หัวหน้าใหญ่ซามองไปที่เรือนร่างอันอวบอิ่มของซูถิงด้วยสายตาที่ชั่วร้าย และพูดออกมาว่า “ ไม่เลวเลย แถมยังสวยอีกด้วย ดีเลย ฉันไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิงสองคนพร้อมกันมานานแล้วเหมือนกัน”หลินหว่านหรูรู้สึกสิ้นหวัง ทั้งตกใจและโกรธเธอคิดไม่ถึงเลยว่าหัวหน้าใหญ่ซาที่มีสถานะสูงศักดิ์จะเป็นคนที่ทำอะไรต่ำช้าได้ขนาดนี้โดยทั่วไปแล้ว คนที่จะมีตำแหน่งหรืออำนาจสูงแบบนี้ได้ ส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นคนที่ไม่ธรรมดาทั้งนั้นใครจะไปคิดว่าระดับหัวหน้าใหญ่ซาจะทำตัวเหมือนกับพวกอันธพาลแบบนี้“เธอจะยอมเชื่อฟังฉัน หรือรอให้ฉันจัดการเอง?” หัวหน้าใหญ่ซายืนขึ้นแล้วเดินตรงไปที่หลินหว่านหรู“ฝันไปเถอะ!”หลินหว่านหรูเดินถอยหลังไปด้วยความตกใจปนกับความโกรธ และพูดอย่างหมดหวัง “ต่อให้ฉันต้องตาย ฉันก็ไม่ยอมให้แกได้สิ่งที่ต้องการหรอก”“ตายงั้นเหรอ?”หัวหน้าใหญ่ซายิ้มเย้ย “เชื่อไหมว่าต่อให้เธอตาย ฉันก็ไม่ปล่อยร่างกายของเธอไปหรอก”“แก แกมันเดรัจฉาน!”“เธอพูดถูก ฉันมันไม่ใช่คนหรอก! ไม่ใช่แค่ร่างกายของเธอที่ฉันไม่ยอมปล่อยไป แม้แต่เพื่อนสนิทของเธอฉันก็จะให้ผู้ชายร้อยคนค่อย ๆ เล่นกับเธอเอง”“เมื่อถึงเวลานั้น เธอจะรู้ว่ามันเลวร
เห็นได้ชัดว่าหลินหว่านหรูนั้นทำเรื่องไม่ดีต่อเย่เทียนหยู่ ทั้งเรื่องที่เข้าใจผิดและเรื่องที่ถูกดุด่าว่าร้าย แล้วทำไมเขาถึงไม่โทษเธอเลยล่ะ?ในฐานะที่ภรรยาก่อเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่ว่าควรจะถูกตำหนิหรอกเหรอในขณะเดียวกันนี้เอง เย่เทียนหยู่ก็หันหน้าไปทางหัวหน้าใหญ่ซาทันที ใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนก่อนหน้านี้ก็ถูกแทนทีด้วยความเย็นชาเมื่อเห็นสภาพของหลินหว่านหรู ถ้าหากตนมาไม่ทันเวลา อาจจะเกิดเรื่องเลวร้ายไปแล้วหัวหน้าใหญ่ซาก็โกรธมากเช่นกัน เขาโกรธจนเดือดพล่านไปหมด กี่ปีมาแล้ว ที่ไม่มีคนทำเมินเฉยไม่สนใจเขาแบบนี้“หัวหน้าใหญ่ซาใช่ไหม งั้นให้ฉันแนะนำตัวเองสักนิดก็แล้วกัน ฉันคือเย่เทียนหยู่” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง แต่ตรงกันข้ามกันกับจิตสังหารของเขาที่ปิดยังไงก็ปิดไม่มิด“แกคือเย่เทียนหยู่งั้นเหรอ แกคือไอ้คนที่มันทำร้ายลูกชายของฉันสินะ พอดีเลย ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามหาแก เพราะตอนนี้แกก็มาที่นี่ด้วยตัวเองแล้ว”“วันนี้ แกอย่าได้หวังเลยว่าจะได้ออกไปจากที่นี่แบบมีชีวิต”หัวหน้าใหญ่ซาไม่มีความเกรงกลัวเขา อีกทั้งแววตาของเขาตอนนี้แฝงไปด้วยความดุร้ายและจิตสังหารอันแรงกล้
