“ฉันขอให้คุณจงมีความสุขตลอดไปให้ได้นะ แต่ถ้าขาดทุนจนเงินหมดก็อย่าร้องไห้ก็แล้วกัน” เย่เทียนหยู่รู้สึกรำคาญอย่างเห็นได้ชัด“นั่นมันไม่เกี่ยวอะไรกับแก ฉันมีเงินมากมายและชอบถูกโกง ไม่เหมือนแก คนยากจนที่ไม่มีอะไรเลย แล้วก็ยังมาเกาะลูกสาวของฉันกินอยู่”เย่เทียนหยู่หัวเราะ และหยุดต่อปากต่อคำกับเธอ แล้วเดินออกไปทันที เขาอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆและเขาก็ได้พบกับซูถิงที่ยังอยู่ใกล้ๆบริเวณนี้เมื่อซูถิงเห็นเย่เทียนหยู่ เธอก็รีบเชคความเรียบร้อยของตัวเองทันที จากนั้นก้าวไปข้างหน้าและตะโกนด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์และอ่อนหวาน “เย่ เย่เทียนหยู่!”เธออยากเรียกเขาว่าพี่เย่นะ แต่กลัวว่ามันจะเร็วเกินไปเย่เทียนหยู่ตกใจเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้นิสัยเปลี่ยนไปหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วเธอก็มีเสน่ห์มากเช่นนี้ และพูดอย่างใจเย็นว่า“มีอะไรเหรอ?”“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ถึงพวกเขาจะไม่เชื่อคุณ แต่ฉันเชื่อคุณนะ”ซู่ถิงกล่าว“คุณเชื่อผมเหรอ?”เย่เทียนหยู่เพียงรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ คนที่เคยดูถูกเขามากที่สุดคือผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างแน่นอน“ใช่ มีหลายครั้งนะ ถ้าไม่ได้คุณลงมือช่วยเหลือ หว่านหรูคงเกิดเรื่องแ
เย่เทียนหยู่ตกตะลึงไปชั่วขณะและเอ่ยถามว่า “คุณปู่เจียง ท่านคงจะไม่ให้ผมไปแข่งขันกับเขาใช่ไหมครับ?”“ไม่ใช่หรอก แต่แมนเทลทำเหมือนดูถูกอาณาจักรมังกรของเรามาโดยตลอด และฉันไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรในงานแสดงเปียโน แต่ถ้าเขาพูดอะไรที่ส่งผลเสียหายต่อศักดิ์ศรีของอาณาจักรมังกรของเราจริงๆ ฉันอยากให้แกจะสามารถสอนบทเรียนให้แก่เขาได้ ”เจียงเจี้ยนจวินไม่สนใจเรื่องอันดับในงานแสดงเปียโน แต่เขาแค่ไม่อยากให้อาณาจักรมังกรต้องอับอายขายหน้าเพราะแมนเทล“ผมเข้าใจแล้วครับ บอกเวลาและสถานที่มาด้วย แล้วผมจะไปที่นั่นในตอนเย็นครับ”เย่เทียนหยู่ก็ตอบรับเรื่องนี้“ได้ครับ”เจียงเจี้ยนจวินแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้กับเขาทันทีและกล่าวว่าผู้จัดงานจะเพิ่มชื่อของเขาลงในรายชื่อของแขกที่ได้รับเชิญและจะไปได้เลยในตอนเย็นหลังจากวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว เจียงเจี้ยนจวินถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะถ้ามีเด็กคนนี้อยู่ในงานแสดงเปียโน ถ้าแมนเทลทำตัวดีๆก็แล้วไป ไม่เช่นนั้นแมนเทลจะเป็นฝ่ายที่ต้องเสียหาย และโชคดีที่เจียงเจี้ยนจวินพูดถึงเรื่องนี้ในวันนี้ ไม่เช่นนั้นเขาก็จะไม่รู้เลยว่าเด็กคนนี้อยู่ในเมืองเทียนไห่แล้วทักษะการเล่
