ในขณะที่เย่เทียนหยู่ไม่ขยับเลยสักนิดแต่คุณนายซากลับกรีดร้องเพราะโดนตบหน้า รอยนิ้วมือทั้งห้าที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอมองเห็นได้ชัดเจนมากแรกๆคุณนายซาก็รู้สึกสับสน จากนั้นเธอก็เริ่มเป็นบ้าและสาปแช่งเขาด้วยความโกรธ “นี่แกกล้าตบหน้าฉันงั้นเหรอ แกอยากตายนักรึไง ฉันเอาแกตายแน่!”ขณะที่เธอพูดเธอก็รีบวิ่งไปยังเขาเหมือนคนปากร้ายเพี๊ยะ!เธอโดนตบหน้าอย่างแรงอีกครั้งอีกทั้งยังโดนตบซ้ำไปที่เดิมโอ๊ย!คราวนี้คุณนายซาก็จะกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเธอ เธอรีบเอาฝ่ามือทาบแก้ม ไม่อยากจะเชื่อเหตุการณ์ที่เธอเห็นเลยสักนิดเธอไม่เคยคิดเลยว่า คนที่ฐานะสูงส่งอย่างเธอจะมีวันที่เธอต้องโดนตบแบบนี้จริงๆเย่เทียนหยู่ดูสงบและพูดอย่างใจเย็น “โดยปกติแล้วผมจะไม่ตบผู้หญิงนะ แต่สำหรับคนอย่างคุณ ถ้าหากผมเจอคนเดียวก็จะตบคนเดียว แต่ถ้าเจอเป็นคู่ก็จะตบทั้งคู่!”“แก แกมันบ้าจริงๆ ฉันจะบอกให้นะ แกจะต้องตายแน่ๆ ตระกูลซาจะต้องไม่ปล่อยแกไป ไม่ปล่อยแกไปเด็ดขาด”“ตระกูลชาเหรอ?”ใบหน้าเย่เทียนหยู่แสดงความเหยียดหยาม และพูดด้วยความใจเย็นว่า “คุณแน่ใจหรือว่าตอนนี้ตระกูลชายังคงมีอยู่เหมือนเดิม?”
“นี่ตระกูลซาถึงจุดจบแล้วจริงๆเหรอ?”คุณนายซาอดไม่ได้ที่จะถาม เพราะเธอยังยอมรับมันไม่ได้จริงๆฟและเธอก็กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของตระกูลซามากกว่าอาการบาดเจ็บของลูกชายเธอเสียอีก“ตระกูลซาถูกกำหนดให้ต้องพังพินาศตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณทำร้ายภรรยาของผมแล้ว”เย่เทียนหยู่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเพราะถ้าหากว่าตำรวจจะไม่จัดการกับเรื่องนี้ เขาเองก็จะจัดการประหารตระกูลซาให้ได้“ไม่ แกทำทุกอย่างนี้เองไม่ได้หรอก!”สีหน้าของคุณนายซาเริ่มซีดเซียวลงอย่างชัดเจนในขณะนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนปรากฏตัวขึ้น ซึ่งนำโดยผู้กองจางนั่นเองเพราะนายกเทศมนตรีหวงบอกเขาว่าเมื่อคุณเย่มาที่นี่ อาจมีบางอย่างเกิดขึ้น ให้เขามาช่วยจัดการกับเรื่องนี้เองคงจะดีกว่าและมันก็เป็นไปตามนั้น เพราะพอเขามาถึง ก็เห็นเหตุการณ์วุ่นวายเช่นนี้แล้วเมื่อคุณนายซาเห็นผู้กองจางที่เธอรู้จักเดินมา เธอก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันทีและพูดขึ้นอย่างเร่งรีบ“ผู้กองจางคะ คุณมาที่นี่ทันเวลาพอดีเลยค่ะ ที่นี่มีฆาตกรบ้าคลั่ง เขากำลังจะฆ่าคน คุณดูสภาพฉันและลูกชายของฉันสิ พวกเราโดนเขาทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว”ผู้กองจางมองดูเหตุการณ์ตรงห