จากนั้น เย่เทียนหยู่ก็หยิบท่อนเหล็กขึ้นมา แล้วเหวี่ยงไปรอบ ๆ ซ้ายขวา เขาได้ยินแค่เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดที่ลอยออกไป และกลิ้งตลบไปมาบนพื้นเท่านั้นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ ขณะที่เขากำลังโจมตีอยู่ เขาไม่แม้แต่จะมองอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ ดวงตาของเขาจ้องมองแค่หัวหน้าใหญ่ซาที่อยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้นดวงตาของทุกคนเริ่มเต็มไปด้วยความกลัว ต่างก็ยื่นไม่อยู่กับที่ ค่อย ๆ ก้าวถอยหลังกลับไปยิ่งไม่ต้องพูดถึงแค่พวกเขา ต่อให้เป็นซูถิงและหลินหว่านหรูที่เคยเห็นเย่เทียนหยู่ลงมือมาแล้ว ก็ยังคงตกตะลึงอยู่ดีพวกเขารู้ว่าทักษะกังฟูของเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ทุกครั้งที่เขาลงมือ กลับเกินกว่าที่พวกเธอจินตนาการไว้เสียอีก“มาสิ ต่อได้เลย! ”เย่เทียนหยู่ประสานนิ้วของเขา แล้วพูดอย่างเรียบเฉย“ลุย ลุยพร้อมกันกับฉัน ใครที่สามารถแตะโดนมันได้ มีรางวัลให้ห้าแสน ต่อยโดนมันได้ ให้ห้าล้าน แต่ถ้าทำให้มันล้มลงได้ มีรางวัลให้ห้าสิบล้าน! ”หัวหน้าใหญ่ซาตะโกนด้วยน้ำเสียงที่ทั้งตกใจและหวาดกลัวดังคำกล่าวที่ว่า จะต้องมีผู้กล้าภายใต้รางวัลอันหนักหน่วงหลังจากได้ยินเงินรางวัลก้อนโตแบบนี้ ในเวลานั้นใครมันจะไปสนใจ
ซูถิงเองก็พูดโน้มน้าวด้วย แถมเธอยังคิดเผื่อเย่เทียนหยู่ด้วยเช่นกันที่สำคัญที่สุดคือน้ำเสียงมีความอ่อนโยนเป็นพิเศษหลินหว่านหรูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ตั้นแต่เมื่อไหร่ที่ซูถิงพูดอ่อนโยนกับเย่เทียนหยู่แบบนี้ แต่ว่าก็อาจจะเป็นเพราะวันนี้เย่เทียนหยู่ช่วยพวกเธอไว้ก็ได้ยังไงซะ ถ้าหากไม่มีเย่เทียนหยู่ คืนนี้ก็คงจบเห่ไปแล้วหัวหน้าใหญ่ซามองไปที่เย่เทียนหยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ดวงตาของเขากำลังขอร้องอ้อนวอน แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความโกรธ ใช่ คนของเขาไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้จริง ๆแต่นั่นมันก็แค่วันนี้เท่านั้นแหละ เขาจะต้องให้มือปืนสักชุดซุ่มโจมตีให้ได้ต่อให้กังฟูของแกจะดีแค่ไหน แต่คิดว่าจะเร็วสู้ลูกกระสุนปืนได้อย่างงั้นเหรอคนอื่นไม่ทันได้สังเกตเห็น แต่เย่เทียนหยู่กลับสังเกตเห็นความชั่วร้ายในแววตาของหัวหน้าใหญ่ซา คนแบบนี้น่ะ หากยังปล่อยให้ลอยนวลไป ไม่รู้ว่าจะไปทำเรื่องที่เลวร้ายอะไรอีกถ้าแค่มาหาเรื่องเขาคนเดียว นั่นก็ไม่เป็นไร แต่ที่กลัวคือ กลัวว่ามันจะไปหาเรื่องหลินหว่านหรูมากกว่า“ไม่ได้ วันนี้เขาจะต้องตาย”ท่าทางของเย่เทียนหยู่เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที เขาจะต้องลงมือให้ได้แต่ในขณะเด
