัยแล้วว่าเราอยู่ห่างจากคนอื่นเกินไปหรือเปล่า” เจอรัลด์พึมพำ เขารู้สึกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องแปลก วินาทีที่ประโยคของเขาสิ้นสุดลง ก็มีน้ำพุ่งขึ้นมาจากแม่น้ำ… และทั้งคู่ก็จ้องมองไปที่มังกรสีเขียวที่เพิ่งกระโดดขึ้นมาจากน้ำด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง! ตอนนี้มังกรตัวนั้นกำลังลอยอยู่ในอากาศ มันจ้องมองไปที่โนริและเจอรัลด์ ก่อนจะเปล่งเสียงคำรามอันทรงพลังที่ดังก้องไปทั่วบริเวณ! ทั้งสองคนไม่คาดคิดมาก่อนว่าสิ่งมีชีวิตเช่นนี้จะอาศัยอยู่ในแม่น้ำนั้น! อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนั้น เพราะมังกรสีเขียวตัวนั้นกำลังพุ่งเข้ามาหาเจอรัลด์และโนริโดยที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัว! "ระวังตัวด้วย!" เจอรัลด์ตะโกน ขณะที่เขาและโนริกระโดดหลบไปด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตี! ถึงแม้พวกเขาจะโชคดีที่หลบหลีกการโจมตีได้ แต่พื้นที่ที่พวกเขานั่งอยู่ก่อนหน้านี้กลับพังทลายลงมา ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งคู่ก็เก็บข้าวของและออกจากริมแม่น้ำ… ประมาณสิบนาทีต่อมา ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงของกลุ่มคนที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด…โนริหันไปมองเจอรัลด์และพูดว่า “ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนต่อสู่กันอยู่ข้างหน้านะ! เรารีบไปดูกันดีกว่า!” เจอรัลด์เห็นด้วยกับโนริ ท้ายที่สุด หากผู้เข้าแข่งขันกำลังต่อสู้กันจริง ก็มีโอกาสที่ทั้งคู่จะได้รับผลประโยชน์โดยไม่ต้องออกแรงเลยด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น หากนักสู้กำลังเผชิญหน้ากับบางอย่างที่อันตรายเป็นพิเศษ เจอรัลด์และโนริก็สามารถเข้าไปรับช่วงต่อได้หลังจากที่คนเหล่านั้นถูกกำจัดออกไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงรีบเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วก่อนที่จะซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินขนาดใหญ่อย่างระมัดระวัง เมื่อมองไปยังป่าเล็ก ๆ ที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งสองคนก็เห็นชายชุดดำหลายคนกำลังทำร้ายเด็กหนุ่มในชุดขาวคนหนึ่งอยู่ เนื่องจากบริเวณไหล่ของเสื้อผ้าของเขากลายเป็นสีแดง จึงเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเขาได้รับบาดเจ็บบริเวณนั้น แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บและต้องรับมือกับคู่ต่อสู้ที่มีจำนวนมากกว่า แต่เด็กหนุ่มก็ยังคงต่อสู้อย่างสุดความสามารถ ถึงกระนั้น เจอรัลด์ก็รู้ความจริงที่ว
ไม่ว่าอย่างไร เจอรัลด์ก็หยิบหินศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ก้อนขึ้นมาก่อนที่จะใส่ลงในกระเป๋าของเขา ตอนนี้เจอรัลด์มีหินทั้งหมดห้าก้อนแล้ว จากนั้นเขาก็หันไปมองเซลิก ก่อนที่จะถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง?” เซลิกส่ายหัวแล้วตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ผมไม่เป็นไรครับ ขอบคุณที่ช่วยผมไว้! ผมนี่ไร้มารยาทจริง ๆ! ผมชื่อเซลิก เลียร์ นะครับ!” เมื่อได้ยินดังนั้น โนริก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ “เดี๋ยวนะ คุณคือ… เซลิก เลียร์เหรอ? นายน้อยคนที่สองของตระกูลเลียร์แห่งจาเอลตราใช่หรือไม่?” โนริถาม เซลิกหันไปหาเธอ เขาคาดไม่ถึงว่าเธอจะรู้ว่าเขาเป็นใคร เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตอบอย่างสงสัยว่า "...