“นี่คือเหตุผลที่แกจงใจชักจูงฉันให้ลงมือใช่ไหม?”“ใช่ครับ ลูกน้องของผมทำผิดไปแล้วครับ!” หยางต้าฝูกัดฟันแล้วพูดตามตรง“ดีแล้วที่แกไม่ได้เล่นลิ้นกับฉันน่ะ ไม่อย่างนั้นฉันคงจะสอนบทเรียนอันลึกซึ้งให้กับแกแน่ๆ” เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น“ครับ ขอบคุณท่านราชามังกรมากครับ! แต่ลูกน้องของผมลงมือไปเพราะเขามีความบาดหมางนองเลือดกับพ่อของซาวั่นไห่มาก่อน เขาฆ่าพี่ชายที่ดีที่สุดของผม”“อ๋อ แล้วทำไมแกถึงไม่ขอความช่วยเหลือจากด่านหลงเหมินล่ะ?”“ตอนนั้นผมเคยขออนุญาตแล้ว แต่ไม่มีการตอบกลับครับ”“งั้นเรื่องคราวนี้ก็ช่างมันเถอะ แต่อย่าทำแบบนี้อีกก็แล้วกัน”“ครับท่าน แต่พ่อของซาวั่นไห่เคยเป็นปรมาจารย์เมื่อสี่ปีที่แล้ว และความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขานั้น เราไม่ควรประมาท หากเขากลับมา เขาอาจก่อเรื่องให้กับท่าน ท่านราชามังกร โปรดระวังด้วยนะครับ”“ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก!”“เขาก็เป็นแค่ปรมาจารย์เท่านั้นเอง ถ้าเขาไม่กลับมาก็แล้วไป แต่ถ้าเขากลับมาก่อเรื่องละก็ ฉันจะโจมตีมันจนกว่าจะพิการไปเลย”เย่เทียนหยู่วางสายโทรศัพท์ทันทีหลังจากพูดจบหยางต้าฝูรู้สึกสับสนในทันที ปรมาจารย์ก็คือระดับสุดยอดที่สุดในระดับนักร
คราวนี้นายท่านถึงกับเงียบไปเล็กน้อย หลังจากที่ได้ฟังลูกชายและลูกสะใภ้บ่นถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เขาก็เริ่มสงสัยแล้วว่าเขาทำอะไรผิดไปหรือเปล่าจากสิ่งที่ได้เห็นในปัจจุบันนี้ เทียนหยู่ชอบคุยโวจริงๆ ที่สำคัญคือเขาไม่ทำอะไรเลยและเขาก็ไม่ได้เต็มใจทำงานที่จัดเตรียมให้เขาที่บริษัทเลยสักนิดเขาวันๆมัวแต่เดินเตร็ดเตร่และขี้เกียจที่จะทำงาน คิดว่ามีวิชากังฟูที่บ้าๆบอๆของเขา แล้วเขาจะต่อสู้โดยไม่คำนึงถึงความรุนแรงยังไงก็ได้ จนเกือบจะนำตระกูลหลินดิ่งลงเหวครั้งแล้วครั้งเล่าถ้าไม่ใช่เพราะหลิวเจี๋ย พวกเราก็คงจบเห่ไปแล้วเมื่อคุณพ่อตระกูลหลินเห็นว่านายท่านลังเลใจ เขาก็พูดต่อทันที “ใช่แล้วครับ หลายครั้งที่เขาทำมาก่อนหน้านี้เราไม่ว่านะ แต่คราวนี้เขาถึงกับยั่วยุตระกูลซาเลยนะ”“เห็นพวกเขาว่าหว่านหรูพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหยุดเขาแล้วนะ และบอกเขาว่าอย่าทําสิ่งเลวร้ายตามอําเภอใจ แต่เย่เทียนหยู่ไม่ฟังเลย เขายังไปตามทางของตัวเองและพูดคำพูดที่หยิ่งยโสโอหังไม่หยุด”“โชคดีที่ครั้งนี้ตระกูลซามีปัญหาจริงๆ โชคดีที่นายน้อยหลิวขอร้องให้ลุงของเขาดำเนินการล่วงหน้า ไม่เช่นนั้นตระกูลหลินของเราคงจะไม่มีที่ยืนอี
“ใช่ครับ แต่แค่ตระกูลซานั่นผมคงไม่สนใจมันหรอก”คุณแม่ตระกูลหลินยิ่งโกรธมากขึ้น “แกไม่สนใจเหรอ ที่แกยังมีชีวิตอยู่ได้ แกควรคุกเข่าลงต่อหน้านายน้อยหลิวและกราบเขาด้วยซ้ำ!”