“เย่เทียนหยู่ นายเป็นคนแจ้งตำรวจหรือเปล่า” หลินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะถาม“เปล่า! ” เย่เทียนหยู่ส่ายหัว“จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง ดูท่าทางของผู้กองจางเมื่อกี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเราก็อยู่ที่นี่ด้วย” หลินหว่านหรูพูดด้วยความสับสนซูถิงเองก็ตกตะลึง ไม่ใช่เย่เทียนหยู่หรอกเหรอ? แต่ว่าต่อให้ไม่ใช่เขา คนนั้นก็น่าจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเย่เทียนหยู่พอสมควร แต่ก็ไม่ควรให้หลินว่านหยูรู้เรื่องนี้ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังต้องการที่จะให้หลินหว่านหรูรู้สึกหวั่นไหวกับนายน้อยหลิวด้วยจู่ ๆ เธอก็มีความคิดเข้ามาในหัว และรีบพูดว่า “ฉันรู้แล้ว ต้องเป็นนายน้อยหลิวแน่ ๆ! ”“นายน้อยหลิวอย่างงั้นเหรอ? ”หลินหว่านหรูกลับไม่คิดแบบนั้น จากพฤติกรรมของนายน้อยหลิวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับซาจื่อหาว เขาไม่กล้าแม้แต่จะเป็นปรปักษ์กับตระกูลซาด้วยซ้ำ ไม่เห็นก่อนหน้านี้ที่หลิวเจี๋ยถูกเขาทำให้ตกใจจนตื่นตระหนกหรือไง“ต่อให้เธอจะคิดว่านายน้อยหลิวไม่ได้เรื่อง แต่ฉันก็ยังโทรหาเขา เขาบอกให้ฉันใจเย็น ๆ แล้วยังบอกอีกว่าลุงของเขากำลังตรวจสอบซาวั่นไห่อยู่”“ถ้าฉันเดาไม่ผิด นี่อาจจะเป็นคำขอของนายน้อยหลิว เบื่องบนถึงได้ดำเนินหารกับซาวั
เย่เทียนหยู่ขับรถด้วยตัวเอง แค่เขาไม่ได้ขับตามรถของซูถิงแต่ขับไปอีกทางหนึ่งแทน ขับไปทางโรงพยาบาลหญิงชราคนนั้นกล้ามาตบหน้าภรรยาของเขา เขาจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?ผู้กองจางและคนอื่น ๆ พาตัวซาวั่นไห่ไป ออกไปอย่างเอิกเกริก ระหว่างทางเขาได้โทรหานายกเทศมนตรีหวง และรายงานว่า “การดำเนินการราบรื่นดีมาก พวกคุณผู้ชายเย่และคนอื่น ๆ ก็ไปแล้ว ซาวั่นไห่เองก็ถูกนำตัวกลับไปที่สถานีตำรวจแล้วครับ”“ดี ความดีความชอบครั้งนี้ นายเป็นคนได้ทั้งหมด”ในใจนายกเทศมนตรีหวงเองก็รู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกัน การที่จับตัวซาวั่นไห่ได้นั้น ก็เหมือนได้ช่วยเมืองเทียนไห่แก้ปัญหาโรคเรื้อรังนี้ได้ ได้ทำเพื่อผู้ที่เกี่ยวข้องและเสียใจไปไม่น้อยกับเรื่องนี้ที่ได้“ขอบคุณมากครับ นายกเทศมนตรีหวง! ”ผู้กองจางเองก็มีความสุขมากเช่นกัน ที่จริงพวกเขากำลังตรวจสอบซาวั่นไห่อย่างลับ ๆ อยู่ เหตุผลหลัก ๆ เลยก็คือครอบครัวของซาวั่นไห่นั้นทั้งหยิ่งและทำตัวครอบงำมากเกินไป แทบจะไม่มีทางควบคุมได้เลยด้วยซ้ำแต่เนื่องจากความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ของตระกูลซา บวกกับการสนับสนุนอย่างลับ ๆ จากใครบางคน การตรวจสอบจึงถูกขัดขวางอยู่ระ
