หัวหน้าใหญ่ซามองไปที่เรือนร่างอันอวบอิ่มของซูถิงด้วยสายตาที่ชั่วร้าย และพูดออกมาว่า “ ไม่เลวเลย แถมยังสวยอีกด้วย ดีเลย ฉันไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิงสองคนพร้อมกันมานานแล้วเหมือนกัน”หลินหว่านหรูรู้สึกสิ้นหวัง ทั้งตกใจและโกรธเธอคิดไม่ถึงเลยว่าหัวหน้าใหญ่ซาที่มีสถานะสูงศักดิ์จะเป็นคนที่ทำอะไรต่ำช้าได้ขนาดนี้โดยทั่วไปแล้ว คนที่จะมีตำแหน่งหรืออำนาจสูงแบบนี้ได้ ส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นคนที่ไม่ธรรมดาทั้งนั้นใครจะไปคิดว่าระดับหัวหน้าใหญ่ซาจะทำตัวเหมือนกับพวกอันธพาลแบบนี้“เธอจะยอมเชื่อฟังฉัน หรือรอให้ฉันจัดการเอง?” หัวหน้าใหญ่ซายืนขึ้นแล้วเดินตรงไปที่หลินหว่านหรู“ฝันไปเถอะ!”หลินหว่านหรูเดินถอยหลังไปด้วยความตกใจปนกับความโกรธ และพูดอย่างหมดหวัง “ต่อให้ฉันต้องตาย ฉันก็ไม่ยอมให้แกได้สิ่งที่ต้องการหรอก”“ตายงั้นเหรอ?”หัวหน้าใหญ่ซายิ้มเย้ย “เชื่อไหมว่าต่อให้เธอตาย ฉันก็ไม่ปล่อยร่างกายของเธอไปหรอก”“แก แกมันเดรัจฉาน!”“เธอพูดถูก ฉันมันไม่ใช่คนหรอก! ไม่ใช่แค่ร่างกายของเธอที่ฉันไม่ยอมปล่อยไป แม้แต่เพื่อนสนิทของเธอฉันก็จะให้ผู้ชายร้อยคนค่อย ๆ เล่นกับเธอเอง”“เมื่อถึงเวลานั้น เธอจะรู้ว่ามันเลวร
เห็นได้ชัดว่าหลินหว่านหรูนั้นทำเรื่องไม่ดีต่อเย่เทียนหยู่ ทั้งเรื่องที่เข้าใจผิดและเรื่องที่ถูกดุด่าว่าร้าย แล้วทำไมเขาถึงไม่โทษเธอเลยล่ะ?ในฐานะที่ภรรยาก่อเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่ว่าควรจะถูกตำหนิหรอกเหรอในขณะเดียวกันนี้เอง เย่เทียนหยู่ก็หันหน้าไปทางหัวหน้าใหญ่ซาทันที ใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนก่อนหน้านี้ก็ถูกแทนทีด้วยความเย็นชาเมื่อเห็นสภาพของหลินหว่านหรู ถ้าหากตนมาไม่ทันเวลา อาจจะเกิดเรื่องเลวร้ายไปแล้วหัวหน้าใหญ่ซาก็โกรธมากเช่นกัน เขาโกรธจนเดือดพล่านไปหมด กี่ปีมาแล้ว ที่ไม่มีคนทำเมินเฉยไม่สนใจเขาแบบนี้“หัวหน้าใหญ่ซาใช่ไหม งั้นให้ฉันแนะนำตัวเองสักนิดก็แล้วกัน ฉันคือเย่เทียนหยู่” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง แต่ตรงกันข้ามกันกับจิตสังหารของเขาที่ปิดยังไงก็ปิดไม่มิด“แกคือเย่เทียนหยู่งั้นเหรอ แกคือไอ้คนที่มันทำร้ายลูกชายของฉันสินะ พอดีเลย ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามหาแก เพราะตอนนี้แกก็มาที่นี่ด้วยตัวเองแล้ว”“วันนี้ แกอย่าได้หวังเลยว่าจะได้ออกไปจากที่นี่แบบมีชีวิต”หัวหน้าใหญ่ซาไม่มีความเกรงกลัวเขา อีกทั้งแววตาของเขาตอนนี้แฝงไปด้วยความดุร้ายและจิตสังหารอันแรงกล้
