เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็พยักหน้าเห็นด้วย… ในวันถัดมา เจอรัลด์ได้กล่าวคำอำลากับมิล่าและครอบครัวของเขา ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังแผ่นศิลาสกายรีชที่ตั้งอยู่ในจาเอลตรา เมื่อถึงจุดนั้น ข่าวที่ว่าประตูมิติแห่งแผ่นศิลาสกายรีชได้เปิดออกก็แพร่สะพัดไปทั่วจาเอลตราเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากนี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับการผจญภัยที่มักจะปรากฏให้เห็นเพียงครั้งคราว ในทุกสองหรือสามทศวรรษ จึงเห็นได้ชัดว่ามีอีกหลายคนที่กำลังวางแผนที่จะข้ามประตูมิตินั้นเช่นกัน! ในระหว่างที่เขาเดินทางไปจาเอลตรา เจอรัลด์ได้ใช้ยันต์สื่อสารเพื่อบอกโนริเกี่ยวกับแผนการของเขา เมื่อได้ยินว่าเขากำลังมุ่งหน้าไปยังแผ่นศิลาสกายรีช โนริก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะเธอเองก็กำลังวางแผนที่จะเดินทางไปที่นั่นด้วยตัวเองเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ เธอจึงออกเดินทางไปที่นั่นเพื่อรอคอยการมาถึงของเจอรัลด์ทันที ในเวลาประมาณเที่ยงวันของวันเดียวกัน ทั้งสองก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะพบกันครั้งล่าสุดเมื่อไม่กี่วัน แต่โนริก็คิดถึงเจอรัลด์มากเหลือเกิน เธอแสดงออกโดยการกระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของเขาทันที ในวินาทีที่เธอเห็นเขา โดยไม่สนใจสายตาของคนอื
“เราก็ควรจะรีบเข้าไปเหมือนกันนะ เจอรัลด์! พื้นที่ดี ๆ อาจจะถูกคนอื่นจับจองกันหมดหากเรามัวแต่ชักช้า!” โนริเตือน หลังจากที่พยักหน้าให้กัน ทั้งคู่ก็แปลงร่างเป็นรูปแบบสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะผ่านประตูมิติเข้าไปในลานประลองเช่นกัน เมื่อเข้าไปด้านในแล้ว พวกเขาก็ได้เผชิญหน้ากับผืนป่าอันแสนกว้างใหญ่ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและเย็นสบายจนทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนเพิ่งเข้าสู่แดนสวรรค์อย่างแท้จริง ถึงกระนั้น เจอรัลด์และโนริก็ตระหนักดีว่านี่เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น แม้จะเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็รู้ดีว่าอันตรายทุกรูปแบบอาจจะซุ่มซ่อนอยู่ในทุกซอกทุกมุมของพื้นที่แห่งนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าความจริงแล้วพื้นที่ลวงตานี้กว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด แต่พวกเขาก็มีลางสังหรณ์ว่าป่าที่พวกเขายืนอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่ภูมิประเทศเดียวของสถานที่แห่งนี่... และพวกเขาก็คิดถูก นอกจากป่าแห่งนี้แล้ว ยังมีภูมิประเทศอื่น ๆ อีกหลายรูปแบบในลานประลองแห่งสรวงสวรรค์แห่งนี้ เช่น ทะเลทราย เมืองโบราณ และทุ่งหิมะ หลังจากข้ามผ่านประตูมิติไปแล้ว สัมผัสศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏขึ้นตามสถานที่ที่แตกต่างกันออกไป ความจริงที่ว่าโนริและเจอรัลด์ปรากฏ
โนริจ้องมองไปที่เจอรัลด์ด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวล เธอรู้สึกว่าเธอจำเป็นต้องเตือนสติเขาว่าทั้งสองคนได้บรรลุอาณาจักรแห่งนักปราชญ์เรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็รู้สึกว่าเธอมีเหตุผล จากนั้นเขาก็ตอบว่า “…เอาล่ะ เอาล่ะ! เรามาเริ่มโจมตีกันเลยดีกว่า! ยิ่งเรารวบรวมหินศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องการได้เร็วเท่าไร เราก็จะสามารถชนะการแข่งขันในครั้งนี้ได้เร็วเท่านั้น!” พอพูดจบ ทั้งคู่ก็กระโดดลงจากต้นไม้พร้อมกัน... อย่างไรก็ตาม ในวินาทีที่ทั้งคู่ลงมาสู่พื้นดิน พวกเขาก็ถูกซุ่มยิงโดยลูกศรหลายลูกที่พุ่งออกมาจากพุ่มไม้ที่อยู่ในบริเวณนั้น! โชคดีที่พวกเขาทั้งสองคนมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วมาก และพวกเขาสามารถหลบลูกธนูได้อย่างง่ายดาย ลูกธนูเหล่านั้นจึงพุ่งไปโดนต้นไม้สองต้นที่อยู่ข้างหลังพวกเขาแทน... หลังจากนั้น ชายสามคนที่ถือหน้าไม้อยู่ในมือก็รีบวิ่งออกมาจากพุ่มไม้ พวกเขาล้อมรอบเจอรัลด์และโนริเอาไว้อย่างรวดเร็ว! “ไม่คิดเลยว่าเราจะเจอเหยื่อเร็วขนาดนี้! โชคดีจริง ๆ เจ้านาย!” ชายหัวโล้นพูดพร้อมกับยิ้มอย่างน่ากลัว ขณะหันไปมองชายผู้มีรอยแผลเป็นที่ยืนอยู่ข้างเขา ก่อนหน้านี้ทั้งสามคนกำลังแอบซุ่ม
