ในปัจจุบันสำหรับคนที่มีรถ BBA ที่มีมูลค่าหลายแสนก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เพราะจะไม่สะดุดตาเกินไปและประสบการณ์การขับขี่ก็ดีมากด้วยแต่เย่เทียนหยู่ก็เดินเข้ามาข้างในและเดินดูรถวนไปรอบๆ หลายนาที แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาคุยกับเขาเลยที่สำคัญคือมีสาวสวยสี่คนที่สวมเสื้อเชิ้ตและกระโปรงสั้นนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่ไม่ไกล เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเห็นเขาแล้ว แต่พวกเธอไม่ได้ลุกขึ้นไปทักทายอะไรกับเขาเลยเย่เทียนหยู่ได้แต่ส่ายหัวแล้วหันหลังกำลังจะจากไปแต่ในเวลานี้ ผู้หญิงร่างผอมเล็กน้อยที่มีใบหน้าสวยและตากลมโตเดินไปข้างหน้าของเขาอย่างรวดเร็วและถามอย่างประหม่า “สวัสดีค่ะ ท่านอยากจะซื้อรถไหมคะ?”“อืม”เย่เทียนหยู่พยักหน้าและมองดูอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง รู้สึกถึงความคุ้นเคยที่อธิบายไม่ถูกเมื่อสาวๆ หลายคนเห็นฉากนี้แล้ว พวกเธอต่างก็หัวเราะ“เฮ้ อินางเฉินนี่ช่างทำงานหนักมากเลยนะ แต่ก็น่าเสียดายนะ ถึงแม้จะทำงานหนักมากแค่ไหนมันก็เปล่าประโยชน์หรอกน่ะ”“ไร้สาระ ด้วยความสามารถแบบเธออ่ะนะ เธอสมควรที่จะขายรถสักคันไม่ได้ในช่วงเวลาครึ่งเดือนนี้แหละ”“ใช่ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าให้คนที่ไร้ประโยชน์อย่างมัน จะทำงานอยู่ที
พันเถาและคนอื่น ๆ ที่ได้ยินเช่นนั้นต่างก็ยืนตะลึงอยู่ตรงจุดนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ได้นำบัตรธนาคารของเขาออกมาแล้ว และต้องการชำระเงินในทันทีพอพันเถาตื่นตัวได้ จึงรีบลุกขึ้นทันทีและเทน้ำหนึ่งแก้วให้เขา เธอก้าวไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “สวัสดีคุณเย่ ฉันได้ยินว่าท่านต้องการซื้อ S680 เหรอคะ”“ใช่ครับ!”เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น“รสนิยมของท่านดีจริงๆเลยนะคะ ไม่ว่าท่านจะไปที่ไหน รถคันนี้ก็แสดงถึงความมั่งคั่งและฐานะที่สู้ง”“แต่เสี่ยวเฉินมาทำงานที่นี่ไม่ถึงครึ่งเดือน และเธอยังไม่คุ้นเคยความรู้เกี่ยวกับรถยนต์เลย สำหรับลูกค้าที่มีเกียรติอย่างท่าน ฉันเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย ฉันจะแนะนำให้ท่านด้วยตัวเองนะคะ”“ไม่ ผมแค่อยากให้คนนี้เป็นคนแนะนำให้ผมเองเท่านั้น”“แต่เธอคงแนะนำอะไรไม่ได้เลยนะคะ ที่สำคัญคือในฐานะผู้จัดการ ฉันมีสิทธิให้ส่วนลดอย่างมากมายแก่ลูกค้าได้ ฉันจะสามารถให้ราคาพิเศษที่สุดแก่ท่านได้นะคะ!”พันเถายื่นน้ำให้ในขณะที่เขาพูด และยังตั้งใจสัมผัสมือของเย่เทียนหยู่ด้วยเย่เทียนหยู่ยังไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเขาจึงหยิบแก้วน้ำแล้วพูดอย่างใจเย็น “ไม