ในปัจจุบันสำหรับคนที่มีรถ BBA ที่มีมูลค่าหลายแสนก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เพราะจะไม่สะดุดตาเกินไปและประสบการณ์การขับขี่ก็ดีมากด้วยแต่เย่เทียนหยู่ก็เดินเข้ามาข้างในและเดินดูรถวนไปรอบๆ หลายนาที แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาคุยกับเขาเลยที่สำคัญคือมีสาวสวยสี่คนที่สวมเสื้อเชิ้ตและกระโปรงสั้นนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่ไม่ไกล เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเห็นเขาแล้ว แต่พวกเธอไม่ได้ลุกขึ้นไปทักทายอะไรกับเขาเลยเย่เทียนหยู่ได้แต่ส่ายหัวแล้วหันหลังกำลังจะจากไปแต่ในเวลานี้ ผู้หญิงร่างผอมเล็กน้อยที่มีใบหน้าสวยและตากลมโตเดินไปข้างหน้าของเขาอย่างรวดเร็วและถามอย่างประหม่า “สวัสดีค่ะ ท่านอยากจะซื้อรถไหมคะ?”“อืม”เย่เทียนหยู่พยักหน้าและมองดูอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง รู้สึกถึงความคุ้นเคยที่อธิบายไม่ถูกเมื่อสาวๆ หลายคนเห็นฉากนี้แล้ว พวกเธอต่างก็หัวเราะ“เฮ้ อินางเฉินนี่ช่างทำงานหนักมากเลยนะ แต่ก็น่าเสียดายนะ ถึงแม้จะทำงานหนักมากแค่ไหนมันก็เปล่าประโยชน์หรอกน่ะ”“ไร้สาระ ด้วยความสามารถแบบเธออ่ะนะ เธอสมควรที่จะขายรถสักคันไม่ได้ในช่วงเวลาครึ่งเดือนนี้แหละ”“ใช่ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าให้คนที่ไร้ประโยชน์อย่างมัน จะทำงานอยู่ที
พันเถาและคนอื่น ๆ ที่ได้ยินเช่นนั้นต่างก็ยืนตะลึงอยู่ตรงจุดนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ได้นำบัตรธนาคารของเขาออกมาแล้ว และต้องการชำระเงินในทันทีพอพันเถาตื่นตัวได้ จึงรีบลุกขึ้นทันทีและเทน้ำหนึ่งแก้วให้เขา เธอก้าวไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “สวัสดีคุณเย่ ฉันได้ยินว่าท่านต้องการซื้อ S680 เหรอคะ”“ใช่ครับ!”เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น“รสนิยมของท่านดีจริงๆเลยนะคะ ไม่ว่าท่านจะไปที่ไหน รถคันนี้ก็แสดงถึงความมั่งคั่งและฐานะที่สู้ง”“แต่เสี่ยวเฉินมาทำงานที่นี่ไม่ถึงครึ่งเดือน และเธอยังไม่คุ้นเคยความรู้เกี่ยวกับรถยนต์เลย สำหรับลูกค้าที่มีเกียรติอย่างท่าน ฉันเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย ฉันจะแนะนำให้ท่านด้วยตัวเองนะคะ”“ไม่ ผมแค่อยากให้คนนี้เป็นคนแนะนำให้ผมเองเท่านั้น”“แต่เธอคงแนะนำอะไรไม่ได้เลยนะคะ ที่สำคัญคือในฐานะผู้จัดการ ฉันมีสิทธิให้ส่วนลดอย่างมากมายแก่ลูกค้าได้ ฉันจะสามารถให้ราคาพิเศษที่สุดแก่ท่านได้นะคะ!”พันเถายื่นน้ำให้ในขณะที่เขาพูด และยังตั้งใจสัมผัสมือของเย่เทียนหยู่ด้วยเย่เทียนหยู่ยังไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเขาจึงหยิบแก้วน้ำแล้วพูดอย่างใจเย็น “ไม