จากนั้น เย่เทียนหยู่ก็หยิบท่อนเหล็กขึ้นมา แล้วเหวี่ยงไปรอบ ๆ ซ้ายขวา เขาได้ยินแค่เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดที่ลอยออกไป และกลิ้งตลบไปมาบนพื้นเท่านั้นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ ขณะที่เขากำลังโจมตีอยู่ เขาไม่แม้แต่จะมองอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ ดวงตาของเขาจ้องมองแค่หัวหน้าใหญ่ซาที่อยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้นดวงตาของทุกคนเริ่มเต็มไปด้วยความกลัว ต่างก็ยื่นไม่อยู่กับที่ ค่อย ๆ ก้าวถอยหลังกลับไปยิ่งไม่ต้องพูดถึงแค่พวกเขา ต่อให้เป็นซูถิงและหลินหว่านหรูที่เคยเห็นเย่เทียนหยู่ลงมือมาแล้ว ก็ยังคงตกตะลึงอยู่ดีพวกเขารู้ว่าทักษะกังฟูของเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ทุกครั้งที่เขาลงมือ กลับเกินกว่าที่พวกเธอจินตนาการไว้เสียอีก“มาสิ ต่อได้เลย! ”เย่เทียนหยู่ประสานนิ้วของเขา แล้วพูดอย่างเรียบเฉย“ลุย ลุยพร้อมกันกับฉัน ใครที่สามารถแตะโดนมันได้ มีรางวัลให้ห้าแสน ต่อยโดนมันได้ ให้ห้าล้าน แต่ถ้าทำให้มันล้มลงได้ มีรางวัลให้ห้าสิบล้าน! ”หัวหน้าใหญ่ซาตะโกนด้วยน้ำเสียงที่ทั้งตกใจและหวาดกลัวดังคำกล่าวที่ว่า จะต้องมีผู้กล้าภายใต้รางวัลอันหนักหน่วงหลังจากได้ยินเงินรางวัลก้อนโตแบบนี้ ในเวลานั้นใครมันจะไปสนใจ
ซูถิงเองก็พูดโน้มน้าวด้วย แถมเธอยังคิดเผื่อเย่เทียนหยู่ด้วยเช่นกันที่สำคัญที่สุดคือน้ำเสียงมีความอ่อนโยนเป็นพิเศษหลินหว่านหรูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ตั้นแต่เมื่อไหร่ที่ซูถิงพูดอ่อนโยนกับเย่เทียนหยู่แบบนี้ แต่ว่าก็อาจจะเป็นเพราะวันนี้เย่เทียนหยู่ช่วยพวกเธอไว้ก็ได้ยังไงซะ ถ้าหากไม่มีเย่เทียนหยู่ คืนนี้ก็คงจบเห่ไปแล้วหัวหน้าใหญ่ซามองไปที่เย่เทียนหยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ดวงตาของเขากำลังขอร้องอ้อนวอน แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความโกรธ ใช่ คนของเขาไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้จริง ๆแต่นั่นมันก็แค่วันนี้เท่านั้นแหละ เขาจะต้องให้มือปืนสักชุดซุ่มโจมตีให้ได้ต่อให้กังฟูของแกจะดีแค่ไหน แต่คิดว่าจะเร็วสู้ลูกกระสุนปืนได้อย่างงั้นเหรอคนอื่นไม่ทันได้สังเกตเห็น แต่เย่เทียนหยู่กลับสังเกตเห็นความชั่วร้ายในแววตาของหัวหน้าใหญ่ซา คนแบบนี้น่ะ หากยังปล่อยให้ลอยนวลไป ไม่รู้ว่าจะไปทำเรื่องที่เลวร้ายอะไรอีกถ้าแค่มาหาเรื่องเขาคนเดียว นั่นก็ไม่เป็นไร แต่ที่กลัวคือ กลัวว่ามันจะไปหาเรื่องหลินหว่านหรูมากกว่า“ไม่ได้ วันนี้เขาจะต้องตาย”ท่าทางของเย่เทียนหยู่เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที เขาจะต้องลงมือให้ได้แต่ในขณะเด