“คุณแน่ใจว่าจะทำแบบนี้จริงๆเหรอ? ถ้าเกิดผมออกไปแล้ว อีกเดี๋ยวถ้าคุณเชิญผมเข้ามาอีกครั้ง ผมจะไม่เข้ามานะ” เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชา“ผมเชิญคุณเข้ามาอีกเหรอ คุณคิดว่าคุณเป็นใคร!”“ถ้าคุณไม่ออกไป ฉันจะให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาลากคุณออกไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ” พันเถาพูดเสริมขึ้นอีกด้วยแต่ประธานเกากลับตกใจเล็กน้อย เมื่อมองไปที่เย่เทียนหยู่ จึงเห็นบัตรในมือของเขา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทำไมมันถึงดูเหมือนเป็นแบล็กการ์ดมังกรดำที่เคยเห็นในรูปถ่าย แต่เขาก็ยังไม่เคยเจอของจริงเลยสักครั้ง“เดี๋ยวก่อน!”เมื่อเห็นเย่เทียนหยู่หันหลังกลับและจะเดินออกไป ประธานเกาจึงพูดอย่างสุภาพ “ท่านครับ ผมขอดูบัตรในมือของท่านหน่อยได้ไหมครับ”ทุกคนเริ่มตกใจเล็กน้อยกับคำพูดที่เปลี่ยนไปของประธานเกา และเย่เทียนหยู่ก็โยนบัตรนั้นออกไปให้เขาซื่งทำให้ประธานเกาตกใจ และรีบตระครุบมันไว้ หลังจากพิจจารณามันอย่างระมัดระวัง มันช่างเหมือนกันเป๊ะเลย เมื่อคิดได้ดังนั้น สีหน้าของเขาก็เริ่มซีดลง และเขารีบพูดขึ้นว่า “ท่านครับ กรุณารอสักครู่นะครับ!”ขณะที่เขาพูดเขาก็รีบจากไปอย่างรวดเร็วคนอื่นๆต่างก็ตกตะลึง และเริ่มสับสน
พันเถาเห็นว่าประธานเกาที่สามารถขอความเมตตาได้ทันทีที่เขาคุกเข่าลง ขนาดประธานเกาที่เป็นผู้ชาย และคนอย่างประธานเกาที่มีฐานะสูงก็ยังคุกเข่าลงได้เลยเธอจึงรีบคุกเข่าลงตรงหน้าเย่เทียนหยู่ทันที “คุณเย่ ฉันก็สำนึกผิดแล้วค่ะ เป็นเพราะเมื่อกี้ฉันไม่รู้ความจริง ฉันกำลังมึนงง ฉันมันโง่เอง......”“รีบไสหัวไป!”เย่เทียนหยู่วาดขาเตะเธอออกไปจากตรงนั้น เขาขี้เกียจที่จะฟังเรื่องไร้สาระที่เสแสร้งของเธอต่อไปผู้หญิงคนอื่นๆ ต่างยืนหน้าซีดและนิ่งเงียบประธานเกาจึงพูดด้วยความโกรธ “พันเถา หยุดพูดได้แล้ว ทำไมไม่รีบไส่หัวออกไปเร็วๆล่ะ!”เมื่อได้ยินดังนั้น พวกผู้หญิงทุกคนก็รีบทำตามคำสั่ง รวมทั้งพันเถาด้วย“เดี๋ยวก่อน สาวคนนี้ไม่ได้ทำอะไรผิด” เย่เทียนหยู่ชี้ไปที่เฉินเข่อซินเมื่อได้ยินดังนั้น ประธานเกาก็รีบพูดว่า “งั้นเฉินเข่อซิน เธออยู่ต่อเถอะ”“ตอนที่คนอื่นต่างว่าร้ายผม มีเพียงเฉินเข่อซินเท่านั้นที่ก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อแนะนำรถให้ผม ผมจึงคิดว่าเธอเป็นคนดี”เมื่อประธานเกาได้ยินเช่นนี้ เขาเข้าใจทันที คนนี้อาจชอบเฉินเข่อซินก็ได้และพูดอย่างรวดเร็ว “เฉินเข่อซินเป็นคนดีมากจริงๆครับ ไม่เพียงแต่เธอสวยเท่านั
