“นี่คือเหตุผลที่แกจงใจชักจูงฉันให้ลงมือใช่ไหม?”“ใช่ครับ ลูกน้องของผมทำผิดไปแล้วครับ!” หยางต้าฝูกัดฟันแล้วพูดตามตรง“ดีแล้วที่แกไม่ได้เล่นลิ้นกับฉันน่ะ ไม่อย่างนั้นฉันคงจะสอนบทเรียนอันลึกซึ้งให้กับแกแน่ๆ” เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น“ครับ ขอบคุณท่านราชามังกรมากครับ! แต่ลูกน้องของผมลงมือไปเพราะเขามีความบาดหมางนองเลือดกับพ่อของซาวั่นไห่มาก่อน เขาฆ่าพี่ชายที่ดีที่สุดของผม”“อ๋อ แล้วทำไมแกถึงไม่ขอความช่วยเหลือจากด่านหลงเหมินล่ะ?”“ตอนนั้นผมเคยขออนุญาตแล้ว แต่ไม่มีการตอบกลับครับ”“งั้นเรื่องคราวนี้ก็ช่างมันเถอะ แต่อย่าทำแบบนี้อีกก็แล้วกัน”“ครับท่าน แต่พ่อของซาวั่นไห่เคยเป็นปรมาจารย์เมื่อสี่ปีที่แล้ว และความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขานั้น เราไม่ควรประมาท หากเขากลับมา เขาอาจก่อเรื่องให้กับท่าน ท่านราชามังกร โปรดระวังด้วยนะครับ”“ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก!”“เขาก็เป็นแค่ปรมาจารย์เท่านั้นเอง ถ้าเขาไม่กลับมาก็แล้วไป แต่ถ้าเขากลับมาก่อเรื่องละก็ ฉันจะโจมตีมันจนกว่าจะพิการไปเลย”เย่เทียนหยู่วางสายโทรศัพท์ทันทีหลังจากพูดจบหยางต้าฝูรู้สึกสับสนในทันที ปรมาจารย์ก็คือระดับสุดยอดที่สุดในระดับนักร
คราวนี้นายท่านถึงกับเงียบไปเล็กน้อย หลังจากที่ได้ฟังลูกชายและลูกสะใภ้บ่นถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เขาก็เริ่มสงสัยแล้วว่าเขาทำอะไรผิดไปหรือเปล่าจากสิ่งที่ได้เห็นในปัจจุบันนี้ เทียนหยู่ชอบคุยโวจริงๆ ที่สำคัญคือเขาไม่ทำอะไรเลยและเขาก็ไม่ได้เต็มใจทำงานที่จัดเตรียมให้เขาที่บริษัทเลยสักนิดเขาวันๆมัวแต่เดินเตร็ดเตร่และขี้เกียจที่จะทำงาน คิดว่ามีวิชากังฟูที่บ้าๆบอๆของเขา แล้วเขาจะต่อสู้โดยไม่คำนึงถึงความรุนแรงยังไงก็ได้ จนเกือบจะนำตระกูลหลินดิ่งลงเหวครั้งแล้วครั้งเล่าถ้าไม่ใช่เพราะหลิวเจี๋ย พวกเราก็คงจบเห่ไปแล้วเมื่อคุณพ่อตระกูลหลินเห็นว่านายท่านลังเลใจ เขาก็พูดต่อทันที “ใช่แล้วครับ หลายครั้งที่เขาทำมาก่อนหน้านี้เราไม่ว่านะ แต่คราวนี้เขาถึงกับยั่วยุตระกูลซาเลยนะ”“เห็นพวกเขาว่าหว่านหรูพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหยุดเขาแล้วนะ และบอกเขาว่าอย่าทําสิ่งเลวร้ายตามอําเภอใจ แต่เย่เทียนหยู่ไม่ฟังเลย เขายังไปตามทางของตัวเองและพูดคำพูดที่หยิ่งยโสโอหังไม่หยุด”“โชคดีที่ครั้งนี้ตระกูลซามีปัญหาจริงๆ โชคดีที่นายน้อยหลิวขอร้องให้ลุงของเขาดำเนินการล่วงหน้า ไม่เช่นนั้นตระกูลหลินของเราคงจะไม่มีที่ยืนอี
“ใช่ครับ แต่แค่ตระกูลซานั่นผมคงไม่สนใจมันหรอก”คุณแม่ตระกูลหลินยิ่งโกรธมากขึ้น “แกไม่สนใจเหรอ ที่แกยังมีชีวิตอยู่ได้ แกควรคุกเข่าลงต่อหน้านายน้อยหลิวและกราบเขาด้วยซ้ำ!”“นี่ถ้าไม่ใช่เพราะนายน้อยหลิวช่วยจัดการตระกูลซาในครั้งนี้ ฉันคิดว่าแกคงจะตายแบบไม่มีดินกลบหน้าไปนานแล้วล่ะ”“นี่นายน้อยหลิวเขาสามารถจัดการตระกูลซาได้จริงๆหรือ”น้ำเสียงของเย่เทียนหยู่สงบ แต่เต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลนนักเมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ไม่เพียงแต่หยิ่งสยองเท่านั้น แต่ยังไม่มีเหตุผล นายท่านก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากหลินหว่านหรูทำอะไรไม่ถูก ถ้าไม่ใช่เพราะนายน้อยหลิวที่ยุยงซาวั่นไห่ในครั้งนี้ ผลที่ตามมาคงจะแย่มาก