“เย่เทียนหยู่ นายเป็นคนแจ้งตำรวจหรือเปล่า” หลินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะถาม“เปล่า! ” เย่เทียนหยู่ส่ายหัว“จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง ดูท่าทางของผู้กองจางเมื่อกี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเราก็อยู่ที่นี่ด้วย” หลินหว่านหรูพูดด้วยความสับสนซูถิงเองก็ตกตะลึง ไม่ใช่เย่เทียนหยู่หรอกเหรอ? แต่ว่าต่อให้ไม่ใช่เขา คนนั้นก็น่าจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเย่เทียนหยู่พอสมควร แต่ก็ไม่ควรให้หลินว่านหยูรู้เรื่องนี้ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังต้องการที่จะให้หลินหว่านหรูรู้สึกหวั่นไหวกับนายน้อยหลิวด้วยจู่ ๆ เธอก็มีความคิดเข้ามาในหัว และรีบพูดว่า “ฉันรู้แล้ว ต้องเป็นนายน้อยหลิวแน่ ๆ! ”“นายน้อยหลิวอย่างงั้นเหรอ? ”หลินหว่านหรูกลับไม่คิดแบบนั้น จากพฤติกรรมของนายน้อยหลิวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับซาจื่อหาว เขาไม่กล้าแม้แต่จะเป็นปรปักษ์กับตระกูลซาด้วยซ้ำ ไม่เห็นก่อนหน้านี้ที่หลิวเจี๋ยถูกเขาทำให้ตกใจจนตื่นตระหนกหรือไง“ต่อให้เธอจะคิดว่านายน้อยหลิวไม่ได้เรื่อง แต่ฉันก็ยังโทรหาเขา เขาบอกให้ฉันใจเย็น ๆ แล้วยังบอกอีกว่าลุงของเขากำลังตรวจสอบซาวั่นไห่อยู่”“ถ้าฉันเดาไม่ผิด นี่อาจจะเป็นคำขอของนายน้อยหลิว เบื่องบนถึงได้ดำเนินหารกับซาวั
เย่เทียนหยู่ขับรถด้วยตัวเอง แค่เขาไม่ได้ขับตามรถของซูถิงแต่ขับไปอีกทางหนึ่งแทน ขับไปทางโรงพยาบาลหญิงชราคนนั้นกล้ามาตบหน้าภรรยาของเขา เขาจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?ผู้กองจางและคนอื่น ๆ พาตัวซาวั่นไห่ไป ออกไปอย่างเอิกเกริก ระหว่างทางเขาได้โทรหานายกเทศมนตรีหวง และรายงานว่า “การดำเนินการราบรื่นดีมาก พวกคุณผู้ชายเย่และคนอื่น ๆ ก็ไปแล้ว ซาวั่นไห่เองก็ถูกนำตัวกลับไปที่สถานีตำรวจแล้วครับ”“ดี ความดีความชอบครั้งนี้ นายเป็นคนได้ทั้งหมด”ในใจนายกเทศมนตรีหวงเองก็รู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกัน การที่จับตัวซาวั่นไห่ได้นั้น ก็เหมือนได้ช่วยเมืองเทียนไห่แก้ปัญหาโรคเรื้อรังนี้ได้ ได้ทำเพื่อผู้ที่เกี่ยวข้องและเสียใจไปไม่น้อยกับเรื่องนี้ที่ได้“ขอบคุณมากครับ นายกเทศมนตรีหวง! ”ผู้กองจางเองก็มีความสุขมากเช่นกัน ที่จริงพวกเขากำลังตรวจสอบซาวั่นไห่อย่างลับ ๆ อยู่ เหตุผลหลัก ๆ เลยก็คือครอบครัวของซาวั่นไห่นั้นทั้งหยิ่งและทำตัวครอบงำมากเกินไป แทบจะไม่มีทางควบคุมได้เลยด้วยซ้ำแต่เนื่องจากความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ของตระกูลซา บวกกับการสนับสนุนอย่างลับ ๆ จากใครบางคน การตรวจสอบจึงถูกขัดขวางอยู่ระ