ซูถิงเองก็ยังสงสัยเลยว่าเย่เทียนหยู่ไปอยู่ที่ไหน เธออดไม่ได้ที่จะแอบโทรหาเขา“เย่เทียนหยู่ หว่านหรูขอให้ฉันถามนายว่าตอนนี้นายอยู่ที่ไหน ทำไม่ยังไม่กลับมาอีก? ”“ฉันมาที่โรงพยาบาล ฉันจะกลับไปหลังทำธุระเสร็จ”หลังจากที่เย่เทียนหยู่พูดจบ เขาก็วางสายโทรศัพท์แล้วเดินเข้าไปข้างใน เนื่องจากวิลล่าอยู่ห่างจากโรงพยาบาลชั้นนำของเมืองเทียนไห่ค่อนข้างไกล จึงต้องใช้เวลาเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อยซูถิงตกตะลึงในตอนแรก จากนั้นจึงเข้าใจทันที เย่เทียนหยู่คงต้องการจะระบายความโกรธแทนหลินหว่านหรู หลินหว่านหรูปฏิบัติต่อเขาดีขนาดนั้น เธอไม่เพียงแต่ไม่กล่าวโทษ แต่เธอกลับยิ่งคิดว่าดีซะอีกทันใดนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของหลินหว่านหรูก็ดังขึ้น เธอคิดว่าเป็นเย่เทียนหยู่ จึงรีบรับสายทันที“หลินหว่านหรู ฉันจะให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้าย ตอนนี้เธอกลับมาที่เตียงของลูกชายฉันแต่โดยดี ไม่เช่นนั้น ฉันรับประกันได้เลยว่า เธอจะต้องเจอเรื่องน่าเวทนาแน่ ตระกูลหลินเองก็จะถูกทำลายด้วยเหมือนกัน”หลังจากที่คุณนายซาพูดขู่เสร็จ เธอก็วางสายโทรศัพท์ทันทีในความเห็นของเธอ คำพูดเหล่านี้ก็เพียงพอแล้ว และไม่จำเป็นต้องมีการต่อบทสนทนาอะไรอีก
ในขณะที่เย่เทียนหยู่ไม่ขยับเลยสักนิดแต่คุณนายซากลับกรีดร้องเพราะโดนตบหน้า รอยนิ้วมือทั้งห้าที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอมองเห็นได้ชัดเจนมากแรกๆคุณนายซาก็รู้สึกสับสน จากนั้นเธอก็เริ่มเป็นบ้าและสาปแช่งเขาด้วยความโกรธ “นี่แกกล้าตบหน้าฉันงั้นเหรอ แกอยากตายนักรึไง ฉันเอาแกตายแน่!”ขณะที่เธอพูดเธอก็รีบวิ่งไปยังเขาเหมือนคนปากร้ายเพี๊ยะ!เธอโดนตบหน้าอย่างแรงอีกครั้งอีกทั้งยังโดนตบซ้ำไปที่เดิมโอ๊ย!คราวนี้คุณนายซาก็จะกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเธอ เธอรีบเอาฝ่ามือทาบแก้ม ไม่อยากจะเชื่อเหตุการณ์ที่เธอเห็นเลยสักนิดเธอไม่เคยคิดเลยว่า คนที่ฐานะสูงส่งอย่างเธอจะมีวันที่เธอต้องโดนตบแบบนี้จริงๆเย่เทียนหยู่ดูสงบและพูดอย่างใจเย็น “โดยปกติแล้วผมจะไม่ตบผู้หญิงนะ แต่สำหรับคนอย่างคุณ ถ้าหากผมเจอคนเดียวก็จะตบคนเดียว แต่ถ้าเจอเป็นคู่ก็จะตบทั้งคู่!”“แก แกมันบ้าจริงๆ ฉันจะบอกให้นะ แกจะต้องตายแน่ๆ ตระกูลซาจะต้องไม่ปล่อยแกไป ไม่ปล่อยแกไปเด็ดขาด”“ตระกูลชาเหรอ?”ใบหน้าเย่เทียนหยู่แสดงความเหยียดหยาม และพูดด้วยความใจเย็นว่า “คุณแน่ใจหรือว่าตอนนี้ตระกูลชายังคงมีอยู่เหมือนเดิม?”