ขณะที่นั่งพักอยู่ริมแม่น้ำ โนริก็อดไม่ได้ที่จะถาม “…มันน่าแปลกที่เราไม่เจอคนอื่นเลยทั้ง ๆ ที่เราเดินดูจนทั่วมาเป็นชั่วโมงแล้ว คุณว่าไหม…?” “ก็นั่นน่ะสิ… ฉันชักจะสงสัยแล้วว่าเราอยู่ห่างจากคนอื่นเกินไปหรือเปล่า” เจอรัลด์พึมพำ เขารู้สึกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องแปลก วินาทีที่ประโยคของเขาสิ้นสุดลง ก็มีน้ำพุ่งขึ้นมาจากแม่น้ำ… และทั้งคู่ก็จ้องมองไปที่มังกรสีเขียวที่เพิ่งกระโดดขึ้นมาจากน้ำด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง! ตอนนี้มังกรตัวนั้นกำลังลอยอยู่ในอากาศ มันจ้องมองไปที่โนริและเจอรัลด์ ก่อนจะเปล่งเสียงคำรามอันทรงพลังที่ดังก้องไปทั่วบริเวณ! ทั้งสองคนไม่คาดคิดมาก่อนว่าสิ่งมีชีวิตเช่นนี้จะอาศัยอยู่ในแม่น้ำนั้น! อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนั้น เพราะมังกรสีเขียวตัวนั้นกำลังพุ่งเข้ามาหาเจอรัลด์และโนริโดยที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัว! "ระวังตัวด้วย!" เจอรัลด์ตะโกน ขณะที่เขาและโนริกระโดดหลบไปด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตี! ถึงแม้พวกเขาจะโชคดีที่หลบหลีกการโจมตีได้ แต่พื้นที่ที่พวกเขานั่งอยู่ก่อนหน้านี้กลับพังทลายลงมา ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งคู่ก็เก็บข้าวของและออกจากริมแม่น้ำ… ประมาณสิบนาทีต่อมา ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงของกลุ่มคนที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด…โนริหันไปมองเจอรัลด์และพูดว่า “ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนต่อสู่กันอยู่ข้างหน้านะ! เรารีบไปดูกันดีกว่า!” เจอรัลด์เห็นด้วยกับโนริ ท้ายที่สุด หากผู้เข้าแข่งขันกำลังต่อสู้กันจริง ก็มีโอกาสที่ทั้งคู่จะได้รับผลประโยชน์โดยไม่ต้องออกแรงเลยด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น หากนักสู้กำลังเผชิญหน้ากับบางอย่างที่อันตรายเป็นพิเศษ เจอรัลด์และโนริก็สามารถเข้าไปรับช่วงต่อได้หลังจากที่คนเหล่านั้นถูกกำจัดออกไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงรีบเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วก่อนที่จะซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินขนาดใหญ่อย่างระมัดระวัง เมื่อมองไปยังป่าเล็ก ๆ ที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งสองคนก็เห็นชายชุดดำหลายคนกำลังทำร้ายเด็กหนุ่มในชุดขาวคนหนึ่งอยู่ เนื่องจากบริเวณไหล่ของเสื้อผ้าของเขากลายเป็นสีแดง จึงเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเขาได้รับบาดเจ็บบริเวณนั้น แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บและต้องรับมือกับคู่ต่อสู้ที่มีจำนวนมากกว่า แต่เด็กหนุ่มก็ยังคงต่อสู้อย่างสุดความสามารถ ถึงกระนั้น เจอรัลด์ก็รู้ความจริงที่ว
