“คุณแน่ใจว่าจะทำแบบนี้จริงๆเหรอ? ถ้าเกิดผมออกไปแล้ว อีกเดี๋ยวถ้าคุณเชิญผมเข้ามาอีกครั้ง ผมจะไม่เข้ามานะ” เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชา“ผมเชิญคุณเข้ามาอีกเหรอ คุณคิดว่าคุณเป็นใคร!”“ถ้าคุณไม่ออกไป ฉันจะให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาลากคุณออกไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ” พันเถาพูดเสริมขึ้นอีกด้วยแต่ประธานเกากลับตกใจเล็กน้อย เมื่อมองไปที่เย่เทียนหยู่ จึงเห็นบัตรในมือของเขา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทำไมมันถึงดูเหมือนเป็นแบล็กการ์ดมังกรดำที่เคยเห็นในรูปถ่าย แต่เขาก็ยังไม่เคยเจอของจริงเลยสักครั้ง“เดี๋ยวก่อน!”เมื่อเห็นเย่เทียนหยู่หันหลังกลับและจะเดินออกไป ประธานเกาจึงพูดอย่างสุภาพ “ท่านครับ ผมขอดูบัตรในมือของท่านหน่อยได้ไหมครับ”ทุกคนเริ่มตกใจเล็กน้อยกับคำพูดที่เปลี่ยนไปของประธานเกา และเย่เทียนหยู่ก็โยนบัตรนั้นออกไปให้เขาซื่งทำให้ประธานเกาตกใจ และรีบตระครุบมันไว้ หลังจากพิจจารณามันอย่างระมัดระวัง มันช่างเหมือนกันเป๊ะเลย เมื่อคิดได้ดังนั้น สีหน้าของเขาก็เริ่มซีดลง และเขารีบพูดขึ้นว่า “ท่านครับ กรุณารอสักครู่นะครับ!”ขณะที่เขาพูดเขาก็รีบจากไปอย่างรวดเร็วคนอื่นๆต่างก็ตกตะลึง และเริ่มสับสน
พันเถาเห็นว่าประธานเกาที่สามารถขอความเมตตาได้ทันทีที่เขาคุกเข่าลง ขนาดประธานเกาที่เป็นผู้ชาย และคนอย่างประธานเกาที่มีฐานะสูงก็ยังคุกเข่าลงได้เลยเธอจึงรีบคุกเข่าลงตรงหน้าเย่เทียนหยู่ทันที “คุณเย่ ฉันก็สำนึกผิดแล้วค่ะ เป็นเพราะเมื่อกี้ฉันไม่รู้ความจริง ฉันกำลังมึนงง ฉันมันโง่เอง......”“รีบไสหัวไป!”เย่เทียนหยู่วาดขาเตะเธอออกไปจากตรงนั้น เขาขี้เกียจที่จะฟังเรื่องไร้สาระที่เสแสร้งของเธอต่อไปผู้หญิงคนอื่นๆ ต่างยืนหน้าซีดและนิ่งเงียบประธานเกาจึงพูดด้วยความโกรธ “พันเถา หยุดพูดได้แล้ว ทำไมไม่รีบไส่หัวออกไปเร็วๆล่ะ!”เมื่อได้ยินดังนั้น พวกผู้หญิงทุกคนก็รีบทำตามคำสั่ง รวมทั้งพันเถาด้วย“เดี๋ยวก่อน สาวคนนี้ไม่ได้ทำอะไรผิด” เย่เทียนหยู่ชี้ไปที่เฉินเข่อซินเมื่อได้ยินดังนั้น ประธานเกาก็รีบพูดว่า “งั้นเฉินเข่อซิน เธออยู่ต่อเถอะ”“ตอนที่คนอื่นต่างว่าร้ายผม มีเพียงเฉินเข่อซินเท่านั้นที่ก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อแนะนำรถให้ผม ผมจึงคิดว่าเธอเป็นคนดี”เมื่อประธานเกาได้ยินเช่นนี้ เขาเข้าใจทันที คนนี้อาจชอบเฉินเข่อซินก็ได้และพูดอย่างรวดเร็ว “เฉินเข่อซินเป็นคนดีมากจริงๆครับ ไม่เพียงแต่เธอสวยเท่านั
และทุกอย่างประธานเกาก็จะจัดการให้เขาอย่างรวดเร็วเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเย่เทียนหยู่ก็ออกไปจากที่นี่ เมื่อเวลาประมาณ 1 ทุ่ม เขาก็ขับรถคันใหม่ไปยังจุดหมายปลายทางที่ได้รับจากคุณปู่เจียงเขาอดไม่ได้ที่จะแอบประหลาดใจเมื่อเห็นรถหรูจอดอยู่ในรอบบริเวณนี้ดูเหมือนว่าคนที่มาครั้งนี้ไม่ใช่คนธรรมดา ดูเหมือนมันจะเป็นงานศิลปะชั้นสูงเลยทีเดียวเมื่อเขาเดินมาถึงประตู และเย่เทียนหยู่กำลังจะเข้าไปข้างใน แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนหยุดเขาไว้ตรงประตูนั้น“สวัสดีครับ กรุณาแสดงจดหมายเชิญของคุณให้ผมดูหน่อยนะครับ!”เย่เทียนหยู่ตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็ไหนคุณปู่เจียงบอกว่าให้เขามาได้เลยไง เขาเลยถามว่า “ต้องมีจดหมายเชิญถึงจะเข้าไปดูคอนเสิร์ตได้หรือ”ในเวลานี้ มีผู้ชายและผู้หญิงจำนวนมากที่ใส่ชุดหรูหราเดินผ่านไป และพวกเขาก็ได้ยินคำพูดของเเย่เทียนหยู่ และดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม“หนุ่มน้อย สถานที่บางแห่งไม่ใช่ใครจะเข้าก็เข้าได้นะ”พวกเขาหยิบจดหมายเชิญออกมาและเดินเข้าไปข้างในโดยไม่พูดอะไรเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ได้ดูเย่อหยิ่งนัก เขาแค่ยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ครับ ทุกค