“นี่ถ้าไม่ใช่เพราะนายน้อยหลิวช่วยจัดการตระกูลซาในครั้งนี้ ฉันคิดว่าแกคงจะตายแบบไม่มีดินกลบหน้าไปนานแล้วล่ะ”“นี่นายน้อยหลิวเขาสามารถจัดการตระกูลซาได้จริงๆหรือ”น้ำเสียงของเย่เทียนหยู่สงบ แต่เต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลนนักเมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ไม่เพียงแต่หยิ่งสยองเท่านั้น แต่ยังไม่มีเหตุผล นายท่านก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากหลินหว่านหรูทำอะไรไม่ถูก ถ้าไม่ใช่เพราะนายน้อยหลิวที่ยุยงซาวั่นไห่ในครั้งนี้ ผลที่ตามมาคงจะแย่มาก ทำไมเย่เทียนหยู่ถึงเปลี่ยนนิสัยเพื่อรักษาหน้าของเขาไม่ได้เลยนะซูถิงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากเมื่อเธอดูฉากนี้ โดยเฉพาะเย่เทียนหยู่ถูกทุกคนโจมตีด้วยคำพูดพูดต่อไปเลย สู้ๆ ดีที่สุดคือหย่ากับเย่เทียนหยู่ ไล่เขาออกจากบ้าน และปล่อยให้เขาเป็นตัวของเขาเองหลิวเจี๋ยอยู่ข้างๆ เขา รอโอกาสเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากทุกคนอยู่ ในเวลานี้ เขาพูดทันที “พี่เย่พูดถูกจริงๆล่ะ ตระกูลหลิวไม่สามารถจัดการกับตระกูลซาได้จริงๆ
หลินหว่านหรูลังเลเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เธอยังเป็นนักเรียนที่โดดเด่นในสาขาวิชาการเงิน นอกจากนี้ เธอยังดูแลบริษัทหลินซื่อกรุ๊ปมาหลายปี ดังนั้นเธอจึงไม่ใช่มือใหม่ธรรมดาที่ไม่รู้อะไรสักนิดแต่ตอนนี้มีขนมตกลงมาจากฟ้าชัดๆ และพวกเธอก็จะได้เงินนั้นมาง่ายๆ“ยังไงดีครับ หว่านหรู เธอไม่เชื่อใจผมเหรอ?”“ใช่ หว่านหรู แกกำลังคิดอะไรอยู่ นายน้อยหลิวทุ่มเทเพื่อแกไปเท่าไหร่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพื่อแก คงไม่มีเรื่องดีๆแบบนี้หรอกนะ”“ใช่แล้ว หว่านหรู ผมไม่กลัวที่จะบอกเรื่องนี้กับเธอหรอกนะ ที่ผมทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อเธอเท่านั้น”หลิวเจี๋ยพูดตรงๆด้วยเหตุนี้ แม้แต่นายท่านก็อดไม่ได้ที่จะเชื่อเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาว่า ฉีเฟยกรุ๊ปนั้นมีคุณภาพสูงและมีโมเมนตั๊มการพัฒนาที่ดีดูเหมือนว่านายน้อยหลิวจะทุ่มเทกับหว่านหรูเป็นอย่างมากจริงๆคงจะน่าเสียดายมากหากพลาดโอกาสเช่นนี้“หว่านหรู แกยังคิดอะไรอยู่หรือ? หรือว่าเพราะนายน้อยหลิวดีกับแกมากเกินไป จนแกไม่อยากรับมันหรือเปล่า”“ลองคิดดูสิว่านายน้อยหลิวทำเพื่อแกมากแค่ไหน เมื่อวานเขารู้ว่าแกถูกรังแก เขาไปโรงพยาบาลโดยตรงเลยนะ เขาทำให้ของสงวนของซาจื่อหาวพิ
ทุกคนเข้าใจความคิดของหลินหว่านหรูทันทีที่ได้ยินเธอพูด และไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยเธอก่อน อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นแค่ช่วงระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น และมันจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว“แต่สำหรับการลงทุนนี้ ฉันมีเงินสดในมือไม่มากนัก และบริษัทไม่ได้เป็นเพียงของตระกูลหลินเราเท่านั้น ฉันต้องหารือเรื่องนี้กับผู้ถือหุ้นคนอื่นอีกด้วยค่ะ”จริงๆแล้วหลินหว่านหรูเพียงแค่หาข้ออ้างเท่านั้น เพราะผู้ถือหุ้นเหล่านั้นล้วนเป็นพี่น้องของคุณปู่ทั้งนั้น ดังนั้น เธอจึงมีอำนาจตัดสินใจได้ในเรื่องนี้ แต่เธอต้องการหาข้อมูลตรวจสอบก่อนจะตัดสินใจหลิวเจี๋ยก็ได้ยินเช่นกัน