และทุกอย่างประธานเกาก็จะจัดการให้เขาอย่างรวดเร็วเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเย่เทียนหยู่ก็ออกไปจากที่นี่ เมื่อเวลาประมาณ 1 ทุ่ม เขาก็ขับรถคันใหม่ไปยังจุดหมายปลายทางที่ได้รับจากคุณปู่เจียงเขาอดไม่ได้ที่จะแอบประหลาดใจเมื่อเห็นรถหรูจอดอยู่ในรอบบริเวณนี้ดูเหมือนว่าคนที่มาครั้งนี้ไม่ใช่คนธรรมดา ดูเหมือนมันจะเป็นงานศิลปะชั้นสูงเลยทีเดียวเมื่อเขาเดินมาถึงประตู และเย่เทียนหยู่กำลังจะเข้าไปข้างใน แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนหยุดเขาไว้ตรงประตูนั้น“สวัสดีครับ กรุณาแสดงจดหมายเชิญของคุณให้ผมดูหน่อยนะครับ!”เย่เทียนหยู่ตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็ไหนคุณปู่เจียงบอกว่าให้เขามาได้เลยไง เขาเลยถามว่า “ต้องมีจดหมายเชิญถึงจะเข้าไปดูคอนเสิร์ตได้หรือ”ในเวลานี้ มีผู้ชายและผู้หญิงจำนวนมากที่ใส่ชุดหรูหราเดินผ่านไป และพวกเขาก็ได้ยินคำพูดของเเย่เทียนหยู่ และดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม“หนุ่มน้อย สถานที่บางแห่งไม่ใช่ใครจะเข้าก็เข้าได้นะ”พวกเขาหยิบจดหมายเชิญออกมาและเดินเข้าไปข้างในโดยไม่พูดอะไรเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ได้ดูเย่อหยิ่งนัก เขาแค่ยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ครับ ทุกค
“นาย!”“ฉันล่ะนับถือนายจริง ๆ เลย!”เมื่อได้ยินว่าเขาไม่มีจดหมายเชิญ หลินหว่านหรูก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกไม่มีคำเชิญจะมาที่นี่ให้ขายหน้าคนอื่นเขาทำไม เธอคิดพร้อมกับควานหาบัตรเชิญด้วยความรียร้อน “พี่รปภ.คะ ฉันมีคำเชิญอยู่ค่ะ ฉันพาเขาเข้าไปด้วยได้ไหมคะ?”“ไม่ได้ บัตรเชิญหนึ่งใบต่อหนึ่งคนเท่านั้น” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยส่ายหน้า“นี้……”หลินหว่านหรูสังเกตเห็นว่าทุกคนรอบตัวเธอมองเย่เทียนหยู่ด้วยสายตาเยาะเย้ย เธอลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “นายน้อยหลิวเข้าไปก่อนเถอะค่ะ ไว้อีกพักฉันจะตามไป”“เย่เทียนหยู่ นายมากับฉัน!”เธอต้องพาเย่เทียนหยู่ออกไปก่อน“จะไปไหนครับ?” เย่เทียนหยู่ถามด้วยความงุนงง“นายคิดว่าไงล่ะ?”หลินหว่านหรูพูดอะไรไม่ออก เธอแค่อยากจะพาเขาออกมากจากตรงนั้นก่อน เขาไม่รู้เลยเหรอว่าตัวเองกำลังถูกคนอื่นบ่นอุบอิบใส่?“ผมไม่รู้นี่ครับ”“หยุดพูดไร้สาระแล้วมากับฉันซะ!”หลินหว่านหรูหงุดหงิดมากแต่แล้วในตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ ก็ได้ยินหลินหว่านหรูเรียกชื่อเขาว่าเย่เทียนหยู่ แรกเริ่มเดิมทีเขาไม่ทันได้ตอบสนอง แต่หลังจากที่เขาเริ่มคิดออกเขาก็รีบเข้าไปพูดด้วยทันที “
