คราวนี้นายท่านถึงกับเงียบไปเล็กน้อย หลังจากที่ได้ฟังลูกชายและลูกสะใภ้บ่นถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เขาก็เริ่มสงสัยแล้วว่าเขาทำอะไรผิดไปหรือเปล่าจากสิ่งที่ได้เห็นในปัจจุบันนี้ เทียนหยู่ชอบคุยโวจริงๆ ที่สำคัญคือเขาไม่ทำอะไรเลยและเขาก็ไม่ได้เต็มใจทำงานที่จัดเตรียมให้เขาที่บริษัทเลยสักนิดเขาวันๆมัวแต่เดินเตร็ดเตร่และขี้เกียจที่จะทำงาน คิดว่ามีวิชากังฟูที่บ้าๆบอๆของเขา แล้วเขาจะต่อสู้โดยไม่คำนึงถึงความรุนแรงยังไงก็ได้ จนเกือบจะนำตระกูลหลินดิ่งลงเหวครั้งแล้วครั้งเล่าถ้าไม่ใช่เพราะหลิวเจี๋ย พวกเราก็คงจบเห่ไปแล้วเมื่อคุณพ่อตระกูลหลินเห็นว่านายท่านลังเลใจ เขาก็พูดต่อทันที “ใช่แล้วครับ หลายครั้งที่เขาทำมาก่อนหน้านี้เราไม่ว่านะ แต่คราวนี้เขาถึงกับยั่วยุตระกูลซาเลยนะ”“เห็นพวกเขาว่าหว่านหรูพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหยุดเขาแล้วนะ และบอกเขาว่าอย่าทําสิ่งเลวร้ายตามอําเภอใจ แต่เย่เทียนหยู่ไม่ฟังเลย เขายังไปตามทางของตัวเองและพูดคำพูดที่หยิ่งยโสโอหังไม่หยุด”“โชคดีที่ครั้งนี้ตระกูลซามีปัญหาจริงๆ โชคดีที่นายน้อยหลิวขอร้องให้ลุงของเขาดำเนินการล่วงหน้า ไม่เช่นนั้นตระกูลหลินของเราคงจะไม่มีที่ยืนอี
“ใช่ครับ แต่แค่ตระกูลซานั่นผมคงไม่สนใจมันหรอก”คุณแม่ตระกูลหลินยิ่งโกรธมากขึ้น “แกไม่สนใจเหรอ ที่แกยังมีชีวิตอยู่ได้ แกควรคุกเข่าลงต่อหน้านายน้อยหลิวและกราบเขาด้วยซ้ำ!”“นี่ถ้าไม่ใช่เพราะนายน้อยหลิวช่วยจัดการตระกูลซาในครั้งนี้ ฉันคิดว่าแกคงจะตายแบบไม่มีดินกลบหน้าไปนานแล้วล่ะ”“นี่นายน้อยหลิวเขาสามารถจัดการตระกูลซาได้จริงๆหรือ”น้ำเสียงของเย่เทียนหยู่สงบ แต่เต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลนนักเมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ไม่เพียงแต่หยิ่งสยองเท่านั้น แต่ยังไม่มีเหตุผล นายท่านก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากหลินหว่านหรูทำอะไรไม่ถูก ถ้าไม่ใช่เพราะนายน้อยหลิวที่ยุยงซาวั่นไห่ในครั้งนี้ ผลที่ตามมาคงจะแย่มาก ทำไมเย่เทียนหยู่ถึงเปลี่ยนนิสัยเพื่อรักษาหน้าของเขาไม่ได้เลยนะซูถิงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากเมื่อเธอดูฉากนี้ โดยเฉพาะเย่เทียนหยู่ถูกทุกคนโจมตีด้วยคำพูดพูดต่อไปเลย สู้ๆ ดีที่สุดคือหย่ากับเย่เทียนหยู่ ไล่เขาออกจากบ้าน และปล่อยให้เขาเป็นตัวของเขาเองหลิวเจี๋ยอยู่ข้างๆ เขา รอโอกาสเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากทุกคนอยู่ ในเวลานี้ เขาพูดทันที “พี่เย่พูดถูกจริงๆล่ะ ตระกูลหลิวไม่สามารถจัดการกับตระกูลซาได้จริงๆ