“คุณแน่ใจว่าจะทำแบบนี้จริงๆเหรอ? ถ้าเกิดผมออกไปแล้ว อีกเดี๋ยวถ้าคุณเชิญผมเข้ามาอีกครั้ง ผมจะไม่เข้ามานะ” เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชา“ผมเชิญคุณเข้ามาอีกเหรอ คุณคิดว่าคุณเป็นใคร!”“ถ้าคุณไม่ออกไป ฉันจะให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาลากคุณออกไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ” พันเถาพูดเสริมขึ้นอีกด้วยแต่ประธานเกากลับตกใจเล็กน้อย เมื่อมองไปที่เย่เทียนหยู่ จึงเห็นบัตรในมือของเขา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทำไมมันถึงดูเหมือนเป็นแบล็กการ์ดมังกรดำที่เคยเห็นในรูปถ่าย แต่เขาก็ยังไม่เคยเจอของจริงเลยสักครั้ง“เดี๋ยวก่อน!”เมื่อเห็นเย่เทียนหยู่หันหลังกลับและจะเดินออกไป ประธานเกาจึงพูดอย่างสุภาพ “ท่านครับ ผมขอดูบัตรในมือของท่านหน่อยได้ไหมครับ”ทุกคนเริ่มตกใจเล็กน้อยกับคำพูดที่เปลี่ยนไปของประธานเกา และเย่เทียนหยู่ก็โยนบัตรนั้นออกไปให้เขาซื่งทำให้ประธานเกาตกใจ และรีบตระครุบมันไว้ หลังจากพิจจารณามันอย่างระมัดระวัง มันช่างเหมือนกันเป๊ะเลย เมื่อคิดได้ดังนั้น สีหน้าของเขาก็เริ่มซีดลง และเขารีบพูดขึ้นว่า “ท่านครับ กรุณารอสักครู่นะครับ!”ขณะที่เขาพูดเขาก็รีบจากไปอย่างรวดเร็วคนอื่นๆต่างก็ตกตะลึง และเริ่มสับสน
พันเถาเห็นว่าประธานเกาที่สามารถขอความเมตตาได้ทันทีที่เขาคุกเข่าลง ขนาดประธานเกาที่เป็นผู้ชาย และคนอย่างประธานเกาที่มีฐานะสูงก็ยังคุกเข่าลงได้เลยเธอจึงรีบคุกเข่าลงตรงหน้าเย่เทียนหยู่ทันที “คุณเย่ ฉันก็สำนึกผิดแล้วค่ะ เป็นเพราะเมื่อกี้ฉันไม่รู้ความจริง ฉันกำลังมึนงง ฉันมันโง่เอง......”“รีบไสหัวไป!”เย่เทียนหยู่วาดขาเตะเธอออกไปจากตรงนั้น เขาขี้เกียจที่จะฟังเรื่องไร้สาระที่เสแสร้งของเธอต่อไปผู้หญิงคนอื่นๆ ต่างยืนหน้าซีดและนิ่งเงียบประธานเกาจึงพูดด้วยความโกรธ “พันเถา หยุดพูดได้แล้ว ทำไมไม่รีบไส่หัวออกไปเร็วๆล่ะ!”เมื่อได้ยินดังนั้น พวกผู้หญิงทุกคนก็รีบทำตามคำสั่ง รวมทั้งพันเถาด้วย“เดี๋ยวก่อน สาวคนนี้ไม่ได้ทำอะไรผิด” เย่เทียนหยู่ชี้ไปที่เฉินเข่อซินเมื่อได้ยินดังนั้น ประธานเกาก็รีบพูดว่า “งั้นเฉินเข่อซิน เธออยู่ต่อเถอะ”“ตอนที่คนอื่นต่างว่าร้ายผม มีเพียงเฉินเข่อซินเท่านั้นที่ก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อแนะนำรถให้ผม ผมจึงคิดว่าเธอเป็นคนดี”เมื่อประธานเกาได้ยินเช่นนี้ เขาเข้าใจทันที คนนี้อาจชอบเฉินเข่อซินก็ได้และพูดอย่างรวดเร็ว “เฉินเข่อซินเป็นคนดีมากจริงๆครับ ไม่เพียงแต่เธอสวยเท่านั
และทุกอย่างประธานเกาก็จะจัดการให้เขาอย่างรวดเร็วเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเย่เทียนหยู่ก็ออกไปจากที่นี่ เมื่อเวลาประมาณ 1 ทุ่ม เขาก็ขับรถคันใหม่ไปยังจุดหมายปลายทางที่ได้รับจากคุณปู่เจียงเขาอดไม่ได้ที่จะแอบประหลาดใจเมื่อเห็นรถหรูจอดอยู่ในรอบบริเวณนี้ดูเหมือนว่าคนที่มาครั้งนี้ไม่ใช่คนธรรมดา ดูเหมือนมันจะเป็นงานศิลปะชั้นสูงเลยทีเดียวเมื่อเขาเดินมาถึงประตู และเย่เทียนหยู่กำลังจะเข้าไปข้างใน แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนหยุดเขาไว้ตรงประตูนั้น“สวัสดีครับ กรุณาแสดงจดหมายเชิญของคุณให้ผมดูหน่อยนะครับ!”