“นาย!”“ฉันล่ะนับถือนายจริง ๆ เลย!”เมื่อได้ยินว่าเขาไม่มีจดหมายเชิญ หลินหว่านหรูก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกไม่มีคำเชิญจะมาที่นี่ให้ขายหน้าคนอื่นเขาทำไม เธอคิดพร้อมกับควานหาบัตรเชิญด้วยความรียร้อน “พี่รปภ.คะ ฉันมีคำเชิญอยู่ค่ะ ฉันพาเขาเข้าไปด้วยได้ไหมคะ?”“ไม่ได้ บัตรเชิญหนึ่งใบต่อหนึ่งคนเท่านั้น” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยส่ายหน้า“นี้……”หลินหว่านหรูสังเกตเห็นว่าทุกคนรอบตัวเธอมองเย่เทียนหยู่ด้วยสายตาเยาะเย้ย เธอลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “นายน้อยหลิวเข้าไปก่อนเถอะค่ะ ไว้อีกพักฉันจะตามไป”“เย่เทียนหยู่ นายมากับฉัน!”เธอต้องพาเย่เทียนหยู่ออกไปก่อน“จะไปไหนครับ?” เย่เทียนหยู่ถามด้วยความงุนงง“นายคิดว่าไงล่ะ?”หลินหว่านหรูพูดอะไรไม่ออก เธอแค่อยากจะพาเขาออกมากจากตรงนั้นก่อน เขาไม่รู้เลยเหรอว่าตัวเองกำลังถูกคนอื่นบ่นอุบอิบใส่?“ผมไม่รู้นี่ครับ”“หยุดพูดไร้สาระแล้วมากับฉันซะ!”หลินหว่านหรูหงุดหงิดมากแต่แล้วในตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ ก็ได้ยินหลินหว่านหรูเรียกชื่อเขาว่าเย่เทียนหยู่ แรกเริ่มเดิมทีเขาไม่ทันได้ตอบสนอง แต่หลังจากที่เขาเริ่มคิดออกเขาก็รีบเข้าไปพูดด้วยทันที “
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องโน้มตัวไปทางขวาพร้อมกับพูดว่า “น้องเย่ คิดไม่ถึงเลยนะว่านายจะเก่งขนาดนี้ ถึงได้ปะปนตัวเองเข้ามาในงานจนได้ แค่ไม่รู้ว่าคุณจะมีความรู้เรื่องเปียโนมากน้อยแค่ไหน แล้วฟังบรรเลงเปียโนออกหรือเปล่า?”“ก็ไม่มาก แต่ก็ไม่น้อยไปกว่าคุณแน่นอน” เย่เทียนหยู่มองออกว่าหลิวเจี๋ยกำลังหงุดหงิด จนแม้ต่อหน้าหลินหว่านหรูเขาก็ยังเริ่มแสดงกิริยาเสียดสีออกมาหลิวเจี๋ยรู้สึกอึดอัดใจมาก เพราะเขาก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเปียโนจริง ๆ“อย่างนายน่ะเหรอ เลิกอวดดีได้แล้ว”“ไม่ได้อวดดี ก็ผมพอจะรู้อยู่บ้างจริง ๆ” เย่เทียนหยู่พูดพร้อมส่งยิ้ม“ถ้าอย่างนั้นขอผมทดสอบนายหน่อย”“งั้นก็อย่าดีกว่า เพราะผมไม่ชอบถูกคนอื่นทดสอบ” เย่เทียนหยู่ปฏิเสธทันทีหลินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะกลอกตาไปที่เย่เทียนหยู่ นี่เขาคุยโวอีกแล้วเหรอแถมยังถูกมองออกว่าคุยโวแทบจะในทันทีเลยด้วยแต่ไม่รู้ว่าทำไม พอเธอได้อยู่กับเขา เธอกลับรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเสมอ รู้สึกเหมือนกับตัวเธอได้เป็นตัวของตัวเองอย่างอิสระต่างจากการได้อยู่กับหลิวเจี๋ย ที่เธอเป็นคนควบคุมตัวเอง แล้วยังรู้สึกกังวลนั่นนี่อยู่เสมอความรู้สึกแบบนั้น หลิวเจี๋ยเ