หลินหว่านหรูลังเลเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เธอยังเป็นนักเรียนที่โดดเด่นในสาขาวิชาการเงิน นอกจากนี้ เธอยังดูแลบริษัทหลินซื่อกรุ๊ปมาหลายปี ดังนั้นเธอจึงไม่ใช่มือใหม่ธรรมดาที่ไม่รู้อะไรสักนิดแต่ตอนนี้มีขนมตกลงมาจากฟ้าชัดๆ และพวกเธอก็จะได้เงินนั้นมาง่ายๆ“ยังไงดีครับ หว่านหรู เธอไม่เชื่อใจผมเหรอ?”“ใช่ หว่านหรู แกกำลังคิดอะไรอยู่ นายน้อยหลิวทุ่มเทเพื่อแกไปเท่าไหร่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพื่อแก คงไม่มีเรื่องดีๆแบบนี้หรอกนะ”“ใช่แล้ว หว่านหรู ผมไม่กลัวที่จะบอกเรื่องนี้กับเธอหรอกนะ ที่ผมทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อเธอเท่านั้น”หลิวเจี๋ยพูดตรงๆด้วยเหตุนี้ แม้แต่นายท่านก็อดไม่ได้ที่จะเชื่อเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาว่า ฉีเฟยกรุ๊ปนั้นมีคุณภาพสูงและมีโมเมนตั๊มการพัฒนาที่ดีดูเหมือนว่านายน้อยหลิวจะทุ่มเทกับหว่านหรูเป็นอย่างมากจริงๆคงจะน่าเสียดายมากหากพลาดโอกาสเช่นนี้“หว่านหรู แกยังคิดอะไรอยู่หรือ? หรือว่าเพราะนายน้อยหลิวดีกับแกมากเกินไป จนแกไม่อยากรับมันหรือเปล่า”“ลองคิดดูสิว่านายน้อยหลิวทำเพื่อแกมากแค่ไหน เมื่อวานเขารู้ว่าแกถูกรังแก เขาไปโรงพยาบาลโดยตรงเลยนะ เขาทำให้ของสงวนของซาจื่อหาวพิ
ทุกคนเข้าใจความคิดของหลินหว่านหรูทันทีที่ได้ยินเธอพูด และไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยเธอก่อน อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นแค่ช่วงระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น และมันจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว“แต่สำหรับการลงทุนนี้ ฉันมีเงินสดในมือไม่มากนัก และบริษัทไม่ได้เป็นเพียงของตระกูลหลินเราเท่านั้น ฉันต้องหารือเรื่องนี้กับผู้ถือหุ้นคนอื่นอีกด้วยค่ะ”จริงๆแล้วหลินหว่านหรูเพียงแค่หาข้ออ้างเท่านั้น เพราะผู้ถือหุ้นเหล่านั้นล้วนเป็นพี่น้องของคุณปู่ทั้งนั้น ดังนั้น เธอจึงมีอำนาจตัดสินใจได้ในเรื่องนี้ แต่เธอต้องการหาข้อมูลตรวจสอบก่อนจะตัดสินใจหลิวเจี๋ยก็ได้ยินเช่นกัน แต่เขาพูดอย่างจนใจ “หากเป็นเช่นนั้น มันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นเท่านั้น ช่างน่าเสียดาย”“โอกาสดีๆ แบบนี้ แกยกให้กับคนอื่นได้ยังไง หว่านหรู แกกำลังคิดอะไรอยู่”“พ่อคะ คุณมีสิทธิในการตัดสินใจมากที่สุดในบริษัท คุณไม่สามารถตัดสินใจในการระดมทุนนี้ได้เหรอคะ?” คุณแม่ตระกูลหลินถามอย่างเร่งด่วน“ฉันไม่ได้ทำงานในบริษัทมานานแล้ว ดังนั้นฉันควรฟังคำพูดของหว่านหรูจะดีกว่า” นายท่านส่ายหัว แสดงถึงการสนับสนุนโดยปริยาย“หว่านหรู พูดตามตรง หากเธอเชื่อมั่นในตัวของผม