เย่เทียนหยู่ตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็ไหนคุณปู่เจียงบอกว่าให้เขามาได้เลยไง เขาเลยถามว่า “ต้องมีจดหมายเชิญถึงจะเข้าไปดูคอนเสิร์ตได้หรือ”ในเวลานี้ มีผู้ชายและผู้หญิงจำนวนมากที่ใส่ชุดหรูหราเดินผ่านไป และพวกเขาก็ได้ยินคำพูดของเเย่เทียนหยู่ และดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม“หนุ่มน้อย สถานที่บางแห่งไม่ใช่ใครจะเข้าก็เข้าได้นะ”พวกเขาหยิบจดหมายเชิญออกมาและเดินเข้าไปข้างในโดยไม่พูดอะไรเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ได้ดูเย่อหยิ่งนัก เขาแค่ยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ครับ ทุกค
“นาย!”“ฉันล่ะนับถือนายจริง ๆ เลย!”เมื่อได้ยินว่าเขาไม่มีจดหมายเชิญ หลินหว่านหรูก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกไม่มีคำเชิญจะมาที่นี่ให้ขายหน้าคนอื่นเขาทำไม เธอคิดพร้อมกับควานหาบัตรเชิญด้วยความรียร้อน “พี่รปภ.คะ ฉันมีคำเชิญอยู่ค่ะ ฉันพาเขาเข้าไปด้วยได้ไหมคะ?”“ไม่ได้ บัตรเชิญหนึ่งใบต่อหนึ่งคนเท่านั้น” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยส่ายหน้า“นี้……”หลินหว่านหรูสังเกตเห็นว่าทุกคนรอบตัวเธอมองเย่เทียนหยู่ด้วยสายตาเยาะเย้ย เธอลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “นายน้อยหลิวเข้าไปก่อนเถอะค่ะ ไว้อีกพักฉันจะตามไป”“เย่เทียนหยู่ นายมากับฉัน!”เธอต้องพาเย่เทียนหยู่ออกไปก่อน“จะไปไหนครับ?” เย่เทียนหยู่ถามด้วยความงุนงง“นายคิดว่าไงล่ะ?”หลินหว่านหรูพูดอะไรไม่ออก เธอแค่อยากจะพาเขาออกมากจากตรงนั้นก่อน เขาไม่รู้เลยเหรอว่าตัวเองกำลังถูกคนอื่นบ่นอุบอิบใส่?“ผมไม่รู้นี่ครับ”“หยุดพูดไร้สาระแล้วมากับฉันซะ!”หลินหว่านหรูหงุดหงิดมากแต่แล้วในตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ ก็ได้ยินหลินหว่านหรูเรียกชื่อเขาว่าเย่เทียนหยู่ แรกเริ่มเดิมทีเขาไม่ทันได้ตอบสนอง แต่หลังจากที่เขาเริ่มคิดออกเขาก็รีบเข้าไปพูดด้วยทันที “
พอคุณนายไป๋มาถึง พวกเฉินเฟยเฟยก็สังเกตเห็นได้ในทันที เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายไป๋ สีหน้าของพวกเธอก็เปลี่ยนไปแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาด้วยเหตุผลอะไร แต่ดูท่าทางแล้ว ค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียวเหอฉุนรีบพูดขึ้นว่า “เฟยเฟย เร็วเข้า รีบติดต่อคุณเย่เร็ว!”“เอ่อ ฉันว่าเราลองอ้างชื่อพี่เย่กันก่อนดีไหม?” เฉินเฟยเฟยกลัวว่าจะสร้างปัญหาให้เย่เทียนหยู่มากเกินไป“ไม่ได้ รีบโทรหาเขาด่วนเลย ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไป ดูจากท่าทีโกรธเกรี้ยวของเธอแล้ว เกรงว่าแค่อ้างชื่อออกไปจะไม่ได้ผลกับเธอแน่” “อีกอย่าง เกิดว่าเธอไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของราชามังกร แล้วยังโกรธเกรี้ยวอยู่เหมือนเดิม