แม้ว่าหลิวเจี๋ยจะไม่เข้าใจเปียโน แต่เขาเข้าใจอารมณ์ของมนุษย์โลกมากกว่า ดังนั้น เขาจึงมีความมั่นใจที่จะมุ่งเป้าตั้งคำถามจากการวิเคราะห์ของเขา การจะเป็นคนแรกที่ได้เข้าร่วมงานแสดงดังกล่าวและเป็นตัวแทนของอาณาจักรมังกร เขาจะต้องเป็นนักเปียโนที่เก่งเป็นพิเศษและต้องเล่นได้ดีมากหรือนี่เขาไม่เห็นทุกคนปรบมือเหรอ?“โง่เง่า!”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าและไม่ได้อธิบาย เพียงแต่พูดสองคำนี้ออกมามันหลิวเจี๋ยรู้สึกอึดอัดเป็นพิเศษหลินหว่านหรูทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอจึงดุ “เย่เทียนหยู่ อย่าพูดหยาบคายได้ไหม”“ช่างเถอะ เขาอาจจะแกล้งทำเป็นรู้วิธีเล่นเปียโนหลังจากที่ผมเปิดโปงเขาไปเมื่อกี้ ก็เลยใช้วิธียั่วยุเพื่อเบี่ยงเบนความอับอาย นี่ก็เป็นปฏิกิริยาทั่วไปของคนทั่วไป”หลิวเจี๋ยทำเป็นพูดดี แน่นอนว่าบางคนเป็นแบบนั้นจริง ที่ตัวเองทำเรื่องชั่วไว้ แต่อยากใช้ความโกรธและวิธีการอื่นเพื่อปกปิดปัญหาแต่หลินหว่านหรูฟังแล้วก็แอบตกตะลึง ก่อนที่เธอจะมองไปที่หลิวเจี๋ยอย่างสายตาว่างเปล่าเห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดนั้นถูกต้อง ว่าเขาแค่แสร้งทำเป็นเข้าใจ“หว่านหรู อย่ามองผมแบบนั้นสิ แม้ว่าน้องเย่จะมุ่งเป้าชอบมุ่งเป
“ไม่เลย ไม่มีเลยสักคนเดียว!”“ดังนั้นในความคิดของผม บทดนเตรีบรรเลงเพลงเปียโนนี้ได้รับการสร้างสรรค์โดยพวกเรานักเปียโนชาวตะวันตก”“เพียงแต่ว่าผู้คนในอาณาจักรมังกรชอบมีหน้ามีตา ชอบคุยโวโอ้อวด ดังนั้น ก็เลยเปลี่ยนดนตรีของนักเปียโนตะวันตกของเราให้เป็นเพลงของพวกเขาเอง”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ประกาศออกมา ผู้ชมทั้งหมดก็ตกตะลึงทันที!ใครก็ตามที่รู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จะรู้ว่าเพลงนี้มาจากอาณาจักรมังกรโบราณ ถึงขั้นกับมีคำกล่าวว่าเป็นบทเพลงที่หาข้อพิสูจน์ได้ยากผู้คนมากมายจากอาณาจักรมังกรโกรธมาก ก่อนจะลุกขึ้นยืนและจ้องมองด้วยความไม่พอใจแม้แต่ความตื่นเต้นและความชอบของ หลินหว่านหรูในตอนแรกก็กลายเป็นความโกรธเธอเคยเห็นเขาในทีวีมาก่อน แต่เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะพูดคำที่น่าอับอายแบบนี้กับอาณาจักรมังกรตอนมาพบปะกันครั้งแรกเธอจะไม่มีวันชอบคนแบบนี้ ไม่ว่าความสามารถของเขาจะน่าทึ่งแค่ไหนก็ตามเย่เทียนหยู่แอบส่ายหน้า ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายควรได้รับบทเรียนจริง ๆ“ไอ้เวรนี่พูดจาไร้สาระ ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเพลงนี้สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของเรา”“ใช่ ต่อให้เขาจะเล่นได้ดีขนาดไหน แต่เขาไม่สามารถปฏิเสธข
หลินหว่านหรูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและตะโกนอย่างร้อนใจ “เย่เทียนหยู่ นายกำลังทำอะไรอยู่น่ะ!”คราวนี้เสียงของเธอออกจะดังเกินไปเล็กน้อยรวมกับที่เย่เทียนหยู่กำลังยืน ทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากในทันทีผู้ชมแต่ละคนต่างเริ่มพากันมองเย่เทียนหยู่ดูสงบและสงบ และพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่วยคุณระบายความโกรธ”“ช่วยฉันระบายความโกรธ?”“ใช่ พวกเขาไม่ได้ทำให้คุณโกรธมากเหรอ? ผมขึ้นไปตบหน้าพวกเขาเพื่อช่วยระบายความโกรธ”“อย่านะ นายอย่าเที่ยวไปชกใครมั่วซั่วสิ” เมื่อได้ยินแบบนั้นหลินหว่านหรูก็เริ่มกังวล และอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างร้อนใจ ในความรู้สึกของเธอ เย่เทียนหยู่มีหัวรุนแรงเป็นพิเศษ เขาอาจจะโจมตีได้ทันทีถ้าหากเขาไม่เห็นด้วย ที่สำคัญคือเขาไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรเย่เทียนหยู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมไม่ได้จะไปชกใครนะครับ ผมจะเอาความสามารถไปสู้ต่างหาก!”“ไม่ต้องห่วง แค่รอดูการแสดงสนุก ๆ ก็พอ”หลังจากพูดคำจบ เย่เทียนหยู่ก็ไม่สนใจหลินหว่านหรูอีกต่อไป ก่อนจะเดินสบาย ๆ ขึ้นไปบนเวที“นาย นายมันบ้าไปแล้ว!”หลินหว่านหรูได้แต่ยืนตกตะลึงจนไม่ทันได้หยุดเขาไว้ฉากเบื้องหน้านี้ทำให้ทุกคนตกใ