ใช่ครับ แล้วคุณคือ…?” “อา ฉันชื่อโนริจากตระกูลซาห์น! ฉันไม่คิดว่าจะเจอนายน้อยคนที่สองของตระกูลเลียร์ที่นี่! ช่างเป็นเกียรติจริง ๆ!” โนริพูด ขณะที่เธอยิ้มอย่างอ่อนโยน ตระกูลเลียร์เป็นครอบครัวที่มีอำนาจมากในจาเอลตรา และสมาชิกของตระกูลหลายคนก็แข็งแกร่งจนบางคนถึงกับสามารถบรรลุอาณาจักรอวาตาร์ได้! เซลิกเองก็ทราบดีถึงความเข้มแข็งของครอบครัวของเขา ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีคนรู้ว่าเขาไม่สามารถป้องกันตัวจากผู้โจมตีเพียงสี่คนได้… เขาก็รู้สึกอ
พวกเขาได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่มีใครหรือรถคันอื่นใดอยู่รอบ ๆ เลยแม้แต่คันเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ยังอยู่ในรถเพียงลำพังด้วยนั่นหมายความว่าสถานการณ์ที่ผู้เฒ่าฟลินท์พบกับอุบัติเหตุนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่งในวิดีโอที่ได้จากกล้องวงจรปิดนั้นแสดงให้เห็นว่ารถของผู้เฒ่าฟลินท์ลื่นไถลและหลุดการควบคุมไปเองในทันทีเจอรัลด์และเรย์ได้รับการปล่อยตัวในช่วงบ่ายนั้นเองพวกเขานั่งแท็กซี่กลับไปที่สำนักงานระหว่างทางกลับ เรย์มองเจอรัลด์ด้วยสีหน้างุนงงอย่างหนักแล้วถามว่า “เจอรัลด์ คุณคิดเห็นยังไงกับการตายของผู้เฒ่าฟลินท์?เขาตายได้ยังไง?”ใบหน้าของเจอรัลด์เคร่งเครียดมาก เขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็มั่นใจว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน“นี่หมายความว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดยังไม่ตายเหรอ?”วินาทีต่อมา ความคิดอันบ้าบิ่นก็ผุดขึ้นในใจของเรย์เจอรัลด์รู้สึกว่าการคาดเดานี้เป็นไปได้น้อยมาก นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดตายไปต่อหน้าต่อตาเขาเอง แล้วเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?“เรากลับก่อนเถอะ บางทีมันอาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุจริง ๆ ก็ได้!”เจอรัลด์บอก
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เจอรัลด์และเรย์ยังคงหลับอยู่ กริ่งที่ประตูก็ปลุกพวกเขาให้ตื่นเรย์เดินออกจากห้องไปที่ประตูในลักษณะกึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วเปิดประตูออกเมื่อประตูถูกเปิดออก เขาก็ได้เห็นชายสองสามคนซึ่งกำลังสวมเครื่องแบบยืนอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นตราบนเครื่องแบบของพวกเขา พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาจากรัฐบาลกลาง“ขออภัย คุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ดและคุณเรย์ เลห์ตันอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาถามเรย์พยักหน้าและตอบว่า “ผมนี่แหละเรย์ มีอะไรเหรอ?""พาเขาออกไป!"เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเรย์ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็สั่งคนของเขา และทันใดนั้นเอง เจ้าหน้าที่อีกสองคนก็เข้ามาคว้าแขนของเรย์แล้วลากเขาออกไปข้างนอก"เฮ้ย! นี่มันอะไรกัน?!"เรย์ตะโกนทันทีความโกลาหลดังกล่าวทำให้เจอรัลด์ จูโน่ และโนริตื่นขึ้นพวกเขาออกจากห้องอย่างรวดเร็ว"คุณเป็นใคร?"เมื่อเจอรัลด์ออกมา เขาก็มองดูเจ้าหน้าที่พวกนั้นด้วยความประหลาดใจและเอ่ยถามขึ้น“คุณคงเป็นคุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ด เรากำลังสงสัยว่าคุณเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม สารวัตรเลค หรือที่รู้จักกันในชื่อผู้เฒ่าฟลินท์ ดังนั้นเราต้องการนำคุณไปสอบ