ทำไมเย่เทียนหยู่ถึงเปลี่ยนนิสัยเพื่อรักษาหน้าของเขาไม่ได้เลยนะซูถิงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากเมื่อเธอดูฉากนี้ โดยเฉพาะเย่เทียนหยู่ถูกทุกคนโจมตีด้วยคำพูดพูดต่อไปเลย สู้ๆ ดีที่สุดคือหย่ากับเย่เทียนหยู่ ไล่เขาออกจากบ้าน และปล่อยให้เขาเป็นตัวของเขาเองหลิวเจี๋ยอยู่ข้างๆ เขา รอโอกาสเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากทุกคนอยู่ ในเวลานี้ เขาพูดทันที “พี่เย่พูดถูกจริงๆล่ะ ตระกูลหลิวไม่สามารถจัดการกับตระกูลซาได้จริงๆ
หลินหว่านหรูลังเลเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เธอยังเป็นนักเรียนที่โดดเด่นในสาขาวิชาการเงิน นอกจากนี้ เธอยังดูแลบริษัทหลินซื่อกรุ๊ปมาหลายปี ดังนั้นเธอจึงไม่ใช่มือใหม่ธรรมดาที่ไม่รู้อะไรสักนิดแต่ตอนนี้มีขนมตกลงมาจากฟ้าชัดๆ และพวกเธอก็จะได้เงินนั้นมาง่ายๆ“ยังไงดีครับ หว่านหรู เธอไม่เชื่อใจผมเหรอ?”“ใช่ หว่านหรู แกกำลังคิดอะไรอยู่ นายน้อยหลิวทุ่มเทเพื่อแกไปเท่าไหร่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพื่อแก คงไม่มีเรื่องดีๆแบบนี้หรอกนะ”“ใช่แล้ว หว่านหรู ผมไม่กลัวที่จะบอกเรื่องนี้กับเธอหรอกนะ ที่ผมทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อเธอเท่านั้น”หลิวเจี๋ยพูดตรงๆด้วยเหตุนี้ แม้แต่นายท่านก็อดไม่ได้ที่จะเชื่อเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาว่า ฉีเฟยกรุ๊ปนั้นมีคุณภาพสูงและมีโมเมนตั๊มการพัฒนาที่ดีดูเหมือนว่านายน้อยหลิวจะทุ่มเทกับหว่านหรูเป็นอย่างมากจริงๆคงจะน่าเสียดายมากหากพลาดโอกาสเช่นนี้“หว่านหรู แกยังคิดอะไรอยู่หรือ? หรือว่าเพราะนายน้อยหลิวดีกับแกมากเกินไป จนแกไม่อยากรับมันหรือเปล่า”“ลองคิดดูสิว่านายน้อยหลิวทำเพื่อแกมากแค่ไหน เมื่อวานเขารู้ว่าแกถูกรังแก เขาไปโรงพยาบาลโดยตรงเลยนะ เขาทำให้ของสงวนของซาจื่อหาวพิ
ทุกคนเข้าใจความคิดของหลินหว่านหรูทันทีที่ได้ยินเธอพูด และไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยเธอก่อน อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นแค่ช่วงระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น และมันจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว“แต่สำหรับการลงทุนนี้ ฉันมีเงินสดในมือไม่มากนัก และบริษัทไม่ได้เป็นเพียงของตระกูลหลินเราเท่านั้น ฉันต้องหารือเรื่องนี้กับผู้ถือหุ้นคนอื่นอีกด้วยค่ะ”จริงๆแล้วหลินหว่านหรูเพียงแค่หาข้ออ้างเท่านั้น เพราะผู้ถือหุ้นเหล่านั้นล้วนเป็นพี่น้องของคุณปู่ทั้งนั้น ดังนั้น เธอจึงมีอำนาจตัดสินใจได้ในเรื่องนี้ แต่เธอต้องการหาข้อมูลตรวจสอบก่อนจะตัดสินใจหลิวเจี๋ยก็ได้ยินเช่นกัน แต่เขาพูดอย่างจนใจ “หากเป็นเช่นนั้น มันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นเท่านั้น ช่างน่าเสียดาย”“โอกาสดีๆ แบบนี้ แกยกให้กับคนอื่นได้ยังไง หว่านหรู แกกำลังคิดอะไรอยู่”“พ่อคะ คุณมีสิทธิในการตัดสินใจมากที่สุดในบริษัท คุณไม่สามารถตัดสินใจในการระดมทุนนี้ได้เหรอคะ?” คุณแม่ตระกูลหลินถามอย่างเร่งด่วน“ฉันไม่ได้ทำงานในบริษัทมานานแล้ว ดังนั้นฉันควรฟังคำพูดของหว่านหรูจะดีกว่า” นายท่านส่ายหัว แสดงถึงการสนับสนุนโดยปริยาย“หว่านหรู พูดตามตรง หากเธอเชื่อมั่นในตัวของผม