“ครับ เจ้านาย!”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ หยางผั่วจวินก็กลับไม่โต้แย้งเลยแม้แต่คำเดียว เขาเพียงก้มตัวและโน้มศีรษะด้วยท่าทีเคารพเท่านั้น ก่อนจะถอยกลับไปฉากนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อกี้ท่าทีของหยางผั่วจวินดูหยิ่งยโสอย่างมาก แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงเขาได้เลย แต่เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักหยู่ กลับแสดงท่าทีเคารพออกมาเสียอย่างนั้น ให้เกียรติมากถึงขั้นเรียกว่าเจ้านายเลยด้วยที่สำคัญเลยก็คือ ดูเหมือนว่าเขาจะทำเพราะความเต็มใจเสียด้วยซ้ำนี่จึงยิ่งทำให้ในใจของเจวี๋ยเทียนเกิดความมืดมนขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อลองนึกดูอีกที ต่อให้เจ้าตำหนักหยู่จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็คงไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขั้นนั้นแน่นอนเว้นเสียแต่ว่า เขาจะเลื่อนขั้นถึงระดับเทพยดาแดนดินแล้วแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในวัยแค่นี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้ส่วนหยางผั่วจวิน เจ้าเด็กนั่นมีร่างกายที่แปลกประหลาด เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงไม่อาจมองเขาเป็นแค่คนธรรมดาได้เพราะด้วยเหตุนี้ เจวี๋ยเทียนจึงคิดว่าเย่เทียนห
แต่สีหน้าของเจวี๋ยซินกลับเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาถึงขั้นยอมสละทุกอย่างออกไปจนหมดแล้วแท้ ๆ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยไม่มีกระทั่งบาดแผลเลยแม้แต่น้อย!เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกจากปาก ก่อนจะสลบไปในทันที“เจวี๋ยซิน!”เจวี๋ยเทียนตกใจมาก เขาจึงรีบตรวจสอบร่างกายของเขาโชคดี ที่มันเป็นแค่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาจนร่างกายอ่อนแอลงก็เท่านั้น ก่อนจะนำยาสองสามเม็ดให้เขากิน จากนั้นจึงเรียกให้ยอดฝีมือคนอื่นพาไปดูแลต่อเมื่อเห็นเจวี๋ยซินกำลังถูกยกลงไปจากสนาม แววตาของหยางผั่วจวินก็เป็นประกาย ก่อนจะพูดว่า “เจวี๋ยเทียน เจวี๋ยซินถูกฉันจัดการจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว มันกลายเป็นสวะไปแล้ว งั้นแกก็รีบขึ้นมาแก้แค้นแทนเขาเถอะ มาจัดการฉันซะสิ?”“......”คนอื่น ๆ ต่างก็หมดคำจะพูด หยางผั่วจวินคนนี้ต้องการจะทำให้เจวี๋ยเทียนโกรธจนตายเลยรึไง อวดดีเกินไปแล้วพวกเขาคิดแค่ว่าหยางผั่วจวินกำลังตั้งใจจะดูถูกเจวี๋ยเทียน แต่จริง ๆ แล้วหยางผั่วจวินแค่ต้องการต่อสู้เท่านั้นทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจวี๋ยเทียน เพื่อดูว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไรหากเขาปฏิเสธ นั่นก็เท่ากับ