ซูถิงเองก็ยังสงสัยเลยว่าเย่เทียนหยู่ไปอยู่ที่ไหน เธออดไม่ได้ที่จะแอบโทรหาเขา“เย่เทียนหยู่ หว่านหรูขอให้ฉันถามนายว่าตอนนี้นายอยู่ที่ไหน ทำไม่ยังไม่กลับมาอีก? ”“ฉันมาที่โรงพยาบาล ฉันจะกลับไปหลังทำธุระเสร็จ”หลังจากที่เย่เทียนหยู่พูดจบ เขาก็วางสายโทรศัพท์แล้วเดินเข้าไปข้างใน เนื่องจากวิลล่าอยู่ห่างจากโรงพยาบาลชั้นนำของเมืองเทียนไห่ค่อนข้างไกล จึงต้องใช้เวลาเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อยซูถิงตกตะลึงในตอนแรก จากนั้นจึงเข้าใจทันที เย่เทียนหยู่คงต้องการจะระบายความโกรธแทนหลินหว่านหรู หลินหว่านหรูปฏิบัติต่อเขาดีขนาดนั้น เธอไม่เพียงแต่ไม่กล่าวโทษ แต่เธอกลับยิ่งคิดว่าดีซะอีกทันใดนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของหลินหว่านหรูก็ดังขึ้น เธอคิดว่าเป็นเย่เทียนหยู่ จึงรีบรับสายทันที“หลินหว่านหรู ฉันจะให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้าย ตอนนี้เธอกลับมาที่เตียงของลูกชายฉันแต่โดยดี ไม่เช่นนั้น ฉันรับประกันได้เลยว่า เธอจะต้องเจอเรื่องน่าเวทนาแน่ ตระกูลหลินเองก็จะถูกทำลายด้วยเหมือนกัน”หลังจากที่คุณนายซาพูดขู่เสร็จ เธอก็วางสายโทรศัพท์ทันทีในความเห็นของเธอ คำพูดเหล่านี้ก็เพียงพอแล้ว และไม่จำเป็นต้องมีการต่อบทสนทนาอะไรอีก
ในขณะที่เย่เทียนหยู่ไม่ขยับเลยสักนิดแต่คุณนายซากลับกรีดร้องเพราะโดนตบหน้า รอยนิ้วมือทั้งห้าที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอมองเห็นได้ชัดเจนมากแรกๆคุณนายซาก็รู้สึกสับสน จากนั้นเธอก็เริ่มเป็นบ้าและสาปแช่งเขาด้วยความโกรธ “นี่แกกล้าตบหน้าฉันงั้นเหรอ แกอยากตายนักรึไง ฉันเอาแกตายแน่!”ขณะที่เธอพูดเธอก็รีบวิ่งไปยังเขาเหมือนคนปากร้ายเพี๊ยะ!เธอโดนตบหน้าอย่างแรงอีกครั้งอีกทั้งยังโดนตบซ้ำไปที่เดิมโอ๊ย!คราวนี้คุณนายซาก็จะกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเธอ เธอรีบเอาฝ่ามือทาบแก้ม ไม่อยากจะเชื่อเหตุการณ์ที่เธอเห็นเลยสักนิดเธอไม่เคยคิดเลยว่า คนที่ฐานะสูงส่งอย่างเธอจะมีวันที่เธอต้องโดนตบแบบนี้จริงๆเย่เทียนหยู่ดูสงบและพูดอย่างใจเย็น “โดยปกติแล้วผมจะไม่ตบผู้หญิงนะ แต่สำหรับคนอย่างคุณ ถ้าหากผมเจอคนเดียวก็จะตบคนเดียว แต่ถ้าเจอเป็นคู่ก็จะตบทั้งคู่!”“แก แกมันบ้าจริงๆ ฉันจะบอกให้นะ แกจะต้องตายแน่ๆ ตระกูลซาจะต้องไม่ปล่อยแกไป ไม่ปล่อยแกไปเด็ดขาด”“ตระกูลชาเหรอ?”ใบหน้าเย่เทียนหยู่แสดงความเหยียดหยาม และพูดด้วยความใจเย็นว่า “คุณแน่ใจหรือว่าตอนนี้ตระกูลชายังคงมีอยู่เหมือนเดิม?”