เมื่อมองดูใบหน้าที่แสดงอาการเหน็บแนมและแลดูน่าเกลียดของเขา นั้น แม้แต่นายท่านก็ไม่ได้หยุดเขาในครั้งนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัวและถอนหายใจ“อย่างไรก็ตาม ผมได้บอกความจริงกับพวกคุณไปแล้ว หากพวกคุณยังไม่เชื่ออีก ผมก็คงจะทำอะไรไม่ได้อีกแล้วล่ะ”หลังจากพูดคำพูดเหล่านี้แล้ว เย่เทียนหยู่ก็หันหลังและจากไปนายท่านถอนหายใจ เขาลงทุน 50 ล้านให้เขาด้วยความตั้งใจดี แต่เขากลับพูดแบบนั้น ซึ่งมันทำร้ายจิตใจนายท่านมากจริงๆ“แล้วคุณปู่หลิน ห้าสิบล้านของคุณล่ะ” หลิวเจี๋ยถาม“เขาใจร้าย แต่ฉันก็ต้องเมตตากับเขา ฉันจะลงทุนในนามของเขาเลย” นายท่านถอนหายใจ ถึงยังไงเขาต้องตอบแทนบุญคุณแพทย์เซียนเฒ่าอยู่แล้ว เงินจำนวนนี้ถือซะว่าเป็นการตอบแทนก็แล้วกัน“คุณปู่หลินสุดยอดมากเลยครับ!”หลิวเจี๋ยชม“ตอนนี้มีทั้งหมด 450 ล้าน สุดท้ายก็เหลือเพียง 50 ล้าน ซูถิง คุณอยากลงทุนหรือเปล่า”ซูถิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หากเป็นเมื่อก่อน เธอคงจะดีใจมาก แม้ว่าตอนนี้เธอจะมีเงินไม่มากขนาดนั้น แต่ถ้าจะให้ยืมเงินมา ยังไงก็ต้องยืมเงินให้ครบ เมื่อเห็นเธอเงียบ หลินหว่านหรูก็พูดว่า“ถิงถิง ถ้าเงินไม่เพียงพอจริงๆ ฉันจะยืมเงินส่วนตัวของฉัน25ล้านให้
“ฉันขอให้คุณจงมีความสุขตลอดไปให้ได้นะ แต่ถ้าขาดทุนจนเงินหมดก็อย่าร้องไห้ก็แล้วกัน” เย่เทียนหยู่รู้สึกรำคาญอย่างเห็นได้ชัด“นั่นมันไม่เกี่ยวอะไรกับแก ฉันมีเงินมากมายและชอบถูกโกง ไม่เหมือนแก คนยากจนที่ไม่มีอะไรเลย แล้วก็ยังมาเกาะลูกสาวของฉันกินอยู่”เย่เทียนหยู่หัวเราะ และหยุดต่อปากต่อคำกับเธอ แล้วเดินออกไปทันที เขาอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆและเขาก็ได้พบกับซูถิงที่ยังอยู่ใกล้ๆบริเวณนี้เมื่อซูถิงเห็นเย่เทียนหยู่ เธอก็รีบเชคความเรียบร้อยของตัวเองทันที จากนั้นก้าวไปข้างหน้าและตะโกนด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์และอ่อนหวาน “เย่ เย่เทียนหยู่!”เธออยากเรียกเขาว่าพี่เย่นะ แต่กลัวว่ามันจะเร็วเกินไปเย่เทียนหยู่ตกใจเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้นิสัยเปลี่ยนไปหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วเธอก็มีเสน่ห์มากเช่นนี้ และพูดอย่างใจเย็นว่า“มีอะไรเหรอ?”“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ถึงพวกเขาจะไม่เชื่อคุณ แต่ฉันเชื่อคุณนะ”ซู่ถิงกล่าว“คุณเชื่อผมเหรอ?”เย่เทียนหยู่เพียงรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ คนที่เคยดูถูกเขามากที่สุดคือผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างแน่นอน“ใช่ มีหลายครั้งนะ ถ้าไม่ได้คุณลงมือช่วยเหลือ หว่านหรูคงเกิดเรื่องแ