แต่เขาพูดอย่างจนใจ “หากเป็นเช่นนั้น มันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นเท่านั้น ช่างน่าเสียดาย”“โอกาสดีๆ แบบนี้ แกยกให้กับคนอื่นได้ยังไง หว่านหรู แกกำลังคิดอะไรอยู่”“พ่อคะ คุณมีสิทธิในการตัดสินใจมากที่สุดในบริษัท คุณไม่สามารถตัดสินใจในการระดมทุนนี้ได้เหรอคะ?” คุณแม่ตระกูลหลินถามอย่างเร่งด่วน“ฉันไม่ได้ทำงานในบริษัทมานานแล้ว ดังนั้นฉันควรฟังคำพูดของหว่านหรูจะดีกว่า” นายท่านส่ายหัว แสดงถึงการสนับสนุนโดยปริยาย“หว่านหรู พูดตามตรง หากเธอเชื่อมั่นในตัวของผม
เมื่อมองดูใบหน้าที่แสดงอาการเหน็บแนมและแลดูน่าเกลียดของเขา นั้น แม้แต่นายท่านก็ไม่ได้หยุดเขาในครั้งนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัวและถอนหายใจ“อย่างไรก็ตาม ผมได้บอกความจริงกับพวกคุณไปแล้ว หากพวกคุณยังไม่เชื่ออีก ผมก็คงจะทำอะไรไม่ได้อีกแล้วล่ะ”หลังจากพูดคำพูดเหล่านี้แล้ว เย่เทียนหยู่ก็หันหลังและจากไปนายท่านถอนหายใจ เขาลงทุน 50 ล้านให้เขาด้วยความตั้งใจดี แต่เขากลับพูดแบบนั้น ซึ่งมันทำร้ายจิตใจนายท่านมากจริงๆ“แล้วคุณปู่หลิน ห้าสิบล้านของคุณล่ะ” หลิวเจี๋ยถาม“เขาใจร้าย แต่ฉันก็ต้องเมตตากับเขา ฉันจะลงทุนในนามของเขาเลย” นายท่านถอนหายใจ ถึงยังไงเขาต้องตอบแทนบุญคุณแพทย์เซียนเฒ่าอยู่แล้ว เงินจำนวนนี้ถือซะว่าเป็นการตอบแทนก็แล้วกัน“คุณปู่หลินสุดยอดมากเลยครับ!”หลิวเจี๋ยชม“ตอนนี้มีทั้งหมด 450 ล้าน สุดท้ายก็เหลือเพียง 50 ล้าน ซูถิง คุณอยากลงทุนหรือเปล่า”ซูถิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หากเป็นเมื่อก่อน เธอคงจะดีใจมาก แม้ว่าตอนนี้เธอจะมีเงินไม่มากขนาดนั้น แต่ถ้าจะให้ยืมเงินมา ยังไงก็ต้องยืมเงินให้ครบ เมื่อเห็นเธอเงียบ หลินหว่านหรูก็พูดว่า“ถิงถิง ถ้าเงินไม่เพียงพอจริงๆ ฉันจะยืมเงินส่วนตัวของฉัน25ล้านให้
พอคุณนายไป๋มาถึง พวกเฉินเฟยเฟยก็สังเกตเห็นได้ในทันที เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายไป๋ สีหน้าของพวกเธอก็เปลี่ยนไปแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาด้วยเหตุผลอะไร แต่ดูท่าทางแล้ว ค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียวเหอฉุนรีบพูดขึ้นว่า “เฟยเฟย เร็วเข้า รีบติดต่อคุณเย่เร็ว!”“เอ่อ ฉันว่าเราลองอ้างชื่อพี่เย่กันก่อนดีไหม?” เฉินเฟยเฟยกลัวว่าจะสร้างปัญหาให้เย่เทียนหยู่มากเกินไป“ไม่ได้ รีบโทรหาเขาด่วนเลย ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไป ดูจากท่าทีโกรธเกรี้ยวของเธอแล้ว เกรงว่าแค่อ้างชื่อออกไปจะไม่ได้ผลกับเธอแน่” “อีกอย่าง เกิดว่าเธอไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของราชามังกร แล้วยังโกรธเกรี้ยวอยู่เหมือนเดิม