เมื่อมองดูใบหน้าที่แสดงอาการเหน็บแนมและแลดูน่าเกลียดของเขา นั้น แม้แต่นายท่านก็ไม่ได้หยุดเขาในครั้งนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัวและถอนหายใจ“อย่างไรก็ตาม ผมได้บอกความจริงกับพวกคุณไปแล้ว หากพวกคุณยังไม่เชื่ออีก ผมก็คงจะทำอะไรไม่ได้อีกแล้วล่ะ”หลังจากพูดคำพูดเหล่านี้แล้ว เย่เทียนหยู่ก็หันหลังและจากไปนายท่านถอนหายใจ เขาลงทุน 50 ล้านให้เขาด้วยความตั้งใจดี แต่เขากลับพูดแบบนั้น ซึ่งมันทำร้ายจิตใจนายท่านมากจริงๆ“แล้วคุณปู่หลิน ห้าสิบล้านของคุณล่ะ” หลิวเจี๋ยถาม“เขาใจร้าย แต่ฉันก็ต้องเมตตากับเขา ฉันจะลงทุนในนามของเขาเลย” นายท่านถอนหายใจ ถึงยังไงเขาต้องตอบแทนบุญคุณแพทย์เซียนเฒ่าอยู่แล้ว เงินจำนวนนี้ถือซะว่าเป็นการตอบแทนก็แล้วกัน“คุณปู่หลินสุดยอดมากเลยครับ!”หลิวเจี๋ยชม“ตอนนี้มีทั้งหมด 450 ล้าน สุดท้ายก็เหลือเพียง 50 ล้าน ซูถิง คุณอยากลงทุนหรือเปล่า”ซูถิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หากเป็นเมื่อก่อน เธอคงจะดีใจมาก แม้ว่าตอนนี้เธอจะมีเงินไม่มากขนาดนั้น แต่ถ้าจะให้ยืมเงินมา ยังไงก็ต้องยืมเงินให้ครบ เมื่อเห็นเธอเงียบ หลินหว่านหรูก็พูดว่า“ถิงถิง ถ้าเงินไม่เพียงพอจริงๆ ฉันจะยืมเงินส่วนตัวของฉัน25ล้านให้
“ฉันขอให้คุณจงมีความสุขตลอดไปให้ได้นะ แต่ถ้าขาดทุนจนเงินหมดก็อย่าร้องไห้ก็แล้วกัน” เย่เทียนหยู่รู้สึกรำคาญอย่างเห็นได้ชัด“นั่นมันไม่เกี่ยวอะไรกับแก ฉันมีเงินมากมายและชอบถูกโกง ไม่เหมือนแก คนยากจนที่ไม่มีอะไรเลย แล้วก็ยังมาเกาะลูกสาวของฉันกินอยู่”เย่เทียนหยู่หัวเราะ และหยุดต่อปากต่อคำกับเธอ แล้วเดินออกไปทันที เขาอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆและเขาก็ได้พบกับซูถิงที่ยังอยู่ใกล้ๆบริเวณนี้เมื่อซูถิงเห็นเย่เทียนหยู่ เธอก็รีบเชคความเรียบร้อยของตัวเองทันที จากนั้นก้าวไปข้างหน้าและตะโกนด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์และอ่อนหวาน “เย่ เย่เทียนหยู่!”เธออยากเรียกเขาว่าพี่เย่นะ แต่กลัวว่ามันจะเร็วเกินไปเย่เทียนหยู่ตกใจเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้นิสัยเปลี่ยนไปหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วเธอก็มีเสน่ห์มากเช่นนี้ และพูดอย่างใจเย็นว่า“มีอะไรเหรอ?”“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ถึงพวกเขาจะไม่เชื่อคุณ แต่ฉันเชื่อคุณนะ”ซู่ถิงกล่าว“คุณเชื่อผมเหรอ?”เย่เทียนหยู่เพียงรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ คนที่เคยดูถูกเขามากที่สุดคือผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างแน่นอน“ใช่ มีหลายครั้งนะ ถ้าไม่ได้คุณลงมือช่วยเหลือ หว่านหรูคงเกิดเรื่องแ
เย่เทียนหยู่ตกตะลึงไปชั่วขณะและเอ่ยถามว่า “คุณปู่เจียง ท่านคงจะไม่ให้ผมไปแข่งขันกับเขาใช่ไหมครับ?”“ไม่ใช่หรอก แต่แมนเทลทำเหมือนดูถูกอาณาจักรมังกรของเรามาโดยตลอด และฉันไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรในงานแสดงเปียโน แต่ถ้าเขาพูดอะไรที่ส่งผลเสียหายต่อศักดิ์ศรีของอาณาจักรมังกรของเราจริงๆ ฉันอยากให้แกจะสามารถสอนบทเรียนให้แก่เขาได้ ”เจียงเจี้ยนจวินไม่สนใจเรื่องอันดับในงานแสดงเปียโน แต่เขาแค่ไม่อยากให้อาณาจักรมังกรต้องอับอายขายหน้าเพราะแมนเทล“ผมเข้าใจแล้วครับ บอกเวลาและสถานที่มาด้วย แล้วผมจะไปที่นั่นในตอนเย็นครับ”เย่เทียนหยู่ก็ตอบรับเรื่องนี้“ได้ครับ”เจียงเจี้ยนจวินแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้กับเขาทันทีและกล่าวว่าผู้จัดงานจะเพิ่มชื่อของเขาลงในรายชื่อของแขกที่ได้รับเชิญและจะไปได้เลยในตอนเย็นหลังจากวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว เจียงเจี้ยนจวินถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะถ้ามีเด็กคนนี้อยู่ในงานแสดงเปียโน ถ้าแมนเทลทำตัวดีๆก็แล้วไป ไม่เช่นนั้นแมนเทลจะเป็นฝ่ายที่ต้องเสียหาย และโชคดีที่เจียงเจี้ยนจวินพูดถึงเรื่องนี้ในวันนี้ ไม่เช่นนั้นเขาก็จะไม่รู้เลยว่าเด็กคนนี้อยู่ในเมืองเทียนไห่แล้วทักษะการเล่
