ขณะที่นั่งพักอยู่ริมแม่น้ำ โนริก็อดไม่ได้ที่จะถาม “…มันน่าแปลกที่เราไม่เจอคนอื่นเลยทั้ง ๆ ที่เราเดินดูจนทั่วมาเป็นชั่วโมงแล้ว คุณว่าไหม…?” “ก็นั่นน่ะสิ… ฉันชักจะสงสัยแล้วว่าเราอยู่ห่างจากคนอื่นเกินไปหรือเปล่า” เจอรัลด์พึมพำ เขารู้สึกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องแปลก วินาทีที่ประโยคของเขาสิ้นสุดลง ก็มีน้ำพุ่งขึ้นมาจากแม่น้ำ… และทั้งคู่ก็จ้องมองไปที่มังกรสีเขียวที่เพิ่งกระโดดขึ้นมาจากน้ำด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง! ตอนนี้มังกรตัวนั้นกำลังลอยอยู่ในอากาศ มันจ้องมองไปที่โนริและเจอรัลด์ ก่อนจะเปล่งเสียงคำรามอันทรงพลังที่ดังก้องไปทั่วบริเวณ! ทั้งสองคนไม่คาดคิดมาก่อนว่าสิ่งมีชีวิตเช่นนี้จะอาศัยอยู่ในแม่น้ำนั้น! อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนั้น เพราะมังกรสีเขียวตัวนั้นกำลังพุ่งเข้ามาหาเจอรัลด์และโนริโดยที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัว! "ระวังตัวด้วย!" เจอรัลด์ตะโกน ขณะที่เขาและโนริกระโดดหลบไปด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตี! ถึงแม้พวกเขาจะโชคดีที่หลบหลีกการโจมตีได้ แต่พื้นที่ที่พวกเขานั่งอยู่ก่อนหน้านี้กลับพังทลายลงมา ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งคู่ก็เก็บข้าวของและออกจากริมแม่น้ำ… ประมาณสิบนาทีต่อมา ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงของกลุ่มคนที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด…โนริหันไปมองเจอรัลด์และพูดว่า “ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนต่อสู่กันอยู่ข้างหน้านะ! เรารีบไปดูกันดีกว่า!” เจอรัลด์เห็นด้วยกับโนริ ท้ายที่สุด หากผู้เข้าแข่งขันกำลังต่อสู้กันจริง ก็มีโอกาสที่ทั้งคู่จะได้รับผลประโยชน์โดยไม่ต้องออกแรงเลยด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น หากนักสู้กำลังเผชิญหน้ากับบางอย่างที่อันตรายเป็นพิเศษ เจอรัลด์และโนริก็สามารถเข้าไปรับช่วงต่อได้หลังจากที่คนเหล่านั้นถูกกำจัดออกไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงรีบเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วก่อนที่จะซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินขนาดใหญ่อย่างระมัดระวัง เมื่อมองไปยังป่าเล็ก ๆ ที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งสองคนก็เห็นชายชุดดำหลายคนกำลังทำร้ายเด็กหนุ่มในชุดขาวคนหนึ่งอยู่ เนื่องจากบริเวณไหล่ของเสื้อผ้าของเขากลายเป็นสีแดง จึงเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเขาได้รับบาดเจ็บบริเวณนั้น แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บและต้องรับมือกับคู่ต่อสู้ที่มีจำนวนมากกว่า แต่เด็กหนุ่มก็ยังคงต่อสู้อย่างสุดความสามารถ ถึงกระนั้น เจอรัลด์ก็รู้ความจริงที่ว
ไม่ว่าอย่างไร เจอรัลด์ก็หยิบหินศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ก้อนขึ้นมาก่อนที่จะใส่ลงในกระเป๋าของเขา ตอนนี้เจอรัลด์มีหินทั้งหมดห้าก้อนแล้ว จากนั้นเขาก็หันไปมองเซลิก ก่อนที่จะถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง?” เซลิกส่ายหัวแล้วตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ผมไม่เป็นไรครับ ขอบคุณที่ช่วยผมไว้! ผมนี่ไร้มารยาทจริง ๆ! ผมชื่อเซลิก เลียร์ นะครับ!” เมื่อได้ยินดังนั้น โนริก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ “เดี๋ยวนะ คุณคือ… เซลิก เลียร์เหรอ? นายน้อยคนที่สองของตระกูลเลียร์แห่งจาเอลตราใช่หรือไม่?” โนริถาม เซลิกหันไปหาเธอ เขาคาดไม่ถึงว่าเธอจะรู้ว่าเขาเป็นใคร เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตอบอย่างสงสัยว่า "...