พอหลินหว่านหรูได้ยินก็ทั้งตกใจและโกรธ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ คนพวกนี้ถูกเลี้ยงมาด้วยสเปิร์มรึไง สองพ่อลูกนี้ช่างเหมือนกันจริง ๆตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมซาจื่อหาวถึงเป็นคนแบบนั้น เพราะคานบนมันไม่ตรงคานล่างก็เลยเบี้ยวไปด้วย ผู้ใหญ่ทำนิสัยแย่ ๆ เขาเลยได้แม่แบบที่ไม่ดีมานั่นเองแต่เพราะซาวั่นไห่ที่เป็นแบบนี้ เขากลับเป็นคนที่มีอำนาจซะงั้น ช่างเป็นเรื่องที่น่าขันอะไรอย่างนี้“หัวหน้าใหญ่ซา ด้วยสถานะของคุณตอนนี้ คุณยังมีผู้หญิงที่คุณยังไม่เคยได้มาอยู่อีกเหรอ ทำไมต้อง......”“เอาล่ะ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ยอมทำอีกแล้วสินะ!”“ถ้าอย่างงั้น ก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก” หัวหน้าใหญ่ซาพูดอย่างเย็นชาหลินหว่านหรูเริ่มรู้สึกถึงอันตราย จากนิสัยของอีกฝ่ายตอนนี้คงไม่มีอะไรต้องคุยต่อแล้ว ดังนั้นเธอจึงรีบลุกแล้วเดินออกมาทันทีแต่ครู่หนึ่งหัวหน้าใหญ่ซาก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “หยุดนะ!”หลินหว่านหรูรู้สึกตกใจและตื่นตระหนก จนทำให้เธอหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ตอนนี้เธอรู้แล้วว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ“ประธานหลิน เธอคิดว่าที่บ้านฉันคือส่วนหลังบ้านของเธอที่คิดอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไปงั้นเหรอ?”หัวหน้าใหญ่ซาพูดเหน็บแนม
หัวหน้าใหญ่ซามองไปที่เรือนร่างอันอวบอิ่มของซูถิงด้วยสายตาที่ชั่วร้าย และพูดออกมาว่า “ ไม่เลวเลย แถมยังสวยอีกด้วย ดีเลย ฉันไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิงสองคนพร้อมกันมานานแล้วเหมือนกัน”หลินหว่านหรูรู้สึกสิ้นหวัง ทั้งตกใจและโกรธเธอคิดไม่ถึงเลยว่าหัวหน้าใหญ่ซาที่มีสถานะสูงศักดิ์จะเป็นคนที่ทำอะไรต่ำช้าได้ขนาดนี้โดยทั่วไปแล้ว คนที่จะมีตำแหน่งหรืออำนาจสูงแบบนี้ได้ ส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นคนที่ไม่ธรรมดาทั้งนั้นใครจะไปคิดว่าระดับหัวหน้าใหญ่ซาจะทำตัวเหมือนกับพวกอันธพาลแบบนี้“เธอจะยอมเชื่อฟังฉัน หรือรอให้ฉันจัดการเอง?” หัวหน้าใหญ่ซายืนขึ้นแล้วเดินตรงไปที่หลินหว่านหรู“ฝันไปเถอะ!”หลินหว่านหรูเดินถอยหลังไปด้วยความตกใจปนกับความโกรธ และพูดอย่างหมดหวัง “ต่อให้ฉันต้องตาย ฉันก็ไม่ยอมให้แกได้สิ่งที่ต้องการหรอก”“ตายงั้นเหรอ?”หัวหน้าใหญ่ซายิ้มเย้ย “เชื่อไหมว่าต่อให้เธอตาย ฉันก็ไม่ปล่อยร่างกายของเธอไปหรอก”“แก แกมันเดรัจฉาน!”“เธอพูดถูก ฉันมันไม่ใช่คนหรอก! ไม่ใช่แค่ร่างกายของเธอที่ฉันไม่ยอมปล่อยไป แม้แต่เพื่อนสนิทของเธอฉันก็จะให้ผู้ชายร้อยคนค่อย ๆ เล่นกับเธอเอง”“เมื่อถึงเวลานั้น เธอจะรู้ว่ามันเลวร