เราจะทำอย่างไรดี” เหอฉุนรีบพูดขึ้นมาอันที่จริงเฉินเฟยเฟยเองก็คิดถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เพียงแค่กลัวว่าจะทำให้เย่เทียนหยู่ลำบากก็เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้ไปสนใจเรื่องพวกนั้นอีกแล้ว เธอจึงรีบกดเบอร์โทรศัพท์โทรหาเย่เทียนหยู่ทันทีเพียงแต่ตอนนี้เย่เทียนหยู่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ จึงทำให้ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ เนื่องจากตอนที่หลินหว่านหรูตื่นเช้าขึ้นมา แล้วบอกว่าอยากกินบะหมี่เหมือนเมื่อวานอีกครั้งในเ
แถมยังเป็นดาราอีกต่างหาก!แม้ว่าจะยังไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่ชัด แต่เฉินเฟยเฟยคนนี้ เธอจะต้องตายอย่างแน่นอนไม่ว่าเธอจะเป็นดาราดังมากแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลไป๋ที่มีทรัพย์สินเป็นพันล้าน เธอก็เป็นได้แค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น!คุณนายไป๋หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโทรออกเพื่อจัดการวางแผนต่าง ๆ ในขณะเดียวกันเธอก็พูดด้วยความโกรธขึ้นว่า “พยัคฆ์ทมิฬ ไปสืบมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าหากไม่สามารถหาที่อยู่ของนางนั่นมาได้ภายในเช้าของวันพรุ่งนี้ พวกแกก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อแล้ว”“แล้วก็ยังมีไอ้ฆาตกรอีกคน เดี๋ยวฉันจะส่งวิดีโอไปให้ พวกแกก็ลองตรวจสอบมันดูด้วย แต่ภารกิจหลักคือการตามหาที่อยู่ของเฉินเฟยเฟยมาให้ได้!”เพราะขอแค่หาเฉินเฟยเฟยเจอ ก็จะสามารถหาคนที่ทำร้ายหยางหยางเจอได้เช่นกัน ซึ่งก็คือไอ้ฆาตกรคนนั้นพยัคฆ์ทมิฬที่ได้ยินคำสั่ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ตั้งแต่ที่ตระกูลไป๋ชุบตัวขึ้นมาใหม่ เขาก็ยังไม่เคยเห็นเธอโกรธจัดเพียงแค่ต้องการให้สืบเรื่องของคนคนหนึ่งมาก่อนเลย เพราะงั้นเขาจึงได้รีบจัดการในทันทีพยัคฆ์ทมิฬเป็นหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์ทมิฬ หนึ่งในแก๊งแห่งวงการอาชญากรรม การที่พวกเขาสามารถค
“เป็นอะไรไป ไม่อร่อยเหรอ?” ท่าทีของหลินหว่านหรูดูแปลก ๆ จึงทำให้เย่เทียนหยู่รู้สึกสับสนเล็กน้อย หรือว่าฝีมือทำครัวของตนจะแย่ลงรึเปล่านะแต่ถึงยังไง ก็คงไม่อร่อยจนถึงขั้นร้องไห้ออกมาหรอกมั้ง“เปล่าหรอก!”“อร่อยมาก อร่อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ!”หลินหว่านหรูร้องไห้ฮือออกมาเย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก จึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ถึงจะอร่อยก็ต้องค่อย ๆ กินนะ ไม่ต้องรีบ ผมก็คิดว่าคุณร้องไห้เพราะทนกับรสชาติที่ไม่อร่อยอยู่เสียอีก”คำพูดนี้ทำให้หลินหว่านหรูอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “อย่าทำให้ฉันขำสิ เอาซะฉันเกือบจะพ่นเส้นบะหมี่ออกมาแล้วเนี่ย”รอยยิ้มของหลินหว่านหรูนี้ ก็ทำให้รู้สึกว่าพื้นที่รอบตัวเปลี่ยนไปทันที ราวกับว่ามีดอกไม้สวยงามนับไม่ถ้วนกำลังบานสะพรั่ง ทำให้เย่เทียนหยู่ถึงกับต้องมองตาค้างกันเลยทีเดียว“มัวเหม่ออะไรอยู่”“ก็มองคุณอยู่ไง”“โกหก”หลินหว่านหรูหน้าแดงเล็กน้อย เธอกินต่ออีกสองสามคำ ก่อนเธออดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “เมื่อก่อนคุณเคยทำบะหมี่บ่อยมากเลยเหรอ?”