ไม่ว่าอย่างไร เจอรัลด์ก็หยิบหินศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ก้อนขึ้นมาก่อนที่จะใส่ลงในกระเป๋าของเขา ตอนนี้เจอรัลด์มีหินทั้งหมดห้าก้อนแล้ว จากนั้นเขาก็หันไปมองเซลิก ก่อนที่จะถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง?” เซลิกส่ายหัวแล้วตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ผมไม่เป็นไรครับ ขอบคุณที่ช่วยผมไว้! ผมนี่ไร้มารยาทจริง ๆ! ผมชื่อเซลิก เลียร์ นะครับ!” เมื่อได้ยินดังนั้น โนริก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ “เดี๋ยวนะ คุณคือ… เซลิก เลียร์เหรอ? นายน้อยคนที่สองของตระกูลเลียร์แห่งจาเอลตราใช่หรือไม่?” โนริถาม เซลิกหันไปหาเธอ เขาคาดไม่ถึงว่าเธอจะรู้ว่าเขาเป็นใคร เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตอบอย่างสงสัยว่า "...ใช่ครับ แล้วคุณคือ…?” “อา ฉันชื่อโนริจากตระกูลซาห์น! ฉันไม่คิดว่าจะเจอนายน้อยคนที่สองของตระกูลเลียร์ที่นี่! ช่างเป็นเกียรติจริง ๆ!” โนริพูด ขณะที่เธอยิ้มอย่างอ่อนโยน ตระกูลเลียร์เป็นครอบครัวที่มีอำนาจมากในจาเอลตรา และสมาชิกของตระกูลหลายคนก็แข็งแกร่งจนบางคนถึงกับสามารถบรรลุอาณาจักรอวาตาร์ได้! เซลิกเองก็ทราบดีถึงความเข้มแข็งของครอบครัวของเขา ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีคนรู้ว่าเขาไม่สามารถป้องกันตัวจากผู้โจมตีเพียงสี่คนได้… เขาก็รู้สึกอ
“คุณพูดถูกครับ คุณคลอฟอร์ด!” เซลิกตอบ ขณะที่เขาเริ่มทำแผลให้ตัวเองทันที เมื่อเสร็จแล้ว เขาก็ออกเดินทางพร้อมกับเจอรัลด์และโนริ โชคดีที่เหยื่อรายต่อมาที่พวกเขาพบเจอนั้นค่อนข้างอ่อนแอ ดังนั้นพวกเขาทั้งสามคนจึงใช้เวลาไม่นานนักก็สามารถรวบรวมหินศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปดก้อนที่เหลือได้จนครบ... เมื่อทำเสร็จแล้ว พวกเขาก็รีบกลับไปที่ทางออกอย่างรวดเร็วเพื่อยืนยันตัวตน และหลังจากนั้น พวกเขาก็ออกจากพื้นที่แห่งภาพลวงตา เมื่อกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง พวกเขาแต่ละคนได้รับเหรียญไม้ ซึ่งใช้เป็นข้อพิสูจน์ว่าพวกเขาผ่านการแข่งขัน และยังนำไปใช้เป็นบัตร 'ผ่าน' ในการเดินทางเข้าสู่ทวีปไลคอมได้อีกด้วย ซึ่งก็หมายความว่าผู้ที่ไม่ได้รับเหรียญไม้นี้ จะไม่ได้รับอนุญาติให้ข้ามทวีปเข้าไปได้ หลังจากที่รออยู่ที่ทางเข้ามาได้ระยะหนึ่งแล้ว ทั้งสามคนก็เดินทางผ่านประตูมิติแห่งแรกไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก... พวกเขาปกป้องดวงตาของพวกเขาจากแสงสีขาวอันเจิดจ้า และในที่สุดพวกเขาก็เดินทางเข้าสู่ทวีปไลคอมได้อย่างไร้ปัญหา เนื่องจากเจอรัลด์เพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก เขาจึงผงะไปชั่วขณะกับความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ ไม่เพียงแต่
อย่างไรก็ตาม หลังจากรอสักพัก ในที่สุดพวกเขาทั้งสามคนก็มีโอกาสเปิดเผยของที่จะนำมาประมูลของตนต่อผู้ประเมินราคา เมื่อนำจี้หยกออกมาให้เขาดู ผู้ประเมินราคาก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ หลังจากสังเกตอย่างถี่ถ้วนสักพัก ผู้ประเมินก็พูดว่า “…มากับผมสิ! พวกคุณทั้งสามคน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งสามคนก็เดินตามเขาเข้าไปในโรงประมูลออรัม… เมื่อเข้าไปข้างใน ไม่นานพวกเขาก็พบกับชายชราคนหนึ่งที่สวมมงกุฏทองคำบนศีรษะ หลังจากที่ผู้ประเมินมอบจี้หยกให้ชายชรา เขาก็กระซิบบางอย่างเข้าหู ทำให้ชายชรามีท่าทีที่ประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากที่เขาจ้องมองเจอรัลด์สักพัก ชายชราก็ถามว่า “คุณไปเอาจี้หยกมังกรเขียวนี้มาจากไหน?” แม้ว่าในตอนแรกเขาจะลังเลเล็กน้อยที่จะเปิดเผยข้อมูล แต่ในที่สุดเจอรัลด์ก็ตอบว่า “ผมได้มันมาหลังจากสังหารมังกรเขียวตัวหนึ่งที่ผมเจอระหว่างการท้าทายแห่งแดนสวรรค์ได้!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความประหลาดของชายชราก็กลายเป็นความยินดีในทันที “ไม่คิดเลยว่าคุณจะสามารถสังหารมังกรเขียวได้! ผมแค่อยากจะบอกให้คุณรู้ไว้ว่าจี้หยกนี้มีคุณค่าอย่างเหลือเชื่อ เนื่องจากวิธีเดียวที่จะหามันมาได้คือการเอาชนะมังกรตัวน