พอคุณนายไป๋มาถึง พวกเฉินเฟยเฟยก็สังเกตเห็นได้ในทันที เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายไป๋ สีหน้าของพวกเธอก็เปลี่ยนไปแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาด้วยเหตุผลอะไร แต่ดูท่าทางแล้ว ค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียวเหอฉุนรีบพูดขึ้นว่า “เฟยเฟย เร็วเข้า รีบติดต่อคุณเย่เร็ว!”“เอ่อ ฉันว่าเราลองอ้างชื่อพี่เย่กันก่อนดีไหม?” เฉินเฟยเฟยกลัวว่าจะสร้างปัญหาให้เย่เทียนหยู่มากเกินไป“ไม่ได้ รีบโทรหาเขาด่วนเลย ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไป ดูจากท่าทีโกรธเกรี้ยวของเธอแล้ว เกรงว่าแค่อ้างชื่อออกไปจะไม่ได้ผลกับเธอแน่” “อีกอย่าง เกิดว่าเธอไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของราชามังกร แล้วยังโกรธเกรี้ยวอยู่เหมือนเดิม เราจะทำอย่างไรดี” เหอฉุนรีบพูดขึ้นมาอันที่จริงเฉินเฟยเฟยเองก็คิดถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เพียงแค่กลัวว่าจะทำให้เย่เทียนหยู่ลำบากก็เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้ไปสนใจเรื่องพวกนั้นอีกแล้ว เธอจึงรีบกดเบอร์โทรศัพท์โทรหาเย่เทียนหยู่ทันทีเพียงแต่ตอนนี้เย่เทียนหยู่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ จึงทำให้ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ เนื่องจากตอนที่หลินหว่านหรูตื่นเช้าขึ้นมา แล้วบอกว่าอยากกินบะหมี่เหมือนเมื่อวานอีกครั้งในเ
แถมยังเป็นดาราอีกต่างหาก!แม้ว่าจะยังไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่ชัด แต่เฉินเฟยเฟยคนนี้ เธอจะต้องตายอย่างแน่นอนไม่ว่าเธอจะเป็นดาราดังมากแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลไป๋ที่มีทรัพย์สินเป็นพันล้าน เธอก็เป็นได้แค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น!คุณนายไป๋หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโทรออกเพื่อจัดการวางแผนต่าง ๆ ในขณะเดียวกันเธอก็พูดด้วยความโกรธขึ้นว่า “พยัคฆ์ทมิฬ ไปสืบมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าหากไม่สามารถหาที่อยู่ของนางนั่นมาได้ภายในเช้าของวันพรุ่งนี้ พวกแกก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อแล้ว”“แล้วก็ยังมีไอ้ฆาตกรอีกคน เดี๋ยวฉันจะส่งวิดีโอไปให้ พวกแกก็ลองตรวจสอบมันดูด้วย แต่ภารกิจหลักคือการตามหาที่อยู่ของเฉินเฟยเฟยมาให้ได้!”เพราะขอแค่หาเฉินเฟยเฟยเจอ ก็จะสามารถหาคนที่ทำร้ายหยางหยางเจอได้เช่นกัน ซึ่งก็คือไอ้ฆาตกรคนนั้นพยัคฆ์ทมิฬที่ได้ยินคำสั่ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ตั้งแต่ที่ตระกูลไป๋ชุบตัวขึ้นมาใหม่ เขาก็ยังไม่เคยเห็นเธอโกรธจัดเพียงแค่ต้องการให้สืบเรื่องของคนคนหนึ่งมาก่อนเลย เพราะงั้นเขาจึงได้รีบจัดการในทันทีพยัคฆ์ทมิฬเป็นหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์ทมิฬ หนึ่งในแก๊งแห่งวงการอาชญากรรม การที่พวกเขาสามารถค