เราจะทำอย่างไรดี” เหอฉุนรีบพูดขึ้นมาอันที่จริงเฉินเฟยเฟยเองก็คิดถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เพียงแค่กลัวว่าจะทำให้เย่เทียนหยู่ลำบากก็เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้ไปสนใจเรื่องพวกนั้นอีกแล้ว เธอจึงรีบกดเบอร์โทรศัพท์โทรหาเย่เทียนหยู่ทันทีเพียงแต่ตอนนี้เย่เทียนหยู่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ จึงทำให้ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ เนื่องจากตอนที่หลินหว่านหรูตื่นเช้าขึ้นมา แล้วบอกว่าอยากกินบะหมี่เหมือนเมื่อวานอีกครั้งในเ
แถมยังเป็นดาราอีกต่างหาก!แม้ว่าจะยังไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่ชัด แต่เฉินเฟยเฟยคนนี้ เธอจะต้องตายอย่างแน่นอนไม่ว่าเธอจะเป็นดาราดังมากแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลไป๋ที่มีทรัพย์สินเป็นพันล้าน เธอก็เป็นได้แค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น!คุณนายไป๋หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโทรออกเพื่อจัดการวางแผนต่าง ๆ ในขณะเดียวกันเธอก็พูดด้วยความโกรธขึ้นว่า “พยัคฆ์ทมิฬ ไปสืบมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าหากไม่สามารถหาที่อยู่ของนางนั่นมาได้ภายในเช้าของวันพรุ่งนี้ พวกแกก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อแล้ว”“แล้วก็ยังมีไอ้ฆาตกรอีกคน เดี๋ยวฉันจะส่งวิดีโอไปให้ พวกแกก็ลองตรวจสอบมันดูด้วย แต่ภารกิจหลักคือการตามหาที่อยู่ของเฉินเฟยเฟยมาให้ได้!”เพราะขอแค่หาเฉินเฟยเฟยเจอ ก็จะสามารถหาคนที่ทำร้ายหยางหยางเจอได้เช่นกัน ซึ่งก็คือไอ้ฆาตกรคนนั้นพยัคฆ์ทมิฬที่ได้ยินคำสั่ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ตั้งแต่ที่ตระกูลไป๋ชุบตัวขึ้นมาใหม่ เขาก็ยังไม่เคยเห็นเธอโกรธจัดเพียงแค่ต้องการให้สืบเรื่องของคนคนหนึ่งมาก่อนเลย เพราะงั้นเขาจึงได้รีบจัดการในทันทีพยัคฆ์ทมิฬเป็นหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์ทมิฬ หนึ่งในแก๊งแห่งวงการอาชญากรรม การที่พวกเขาสามารถค
“เป็นอะไรไป ไม่อร่อยเหรอ?” ท่าทีของหลินหว่านหรูดูแปลก ๆ จึงทำให้เย่เทียนหยู่รู้สึกสับสนเล็กน้อย หรือว่าฝีมือทำครัวของตนจะแย่ลงรึเปล่านะแต่ถึงยังไง ก็คงไม่อร่อยจนถึงขั้นร้องไห้ออกมาหรอกมั้ง“เปล่าหรอก!”“อร่อยมาก อร่อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ!”หลินหว่านหรูร้องไห้ฮือออกมาเย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก จึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ถึงจะอร่อยก็ต้องค่อย ๆ กินนะ ไม่ต้องรีบ ผมก็คิดว่าคุณร้องไห้เพราะทนกับรสชาติที่ไม่อร่อยอยู่เสียอีก”คำพูดนี้ทำให้หลินหว่านหรูอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “อย่าทำให้ฉันขำสิ เอาซะฉันเกือบจะพ่นเส้นบะหมี่ออกมาแล้วเนี่ย”รอยยิ้มของหลินหว่านหรูนี้ ก็ทำให้รู้สึกว่าพื้นที่รอบตัวเปลี่ยนไปทันที ราวกับว่ามีดอกไม้สวยงามนับไม่ถ้วนกำลังบานสะพรั่ง ทำให้เย่เทียนหยู่ถึงกับต้องมองตาค้างกันเลยทีเดียว“มัวเหม่ออะไรอยู่”“ก็มองคุณอยู่ไง”“โกหก”หลินหว่านหรูหน้าแดงเล็กน้อย เธอกินต่ออีกสองสามคำ ก่อนเธออดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “เมื่อก่อนคุณเคยทำบะหมี่บ่อยมากเลยเหรอ?”“ก็ไม่ได้ทำบ่อยนักหรอก ผมยังทำอย่างอื่นเป็นด้วยนะ”“คุณทำอย่างอื่นเป็นด้วยงั้นเหรอ?”“แน่นอ
“คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?”หลินหว่านหรูถามด้วยความสงสัย แต่เมื่อลองคิดอีกที บะหมี่เองก็ค่อนข้างที่จะต้มง่าย แทบไม่มีความยากเลยด้วยซ้ำ แค่ไม่เผลอใส่เกลือมากเกินไปก็พอแต่อีกเดี๋ยว ไม่ว่าจะเค็มหรือไม่ก็ตาม เธอจะต้องอดทนกินมันให้หมด แม้ว่าจะรสชาติแย่แค่ไหนก็ตามถึงยังไง การที่คนอย่างเย่เทียนหยู่ยอมลงมือทำบะหมี่ให้เธอด้วยตัวเองแบบนี้ เธอก็รู้สึกมีความสุขมากแล้ว“อีกเดี๋ยวก็รู้แล้ว”เย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็ว และดูคล่องแคล่วมาก ไข่ไก่ที่อยู่ในมือของเขา ไม่นานก็ถูกตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน ก่อนจะถูกผสมลงไปกับเส้นบะหมี่ภายใต้การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและน่าตื่นตาตื่นใจของเขา ทั้งเส้นบะหมี่ไข่ผักก็ได้ถูกปรุงจนเสร็จเรียบร้อยแล้วหากรวมเวลาตั้งแต่ที่เขาเริ่มลงไปซื้อของด้วย เมื่อกี้มันเพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเองหลินหว่านหรูมองไปยังชามและตะเกียบที่วางอยู่ตรงหน้า ความสุขอันล้นหลามก็ห่อหุ้มตัวเธอเอาไว้ จากนั้นเธอก็รีบก้มหน้าคีบเส้นบะหมี่เข้าปากทันทีเดิมเธอคิดว่ามันไม่น่าจะกินได้แน่ ๆแต่ทันทีที่เธอได้สูดเส้นบะหมี่เข้าไป หลินหว่านหรูก็รู้สึกเหมือนถูกมนต์ส
“อือ งานยุ่งจนดึกมากขนาดนี้ คงหิวแล้วใช่ไหม?” เย่เทียนหยู่ถาม“ยังไหว ยังไม่หิวเท่าไหร่!”แต่ทันทีที่หลินหว่านหรูพูดจบ ท้องของเธอก็ส่งเสียงดังออกมา ซึ่งทำให้เธอหน้าแดงเล็กน้อย“ยังจะบอกว่าไม่หิวอีก ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปกินมื้อดึก”“มันดึกมากแล้ว ไม่ต้องไปหรอก สั่งเดลิเวอรีมาก็ได้” หลินหว่านหรูนึกขึ้นได้ว่าแถวนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้กินสักเท่าไหร่ นอกเสียจากต้องเดินออกไปไกลอีกหน่อย หรือไม่ก็ขับรถไปแบบนั้นมันดูจะยุ่งยากไปหน่อย ที่สำคัญคือกลัวว่ามันจะดึกเกินไป จนทำให้ส่งผลกระทบกับการทำงานของเธอในวันพรุ่งนี้เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและส่ายหัว ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ของข้างนอกสามารถกินได้ แต่ก็ไม่ควรกินบ่อย ๆ ถ้าคุณกลัวว่ามันจะยุ่งยากจริง ๆ งั้นคุณก็รอผมเดี๋ยวนะ”เมื่อพูดจบ เขาก็เดินออกไปทันทีเขาจำได้ว่าข้างล่างห่างไปไม่ไกลนัก มีร้านขายของชำเล็ก ๆ อยู่ร้านหนึ่ง ซึ่งก็น่าจะมีบะหมี่อะไรแบบนั้นขายอยู่ด้วยด้วยความเร็วของเขา ไม่นานเขาก็กลับมา แถมยังซื้อของกลับมาได้อย่างรวดเร็วอีกด้วยไข่ไก่ บะหมี่ ผงปรุงรสรสไก่ แล้วก็ซีอิ๊วขาว ส่วนอย่างอื่นก็ไม่ได้ซื้ออะไรมาอีกแต่ถึงอย่างนั้น เจ้าของร้านท