“ครับ เจ้านาย!”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ หยางผั่วจวินก็กลับไม่โต้แย้งเลยแม้แต่คำเดียว เขาเพียงก้มตัวและโน้มศีรษะด้วยท่าทีเคารพเท่านั้น ก่อนจะถอยกลับไปฉากนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อกี้ท่าทีของหยางผั่วจวินดูหยิ่งยโสอย่างมาก แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงเขาได้เลย แต่เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักหยู่ กลับแสดงท่าทีเคารพออกมาเสียอย่างนั้น ให้เกียรติมากถึงขั้นเรียกว่าเจ้านายเลยด้วยที่สำคัญเลยก็คือ ดูเหมือนว่าเขาจะทำเพราะความเต็มใจเสียด้วยซ้ำนี่จึงยิ่งทำให้ในใจของเจวี๋ยเทียนเกิดความมืดมนขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อลองนึกดูอีกที ต่อให้เจ้าตำหนักหยู่จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็คงไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขั้นนั้นแน่นอนเว้นเสียแต่ว่า เขาจะเลื่อนขั้นถึงระดับเทพยดาแดนดินแล้วแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในวัยแค่นี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้ส่วนหยางผั่วจวิน เจ้าเด็กนั่นมีร่างกายที่แปลกประหลาด เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงไม่อาจมองเขาเป็นแค่คนธรรมดาได้เพราะด้วยเหตุนี้ เจวี๋ยเทียนจึงคิดว่าเย่เทียนห
แต่สีหน้าของเจวี๋ยซินกลับเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาถึงขั้นยอมสละทุกอย่างออกไปจนหมดแล้วแท้ ๆ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยไม่มีกระทั่งบาดแผลเลยแม้แต่น้อย!เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกจากปาก ก่อนจะสลบไปในทันที“เจวี๋ยซิน!”เจวี๋ยเทียนตกใจมาก เขาจึงรีบตรวจสอบร่างกายของเขาโชคดี ที่มันเป็นแค่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาจนร่างกายอ่อนแอลงก็เท่านั้น ก่อนจะนำยาสองสามเม็ดให้เขากิน จากนั้นจึงเรียกให้ยอดฝีมือคนอื่นพาไปดูแลต่อเมื่อเห็นเจวี๋ยซินกำลังถูกยกลงไปจากสนาม แววตาของหยางผั่วจวินก็เป็นประกาย ก่อนจะพูดว่า “เจวี๋ยเทียน เจวี๋ยซินถูกฉันจัดการจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว มันกลายเป็นสวะไปแล้ว งั้นแกก็รีบขึ้นมาแก้แค้นแทนเขาเถอะ มาจัดการฉันซะสิ?”“......”คนอื่น ๆ ต่างก็หมดคำจะพูด หยางผั่วจวินคนนี้ต้องการจะทำให้เจวี๋ยเทียนโกรธจนตายเลยรึไง อวดดีเกินไปแล้วพวกเขาคิดแค่ว่าหยางผั่วจวินกำลังตั้งใจจะดูถูกเจวี๋ยเทียน แต่จริง ๆ แล้วหยางผั่วจวินแค่ต้องการต่อสู้เท่านั้นทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจวี๋ยเทียน เพื่อดูว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไรหากเขาปฏิเสธ นั่นก็เท่ากับ