เย่เทียนหยู่ตกตะลึงไปชั่วขณะและเอ่ยถามว่า “คุณปู่เจียง ท่านคงจะไม่ให้ผมไปแข่งขันกับเขาใช่ไหมครับ?”“ไม่ใช่หรอก แต่แมนเทลทำเหมือนดูถูกอาณาจักรมังกรของเรามาโดยตลอด และฉันไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรในงานแสดงเปียโน แต่ถ้าเขาพูดอะไรที่ส่งผลเสียหายต่อศักดิ์ศรีของอาณาจักรมังกรของเราจริงๆ ฉันอยากให้แกจะสามารถสอนบทเรียนให้แก่เขาได้ ”เจียงเจี้ยนจวินไม่สนใจเรื่องอันดับในงานแสดงเปียโน แต่เขาแค่ไม่อยากให้อาณาจักรมังกรต้องอับอายขายหน้าเพราะแมนเทล“ผมเข้าใจแล้วครับ บอกเวลาและสถานที่มาด้วย แล้วผมจะไปที่นั่นในตอนเย็นครับ”เย่เทียนหยู่ก็ตอบรับเรื่องนี้“ได้ครับ”เจียงเจี้ยนจวินแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้กับเขาทันทีและกล่าวว่าผู้จัดงานจะเพิ่มชื่อของเขาลงในรายชื่อของแขกที่ได้รับเชิญและจะไปได้เลยในตอนเย็นหลังจากวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว เจียงเจี้ยนจวินถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะถ้ามีเด็กคนนี้อยู่ในงานแสดงเปียโน ถ้าแมนเทลทำตัวดีๆก็แล้วไป ไม่เช่นนั้นแมนเทลจะเป็นฝ่ายที่ต้องเสียหาย และโชคดีที่เจียงเจี้ยนจวินพูดถึงเรื่องนี้ในวันนี้ ไม่เช่นนั้นเขาก็จะไม่รู้เลยว่าเด็กคนนี้อยู่ในเมืองเทียนไห่แล้วทักษะการเล่
ในปัจจุบันสำหรับคนที่มีรถ BBA ที่มีมูลค่าหลายแสนก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เพราะจะไม่สะดุดตาเกินไปและประสบการณ์การขับขี่ก็ดีมากด้วยแต่เย่เทียนหยู่ก็เดินเข้ามาข้างในและเดินดูรถวนไปรอบๆ หลายนาที แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาคุยกับเขาเลยที่สำคัญคือมีสาวสวยสี่คนที่สวมเสื้อเชิ้ตและกระโปรงสั้นนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่ไม่ไกล เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเห็นเขาแล้ว แต่พวกเธอไม่ได้ลุกขึ้นไปทักทายอะไรกับเขาเลยเย่เทียนหยู่ได้แต่ส่ายหัวแล้วหันหลังกำลังจะจากไปแต่ในเวลานี้ ผู้หญิงร่างผอมเล็กน้อยที่มีใบหน้าสวยและตากลมโตเดินไปข้างหน้าของเขาอย่างรวดเร็วและถามอย่างประหม่า “สวัสดีค่ะ ท่านอยากจะซื้อรถไหมคะ?”“อืม”เย่เทียนหยู่พยักหน้าและมองดูอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง รู้สึกถึงความคุ้นเคยที่อธิบายไม่ถูกเมื่อสาวๆ หลายคนเห็นฉากนี้แล้ว พวกเธอต่างก็หัวเราะ“เฮ้ อินางเฉินนี่ช่างทำงานหนักมากเลยนะ แต่ก็น่าเสียดายนะ ถึงแม้จะทำงานหนักมากแค่ไหนมันก็เปล่าประโยชน์หรอกน่ะ”“ไร้สาระ ด้วยความสามารถแบบเธออ่ะนะ เธอสมควรที่จะขายรถสักคันไม่ได้ในช่วงเวลาครึ่งเดือนนี้แหละ”“ใช่ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าให้คนที่ไร้ประโยชน์อย่างมัน จะทำงานอยู่ที