ทันใดนั้น เหอฉุนก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เกรงว่าคุณเย่เองก็น่าจะมองออกตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเธอจะไม่กล้าทำอะไรแบบนั้น ถึงได้กล้ามอบเงินกว่าห้าหมื่นล้านให้กับเฟยเฟยโดยไม่คิดอะไรเกรงว่าคุณเย่อาจจะเดาได้แต่แรกแล้ว ว่าเฉินเฟยเฟยจะมอบเงินให้ตนเป็นคนจัดการ เขาไม่กลัวว่าตนจะฉ้อโกงเลยแม้แต่น้อยคุณเย่คนนี้ ช่างเป็นคนที่มีความสามารถมากจริง ๆ!คุณเย่คะ วางใจเถอะค่ะ ฉันรับรองว่าฉันจะทำให้สุดความสามารถ ทำให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วให้ได้ และทำให้เงินลงทุนของคุณได้กำไรคืนทุนมากกว่าสิบเท่าให้ได้!แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย เย่เทียนหยู่ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น เขาแค่อยากให้เฉินเฟยเฟยได้มีที่ที่ปลอดภัยก็เท่านั้น จะหาเงินได้ไหม หรือว่าจะถูกฉ้อโกงรึเปล่า มันไม่สำคัญเลยสักนิดสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความสุขและความเป็นอิสระ!เงินแค่ห้าหมื่นล้าน ก็เป็นเพียงเศษเงินของเขาเท่านั้น หายไปก็ไม่เสียดายหลังจากที่เย่เทียนหยู่ออกจากโรงแรม เขาก็ตรงกลับไปยังที่พักทันที เกี่ยวกับห้องชุดนี้ เขาก็ได้ส่งกุญแจห้องให้หลินหว่านหรูตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วพร้อมทั้งบอกที่อยู่กับเธอแล้วด้วย และให้เธอเลิกงานเร็วหน่
สีหน้าของจางผิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นต่อไปนี้ จะไม่มีใครกล้ามารังแกพี่เฟยเฟยได้อีกแล้ว พวกเธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไปเมื่อเห็นว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว ทุกอย่างก็สามารถเริ่มดำเนินการได้ในทันที หลังจากนี้ก็คงต้องคิดชื่อบริษัทให้ดี ๆ แล้วล่ะเหอฉุนคิดอยู่สักพัก ก่อนที่จู่ ๆ จะพูดขึ้นว่า “ฉันนึกออกแล้วหนึ่งชื่อ ไม่งั้นเราก็ใช้ชื่อว่าเฟยเทียนมิวสิคคัลเจอร์กันเถอะ!”“เฟยเทียนงั้นเหรอ?”เฉินเฟยเฟยถามด้วยความอยากรู้ขึ้นว่า “ทำไมถึงต้องเรียกว่าเฟยเทียน หมายถึงการบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอะไรทำนองนั้นน่ะเหรอ?”เหอฉุนที่ได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ก่อนจะอธิบายออกไปว่า “อันที่จริงก็มีความหมายแบบนั้นแหละ แต่อักษรเฟยตัวนี้ไม่ได้หมายถึงอักษรที่แปลว่าบินทยานหรอก!”เฉินเฟยเฟยรู้สึกตกใจเล็กน้อย ทันใดนั้นเธอก็คิดออก แววตาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น ชื่อนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ“ฉันรู้แล้ว เป็นอักษรเฟยที่มาจากชื่อของพี่เฟยเฟยนี่เอง!”ครั้งนี้ จางผิงเองก็เข้าใจเช่นกัน ก่อนจะพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “เฟยที่หมายถึงพี่เฟยเฟย เทียนก็หมายถึงคุณเย่ เป็นการรวมเอาชื่อของพวกพี่มารวมกันได้พอดีเลย