“ครับ เจ้านาย!”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ หยางผั่วจวินก็กลับไม่โต้แย้งเลยแม้แต่คำเดียว เขาเพียงก้มตัวและโน้มศีรษะด้วยท่าทีเคารพเท่านั้น ก่อนจะถอยกลับไปฉากนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อกี้ท่าทีของหยางผั่วจวินดูหยิ่งยโสอย่างมาก แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงเขาได้เลย แต่เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักหยู่ กลับแสดงท่าทีเคารพออกมาเสียอย่างนั้น ให้เกียรติมากถึงขั้นเรียกว่าเจ้านายเลยด้วยที่สำคัญเลยก็คือ ดูเหมือนว่าเขาจะทำเพราะความเต็มใจเสียด้วยซ้ำนี่จึงยิ่งทำให้ในใจของเจวี๋ยเทียนเกิดความมืดมนขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อลองนึกดูอีกที ต่อให้เจ้าตำหนักหยู่จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็คงไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขั้นนั้นแน่นอนเว้นเสียแต่ว่า เขาจะเลื่อนขั้นถึงระดับเทพยดาแดนดินแล้วแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในวัยแค่นี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้ส่วนหยางผั่วจวิน เจ้าเด็กนั่นมีร่างกายที่แปลกประหลาด เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงไม่อาจมองเขาเป็นแค่คนธรรมดาได้เพราะด้วยเหตุนี้ เจวี๋ยเทียนจึงคิดว่าเย่เทียนห
แต่สีหน้าของเจวี๋ยซินกลับเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาถึงขั้นยอมสละทุกอย่างออกไปจนหมดแล้วแท้ ๆ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยไม่มีกระทั่งบาดแผลเลยแม้แต่น้อย!เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกจากปาก ก่อนจะสลบไปในทันที“เจวี๋ยซิน!”เจวี๋ยเทียนตกใจมาก เขาจึงรีบตรวจสอบร่างกายของเขาโชคดี ที่มันเป็นแค่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาจนร่างกายอ่อนแอลงก็เท่านั้น ก่อนจะนำยาสองสามเม็ดให้เขากิน จากนั้นจึงเรียกให้ยอดฝีมือคนอื่นพาไปดูแลต่อเมื่อเห็นเจวี๋ยซินกำลังถูกยกลงไปจากสนาม แววตาของหยางผั่วจวินก็เป็นประกาย ก่อนจะพูดว่า “เจวี๋ยเทียน เจวี๋ยซินถูกฉันจัดการจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว มันกลายเป็นสวะไปแล้ว งั้นแกก็รีบขึ้นมาแก้แค้นแทนเขาเถอะ มาจัดการฉันซะสิ?”“......”คนอื่น ๆ ต่างก็หมดคำจะพูด หยางผั่วจวินคนนี้ต้องการจะทำให้เจวี๋ยเทียนโกรธจนตายเลยรึไง อวดดีเกินไปแล้วพวกเขาคิดแค่ว่าหยางผั่วจวินกำลังตั้งใจจะดูถูกเจวี๋ยเทียน แต่จริง ๆ แล้วหยางผั่วจวินแค่ต้องการต่อสู้เท่านั้นทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจวี๋ยเทียน เพื่อดูว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไรหากเขาปฏิเสธ นั่นก็เท่ากับ
เจวี๋ยซินส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ร่างกายของเขากลับมามีพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้ท่าทีของเขาดูเหมือนคนบ้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาแดงก่ำสีหน้าของหยางผั่วจวินดูมืดลง เขารู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วหลังจากท่านี้ถูกปล่อยออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแน่นอนตัวเขาเองก็ทำการรวบรวมกำลังภายในของตนด้วยเช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของชี่แท้ถูกหลอมรวมเอาไว้ที่หมัดทั้งสองข้างทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่ดีที่สุดทุกคนต่างจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากทำการปล่อยท่านี้ออกไป ผลแพ้ชนะของทั้งสองก็จะปรากฏออกมาแล้วเป็นอย่างที่คิด เวลาหลังจากนั้นผ่านไปเพียงชั่วขณะ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นซ้อนกันเป็นระยะ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบมีเพียงกระแสของกำลังภายในที่น่าทึ่งลอยเต็มไปหมดพื้นที่ทั้งหมดถูกฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพายุหมุนที่พัดผ่านไปมาทั้งสองคนติดอยู่ด้านในกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนผลกระทบที่เกิดจากพลังอันน