“ก็ไม่ได้ทำบ่อยนักหรอก ผมยังทำอย่างอื่นเป็นด้วยนะ”“คุณทำอย่างอื่นเป็นด้วยงั้นเหรอ?”“แน่นอ
“คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?”หลินหว่านหรูถามด้วยความสงสัย แต่เมื่อลองคิดอีกที บะหมี่เองก็ค่อนข้างที่จะต้มง่าย แทบไม่มีความยากเลยด้วยซ้ำ แค่ไม่เผลอใส่เกลือมากเกินไปก็พอแต่อีกเดี๋ยว ไม่ว่าจะเค็มหรือไม่ก็ตาม เธอจะต้องอดทนกินมันให้หมด แม้ว่าจะรสชาติแย่แค่ไหนก็ตามถึงยังไง การที่คนอย่างเย่เทียนหยู่ยอมลงมือทำบะหมี่ให้เธอด้วยตัวเองแบบนี้ เธอก็รู้สึกมีความสุขมากแล้ว“อีกเดี๋ยวก็รู้แล้ว”เย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็ว และดูคล่องแคล่วมาก ไข่ไก่ที่อยู่ในมือของเขา ไม่นานก็ถูกตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน ก่อนจะถูกผสมลงไปกับเส้นบะหมี่ภายใต้การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและน่าตื่นตาตื่นใจของเขา ทั้งเส้นบะหมี่ไข่ผักก็ได้ถูกปรุงจนเสร็จเรียบร้อยแล้วหากรวมเวลาตั้งแต่ที่เขาเริ่มลงไปซื้อของด้วย เมื่อกี้มันเพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเองหลินหว่านหรูมองไปยังชามและตะเกียบที่วางอยู่ตรงหน้า ความสุขอันล้นหลามก็ห่อหุ้มตัวเธอเอาไว้ จากนั้นเธอก็รีบก้มหน้าคีบเส้นบะหมี่เข้าปากทันทีเดิมเธอคิดว่ามันไม่น่าจะกินได้แน่ ๆแต่ทันทีที่เธอได้สูดเส้นบะหมี่เข้าไป หลินหว่านหรูก็รู้สึกเหมือนถูกมนต์ส
“อือ งานยุ่งจนดึกมากขนาดนี้ คงหิวแล้วใช่ไหม?” เย่เทียนหยู่ถาม“ยังไหว ยังไม่หิวเท่าไหร่!”แต่ทันทีที่หลินหว่านหรูพูดจบ ท้องของเธอก็ส่งเสียงดังออกมา ซึ่งทำให้เธอหน้าแดงเล็กน้อย“ยังจะบอกว่าไม่หิวอีก ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปกินมื้อดึก”“มันดึกมากแล้ว ไม่ต้องไปหรอก สั่งเดลิเวอรีมาก็ได้” หลินหว่านหรูนึกขึ้นได้ว่าแถวนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้กินสักเท่าไหร่ นอกเสียจากต้องเดินออกไปไกลอีกหน่อย หรือไม่ก็ขับรถไปแบบนั้นมันดูจะยุ่งยากไปหน่อย ที่สำคัญคือกลัวว่ามันจะดึกเกินไป จนทำให้ส่งผลกระทบกับการทำงานของเธอในวันพรุ่งนี้เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและส่ายหัว ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ของข้างนอกสามารถกินได้ แต่ก็ไม่ควรกินบ่อย ๆ ถ้าคุณกลัวว่ามันจะยุ่งยากจริง ๆ งั้นคุณก็รอผมเดี๋ยวนะ”เมื่อพูดจบ เขาก็เดินออกไปทันทีเขาจำได้ว่าข้างล่างห่างไปไม่ไกลนัก มีร้านขายของชำเล็ก ๆ อยู่ร้านหนึ่ง ซึ่งก็น่าจะมีบะหมี่อะไรแบบนั้นขายอยู่ด้วยด้วยความเร็วของเขา ไม่นานเขาก็กลับมา แถมยังซื้อของกลับมาได้อย่างรวดเร็วอีกด้วยไข่ไก่ บะหมี่ ผงปรุงรสรสไก่ แล้วก็ซีอิ๊วขาว ส่วนอย่างอื่นก็ไม่ได้ซื้ออะไรมาอีกแต่ถึงอย่างนั้น เจ้าของร้านท