เห็นได้ชัดว่าหลินหว่านหรูนั้นทำเรื่องไม่ดีต่อเย่เทียนหยู่ ทั้งเรื่องที่เข้าใจผิดและเรื่องที่ถูกดุด่าว่าร้าย แล้วทำไมเขาถึงไม่โทษเธอเลยล่ะ?ในฐานะที่ภรรยาก่อเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่ว่าควรจะถูกตำหนิหรอกเหรอในขณะเดียวกันนี้เอง เย่เทียนหยู่ก็หันหน้าไปทางหัวหน้าใหญ่ซาทันที ใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนก่อนหน้านี้ก็ถูกแทนทีด้วยความเย็นชาเมื่อเห็นสภาพของหลินหว่านหรู ถ้าหากตนมาไม่ทันเวลา อาจจะเกิดเรื่องเลวร้ายไปแล้วหัวหน้าใหญ่ซาก็โกรธมากเช่นกัน เขาโกรธจนเดือดพล่านไปหมด กี่ปีมาแล้ว ที่ไม่มีคนทำเมินเฉยไม่สนใจเขาแบบนี้“หัวหน้าใหญ่ซาใช่ไหม งั้นให้ฉันแนะนำตัวเองสักนิดก็แล้วกัน ฉันคือเย่เทียนหยู่” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง แต่ตรงกันข้ามกันกับจิตสังหารของเขาที่ปิดยังไงก็ปิดไม่มิด“แกคือเย่เทียนหยู่งั้นเหรอ แกคือไอ้คนที่มันทำร้ายลูกชายของฉันสินะ พอดีเลย ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามหาแก เพราะตอนนี้แกก็มาที่นี่ด้วยตัวเองแล้ว”“วันนี้ แกอย่าได้หวังเลยว่าจะได้ออกไปจากที่นี่แบบมีชีวิต”หัวหน้าใหญ่ซาไม่มีความเกรงกลัวเขา อีกทั้งแววตาของเขาตอนนี้แฝงไปด้วยความดุร้ายและจิตสังหารอันแรงกล้
จากนั้น เย่เทียนหยู่ก็หยิบท่อนเหล็กขึ้นมา แล้วเหวี่ยงไปรอบ ๆ ซ้ายขวา เขาได้ยินแค่เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดที่ลอยออกไป และกลิ้งตลบไปมาบนพื้นเท่านั้นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ ขณะที่เขากำลังโจมตีอยู่ เขาไม่แม้แต่จะมองอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ ดวงตาของเขาจ้องมองแค่หัวหน้าใหญ่ซาที่อยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้นดวงตาของทุกคนเริ่มเต็มไปด้วยความกลัว ต่างก็ยื่นไม่อยู่กับที่ ค่อย ๆ ก้าวถอยหลังกลับไปยิ่งไม่ต้องพูดถึงแค่พวกเขา ต่อให้เป็นซูถิงและหลินหว่านหรูที่เคยเห็นเย่เทียนหยู่ลงมือมาแล้ว ก็ยังคงตกตะลึงอยู่ดีพวกเขารู้ว่าทักษะกังฟูของเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ทุกครั้งที่เขาลงมือ กลับเกินกว่าที่พวกเธอจินตนาการไว้เสียอีก“มาสิ ต่อได้เลย! ”เย่เทียนหยู่ประสานนิ้วของเขา แล้วพูดอย่างเรียบเฉย“ลุย ลุยพร้อมกันกับฉัน ใครที่สามารถแตะโดนมันได้ มีรางวัลให้ห้าแสน ต่อยโดนมันได้ ให้ห้าล้าน แต่ถ้าทำให้มันล้มลงได้ มีรางวัลให้ห้าสิบล้าน! ”หัวหน้าใหญ่ซาตะโกนด้วยน้ำเสียงที่ทั้งตกใจและหวาดกลัวดังคำกล่าวที่ว่า จะต้องมีผู้กล้าภายใต้รางวัลอันหนักหน่วงหลังจากได้ยินเงินรางวัลก้อนโตแบบนี้ ในเวลานั้นใครมันจะไปสนใจ
ซูถิงเองก็พูดโน้มน้าวด้วย แถมเธอยังคิดเผื่อเย่เทียนหยู่ด้วยเช่นกันที่สำคัญที่สุดคือน้ำเสียงมีความอ่อนโยนเป็นพิเศษหลินหว่านหรูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ตั้นแต่เมื่อไหร่ที่ซูถิงพูดอ่อนโยนกับเย่เทียนหยู่แบบนี้ แต่ว่าก็อาจจะเป็นเพราะวันนี้เย่เทียนหยู่ช่วยพวกเธอไว้ก็ได้ยังไงซะ ถ้าหากไม่มีเย่เทียนหยู่ คืนนี้ก็คงจบเห่ไปแล้วหัวหน้าใหญ่ซามองไปที่เย่เทียนหยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ดวงตาของเขากำลังขอร้องอ้อนวอน แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความโกรธ ใช่ คนของเขาไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้จริง ๆแต่นั่นมันก็แค่วันนี้เท่านั้นแหละ เขาจะต้องให้มือปืนสักชุดซุ่มโจมตีให้ได้ต่อให้กังฟูของแกจะดีแค่ไหน แต่คิดว่าจะเร็วสู้ลูกกระสุนปืนได้อย่างงั้นเหรอคนอื่นไม่ทันได้สังเกตเห็น แต่เย่เทียนหยู่กลับสังเกตเห็นความชั่วร้ายในแววตาของหัวหน้าใหญ่ซา คนแบบนี้น่ะ หากยังปล่อยให้ลอยนวลไป ไม่รู้ว่าจะไปทำเรื่องที่เลวร้ายอะไรอีกถ้าแค่มาหาเรื่องเขาคนเดียว นั่นก็ไม่เป็นไร แต่ที่กลัวคือ กลัวว่ามันจะไปหาเรื่องหลินหว่านหรูมากกว่า“ไม่ได้ วันนี้เขาจะต้องตาย”ท่าทางของเย่เทียนหยู่เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที เขาจะต้องลงมือให้ได้แต่ในขณะเด