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องโน้มตัวไปทางขวาพร้อมกับพูดว่า “น้องเย่ คิดไม่ถึงเลยนะว่านายจะเก่งขนาดนี้ ถึงได้ปะปนตัวเองเข้ามาในงานจนได้ แค่ไม่รู้ว่าคุณจะมีความรู้เรื่องเปียโนมากน้อยแค่ไหน แล้วฟังบรรเลงเปียโนออกหรือเปล่า?”“ก็ไม่มาก แต่ก็ไม่น้อยไปกว่าคุณแน่นอน” เย่เทียนหยู่มองออกว่าหลิวเจี๋ยกำลังหงุดหงิด จนแม้ต่อหน้าหลินหว่านหรูเขาก็ยังเริ่มแสดงกิริยาเสียดสีออกมาหลิวเจี๋ยรู้สึกอึดอัดใจมาก เพราะเขาก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเปียโนจริง ๆ“อย่างนายน่ะเหรอ เลิกอวดดีได้แล้ว”“ไม่ได้อวดดี ก็ผมพอจะรู้อยู่บ้างจริง ๆ” เย่เทียนหยู่พูดพร้อมส่งยิ้ม“ถ้าอย่างนั้นขอผมทดสอบนายหน่อย”“งั้นก็อย่าดีกว่า เพราะผมไม่ชอบถูกคนอื่นทดสอบ” เย่เทียนหยู่ปฏิเสธทันทีหลินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะกลอกตาไปที่เย่เทียนหยู่ นี่เขาคุยโวอีกแล้วเหรอแถมยังถูกมองออกว่าคุยโวแทบจะในทันทีเลยด้วยแต่ไม่รู้ว่าทำไม พอเธอได้อยู่กับเขา เธอกลับรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเสมอ รู้สึกเหมือนกับตัวเธอได้เป็นตัวของตัวเองอย่างอิสระต่างจากการได้อยู่กับหลิวเจี๋ย ที่เธอเป็นคนควบคุมตัวเอง แล้วยังรู้สึกกังวลนั่นนี่อยู่เสมอความรู้สึกแบบนั้น หลิวเจี๋ยเ
แม้ว่าหลิวเจี๋ยจะไม่เข้าใจเปียโน แต่เขาเข้าใจอารมณ์ของมนุษย์โลกมากกว่า ดังนั้น เขาจึงมีความมั่นใจที่จะมุ่งเป้าตั้งคำถามจากการวิเคราะห์ของเขา การจะเป็นคนแรกที่ได้เข้าร่วมงานแสดงดังกล่าวและเป็นตัวแทนของอาณาจักรมังกร เขาจะต้องเป็นนักเปียโนที่เก่งเป็นพิเศษและต้องเล่นได้ดีมากหรือนี่เขาไม่เห็นทุกคนปรบมือเหรอ?“โง่เง่า!”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าและไม่ได้อธิบาย เพียงแต่พูดสองคำนี้ออกมามันหลิวเจี๋ยรู้สึกอึดอัดเป็นพิเศษหลินหว่านหรูทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอจึงดุ “เย่เทียนหยู่ อย่าพูดหยาบคายได้ไหม”“ช่างเถอะ เขาอาจจะแกล้งทำเป็นรู้วิธีเล่นเปียโนหลังจากที่ผมเปิดโปงเขาไปเมื่อกี้ ก็เลยใช้วิธียั่วยุเพื่อเบี่ยงเบนความอับอาย นี่ก็เป็นปฏิกิริยาทั่วไปของคนทั่วไป”หลิวเจี๋ยทำเป็นพูดดี แน่นอนว่าบางคนเป็นแบบนั้นจริง ที่ตัวเองทำเรื่องชั่วไว้ แต่อยากใช้ความโกรธและวิธีการอื่นเพื่อปกปิดปัญหาแต่หลินหว่านหรูฟังแล้วก็แอบตกตะลึง ก่อนที่เธอจะมองไปที่หลิวเจี๋ยอย่างสายตาว่างเปล่าเห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดนั้นถูกต้อง ว่าเขาแค่แสร้งทำเป็นเข้าใจ“หว่านหรู อย่ามองผมแบบนั้นสิ แม้ว่าน้องเย่จะมุ่งเป้าชอบมุ่งเป
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก
หลังจากวางสาย เย่เทียนหยู่ก็เดินทางไปยังบ้านพักของตระกูลหยางและแจ้งให้หยางเฉียนเฉียนทราบด้วยตัวเองว่าปัญหาแก้ไขแล้ว หรือให้พูดตามตรงก็คือ เขาไม่อยากทำให้เธอต้องเสียใจวินาทีแรกที่หยางเฉียนเฉียนได้ยิน เธอก็ยินยอมรับปากเย่เทียนหยู่ สำหรับเธอขอแค่พี่เย่มีความสุขเธอก็มีความสุขต่อมาแม้เธอจะผิดหวังอยู่บ้าง ที่สุดท้ายเธอไม่ได้ลงเอยกับพี่เย่ แต่อย่างน้อยเธอก็ได้จัดงานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบกับเขา และยังได้รับใบทะเบียนสมรสกับเขาด้วยหยางต้าฝูดูหดหู่มากกว่า เขาได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นดูเหมือนว่า ความมั่งคั่งมหาศาลนั่น จะไม่ใช่ของตระกูลหยางของพวกเขาหลังจากจัดการเรื่องนี้แล้ว เย่เทียนหยู่ก็ขับรถกลับไปที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งแต่ทันทีที่เขามาถึงหน้าประตู เขาก็พบแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองคนถูกเขาลงโทษไปแล้ว เจ้าโง่นั่นก็ไม่ยอมแพ้แถมยังตามเขามาถึงที่นี่ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาคงไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกใช่มั้ย!เดี๋ยวก่อน หลิวเมิ่งก็อยู่ที่นี่ด้วย แม้ว่าจะน่ารำคาญเล็กน้อย แต่เธอกับหว่านหรูก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันพวกเขาทั้งสองเห็นเย่เทียนหยู่แล้วรีบรุดหน้ามาทันที
ใบหน้าของหลินหว่านหรูแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีเล็กน้อย เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืน เธอรู้สึกถึงความปรารถนาที่อธิบายไม่ได้ในใจ“เฮ้ คุณบอกว่าคุณต้องการมันมากใช่ไหม” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ดี เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากแก้ไขปัญหานี้ไม่อย่างนั้น เขารู้สึกจริง ๆ ว่าเขาเป็นหนี้หยางเฉียนเฉียนมากจนเขาไม่รู้ว่าจะเผชิญมันยังไง ในอนาคต“อะไรนะ ฉันจะมีอารมณ์คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง” ในเวลานี้ หลินหว่านหรูรู้สึกเหนื่อยมากเมื่อเธอคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น ตระกูลสวี่มาที่นี่หรือเปล่า” เย่เทียนหยู่ถาม ปัจจุบัน ตระกูลหลินควรจะมีเพียงธุรกิจของ หลินจื่อตงเท่านั้น“นั่นไม่เป็นความจริง แต่ตระกูลสวี่และตระกูลซุนตกลงกันว่าพ่อแม่ทั้งสองจะหมั้นกันในวันพรุ่งนี้ เราจะรอจนกว่าจะเลือกวันอันเป็นมงคลอื่นก่อนจึงจะจัดงานแต่งงานอย่างเป็นทางการ”“แล้วจื่อตงก็เริ่มวิตกกังวล พรุ่งนี้เขาต้องไปเยี่ยมตระกูลสวี่เขาบอกว่าแม้ว่าเขาจะตาย เขาก็จะไม่ปล่อยให้สวี่เจียเจียหมั้นหมายกับตระกูลซุนเลย” หลินหว่านหรูกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ในความเป็นจริง เขารู้สึกว่าทั้งสองฝ่ายเพิ่งหมั้นกันและ