“เป็นอะไรไป ไม่อร่อยเหรอ?” ท่าทีของหลินหว่านหรูดูแปลก ๆ จึงทำให้เย่เทียนหยู่รู้สึกสับสนเล็กน้อย หรือว่าฝีมือทำครัวของตนจะแย่ลงรึเปล่านะแต่ถึงยังไง ก็คงไม่อร่อยจนถึงขั้นร้องไห้ออกมาหรอกมั้ง“เปล่าหรอก!”“อร่อยมาก อร่อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ!”หลินหว่านหรูร้องไห้ฮือออกมาเย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก จึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ถึงจะอร่อยก็ต้องค่อย ๆ กินนะ ไม่ต้องรีบ ผมก็คิดว่าคุณร้องไห้เพราะทนกับรสชาติที่ไม่อร่อยอยู่เสียอีก”คำพูดนี้ทำให้หลินหว่านหรูอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “อย่าทำให้ฉันขำสิ เอาซะฉันเกือบจะพ่นเส้นบะหมี่ออกมาแล้วเนี่ย”รอยยิ้มของหลินหว่านหรูนี้ ก็ทำให้รู้สึกว่าพื้นที่รอบตัวเปลี่ยนไปทันที ราวกับว่ามีดอกไม้สวยงามนับไม่ถ้วนกำลังบานสะพรั่ง ทำให้เย่เทียนหยู่ถึงกับต้องมองตาค้างกันเลยทีเดียว“มัวเหม่ออะไรอยู่”“ก็มองคุณอยู่ไง”“โกหก”หลินหว่านหรูหน้าแดงเล็กน้อย เธอกินต่ออีกสองสามคำ ก่อนเธออดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “เมื่อก่อนคุณเคยทำบะหมี่บ่อยมากเลยเหรอ?”“ก็ไม่ได้ทำบ่อยนักหรอก ผมยังทำอย่างอื่นเป็นด้วยนะ”“คุณทำอย่างอื่นเป็นด้วยงั้นเหรอ?”“แน่นอ
“คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?”หลินหว่านหรูถามด้วยความสงสัย แต่เมื่อลองคิดอีกที บะหมี่เองก็ค่อนข้างที่จะต้มง่าย แทบไม่มีความยากเลยด้วยซ้ำ แค่ไม่เผลอใส่เกลือมากเกินไปก็พอแต่อีกเดี๋ยว ไม่ว่าจะเค็มหรือไม่ก็ตาม เธอจะต้องอดทนกินมันให้หมด แม้ว่าจะรสชาติแย่แค่ไหนก็ตามถึงยังไง การที่คนอย่างเย่เทียนหยู่ยอมลงมือทำบะหมี่ให้เธอด้วยตัวเองแบบนี้ เธอก็รู้สึกมีความสุขมากแล้ว“อีกเดี๋ยวก็รู้แล้ว”เย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็ว และดูคล่องแคล่วมาก ไข่ไก่ที่อยู่ในมือของเขา ไม่นานก็ถูกตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน ก่อนจะถูกผสมลงไปกับเส้นบะหมี่ภายใต้การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและน่าตื่นตาตื่นใจของเขา ทั้งเส้นบะหมี่ไข่ผักก็ได้ถูกปรุงจนเสร็จเรียบร้อยแล้วหากรวมเวลาตั้งแต่ที่เขาเริ่มลงไปซื้อของด้วย เมื่อกี้มันเพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเองหลินหว่านหรูมองไปยังชามและตะเกียบที่วางอยู่ตรงหน้า ความสุขอันล้นหลามก็ห่อหุ้มตัวเธอเอาไว้ จากนั้นเธอก็รีบก้มหน้าคีบเส้นบะหมี่เข้าปากทันทีเดิมเธอคิดว่ามันไม่น่าจะกินได้แน่ ๆแต่ทันทีที่เธอได้สูดเส้นบะหมี่เข้าไป หลินหว่านหรูก็รู้สึกเหมือนถูกมนต์ส
“อือ งานยุ่งจนดึกมากขนาดนี้ คงหิวแล้วใช่ไหม?” เย่เทียนหยู่ถาม“ยังไหว ยังไม่หิวเท่าไหร่!”แต่ทันทีที่หลินหว่านหรูพูดจบ ท้องของเธอก็ส่งเสียงดังออกมา ซึ่งทำให้เธอหน้าแดงเล็กน้อย“ยังจะบอกว่าไม่หิวอีก ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปกินมื้อดึก”“มันดึกมากแล้ว ไม่ต้องไปหรอก สั่งเดลิเวอรีมาก็ได้” หลินหว่านหรูนึกขึ้นได้ว่าแถวนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้กินสักเท่าไหร่ นอกเสียจากต้องเดินออกไปไกลอีกหน่อย หรือไม่ก็ขับรถไปแบบนั้นมันดูจะยุ่งยากไปหน่อย ที่สำคัญคือกลัวว่ามันจะดึกเกินไป