ในเวลาเดียวกัน หมอกควันสีทมิฬของเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ล้อมรอบกายของชายชราเอาไว้หลังจากนั้นไม่นาน หมอกควันสีทมิฬดังกล่าวก็ดูดกลืนวิญญาณและพลังงานของชายชราไป ทำให้ชายกลายเป็นศพแห้งกรังเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกสิ่งนี้ทำให้เอ็มเบอร์ลอร์ดตระหนกเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คาดหวังให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่คิดแล้วว่าชายชราจะมาสกัดกั้นการโจมตีจากเจอรัลด์แทนเขาแบบนี้“เอ็มเบอร์ลอร์ด คุณฆ่าคนบริสุทธิ์อีกแล้ว!”เจอรัลด์ตะโกนใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดด้วยความโกรธเมื่อพูดเช่นนั้น เจอรัลด์จึงตัดสินใจใช้ทักษะต้องห้ามของตัวเองเพื่อทำลายเอ็มเบอร์ลอร์ดให้สิ้นซากในขณะนี้เอ็มเบอร์ลอร์ดเสียสติไปแล้ว เขายืนนิ่งไม่ขยับ ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไป “วิชาทลายสหัสภพ!”เจอรัลด์ตะโกนและขว้างดาบแอสตราบิซในมือใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดเมื่อดาบแทงเข้าไปในร่างของเอ็มเบอร์ลอร์ด มันก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาและกลืนกินเอ็มเบอร์ลอร์ดไปจนสิ้น“อ๊าก!”เอ็มเบอร์ลอร์ดกรีดร้องวินาทีต่อมา เอ็มเบอร์ลอร์ดก็กลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด เจอรัลด์ก็กวาดล้างเอ็มเบอร์ลอร์ดลงได้แล้วเจอรัลด์ล้างแค้นให้ชาวบ้านในหมู่บ้านฟ้าทมิฬได้แล้ว
ทั้งสามรีบมองออกไปข้างนอก ก่อนจะเห็นว่าชายชราออกจากบ้านไปตามลำพังโดยถือตะกร้าติดตัวไปด้วยขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังกระท่อมไม้ของยามิเล็ต เฟซเมื่อเห็นสิ่งนี้ ทั้งสามก็สบตากันพวกเขาพบว่ามันค่อนข้างแปลกที่ชายชราคิดจะถือตะกร้าออกไปกลางดึกเช่นนี้ นี่จะต้องมีความลับบางอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้ซ่อนอยู่เป็นแน่ไม่นานหลังจากนั้น เจอรัลด์และทั้งสองก็ออกจากบ้านและติดตามชายชราไปอย่างเงียบ ๆพวกเขาติดตามชายชราไปจนถึงกระท่อมไม้ จากนั้นพวกเขาเห็นเขาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเพื่อปลดล็อคประตูเมื่อประตูถูกปลดล็อค ชายชราผู้นั้นสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เขาก็ผลักประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไปอย่างมั่นใจเจอรัลด์และอีกสองคนก็เดินไปที่กระท่อมไม้ทันทีและยืนอยู่ตรงหน้ากระท่อมหลังนั้น“เจอรัลด์ ดูเหมือนว่าชายชรากำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับเรา เพราะเขามีกุญแจบ้านหลังนี้อยู่กับตัว!”เรย์กระซิบกับเจอรัลด์ตอนนี้พวกเขาตระหนักได้แล้วว่าชายชราไม่ใช่คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างที่คิด เขาต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเอ็มเบอร์ลอร์ดแน่“เรย์ ผู้เฒ่าฟลินท์ คุณสองคนไปซ่อนตัวก่อน เ