ใช่ครับ แล้วคุณคือ…?” “อา ฉันชื่อโนริจากตระกูลซาห์น! ฉันไม่คิดว่าจะเจอนายน้อยคนที่สองของตระกูลเลียร์ที่นี่! ช่างเป็นเกียรติจริง ๆ!” โนริพูด ขณะที่เธอยิ้มอย่างอ่อนโยน ตระกูลเลียร์เป็นครอบครัวที่มีอำนาจมากในจาเอลตรา และสมาชิกของตระกูลหลายคนก็แข็งแกร่งจนบางคนถึงกับสามารถบรรลุอาณาจักรอวาตาร์ได้! เซลิกเองก็ทราบดีถึงความเข้มแข็งของครอบครัวของเขา ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีคนรู้ว่าเขาไม่สามารถป้องกันตัวจากผู้โจมตีเพียงสี่คนได้… เขาก็รู้สึกอ
“คุณพูดถูกครับ คุณคลอฟอร์ด!” เซลิกตอบ ขณะที่เขาเริ่มทำแผลให้ตัวเองทันที เมื่อเสร็จแล้ว เขาก็ออกเดินทางพร้อมกับเจอรัลด์และโนริ โชคดีที่เหยื่อรายต่อมาที่พวกเขาพบเจอนั้นค่อนข้างอ่อนแอ ดังนั้นพวกเขาทั้งสามคนจึงใช้เวลาไม่นานนักก็สามารถรวบรวมหินศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปดก้อนที่เหลือได้จนครบ... เมื่อทำเสร็จแล้ว พวกเขาก็รีบกลับไปที่ทางออกอย่างรวดเร็วเพื่อยืนยันตัวตน และหลังจากนั้น พวกเขาก็ออกจากพื้นที่แห่งภาพลวงตา เมื่อกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง พวกเขาแต่ละคนได้รับเหรียญไม้ ซึ่งใช้เป็นข้อพิสูจน์ว่าพวกเขาผ่านการแข่งขัน และยังนำไปใช้เป็นบัตร 'ผ่าน' ในการเดินทางเข้าสู่ทวีปไลคอมได้อีกด้วย ซึ่งก็หมายความว่าผู้ที่ไม่ได้รับเหรียญไม้นี้ จะไม่ได้รับอนุญาติให้ข้ามทวีปเข้าไปได้ หลังจากที่รออยู่ที่ทางเข้ามาได้ระยะหนึ่งแล้ว ทั้งสามคนก็เดินทางผ่านประตูมิติแห่งแรกไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก... พวกเขาปกป้องดวงตาของพวกเขาจากแสงสีขาวอันเจิดจ้า และในที่สุดพวกเขาก็เดินทางเข้าสู่ทวีปไลคอมได้อย่างไร้ปัญหา เนื่องจากเจอรัลด์เพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก เขาจึงผงะไปชั่วขณะกับความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ ไม่เพียงแต่
อย่างไรก็ตาม หลังจากรอสักพัก ในที่สุดพวกเขาทั้งสามคนก็มีโอกาสเปิดเผยของที่จะนำมาประมูลของตนต่อผู้ประเมินราคา เมื่อนำจี้หยกออกมาให้เขาดู ผู้ประเมินราคาก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ หลังจากสังเกตอย่างถี่ถ้วนสักพัก ผู้ประเมินก็พูดว่า “…มากับผมสิ! พวกคุณทั้งสามคน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งสามคนก็เดินตามเขาเข้าไปในโรงประมูลออรัม… เมื่อเข้าไปข้างใน ไม่นานพวกเขาก็พบกับชายชราคนหนึ่งที่สวมมงกุฏทองคำบนศีรษะ หลังจากที่ผู้ประเมินมอบจี้หยกให้ชายชรา เขาก็กระซิบบางอย่างเข้าหู ทำให้ชายชรามีท่าทีที่ประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากที่เขาจ้องมองเจอรัลด์สักพัก ชายชราก็ถามว่า “คุณไปเอาจี้หยกมังกรเขียวนี้มาจากไหน?” แม้ว่าในตอนแรกเขาจะลังเลเล็กน้อยที่จะเปิดเผยข้อมูล แต่ในที่สุดเจอรัลด์ก็ตอบว่า “ผมได้มันมาหลังจากสังหารมังกรเขียวตัวหนึ่งที่ผมเจอระหว่างการท้าทายแห่งแดนสวรรค์ได้!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความประหลาดของชายชราก็กลายเป็นความยินดีในทันที “ไม่คิดเลยว่าคุณจะสามารถสังหารมังกรเขียวได้! ผมแค่อยากจะบอกให้คุณรู้ไว้ว่าจี้หยกนี้มีคุณค่าอย่างเหลือเชื่อ เนื่องจากวิธีเดียวที่จะหามันมาได้คือการเอาชนะมังกรตัวน