จนทำให้ส่งผลกระทบกับการทำงานของเธอในวันพรุ่งนี้เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วและส่ายหัว ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ของข้างนอกสามารถกินได้ แต่ก็ไม่ควรกินบ่อย ๆ ถ้าคุณกลัวว่ามันจะยุ่งยากจริง ๆ งั้นคุณก็รอผมเดี๋ยวนะ”เมื่อพูดจบ เขาก็เดินออกไปทันทีเขาจำได้ว่าข้างล่างห่างไปไม่ไกลนัก มีร้านขายของชำเล็ก ๆ อยู่ร้านหนึ่ง ซึ่งก็น่าจะมีบะหมี่อะไรแบบนั้นขายอยู่ด้วยด้วยความเร็วของเขา ไม่นานเขาก็กลับมา แถมยังซื้อของกลับมาได้อย่างรวดเร็วอีกด้วยไข่ไก่ บะหมี่ ผงปรุงรสรสไก่ แล้วก็ซีอิ๊วขาว ส่วนอย่างอื่นก็ไม่ได้ซื้ออะไรมาอีกแต่ถึงอย่างนั้น เจ้าของร้านท
ทันใดนั้น เหอฉุนก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เกรงว่าคุณเย่เองก็น่าจะมองออกตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเธอจะไม่กล้าทำอะไรแบบนั้น ถึงได้กล้ามอบเงินกว่าห้าหมื่นล้านให้กับเฟยเฟยโดยไม่คิดอะไรเกรงว่าคุณเย่อาจจะเดาได้แต่แรกแล้ว ว่าเฉินเฟยเฟยจะมอบเงินให้ตนเป็นคนจัดการ เขาไม่กลัวว่าตนจะฉ้อโกงเลยแม้แต่น้อยคุณเย่คนนี้ ช่างเป็นคนที่มีความสามารถมากจริง ๆ!คุณเย่คะ วางใจเถอะค่ะ ฉันรับรองว่าฉันจะทำให้สุดความสามารถ ทำให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วให้ได้ และทำให้เงินลงทุนของคุณได้กำไรคืนทุนมากกว่าสิบเท่าให้ได้!แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย เย่เทียนหยู่ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น เขาแค่อยากให้เฉินเฟยเฟยได้มีที่ที่ปลอดภัยก็เท่านั้น จะหาเงินได้ไหม หรือว่าจะถูกฉ้อโกงรึเปล่า มันไม่สำคัญเลยสักนิดสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความสุขและความเป็นอิสระ!เงินแค่ห้าหมื่นล้าน ก็เป็นเพียงเศษเงินของเขาเท่านั้น หายไปก็ไม่เสียดายหลังจากที่เย่เทียนหยู่ออกจากโรงแรม เขาก็ตรงกลับไปยังที่พักทันที เกี่ยวกับห้องชุดนี้ เขาก็ได้ส่งกุญแจห้องให้หลินหว่านหรูตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วพร้อมทั้งบอกที่อยู่กับเธอแล้วด้วย และให้เธอเลิกงานเร็วหน่
สีหน้าของจางผิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นต่อไปนี้ จะไม่มีใครกล้ามารังแกพี่เฟยเฟยได้อีกแล้ว พวกเธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไปเมื่อเห็นว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว ทุกอย่างก็สามารถเริ่มดำเนินการได้ในทันที หลังจากนี้ก็คงต้องคิดชื่อบริษัทให้ดี ๆ แล้วล่ะเหอฉุนคิดอยู่สักพัก ก่อนที่จู่ ๆ จะพูดขึ้นว่า “ฉันนึกออกแล้วหนึ่งชื่อ ไม่งั้นเราก็ใช้ชื่อว่าเฟยเทียนมิวสิคคัลเจอร์กันเถอะ!”“เฟยเทียนงั้นเหรอ?”เฉินเฟยเฟยถามด้วยความอยากรู้ขึ้นว่า “ทำไมถึงต้องเรียกว่าเฟยเทียน หมายถึงการบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอะไรทำนองนั้นน่ะเหรอ?”เหอฉุนที่ได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ก่อนจะอธิบายออกไปว่า “อันที่จริงก็มีความหมายแบบนั้นแหละ แต่อักษรเฟยตัวนี้ไม่ได้หมายถึงอักษรที่แปลว่าบินทยานหรอก!”