“เอ๋ นี่ก็ดึกแล้วนะ! ผมว่าคนที่คุณกำลังรออยู่คงไม่มาหรอก มาเถอะไปที่บ้านของผมและพักผ่อนกันจะดีกว่า!”ชายชราถอนหายใจและยื่นข้อเสนอให้ทั้งสามคนเมื่อผู้เฒ่าฟลินท์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หันกลับมาที่เจอรัลด์เพื่อสอบถามความคิดเห็นของเขาเจอรัลด์เห็นปฏิกิริยาของเขาและพยักหน้าอย่างช้า ๆเนื่องจากพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงไปพักผ่อนที่บ้านของชายชราเท่านั้นนอกจากนี้ ท้องฟ้ามืดสนิท และไม่ปลอดภัยเลย ไม่รู้เลยว่าข้างนอกนี่มีอะไรรอพวกเขาอยู่?หลังจากพูดคุยกัน เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็ติดตามชายชราออกจากกระท่อมไม้ไปชายชราพาเจอรัลด์และคนอื่น ๆ ไปที่บ้านของเขา บ้านของเขาดูไม่เก่าเท่าไหร่ ราวกับเพิ่งถูกซ่อมแซมใหม่ก่อนหน้านี้“ผู้เฒ่า หมู่บ้านนี้เหลือคุณอยู่เพียงคนเดียวหรือเปล่า?”เมื่อพวกเขาอยู่ในบ้านของชายชรา ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ถามอย่างสงสัย"หึหึ!" ชายชราหัวเราะเบา ๆ"ใช่ คนอื่น ๆ ย้ายไปอยู่ในเมืองกันหมด ที่นี่เลยเหลือแค่ฉันคนเดียว!”หลังจากที่เขาหัวเราะแล้วเขาก็ตอบ“แล้วทำไมคุณไม่ย้ายเข้าเมืองด้วยล่ะ? อยู่ในเมืองไม่สบายกว่าเหรอ?”ผู้เฒ่าฟลินท์ยังคงถามต่อไป“อนิจจา ผมมันไร้ญา
“หึหึ เรย์ อย่าลืมสิว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว เขาน่ากลัวกว่าผีเสียอีก กับอีกแค่สถานที่แบบนี้นายคิดว่าเขาจะกลัวเหรอ”เจอรัลด์หัวเราะและเตือนเรย์เมื่อเรย์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดสมเหตุสมผล “สำรวจกันตามสบายเลย ผมคงต้องไปก่อน!”ชายชราพูดกับทั้งสามคน“ได้เลย ผู้เฒ่า ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณมากเลย!"ผู้เฒ่าฟลินท์ขอบคุณชายชราผู้นั้นอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรหรอก!”ชายชราตอบพลางโบกมือหลังจากที่ชายชราผู้นั้นจากไป เจอรัลด์และอีกสองคนก็ยืนอยู่หน้ากระท่อมไม้ จ้องมองออกไปอย่างว่างเปล่าพวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไร พวกเขาไม่อาจเข้าไปในกระท่อมได้ และไม่รู้ด้วยว่าจะเข้าไปเช่นไร“พี่เจอรัลด์ ผู้เฒ่าฟลินท์ ทีนี้เราจะทำยังไงดี? เปิดประตูออกไปเลยดีไหม?”เรย์มองไปที่เจอรัลด์และผู้เฒ่าฟลินท์แล้วถาม“ไม่ นั่นไร้สาระมาก เราบุกรุกเข้าไปไม่ได้!”ผู้เฒ่าฟลินท์ปรามเรย์ทันทีแม้ว่ายามิเล็ต เฟซจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่กระท่อมหลังนี้ยังคงเป็นของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจทำตามอำเภอใจได้“แล้วเราควรทำยังไง? เราไม่มีกุญแจ”เรย์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“เ
ไม่มีทางที่ข้อเท็จจริงทั้งสองนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญได้ เพราะฉะนั้นนั่นก็อาจหมายความได้ว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดกำลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่น แต่เพราะนี้คือคำใบ้ที่เอ็มเบอร์ลอร์ทิ้งไว้ให้พวกเขา จึงเป็นไปได้ว่าแทนที่จะไปพบเขาที่นั่น พวกเขาจะออกค้นหาตำแหน่งของเหยื่อรายต่อไปแทน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าฟลินท์ก็สตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งไปทันที! พวกเขาจำเป็นต้องมุ่งหน้าไปที่บ้านของยามิเล็ต เฟซเดี๋ยวนี้! “คุณแน่ใจจริง ๆ เหรอว่า เอ็มเบอร์ลอร์ดจะซ่อนอยู่ที่นั่น พี่เจอรัลด์…?” เรย์ถามระหว่างทางไปที่นั่น เจอรัลด์ส่ายหน้าแล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “บอกตามตรง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดเป็นคนจู้จี้จุกจิกและไม่เคยทำตามกฎเกณฑ์ ฉันเดาว่าเลขพวกนี้จะนำเราไปสู่เหยื่อรายต่อไป แต่ในการตามหาเหยื่อรายนั้น เราจะเข้าใกล้ที่กบดานของเอ็มเบอร์ลอร์ดอีกก้าวหนึ่งอย่างแน่นอน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เรย์ก็พยักหน้าเข้าใจ... หลังจากขับรถไปประมาณสี่สิบนาที ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงบ้านคุณยายของเอ็มเบอร์ลอร์ด ยามิเล็ตอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ อันห่างไกล และไม่นานทั้งสามก็เดินอยู่ในถนนของหมู่บ้าน