เจวี๋ยซินส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ร่างกายของเขากลับมามีพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้ท่าทีของเขาดูเหมือนคนบ้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาแดงก่ำสีหน้าของหยางผั่วจวินดูมืดลง เขารู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วหลังจากท่านี้ถูกปล่อยออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแน่นอนตัวเขาเองก็ทำการรวบรวมกำลังภายในของตนด้วยเช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของชี่แท้ถูกหลอมรวมเอาไว้ที่หมัดทั้งสองข้างทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่ดีที่สุดทุกคนต่างจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากทำการปล่อยท่านี้ออกไป ผลแพ้ชนะของทั้งสองก็จะปรากฏออกมาแล้วเป็นอย่างที่คิด เวลาหลังจากนั้นผ่านไปเพียงชั่วขณะ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นซ้อนกันเป็นระยะ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบมีเพียงกระแสของกำลังภายในที่น่าทึ่งลอยเต็มไปหมดพื้นที่ทั้งหมดถูกฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพายุหมุนที่พัดผ่านไปมาทั้งสองคนติดอยู่ด้านในกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนผลกระทบที่เกิดจากพลังอันน
“สายเกินว่าที่แกจะเข้าไปขวางแล้วล่ะ”“ก็แล้วแต่แกจะคิด เสร็จรึยัง ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย” หยางผั่วจวินพูดด้วยความตื่นเต้น รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้าคือสาวงามที่หาใดเปรียบแทบอยากกระโจนเข้าไปกระชากเสื้อผ้าออกจนเกลี้ยงเขาแทบรอไม่ไหวแล้วจริง ๆคนอื่น ๆ ต่างมองฉากนี้ด้วยความงงงวย และหมดคำจะพูดไปโดยสิ้นเชิงบางครั้งพวกเขาก็อยากจะพูดออกไปว่า เจ้าเด็กนี่กำลังรนหาที่ตายอยู่รึไง ในตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดแบบนี้ แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าหมัดที่ทรงพลังนั้นได้ตอบคำถามทั้งหมดกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพวกเขาคิดผิด กระทั่งผิดจนไม่อาจให้อภัยได้เลยทีเดียวแต่คำพูดนี้ กลับทำให้เจวี๋ยซินโกรธจัดทันทีเห็นเพียงกำลังภายในของเจวี๋ยซินที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดที่น่ากลัว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ จ้องมองไปทางหยางผั่วจวินอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เจ้าหนู แกตายซะเถอะ!”หลังจากที่เขาพูดจบ เจวี๋ยซินก็พุ่งตรงเข้าหาหยางผั่วจวินทันที พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวจนน่าตกใจ“เข้ามาเลย!”หยางผั่วจวินเองก็ตรงเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรงเช่นกัน เมื่อเขาเห็นพลังที่เพิ
เมื่อเห็นว่าหยางผั่วจวินไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แถมยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก เจวี๋ยซินกลับแทบพังทลายอยู่รอมร่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอด จะให้ทนอับอายอยู่แบบนี้ได้อย่างไรเมื่อเจวี๋ยเทียนเห็นฉากนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแย่แล้ว! สถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ เกรงว่าเขาคงจะเปิดใช้เวทอาคมเป็นแน่ จะทำอย่างไรดีเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงแววตาแดงก่ำของเจวี๋ยซิน เขาบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “เวรเอ้ย ฉันไม่มีทางยอมแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกแน่!”