ตอนแรกเธอคิดว่าหุ้นทั้งหมดควรเป็นของพี่เย่ แต่พอมาคิดดูแล้ว ยังไงชีวิตนี้เธอก็เป็นของพี่เย่ เพราะงั้น หุ้นของเธอก็เหมือนเป็นของพี่เย่ด้วยไม่ใช่รึไงสำหรับพี่เหอ อันที่จริงพี่เย่ก็พูดเอาไว้แล้ว หากว่าเธอไม่อยากบริหารบริษัทจริง ๆ ก็มอบหมายให้พี่เหอเป็นคนดูแลทั้งหมดเลยก็ได้ ดังนั้นก็ควรที่จะให้พี่เหอถือหุ้นบางส่วนเอาไว้ด้วยจึงจะดีที่สุดส่วนเรื่องจำนวนของหุ้นนั้น พี่เย่ก็ไม่ได้กำหนดเอาไว้“เดี๋ยวก่อนนะ เฟยเฟย เธอพูดว่าอะไรนะ เธอจะให้ฉันถือหุ้น 20 เปอร์เซ็นต์ด้วยงั้นเหรอ?” เหอฉุนรู้สึกตกใจมาก เพราะการที่มีหุ้นแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ จำนวนเงินก็ปาไปหมื่นล้านแล้ว“ใช่แล้วค่ะ พี่เหอรู้สึกว่ามันน้อยไปรึเปล่าคะ?”“ไม่หรอก ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันคิดว่ามันมากเกินไปต่างหาก”เหอฉุนรู้สึกตกใจอีกครั้ง“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงยังไงพี่เย่ก็เห็นด้วยแล้ว จะให้ฉันถือหุ้นมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี”“ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด ฉันไม่ได้มีส่วนร่วมในเงินทุนแม้แต่บาทเดียวเลยนะ จะให้ฉันถือหุ้นมากมายขนาดนั้นได้ยังไง” เหอฉุนเองก็มีความคิดที่จะร่วมลงทุนอยู่ด้วย แต่ปัญหาคืออยู่ ๆ ก็กลายเป็นผู้ร่วมลงทุนกว่าหมื่
“อะไรนะ!”ถึงจะเดาได้ว่าเย่เทียนหยู่ต้องการช่วยก่อตั้งบริษัททำเพลงให้ก็เถอะ แต่การที่ลงทุนให้ตั้งห้าหมื่นล้านก็ทำให้เหอฉุนรู้สึกตกใจมาก เพราะโดยทั่วไปแล้ว ไม่มีบริษัทที่ไหนจำเป็นต้องใช้เงินมากขนาดนั้นแล้วยังมาพูดอีกว่า แค่ช่วยออกเงินลงทุนให้ห้าหมื่นล้านเท่านั้น เงินก็คือเงินไม่ใช่รึไง?เหอฉุนไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า อีกฝ่ายต้องรู้สึกยังไง ถึงสามารถทำให้คนคนหนึ่งหยิบเงินออกมาลงทุนเป็นหมื่นล้านโดยไม่คิดอะไรได้ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไปเพื่อยืนยันความจริง “เฟยเฟย เธอบอกว่าเป็นเงินเท่าไหร่นะ ห้าหมื่นล้านงั้นเหรอ?”“ใช่แล้ว ห้าหมื่นล้าน หรือว่ามันยังไม่พอเหรอคะ?”“ถึงแม้ว่าจะไม่พอก็ไม่เป็นไร พี่เย่บอกเอาไว้แล้ว ว่าให้เอาเงินห้าหมื่นล้านนี้ไปใช้เล่น ๆ ก่อน หากยังไม่พอ เขาก็สามารถเพิ่มเงินลงทุนได้ทุกเมื่อเลยค่ะ” เฉินเฟยเฟยไม่ได้มีแนวคิดเกี่ยวกับการลงทุนมากนักตอนนั้นเธอเองก็ถูกตัวเลขที่เย่เทียนหยู่พูดทำให้ตกใจเช่นกัน แต่พี่เย่ก็บอกเอาไว้แล้วว่า เงินจำนวนนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะเขามีเงินที่ไม่ว่าจะใช้ยังไงก็ใช้ไม่หมดอยู่แล้วต่อให้เป็นแสนล้านเขาก็มี!ตัวเลขเหล่านั้น เธอแ