ทันใดนั้น เหอฉุนก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เกรงว่าคุณเย่เองก็น่าจะมองออกตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเธอจะไม่กล้าทำอะไรแบบนั้น ถึงได้กล้ามอบเงินกว่าห้าหมื่นล้านให้กับเฟยเฟยโดยไม่คิดอะไรเกรงว่าคุณเย่อาจจะเดาได้แต่แรกแล้ว ว่าเฉินเฟยเฟยจะมอบเงินให้ตนเป็นคนจัดการ เขาไม่กลัวว่าตนจะฉ้อโกงเลยแม้แต่น้อยคุณเย่คนนี้ ช่างเป็นคนที่มีความสามารถมากจริง ๆ!คุณเย่คะ วางใจเถอะค่ะ ฉันรับรองว่าฉันจะทำให้สุดความสามารถ ทำให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วให้ได้ และทำให้เงินลงทุนของคุณได้กำไรคืนทุนมากกว่าสิบเท่าให้ได้!แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย เย่เทียนหยู่ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น เขาแค่อยากให้เฉินเฟยเฟยได้มีที่ที่ปลอดภัยก็เท่านั้น จะหาเงินได้ไหม หรือว่าจะถูกฉ้อโกงรึเปล่า มันไม่สำคัญเลยสักนิดสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความสุขและความเป็นอิสระ!เงินแค่ห้าหมื่นล้าน ก็เป็นเพียงเศษเงินของเขาเท่านั้น หายไปก็ไม่เสียดายหลังจากที่เย่เทียนหยู่ออกจากโรงแรม เขาก็ตรงกลับไปยังที่พักทันที เกี่ยวกับห้องชุดนี้ เขาก็ได้ส่งกุญแจห้องให้หลินหว่านหรูตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วพร้อมทั้งบอกที่อยู่กับเธอแล้วด้วย และให้เธอเลิกงานเร็วหน่
สีหน้าของจางผิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นต่อไปนี้ จะไม่มีใครกล้ามารังแกพี่เฟยเฟยได้อีกแล้ว พวกเธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไปเมื่อเห็นว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว ทุกอย่างก็สามารถเริ่มดำเนินการได้ในทันที หลังจากนี้ก็คงต้องคิดชื่อบริษัทให้ดี ๆ แล้วล่ะเหอฉุนคิดอยู่สักพัก ก่อนที่จู่ ๆ จะพูดขึ้นว่า “ฉันนึกออกแล้วหนึ่งชื่อ ไม่งั้นเราก็ใช้ชื่อว่าเฟยเทียนมิวสิคคัลเจอร์กันเถอะ!”“เฟยเทียนงั้นเหรอ?”เฉินเฟยเฟยถามด้วยความอยากรู้ขึ้นว่า “ทำไมถึงต้องเรียกว่าเฟยเทียน หมายถึงการบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอะไรทำนองนั้นน่ะเหรอ?”เหอฉุนที่ได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ก่อนจะอธิบายออกไปว่า “อันที่จริงก็มีความหมายแบบนั้นแหละ แต่อักษรเฟยตัวนี้ไม่ได้หมายถึงอักษรที่แปลว่าบินทยานหรอก!”เฉินเฟยเฟยรู้สึกตกใจเล็กน้อย ทันใดนั้นเธอก็คิดออก แววตาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น ชื่อนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ“ฉันรู้แล้ว เป็นอักษรเฟยที่มาจากชื่อของพี่เฟยเฟยนี่เอง!”ครั้งนี้ จางผิงเองก็เข้าใจเช่นกัน ก่อนจะพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “เฟยที่หมายถึงพี่เฟยเฟย เทียนก็หมายถึงคุณเย่ เป็นการรวมเอาชื่อของพวกพี่มารวมกันได้พอดีเลย