ทันทีที่เขาพูดจบ มือขวาของเขาก็ยาเม็ดหนึ่งออดมา ก่อนจะกลืนมันลงไปทันทีสีหน้าเจวี๋ยเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีว่าเจวี๋ยซินคิดจะทำอะไรเขาต้องการที่จะหยุดยั้งเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยปาก เพราะนอกจากสิ่งนี้ ก็แทบจะไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกแล้วทุกคนต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ การที่เลือกกินยารักษาบาดแผลในเวลานี้ เกรงว่าคงจะไม่ช่วยอะไรมากนักแต่ในเวลาต่อมา เจวี๋ยซินก็ได้เริ่มทำการใช้วิชามารที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้อย่าง วิชามหาเวทสลายชีพจรทันที ผ่านไป
“เข้ามาเลย!”สีหน้าหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็เริ่มด้วยเช่นกันในชั่วพริบตา ทั้งสองต่างก็นำพาพลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ในเวลาอันสั้น ทั้งสองกลับมีการแลกกระบวนท่ากันไปแล้วกว่าสิบกระบวนท่าภายใต้การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ได้มีการปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ชมต้องตกตะลึงไปกับความตื่นตาตื่นใจทุกคนต่างจ้องมองการต่อสู้บนสนามโดยไม่ละสายตาหลัก ๆ แล้วการต่อสู้ของทั้งสองนั้นน่ากลัวและแข็งแกร่งมาก ทั้งชีวิตนี้ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นการต่อสู้แบบนี้อีกแล้วนอกจากนี้ พวกเขาต่างก็มีผู้สนับสนุนของตนเองเวลาผ่านไปนานพอสมควร ทั้งสองถึงได้แยกออกจากกันหลังจากการเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง หยางผั่วจวินหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดอย่างมีความสุขออกไปว่า “สะใจ นี่สิ ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้!”“คนเมื่อกี้ มารโลหิตอะไรนั่นก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นแหละ!”“......”ทุกคนที่กำลังตั้งใจดูการต่อสู้ จู่ ๆ พูดแบบนี้ขึ้นมา เสียมารยาทเกินไปไหมถ้าบอกว่ามารโลหิตคือขยะ เช่นนั้นพวกเราล่ะ?สีหน้าเจวี๋ยซินดูเคร่งเครียด แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เขาก็แทบจะใช
ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กันทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนพวกเขาไม่มีเวลาให้ได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำในเวลาอันสั้น เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ สถานการณ์ในสนามก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก มารโลหิตถูกสังหารในทันทีไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าหยางผั่วจวินจะลงมือได้อย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้ แถมยังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมอีกต่างหากบอกได้เลยว่า ในตอนนั้นมารโลหิตเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าตนจะต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้ในใจของตู๋เปียนฝูและบรรพจารย์หวงเฉวียนต่างก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน พลังของพวกเขาต่างจากมารโลหิตก็จริง กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพวกเขาบุกเข้าไป ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกโชคดีมากจริง ๆโดยเฉพาะตู๋เปียนฝู เมื่อกี้เขาเองก็กำลังคิดที่จะลงมือเช่นกันถ้าหากเขาลงมือจริง ๆ ตอนนี้คนที่นอนกองอยู่บนพื้นก็คงเป็นเขาไปแล้วปรมาจารย์ที่แท้จริง น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอ?พวกเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าระดับปรมาจารย์ที่ตนมีอยู่ตอนนี้จะเป็นของปลอมรึเปล่าเย