หลินหว่านหรูขมวดคิ้วทันที มาจนถึงตอนนี้แล้วทำไมแม่เธอยังไม่ได้สติอีก ถ้าแม่เธอยังเป็นอยู่แบบนี้ ต่อให้เย่เทียนหยู่กลับมา จะช้าเร็วก็คงเกิดปัญหาอยู่ดีเมื่อแม่ตระกูลหลินเห็นหน้าตาของลูกสาว เธอก็รำคาญทันที “สายตาอะไรของลูกฮะ หรือแกจะทนดูน้องชายตัวเองตายไปทั้งแบบนี้รึไง”คุณปู่ตระกูลหลินเองก็รีบ “หว่านหรู ไม่ว่ายังไงก็ น้องก็คอยสนับสนุนหลานมาโดยตลอด หลานต้องช่วยเขานะ”“ใช่ หว่านหรู ลูกต้องช่วยจื่อตงนะ” หลินหงรีบพูดเสริมหลินจื่อตงเปิดปาก เขาไม่ต้องการรบกวนพี่สาว เพราะมีหลายเรื่องเกิดขึ้นในช่วงนี้ แถมความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลกับพี่เขยก็จบลงไปแล้วแต่เขาไม่อยากเสียสวี่เจียเจียไปเลยจริง ๆเมื่อมองดูสายตาของคนในตระกูล หลินหว่านหรูรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งและพูดว่า “คิดว่าหนูจะไม่ช่วยจื่อตงเหรอคะ”คุณปู่ตระกูลหลินดูไม่ค่อยดีนัก แต่หลินจื่อตงก็พูดทันที “พี่ อย่าฟังคุณปู่กับทุกคนเลยครับ ผมเชื่อพี่อยู่แล้ว ถ้าพี่ไม่สะดวกจริง ๆ ผมจะไปเองครับ”“นายก็ยังไม่เชื่อพี่อยู่ดี”หลินหว่านหรูโกรธ เธอหันหลังกลับและเดินกลับห้องด้วยความโมโหคุณปู่ตระกูลหลินและคนอื่นๆ ที่ถูกทิ้งไว้ มองหน้ากันอย่างไม่เช
“แต่เธอจะมาที่นี่เร็วๆ นี้”“โอเค ถ้างั้นผมจะรอ”ตอนนี้ ขอแค่แม่ของเขาสบายดีแล้ว เย่เทียนหยู่ก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น แต่เขากังวลว่าตอนนี้แม่ของเขาเป็นอิสระแล้วจริง ๆ หรือเปล่า“ผมขอยืนยันอีกที พวกคุณไม่ขอให้ผมจดทะเบียนกับหยางเฉียนเฉียนแล้วใช่มั้ย” เย่เทียนหยู่ถามย้ำ“ใช่!”“โอเค ถ้างั้นผมไปละ!”เย่เทียนหยู่จากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ แม้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาจะมีเสน่ห์มากและดูเหมือนเธอจะไม่ได้ต่อต้านการการลุกล้ำของเขาเลยด้วยซ้ำจูเก่อหลิวหลีตกอยู่ในอาการมึนงง นี่เขา ออกไปแล้วเหรอตัวเธอมีเสน่ห์ไม่พอเลยหรือไงนี่เป็นครั้งแรกที่เธอสงสัยในความสวยของตัวเอง!เธอรู้สึกมาโดยตลอดว่าถ้าเธอเต็มใจ ก็คงไม่มีใครต้านทานเสน่ห์ของเธอได้ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่ โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น ท่านผู้หญิงของเธอโทรมา“ท่านผู้หญิง ฉันขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน” จูเก่อหลิวหลีรับสายและพูดทันที“ไม่เป็นไร!”“ฉันเพิ่งรู้ว่าเทียนหยู่ได้รับพลังลมปราณซวนหมิงของหยางเฉียนเฉียนมาแล้ว เพราะงั้นเขาจะอยู่กับหยางเฉียนเฉียนหรือไม่ก็ไม่สำคัญ”ท่านผู้หญิงตอบ“พลังลมปราณซวนหมิงนั่นคืออะไรคะ” จูเก่อหลิวหลีไม่เคยรู้