เฉินเฟยเฟยรู้สึกตกใจเล็กน้อย ทันใดนั้นเธอก็คิดออก แววตาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น ชื่อนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ“ฉันรู้แล้ว เป็นอักษรเฟยที่มาจากชื่อของพี่เฟยเฟยนี่เอง!”ครั้งนี้ จางผิงเองก็เข้าใจเช่นกัน ก่อนจะพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “เฟยที่หมายถึงพี่เฟยเฟย เทียนก็หมายถึงคุณเย่ เป็นการรวมเอาชื่อของพวกพี่มารวมกันได้พอดีเลย
ตอนแรกเธอคิดว่าหุ้นทั้งหมดควรเป็นของพี่เย่ แต่พอมาคิดดูแล้ว ยังไงชีวิตนี้เธอก็เป็นของพี่เย่ เพราะงั้น หุ้นของเธอก็เหมือนเป็นของพี่เย่ด้วยไม่ใช่รึไงสำหรับพี่เหอ อันที่จริงพี่เย่ก็พูดเอาไว้แล้ว หากว่าเธอไม่อยากบริหารบริษัทจริง ๆ ก็มอบหมายให้พี่เหอเป็นคนดูแลทั้งหมดเลยก็ได้ ดังนั้นก็ควรที่จะให้พี่เหอถือหุ้นบางส่วนเอาไว้ด้วยจึงจะดีที่สุดส่วนเรื่องจำนวนของหุ้นนั้น พี่เย่ก็ไม่ได้กำหนดเอาไว้“เดี๋ยวก่อนนะ เฟยเฟย เธอพูดว่าอะไรนะ เธอจะให้ฉันถือหุ้น 20 เปอร์เซ็นต์ด้วยงั้นเหรอ?” เหอฉุนรู้สึกตกใจมาก เพราะการที่มีหุ้นแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ จำนวนเงินก็ปาไปหมื่นล้านแล้ว“ใช่แล้วค่ะ พี่เหอรู้สึกว่ามันน้อยไปรึเปล่าคะ?”“ไม่หรอก ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันคิดว่ามันมากเกินไปต่างหาก”เหอฉุนรู้สึกตกใจอีกครั้ง“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงยังไงพี่เย่ก็เห็นด้วยแล้ว จะให้ฉันถือหุ้นมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี”“ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด ฉันไม่ได้มีส่วนร่วมในเงินทุนแม้แต่บาทเดียวเลยนะ จะให้ฉันถือหุ้นมากมายขนาดนั้นได้ยังไง” เหอฉุนเองก็มีความคิดที่จะร่วมลงทุนอยู่ด้วย แต่ปัญหาคืออยู่ ๆ ก็กลายเป็นผู้ร่วมลงทุนกว่าหมื่
“อะไรนะ!”ถึงจะเดาได้ว่าเย่เทียนหยู่ต้องการช่วยก่อตั้งบริษัททำเพลงให้ก็เถอะ แต่การที่ลงทุนให้ตั้งห้าหมื่นล้านก็ทำให้เหอฉุนรู้สึกตกใจมาก เพราะโดยทั่วไปแล้ว ไม่มีบริษัทที่ไหนจำเป็นต้องใช้เงินมากขนาดนั้นแล้วยังมาพูดอีกว่า แค่ช่วยออกเงินลงทุนให้ห้าหมื่นล้านเท่านั้น เงินก็คือเงินไม่ใช่รึไง?เหอฉุนไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า อีกฝ่ายต้องรู้สึกยังไง ถึงสามารถทำให้คนคนหนึ่งหยิบเงินออกมาลงทุนเป็นหมื่นล้านโดยไม่คิดอะไรได้ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไปเพื่อยืนยันความจริง “เฟยเฟย เธอบอกว่าเป็นเงินเท่าไหร่นะ ห้าหมื่นล้านงั้นเหรอ?”“ใช่แล้ว ห้าหมื่นล้าน หรือว่ามันยังไม่พอเหรอคะ?”“ถึงแม้ว่าจะไม่พอก็ไม่เป็นไร พี่เย่บอกเอาไว้แล้ว ว่าให้เอาเงินห้าหมื่นล้านนี้ไปใช้เล่น ๆ ก่อน หากยังไม่พอ เขาก็สามารถเพิ่มเงินลงทุนได้ทุกเมื่อเลยค่ะ” เฉินเฟยเฟยไม่ได้มีแนวคิดเกี่ยวกับการลงทุนมากนักตอนนั้นเธอเองก็ถูกตัวเลขที่เย่เทียนหยู่พูดทำให้ตกใจเช่นกัน แต่พี่เย่ก็บอกเอาไว้แล้วว่า เงินจำนวนนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะเขามีเงินที่ไม่ว่าจะใช้ยังไงก็ใช้ไม่หมดอยู่แล้วต่อให้เป็นแสนล้านเขาก็มี!ตัวเลขเหล่านั้น เธอแ