พลังทั้งสองปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง แรงกดดันมหาศาลกระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับพายุฝนฟ้าคะนอง น่าสะพรึงกลัวและน่าตกใจอย่างมากอึก!มารโลหิตร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดพุ่งออกมาจากปาก ก่อนที่ตัวเขาจะเดินถอยหลังอย่างควบคุมไม่ได้เพียงแค่หมัดเดียว อวัยวะภายในของเขาก็ได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงจนไม่เหลือชิ้นดี สภาพดูน่าอนาถมาก เห็นได้ชัดว่าภายในได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงต้องเข้าใจก่อนว่า ความสามารถของเขาเองก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเช่นกันแม้ว่าระยะเวลาในการบรรลุจะเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้วพูดตามตรง ความแข็งแกร่งของเขายังห่างจากหยางผั่วจวินอยู่มาก ซึ่งความแข็งแกร่งของหยางผั่วจวินตอนนี้ก็ได้ไปถึงคอขวดของระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้ว บวกกับร่างกายที่ไม่เหมือนใครของหยางผั่วจวินที่ทำการโจมตีอย่างฉับพลันนั่นอีก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะสามารถรับกระบวนท่านี้ของอีกฝ่ายได้ ช่างเป็นความเร็วที่น่าทึ่งจริง ๆ!เป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวมาก!ทุกคนที่เห็นฉากนี้ ต่างก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน แบบนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้วเมื่อเทียบกันแล้ว เห็นได้
ทันทีที่พูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงทันที!สามหาว!สามหาวเกินไปแล้ว!นี่มันสามหาวจนเกินเยียวยาแล้วจริง ๆ!เยว่เหลียนหานและคนจากสำนักดอกไม้ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน จนเกือบคิดว่าตัวเองประสาทหลอนไปแล้วเสียอีก แม้จะรู้อยู่แล้วว่าหยางผั่วจวินคนนี้แข็งแกร่งมากก็เถอะ แต่นี่มันก็บ้าเกินไปแล้ว คิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองจะมีความสามารถมากขนาดนั้น ถึงคิดที่จะสู้กับปรมาจารย์ยอดฝีมือพร้อมกันทีเดียวหลาย ๆ คนอีกอย่าง แค่เจวี๋ยซินคนเดียวก็อาจเพียงพอที่จะทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานได้แล้ว ยังไงซะ นั่นก็เป็นถึงคนที่มีฝีมือเทียบเท่ากับชิงหลงอย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่มู่หรงอินเองก็ยังชะงักไปชั่วขณะ ความรู้สึกตกใจเผยออกมาจากแววตาของเธอลูกน้องของลูกชายตนช่างอวดเก่งเสียจริง ไม่เห็นเจวี๋ยเทียนอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ คิดจะลุยเดี่ยวเลยรึไงดวงตาของทูตใหญ่เบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจจูเก่อหลิวหลีกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก สมแล้วที่เป็นลูกน้องของคุณชาย ยอดเยี่ยมจริง ๆอย่าว่าแต่พวกเขาเลย เย่เทียนหยู่เองก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเช่นกันเชี่ย!เจ้าเด็กนี่ เพื่อที่จะแย่งคู่ต่อสู้มาให้ได้ จำเป็นต้องขนาดนี้เ