“ฉัน…”จูเก่อหลิวหลีเกือบจะหลุเบอกความจริง แต่เมื่อนึกถึงคำเตือนของท่านผู้หญิง ที่ว่าห้ามให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับการเข้าพักของท่านผู้หญิงในเมืองเทียนไห่เด็ดขาดเธอไม่สนใจอะไรอีกต่อไปและพูดว่า “คุณไม่เชื่อฉันก็หมดหนทางจะพูด อยากทำอะไรก็ทำเถอะ”“พูดจริงเหรอ ถึงผมจะไม่ชอบคุณ แต่ด้วยความสวยของคุณ คนรอบตัวผม…”“กล้าเหรอ!”จูเก่อหลิวหลีรู้สึกอับอาย แต่เสียใจมากกว่า เธอขัดจังหวะและพูดด้วยความโกรธ “ถ้าคุณกล้าทำแบบนั้น ฉันจะไม่ปล่อยคุณไปแน่ ต่อให้ฉันต้องตายไปเป็นผีก็ตาม!”ขณะที่เธอพูดน้ำตาของเธอก็ไหลไม่หยุดคราวนี้ ทำเอาเย่เทียนหยู่รู้สึกสับสนโดยเฉพาะตอนที่เห็นอีกฝ่ายทั้งเสียใจและโกรธมากจนน่าสงสาร เขาก็รู้สึกสงสารเขาเหมือนเป็นคนเลวทรามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายน่าสงสารเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งว่าเขาน่าสงสารเพียงใด เย่เทียนหยู่ก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวใด ๆ ได้และพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ก็ได้ ถ้าคุณไม่พูดก็ช่างมันเถอะ แต่ในเมื่อคุณเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ ตอนนี้คุณคงยอมปล่อยเรื่องนี้ไปได้แล้วใช่มั้ย”ถึงยังไงมันไม่ก่ออันตรายใด ๆ กับเขา หากปัญหานี้ได้รับการแก้ไข และเขาไม่ตามเอาความทุกอย่างก็จบจ
จูเก่อหลิวหลีตกใจมาก นายน้อยคนนี้เก่งเชื่อมโยงเกินไปแล้ว อุตส่าห์เดาถูกเสียหมด แต่เธอรีบตอบทันทีว่า “เธอเป็นแค่หุ้นส่วนของฉัน คุณคงไม่คิดว่าเธอเป็นแม่ของคุณหรอกนะคะ”“คุณคิดมากไป ถ้าเธอเป็นแม่ของคุณจริง ๆ เธอคงออกมาพบคุณนานแล้ว”“ก็ใช่นะ”เย่เทียนหยู่พยักหน้าเห็นด้วย แต่เขาก็พูดต่อทันที “แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนั้นหรอก ตามที่คุณพูด แม่ของผมยังมีชีวิตอยู่ แต่เธอไม่มาเจอผมด้วยตัวเองเลย บางทีเธออาจมีเหตุผลบางอย่าง”“…”จูเก่อหลิวหลียิ้มอย่างขมขื่น นายน้อยคนนี้สมองเร็วเสียจรงิ “ถ้าคุณอยากจะคิดแบบนั้นก็ตามใจ” เธอตอบอย่างเป็นหลาง“เอาล่ะ ถ้างั้น ผมขอถามคุณ ว่าตอนนี้แม่ของผมเป็นยังไงบ้าง”“ไม่ต้องห่วง เธอสบายดี เธอแค่ยุ่งอยู่กับเรื่องใหญ่ เมื่อเสร็จแล้ว เธอจะมาที่เมืองเทียนไห่เพื่อตามหาคุณเอง”“จริงเหรอ” เย่เทียนหยู่รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ไม่มีข่าวเกี่ยวกับแม่ของเขา ตอนนี้เขารู้ว่าเธอปลอดภัย เขาก็ย่อมมีความสุข“จริงแท้แน่นอนค่ะ”“คุณคือคนที่คอยจัดการให้ผมหย่ากับหลินหว่านหรูแล้วแต่งงานกับหยางเฉียนเฉียนเหรอ” เย่เทียนหยู่ถาม“ถูกต้อง!”จูเก่อหลิวหลียืนยัน“เพร