“เราจะเริ่มประมูลที่หนึ่งแสนเหรียญทอง! เพื่อเป็นการเตือนความจำ การเสนอราคาประมูลในแต่ละครั้งจะต้องเกินห้าหมื่นเหรียญทองขึ้นไปนะครับ!” ชายชราสวมมงกุฎอธิบาย ตอนนี้กระบวนการประมูลได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว ฝูงชนก็เกิดความโกลาหลทันที! “สองแสนเหรียญทอง!” ชายผู้มีฐานะร่ำรวยคนหนึ่งตะโกน เนื่องจากเขาได้เสนอราคาเพิ่มอีกหนึ่งแสนเหรียญทองทันที จึงเป็นที่แน่ชัดว่าเขาเป็นคนที่ร่ำรวยอย่างมหาศาล อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นชายอ้วนคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกับผู้ประมูลคนก่อนก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะตะโกนว่า “สามแสนเหรียญทอง!” หากจะให้พูดตามตรง เจอรัลด์และอีกสองคนรู้สึกว่าพัดโบราณนั้นไม่คุ้มค่ากับราคาประมูลที่พวกเขากำลังเสนอนัก ถึงกระนั้น พวกเขามีสิทธิ์อะไรที่จะไปตัดสินคนเหล่านี้? พวกเขารวยมาก ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถทำอะไรก็ได้กับเงินของพวกเขา ในที่สุด พัดก็ถูกขายให้กับนักธุรกิจคนแรกที่เริ่มประมูลในราคาสูงถึงหกแสนเหรียญทอง! หลังจากนั้น เวลาก็ผ่านไปประมาณสองชั่วโมงกับการประมูลของอีกสองรายการ เนื่องจากจี้หยกมังกรเขียวของเจอรัลด์เป็นสินค้ารายการที่สี่ และรายการสุดท้ายที่จะประมูลในวันนั้น ทั้งสามจึง
ในที่สุดโนริก็หลุดออกจากภวังค์ เธอมองหน้าเจอรัลด์ก่อนจะถามว่า “…นั่น… มันเยอะมากเลยนะ เราจะแบกเหรียญทองพวกนี้กลับไปยังไงล่ะ เจอรัลด์…?” แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงที่มีหีบอยู่สามใบ และในทางเทคนิกแล้ว ทั้งสามคนสามารถช่วยกันถือหีบคนละใบได้ แต่มันจะยุ่งยากเกินไปในระยะยาว ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อผู้คนเห็นทองทั้งหมดนั้น พวกเขาก็อาจจะวางแผนปล้นเพื่อแย่งชิงทองไปอย่างแน่นอน... เมื่อตระหนักว่าเจอรัลด์กำลังเครียดกับวิธีนำเหรียญทองทั้งหมดกลับไป ชายชราที่สวมมงกุฎจึงยื่นแหวนวงเล็ก ๆ ให้เขา เจอรัลด์ตกใจเล็กน้อยที่ได้รับแหวน เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า “…ขอโทษนะครับ แต่คุณให้แหวนวงนี้กับผมทำไม…?” “มันเป็นแหวนเก็บของที่มีพื้นที่เก็บของขนาดใหญ่เป็นพิเศษ! คุณสามารถเก็บทองของคุณไว้ในนั้นได้ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องกังวลกับการพกพามันไปไหนต่อไหนด้วย!” ชายชราอธิบายด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร “นั่น… ผมรับของแบบนี้ไว้ไม่ได้หรอกครับ! เอาแบบนี้ดีไหม? ผมจะซื้อแหวนวงนี้จากคุณในราคาหนึ่งล้านเหรียญทอง! คุณจะยอมรับข้อเสนอของผมไหม?” เจอรัลด์ถาม เขาไม่ใช่คนที่จะเที่ยวรับของจากใครโดยไม่มีสิ่งตอบแทน เมื่อเห็นว่าเจอรัลด์มีไหว
เจอรัลด์พยักหน้าเป็นการตอบเขา “ใช่ครับ ผมและเพื่อน ๆ มาจากจาเอลตรา และเนื่องจากเราไม่มีเงิน ผมจึงตัดสินใจขายจี้หยกชิ้นนี้!” “…คุณ… คุณไม่รู้เหรอว่าจี้หยกมังกรเขียวนี้มีค่าแค่ไหน…?” เจ้าชายเซเวรินพึมพำด้วยความสับสน เจอรัลด์ไม่รู้เรื่องนั้นจริง ๆ หากจะให้พูดตามตรง ถ้าเขาไม่ต้องการเงินมากนัก เขาคงไม่ขายจี้หยกชิ้นนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขายังไม่ได้ใช้เวลาศึกษามันด้วยซ้ำ ถึงกระนั้น น้ำเสียงของเจ้าชายเซเวรินเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะบอกเจอรัลด์ได้ว่าจี้หยกนี้เป็นสมบัติที่ล้ำค่าแค่ไหน... ในตอนนี้เจอรัลด์เริ่มอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น เขาส่ายหัวก่อนจะถามว่า “ผมเกรงว่าผมจะไม่รู้จริง ๆ ครับ เจ้าชายเซเวรินโปรดให้ความกระจ่างแก่ผมด้วย!” "…ได้สิ! คืออย่างนี้นะ จี้หยกที่คุณขายให้ผมนั้นเป็นสัญลักษณ์ของมังกรเขียว และผู้ที่เป็นเจ้าของมันก็จะได้รับพลังของมังกรเขียว! ในกรณีที่คุณไม่รู้ ในบรรดาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ มังกรเขียวนั้นแข็งแกร่งที่สุด!” เซเวรินอธิบาย เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งสามคนก็ต้องประหลาดใจทันที พวกเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าจี้หยกจะมีประโยชน์ขนาดนี้! ตอนนี้เมื่อเขารู้แล้วว่าจี้หยกนั