ตอนแรกเธอคิดว่าหุ้นทั้งหมดควรเป็นของพี่เย่ แต่พอมาคิดดูแล้ว ยังไงชีวิตนี้เธอก็เป็นของพี่เย่ เพราะงั้น หุ้นของเธอก็เหมือนเป็นของพี่เย่ด้วยไม่ใช่รึไงสำหรับพี่เหอ อันที่จริงพี่เย่ก็พูดเอาไว้แล้ว หากว่าเธอไม่อยากบริหารบริษัทจริง ๆ ก็มอบหมายให้พี่เหอเป็นคนดูแลทั้งหมดเลยก็ได้ ดังนั้นก็ควรที่จะให้พี่เหอถือหุ้นบางส่วนเอาไว้ด้วยจึงจะดีที่สุดส่วนเรื่องจำนวนของหุ้นนั้น พี่เย่ก็ไม่ได้กำหนดเอาไว้“เดี๋ยวก่อนนะ เฟยเฟย เธอพูดว่าอะไรนะ เธอจะให้ฉันถือหุ้น 20 เปอร์เซ็นต์ด้วยงั้นเหรอ?” เหอฉุนรู้สึกตกใจมาก เพราะการที่มีหุ้นแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ จำนวนเงินก็ปาไปหมื่นล้านแล้ว“ใช่แล้วค่ะ พี่เหอรู้สึกว่ามันน้อยไปรึเปล่าคะ?”“ไม่หรอก ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันคิดว่ามันมากเกินไปต่างหาก”เหอฉุนรู้สึกตกใจอีกครั้ง“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงยังไงพี่เย่ก็เห็นด้วยแล้ว จะให้ฉันถือหุ้นมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี”“ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด ฉันไม่ได้มีส่วนร่วมในเงินทุนแม้แต่บาทเดียวเลยนะ จะให้ฉันถือหุ้นมากมายขนาดนั้นได้ยังไง” เหอฉุนเองก็มีความคิดที่จะร่วมลงทุนอยู่ด้วย แต่ปัญหาคืออยู่ ๆ ก็กลายเป็นผู้ร่วมลงทุนกว่าหมื่
“อะไรนะ!”ถึงจะเดาได้ว่าเย่เทียนหยู่ต้องการช่วยก่อตั้งบริษัททำเพลงให้ก็เถอะ แต่การที่ลงทุนให้ตั้งห้าหมื่นล้านก็ทำให้เหอฉุนรู้สึกตกใจมาก เพราะโดยทั่วไปแล้ว ไม่มีบริษัทที่ไหนจำเป็นต้องใช้เงินมากขนาดนั้นแล้วยังมาพูดอีกว่า แค่ช่วยออกเงินลงทุนให้ห้าหมื่นล้านเท่านั้น เงินก็คือเงินไม่ใช่รึไง?เหอฉุนไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า อีกฝ่ายต้องรู้สึกยังไง ถึงสามารถทำให้คนคนหนึ่งหยิบเงินออกมาลงทุนเป็นหมื่นล้านโดยไม่คิดอะไรได้ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไปเพื่อยืนยันความจริง “เฟยเฟย เธอบอกว่าเป็นเงินเท่าไหร่นะ ห้าหมื่นล้านงั้นเหรอ?”“ใช่แล้ว ห้าหมื่นล้าน หรือว่ามันยังไม่พอเหรอคะ?”“ถึงแม้ว่าจะไม่พอก็ไม่เป็นไร พี่เย่บอกเอาไว้แล้ว ว่าให้เอาเงินห้าหมื่นล้านนี้ไปใช้เล่น ๆ ก่อน หากยังไม่พอ เขาก็สามารถเพิ่มเงินลงทุนได้ทุกเมื่อเลยค่ะ” เฉินเฟยเฟยไม่ได้มีแนวคิดเกี่ยวกับการลงทุนมากนักตอนนั้นเธอเองก็ถูกตัวเลขที่เย่เทียนหยู่พูดทำให้ตกใจเช่นกัน แต่พี่เย่ก็บอกเอาไว้แล้วว่า เงินจำนวนนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะเขามีเงินที่ไม่ว่าจะใช้ยังไงก็ใช้ไม่หมดอยู่แล้วต่อให้เป็นแสนล้านเขาก็มี!ตัวเลขเหล่านั้น เธอแ