“ถ้าคุณจูเก่อชอบก็ทำตามที่ชอบเถอะครับ!” เย่เทียนหยู่กล่าวเสียงเรียบจูเก่อหลิวหลีเริ่มโกรธเล็กน้อยและพูดว่า “คุณเย่ คุณต้องการอะไร”“บอกผมมา ผู้หญิงที่อยู่กับคุณคือใคร ทำไมคุณถึงไม่อยากให้ฉันอยู่กับ หลินหว่านหรูและอยากให้ฉันแต่งงานกับหยางเฉียนเฉียน” เย่เทียนหยู่กล่าว“ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร!”“ดูเหมือนว่าคุณจะหลั่งน้ำตาไม่ได้จริง ๆ จนกว่าคุณจะเห็นโลงศพ” เย่เทียนหยู่รู้สึกหงุดหงิด ลุกขึ้นยืนตรง ก้าวไปข้างหน้า และจู่ๆ ก็ดึงจูเก่อหลิวหลีตรงหน้าเขาจูเก่อหลิวหลีสะดุ้ง และสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย“คุณ คุณจะทำอะไร”“ทำอะไรเหรอ คุณคิดว่าผู้ชายจะทำยังไง เวลาเผชิญหน้ากับผู้หญิงสวยแบบคุณน่ะ” เย่เทียนหยู่พูดอย่างจงใจแต่เมื่อเขาหรี่ตาลง เขาเห็นจูเก่อหลิวหลีสีขาวจาง ๆ ซึ่งสูงและสมบูรณ์แบบมากจนแทบจะกระโดดออกจากผ้าเช็ดตัวผิวโดยรอบเป็นสีขาวพราว และดวงตากลมโตที่สดใสเหล่านั้นปรากฏให้เห็นอารมณ์แสนซับซ้อน รวมถึงความเขินอาย ความกังวลใจ และแม้แต่ความหลงใหลเย่เทียนหยู่ไม่สามารถจัดการมันได้ในทันทีทั้งที่ถูกเขารุกขนาดนี้แล้ว แต่เธอยังมองเขาด้วยสายตาร้อนแรงแบบนั้นหมายความว่ายังไงจู
เธอพยักหน้าทันทีและพูดว่า “ค่ะ ท่านผู้หญิง ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้อีกแม้แต่คำเดียว”“ลองดูสถานการณ์ก่อนเถอะ”“พวกเขาไม่ใช่ศัตรู เธอสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง คำขอเดียวคืออย่าให้เขารู้ว่าฉันอยู่ในเมืองเทียนไห่”อีกฝ่ายทิ้งคำพูดไว้ แล้วรีบเก็บข้าวของพอประมาณ ก่อนจะออกจากโรงแรมไปพร้อมกับคนของเธอเธอเดินเร็วมากและไม่แม้แต่จะใช้ลิฟต์ แต่เลือกใช้บันไดเพื่อเลี่ยงกล่องวงจรปิดทั้งหมด และเดินย่างไร้เสียงทันทีที่เธอออกจากรถ รถของเย่เทียนหยู่ก็เข้ามาใกล้ เขาได้สอบถามและรู้ว่าจูเก่อหลิวหลีอาศัยอยู่ในห้องไหน เขาจึงเดินเข้าไปเมื่อมาถึงหน้าประตูห้องของจูเก่อหลิวหลีเขาก็เคาะเบา ๆจูเก่อหลิวหลีเปิดประตูเย่เทียนหยู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเพราะในเวลานี้ จูเก่อหลิวหลีเพิ่งอาบน้ำเสร็จ และเธอยังสวมเสื้อคลุมอาบน้ำอยู่ ขาของเธอเรียวยาว ใบหน้างดงามราวดอกบัวที่เพิ่งบานทำให้หัวใจของคนที่เห็นเต้นผิดจังหวะผิวพรรณที่เผยออกมาเล็กน้อยของเธอขาวโดดเด่น ทำให้ใครเห็นก็ไม่อาจกระพริบตา“คุณเย่เหรอคะ” จูเก่อหลิวหลีพูดด้วยสีหน้าประหลาดใจ“ผมเอง คุณจูเก่อจะนอนแล้วเหรอ”“ใช่ คุณเย่ เจอที่นี่ได้ยังไ