เจวี๋ยซินส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ร่างกายของเขากลับมามีพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้ท่าทีของเขาดูเหมือนคนบ้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาแดงก่ำสีหน้าของหยางผั่วจวินดูมืดลง เขารู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วหลังจากท่านี้ถูกปล่อยออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแน่นอนตัวเขาเองก็ทำการรวบรวมกำลังภายในของตนด้วยเช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของชี่แท้ถูกหลอมรวมเอาไว้ที่หมัดทั้งสองข้างทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่ดีที่สุดทุกคนต่างจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากทำการปล่อยท่านี้ออกไป ผลแพ้ชนะของทั้งสองก็จะปรากฏออกมาแล้วเป็นอย่างที่คิด เวลาหลังจากนั้นผ่านไปเพียงชั่วขณะ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นซ้อนกันเป็นระยะ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบมีเพียงกระแสของกำลังภายในที่น่าทึ่งลอยเต็มไปหมดพื้นที่ทั้งหมดถูกฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพายุหมุนที่พัดผ่านไปมาทั้งสองคนติดอยู่ด้านในกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนผลกระทบที่เกิดจากพลังอันน
“สายเกินว่าที่แกจะเข้าไปขวางแล้วล่ะ”“ก็แล้วแต่แกจะคิด เสร็จรึยัง ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย” หยางผั่วจวินพูดด้วยความตื่นเต้น รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้าคือสาวงามที่หาใดเปรียบแทบอยากกระโจนเข้าไปกระชากเสื้อผ้าออกจนเกลี้ยงเขาแทบรอไม่ไหวแล้วจริง ๆคนอื่น ๆ ต่างมองฉากนี้ด้วยความงงงวย และหมดคำจะพูดไปโดยสิ้นเชิงบางครั้งพวกเขาก็อยากจะพูดออกไปว่า เจ้าเด็กนี่กำลังรนหาที่ตายอยู่รึไง ในตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดแบบนี้ แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าหมัดที่ทรงพลังนั้นได้ตอบคำถามทั้งหมดกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพวกเขาคิดผิด กระทั่งผิดจนไม่อาจให้อภัยได้เลยทีเดียวแต่คำพูดนี้ กลับทำให้เจวี๋ยซินโกรธจัดทันทีเห็นเพียงกำลังภายในของเจวี๋ยซินที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดที่น่ากลัว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ จ้องมองไปทางหยางผั่วจวินอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เจ้าหนู แกตายซะเถอะ!”หลังจากที่เขาพูดจบ เจวี๋ยซินก็พุ่งตรงเข้าหาหยางผั่วจวินทันที พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวจนน่าตกใจ“เข้ามาเลย!”หยางผั่วจวินเองก็ตรงเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรงเช่นกัน เมื่อเขาเห็นพลังที่เพิ
เมื่อเห็นว่าหยางผั่วจวินไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แถมยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก เจวี๋ยซินกลับแทบพังทลายอยู่รอมร่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอด จะให้ทนอับอายอยู่แบบนี้ได้อย่างไรเมื่อเจวี๋ยเทียนเห็นฉากนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแย่แล้ว! สถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ เกรงว่าเขาคงจะเปิดใช้เวทอาคมเป็นแน่ จะทำอย่างไรดีเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงแววตาแดงก่ำของเจวี๋ยซิน เขาบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “เวรเอ้ย ฉันไม่มีทางยอมแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกแน่!”