“สายเกินว่าที่แกจะเข้าไปขวางแล้วล่ะ”“ก็แล้วแต่แกจะคิด เสร็จรึยัง ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย” หยางผั่วจวินพูดด้วยความตื่นเต้น รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้าคือสาวงามที่หาใดเปรียบแทบอยากกระโจนเข้าไปกระชากเสื้อผ้าออกจนเกลี้ยงเขาแทบรอไม่ไหวแล้วจริง ๆคนอื่น ๆ ต่างมองฉากนี้ด้วยความงงงวย และหมดคำจะพูดไปโดยสิ้นเชิงบางครั้งพวกเขาก็อยากจะพูดออกไปว่า เจ้าเด็กนี่กำลังรนหาที่ตายอยู่รึไง ในตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดแบบนี้ แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าหมัดที่ทรงพลังนั้นได้ตอบคำถามทั้งหมดกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพวกเขาคิดผิด กระทั่งผิดจนไม่อาจให้อภัยได้เลยทีเดียวแต่คำพูดนี้ กลับทำให้เจวี๋ยซินโกรธจัดทันทีเห็นเพียงกำลังภายในของเจวี๋ยซินที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดที่น่ากลัว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ จ้องมองไปทางหยางผั่วจวินอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เจ้าหนู แกตายซะเถอะ!”หลังจากที่เขาพูดจบ เจวี๋ยซินก็พุ่งตรงเข้าหาหยางผั่วจวินทันที พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวจนน่าตกใจ“เข้ามาเลย!”หยางผั่วจวินเองก็ตรงเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรงเช่นกัน เมื่อเขาเห็นพลังที่เพิ
เมื่อเห็นว่าหยางผั่วจวินไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แถมยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก เจวี๋ยซินกลับแทบพังทลายอยู่รอมร่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอด จะให้ทนอับอายอยู่แบบนี้ได้อย่างไรเมื่อเจวี๋ยเทียนเห็นฉากนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแย่แล้ว! สถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ เกรงว่าเขาคงจะเปิดใช้เวทอาคมเป็นแน่ จะทำอย่างไรดีเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงแววตาแดงก่ำของเจวี๋ยซิน เขาบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “เวรเอ้ย ฉันไม่มีทางยอมแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกแน่!”ทันทีที่เขาพูดจบ มือขวาของเขาก็ยาเม็ดหนึ่งออดมา ก่อนจะกลืนมันลงไปทันทีสีหน้าเจวี๋ยเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีว่าเจวี๋ยซินคิดจะทำอะไรเขาต้องการที่จะหยุดยั้งเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยปาก เพราะนอกจากสิ่งนี้ ก็แทบจะไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกแล้วทุกคนต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ การที่เลือกกินยารักษาบาดแผลในเวลานี้ เกรงว่าคงจะไม่ช่วยอะไรมากนักแต่ในเวลาต่อมา เจวี๋ยซินก็ได้เริ่มทำการใช้วิชามารที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้อย่าง วิชามหาเวทสลายชีพจรทันที ผ่านไป
“เข้ามาเลย!”สีหน้าหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็เริ่มด้วยเช่นกันในชั่วพริบตา ทั้งสองต่างก็นำพาพลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ในเวลาอันสั้น ทั้งสองกลับมีการแลกกระบวนท่ากันไปแล้วกว่าสิบกระบวนท่าภายใต้การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ได้มีการปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ชมต้องตกตะลึงไปกับความตื่นตาตื่นใจทุกคนต่างจ้องมองการต่อสู้บนสนามโดยไม่ละสายตาหลัก ๆ แล้วการต่อสู้ของทั้งสองนั้นน่ากลัวและแข็งแกร่งมาก ทั้งชีวิตนี้ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นการต่อสู้แบบนี้อีกแล้วนอกจากนี้ พวกเขาต่างก็มีผู้สนับสนุนของตนเองเวลาผ่านไปนานพอสมควร ทั้งสองถึงได้แยกออกจากกันหลังจากการเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง หยางผั่วจวินหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดอย่างมีความสุขออกไปว่า “สะใจ นี่สิ ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้!”“คนเมื่อกี้ มารโลหิตอะไรนั่นก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นแหละ!”“......”ทุกคนที่กำลังตั้งใจดูการต่อสู้ จู่ ๆ พูดแบบนี้ขึ้นมา เสียมารยาทเกินไปไหมถ้าบอกว่ามารโลหิตคือขยะ เช่นนั้นพวกเราล่ะ?สีหน้าเจวี๋ยซินดูเคร่งเครียด แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เขาก็แทบจะใช
ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กันทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนพวกเขาไม่มีเวลาให้ได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำในเวลาอันสั้น เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ สถานการณ์ในสนามก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก มารโลหิตถูกสังหารในทันทีไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าหยางผั่วจวินจะลงมือได้อย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้ แถมยังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมอีกต่างหากบอกได้เลยว่า ในตอนนั้นมารโลหิตเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าตนจะต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้ในใจของตู๋เปียนฝูและบรรพจารย์หวงเฉวียนต่างก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน พลังของพวกเขาต่างจากมารโลหิตก็จริง กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพวกเขาบุกเข้าไป ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกโชคดีมากจริง ๆโดยเฉพาะตู๋เปียนฝู เมื่อกี้เขาเองก็กำลังคิดที่จะลงมือเช่นกันถ้าหากเขาลงมือจริง ๆ ตอนนี้คนที่นอนกองอยู่บนพื้นก็คงเป็นเขาไปแล้วปรมาจารย์ที่แท้จริง น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอ?พวกเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าระดับปรมาจารย์ที่ตนมีอยู่ตอนนี้จะเป็นของปลอมรึเปล่าเย
พลังทั้งสองปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง แรงกดดันมหาศาลกระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับพายุฝนฟ้าคะนอง น่าสะพรึงกลัวและน่าตกใจอย่างมากอึก!มารโลหิตร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดพุ่งออกมาจากปาก ก่อนที่ตัวเขาจะเดินถอยหลังอย่างควบคุมไม่ได้เพียงแค่หมัดเดียว อวัยวะภายในของเขาก็ได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงจนไม่เหลือชิ้นดี สภาพดูน่าอนาถมาก เห็นได้ชัดว่าภายในได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงต้องเข้าใจก่อนว่า ความสามารถของเขาเองก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเช่นกันแม้ว่าระยะเวลาในการบรรลุจะเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้วพูดตามตรง ความแข็งแกร่งของเขายังห่างจากหยางผั่วจวินอยู่มาก ซึ่งความแข็งแกร่งของหยางผั่วจวินตอนนี้ก็ได้ไปถึงคอขวดของระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้ว บวกกับร่างกายที่ไม่เหมือนใครของหยางผั่วจวินที่ทำการโจมตีอย่างฉับพลันนั่นอีก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะสามารถรับกระบวนท่านี้ของอีกฝ่ายได้ ช่างเป็นความเร็วที่น่าทึ่งจริง ๆ!เป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวมาก!ทุกคนที่เห็นฉากนี้ ต่างก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน แบบนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้วเมื่อเทียบกันแล้ว เห็นได้
ทันทีที่พูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงทันที!สามหาว!สามหาวเกินไปแล้ว!นี่มันสามหาวจนเกินเยียวยาแล้วจริง ๆ!เยว่เหลียนหานและคนจากสำนักดอกไม้ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน จนเกือบคิดว่าตัวเองประสาทหลอนไปแล้วเสียอีก แม้จะรู้อยู่แล้วว่าหยางผั่วจวินคนนี้แข็งแกร่งมากก็เถอะ แต่นี่มันก็บ้าเกินไปแล้ว คิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองจะมีความสามารถมากขนาดนั้น ถึงคิดที่จะสู้กับปรมาจารย์ยอดฝีมือพร้อมกันทีเดียวหลาย ๆ คนอีกอย่าง แค่เจวี๋ยซินคนเดียวก็อาจเพียงพอที่จะทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานได้แล้ว ยังไงซะ นั่นก็เป็นถึงคนที่มีฝีมือเทียบเท่ากับชิงหลงอย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่มู่หรงอินเองก็ยังชะงักไปชั่วขณะ ความรู้สึกตกใจเผยออกมาจากแววตาของเธอลูกน้องของลูกชายตนช่างอวดเก่งเสียจริง ไม่เห็นเจวี๋ยเทียนอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ คิดจะลุยเดี่ยวเลยรึไงดวงตาของทูตใหญ่เบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจจูเก่อหลิวหลีกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก สมแล้วที่เป็นลูกน้องของคุณชาย ยอดเยี่ยมจริง ๆอย่าว่าแต่พวกเขาเลย เย่เทียนหยู่เองก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเช่นกันเชี่ย!เจ้าเด็กนี่ เพื่อที่จะแย่งคู่ต่อสู้มาให้ได้ จำเป็นต้องขนาดนี้เ