"สวัสดี? เจอรัลด์มีอะไรหรือเปล่า?” ผู้เฒ่าฟลินท์ถามจากอีกฟากหนึ่งของสาย “ผู้เฒ่าฟลินท์ ถึงผมจะรู้ว่าคุณไม่อาจยอมให้เราเข้าร่วมการสืบสวนได้ แต่ผมก็หวังว่าคุณจะสามารถช่วยเราได้ นั่นก็แปลว่าหากคุณต้องการคลี่คลายคดีและจับเอ็มเบอร์ลอร์ดให้ได้ ก็ช่วยตั้งใจฟังผมและเชื่อผมด้วย ทุกสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณต่อไปนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งทีเดียว!” เจอรัลด์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ทว่าในที่สุดเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาสามารถไว้ใจเจอรัลด์ได้ ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะเสี่ยงเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งเขาและเด็กหนุ่มต่างก็ต้องการให้คดีคลี่คลายลงและจับตัวเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ในท้ายที่สุด “…เอาล่ะ บอกมาว่าฉันจะช่วยยังไงได้บ้าง!” “มุ่งหน้าไปที่สำนักงานเขตเดี๋ยวนี้เลย ผมเองก็จะไปที่นั่นด้วยเช่นกัน แล้วเมื่อเราพบกันที่นั่นผมจะบอกข้อมูลเพิ่มเติมกับคุณทีหลัง!” เจอรัลด์ตอบก่อนจะวางสาย ครึ่งชั่วโมงต่อมาเรย์และเจอรัลด์ได้พบกับผู้เฒ่าฟลินท์ ณ สถานที่ที่พวกเขานัดกัน “เรามาทำอะไรที่นี่ เจอรัลด์…?” ผู้เฒ่าฟลินท์เอ่ยถามอย่างสับสน “ฟังนะ ผมต้องการให้คุณตรวจสอบประวัต
เมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เฒ่าฟลินท์ เจอรัลด์และเรย์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกผู้เฒ่าฟลินท์อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อยในขณะที่เขาถามอย่างงุนงงว่า “…พวกนายสองคนเองเหรอ? มาทำอะไรกันที่นี่? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”หัวหน้าสารวัตรมีคำสั่งไม่ให้เขาติดต่อกับเจอรัลด์อีกต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับแจ้งว่าเจอรัลด์ไม่ได้รับอนุญาตให้มาช่วยในการสืบสวนอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่าฟลินท์จึงทำได้เพียงเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น“เรามาตามหาเบาะแส!” เจอรัลด์ตอบ “ฟังนะ ฉันต้องขอโทษ ด้วย แต่นายสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้มายุ่งย่ามกับคดีนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นได้โปรดออกไปเสีย! ถ้านายกลับมาที่นี่อีกครั้ง เราก็จำเป็นต้องจับพวกนายกลับไปกับเราด้วย!” ผู้เฒ่าฟลินท์เตือน เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็ทำเพียงแค่พยักหน้า ด้วยความที่ไม่อยากสร้างเรื่องยุ่งยากให้แก่ตาเฒ่าคนนี้ เจอรัลด์จึงตอบกลับไปว่า “รับทราบ!” ขณะที่เขากำลังจะจากไปพร้อมกับเรย์ เขาก็ได้ยินเสียงผู้เฒ่าฟลินท์ตะโกนว่า "เดี๋ยวก่อน! ตอนที่อยู่ที่นี่นายได้พบเบาะแสอะไรบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีล่ะก็ช่วยมอบมันให้เราด้วย!” เ