ทันทีที่เขาพูดจบ มือขวาของเขาก็ยาเม็ดหนึ่งออดมา ก่อนจะกลืนมันลงไปทันทีสีหน้าเจวี๋ยเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีว่าเจวี๋ยซินคิดจะทำอะไรเขาต้องการที่จะหยุดยั้งเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยปาก เพราะนอกจากสิ่งนี้ ก็แทบจะไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกแล้วทุกคนต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ การที่เลือกกินยารักษาบาดแผลในเวลานี้ เกรงว่าคงจะไม่ช่วยอะไรมากนักแต่ในเวลาต่อมา เจวี๋ยซินก็ได้เริ่มทำการใช้วิชามารที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้อย่าง วิชามหาเวทสลายชีพจรทันที ผ่านไป
“เข้ามาเลย!”สีหน้าหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็เริ่มด้วยเช่นกันในชั่วพริบตา ทั้งสองต่างก็นำพาพลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ในเวลาอันสั้น ทั้งสองกลับมีการแลกกระบวนท่ากันไปแล้วกว่าสิบกระบวนท่าภายใต้การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ได้มีการปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ชมต้องตกตะลึงไปกับความตื่นตาตื่นใจทุกคนต่างจ้องมองการต่อสู้บนสนามโดยไม่ละสายตาหลัก ๆ แล้วการต่อสู้ของทั้งสองนั้นน่ากลัวและแข็งแกร่งมาก ทั้งชีวิตนี้ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นการต่อสู้แบบนี้อีกแล้วนอกจากนี้ พวกเขาต่างก็มีผู้สนับสนุนของตนเองเวลาผ่านไปนานพอสมควร ทั้งสองถึงได้แยกออกจากกันหลังจากการเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง หยางผั่วจวินหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดอย่างมีความสุขออกไปว่า “สะใจ นี่สิ ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้!”“คนเมื่อกี้ มารโลหิตอะไรนั่นก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นแหละ!”“......”ทุกคนที่กำลังตั้งใจดูการต่อสู้ จู่ ๆ พูดแบบนี้ขึ้นมา เสียมารยาทเกินไปไหมถ้าบอกว่ามารโลหิตคือขยะ เช่นนั้นพวกเราล่ะ?สีหน้าเจวี๋ยซินดูเคร่งเครียด แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เขาก็แทบจะใช
ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กันทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนพวกเขาไม่มีเวลาให้ได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำในเวลาอันสั้น เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ สถานการณ์ในสนามก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก มารโลหิตถูกสังหารในทันทีไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าหยางผั่วจวินจะลงมือได้อย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้ แถมยังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมอีกต่างหากบอกได้เลยว่า ในตอนนั้นมารโลหิตเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าตนจะต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้ในใจของตู๋เปียนฝูและบรรพจารย์หวงเฉวียนต่างก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน พลังของพวกเขาต่างจากมารโลหิตก็จริง กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพวกเขาบุกเข้าไป ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกโชคดีมากจริง ๆโดยเฉพาะตู๋เปียนฝู เมื่อกี้เขาเองก็กำลังคิดที่จะลงมือเช่นกันถ้าหากเขาลงมือจริง ๆ ตอนนี้คนที่นอนกองอยู่บนพื้นก็คงเป็นเขาไปแล้วปรมาจารย์ที่แท้จริง น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอ?พวกเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าระดับปรมาจารย์ที่ตนมีอยู่ตอนนี้จะเป็นของปลอมรึเปล่าเย
พลังทั้งสองปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง แรงกดดันมหาศาลกระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับพายุฝนฟ้าคะนอง น่าสะพรึงกลัวและน่าตกใจอย่างมากอึก!มารโลหิตร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดพุ่งออกมาจากปาก ก่อนที่ตัวเขาจะเดินถอยหลังอย่างควบคุมไม่ได้เพียงแค่หมัดเดียว อวัยวะภายในของเขาก็ได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงจนไม่เหลือชิ้นดี สภาพดูน่าอนาถมาก เห็นได้ชัดว่าภายในได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงต้องเข้าใจก่อนว่า ความสามารถของเขาเองก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเช่นกันแม้ว่าระยะเวลาในการบรรลุจะเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้วพูดตามตรง ความแข็งแกร่งของเขายังห่างจากหยางผั่วจวินอยู่มาก ซึ่งความแข็งแกร่งของหยางผั่วจวินตอนนี้ก็ได้ไปถึงคอขวดของระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้ว บวกกับร่างกายที่ไม่เหมือนใครของหยางผั่วจวินที่ทำการโจมตีอย่างฉับพลันนั่นอีก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะสามารถรับกระบวนท่านี้ของอีกฝ่ายได้ ช่างเป็นความเร็วที่น่าทึ่งจริง ๆ!เป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวมาก!ทุกคนที่เห็นฉากนี้ ต่างก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน แบบนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้วเมื่อเทียบกันแล้ว เห็นได้
ทันทีที่พูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงทันที!สามหาว!สามหาวเกินไปแล้ว!นี่มันสามหาวจนเกินเยียวยาแล้วจริง ๆ!เยว่เหลียนหานและคนจากสำนักดอกไม้ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน จนเกือบคิดว่าตัวเองประสาทหลอนไปแล้วเสียอีก แม้จะรู้อยู่แล้วว่าหยางผั่วจวินคนนี้แข็งแกร่งมากก็เถอะ แต่นี่มันก็บ้าเกินไปแล้ว คิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองจะมีความสามารถมากขนาดนั้น ถึงคิดที่จะสู้กับปรมาจารย์ยอดฝีมือพร้อมกันทีเดียวหลาย ๆ คนอีกอย่าง แค่เจวี๋ยซินคนเดียวก็อาจเพียงพอที่จะทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานได้แล้ว ยังไงซะ นั่นก็เป็นถึงคนที่มีฝีมือเทียบเท่ากับชิงหลงอย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่มู่หรงอินเองก็ยังชะงักไปชั่วขณะ ความรู้สึกตกใจเผยออกมาจากแววตาของเธอลูกน้องของลูกชายตนช่างอวดเก่งเสียจริง ไม่เห็นเจวี๋ยเทียนอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ คิดจะลุยเดี่ยวเลยรึไงดวงตาของทูตใหญ่เบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจจูเก่อหลิวหลีกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก สมแล้วที่เป็นลูกน้องของคุณชาย ยอดเยี่ยมจริง ๆอย่าว่าแต่พวกเขาเลย เย่เทียนหยู่เองก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเช่นกันเชี่ย!เจ้าเด็กนี่ เพื่อที่จะแย่งคู่ต่อสู้มาให้ได้ จำเป็นต้องขนาดนี้เ