“เย่เทียนหยู่ นายเป็นคนแจ้งตำรวจหรือเปล่า” หลินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะถาม“เปล่า! ” เย่เทียนหยู่ส่ายหัว“จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง ดูท่าทางของผู้กองจางเมื่อกี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเราก็อยู่ที่นี่ด้วย” หลินหว่านหรูพูดด้วยความสับสนซูถิงเองก็ตกตะลึง ไม่ใช่เย่เทียนหยู่หรอกเหรอ? แต่ว่าต่อให้ไม่ใช่เขา คนนั้นก็น่าจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเย่เทียนหยู่พอสมควร แต่ก็ไม่ควรให้หลินว่านหยูรู้เรื่องนี้ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังต้องการที่จะให้หลินหว่านหรูรู้สึกหวั่นไหวกับนายน้อยหลิวด้วยจู่ ๆ เธอก็มีความคิดเข้ามาในหัว และรีบพูดว่า “ฉันรู้แล้ว ต้องเป็นนายน้อยหลิวแน่ ๆ! ”“นายน้อยหลิวอย่างงั้นเหรอ? ”หลินหว่านหรูกลับไม่คิดแบบนั้น จากพฤติกรรมของนายน้อยหลิวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับซาจื่อหาว เขาไม่กล้าแม้แต่จะเป็นปรปักษ์กับตระกูลซาด้วยซ้ำ ไม่เห็นก่อนหน้านี้ที่หลิวเจี๋ยถูกเขาทำให้ตกใจจนตื่นตระหนกหรือไง“ต่อให้เธอจะคิดว่านายน้อยหลิวไม่ได้เรื่อง แต่ฉันก็ยังโทรหาเขา เขาบอกให้ฉันใจเย็น ๆ แล้วยังบอกอีกว่าลุงของเขากำลังตรวจสอบซาวั่นไห่อยู่”“ถ้าฉันเดาไม่ผิด นี่อาจจะเป็นคำขอของนายน้อยหลิว เบื่องบนถึงได้ดำเนินหารกับซาวั
เย่เทียนหยู่ขับรถด้วยตัวเอง แค่เขาไม่ได้ขับตามรถของซูถิงแต่ขับไปอีกทางหนึ่งแทน ขับไปทางโรงพยาบาลหญิงชราคนนั้นกล้ามาตบหน้าภรรยาของเขา เขาจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?ผู้กองจางและคนอื่น ๆ พาตัวซาวั่นไห่ไป ออกไปอย่างเอิกเกริก ระหว่างทางเขาได้โทรหานายกเทศมนตรีหวง และรายงานว่า “การดำเนินการราบรื่นดีมาก พวกคุณผู้ชายเย่และคนอื่น ๆ ก็ไปแล้ว ซาวั่นไห่เองก็ถูกนำตัวกลับไปที่สถานีตำรวจแล้วครับ”“ดี ความดีความชอบครั้งนี้ นายเป็นคนได้ทั้งหมด”ในใจนายกเทศมนตรีหวงเองก็รู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกัน การที่จับตัวซาวั่นไห่ได้นั้น ก็เหมือนได้ช่วยเมืองเทียนไห่แก้ปัญหาโรคเรื้อรังนี้ได้ ได้ทำเพื่อผู้ที่เกี่ยวข้องและเสียใจไปไม่น้อยกับเรื่องนี้ที่ได้“ขอบคุณมากครับ นายกเทศมนตรีหวง! ”ผู้กองจางเองก็มีความสุขมากเช่นกัน ที่จริงพวกเขากำลังตรวจสอบซาวั่นไห่อย่างลับ ๆ อยู่ เหตุผลหลัก ๆ เลยก็คือครอบครัวของซาวั่นไห่นั้นทั้งหยิ่งและทำตัวครอบงำมากเกินไป แทบจะไม่มีทางควบคุมได้เลยด้วยซ้ำแต่เนื่องจากความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ของตระกูลซา บวกกับการสนับสนุนอย่างลับ ๆ จากใครบางคน การตรวจสอบจึงถูกขัดขวางอยู่ระ
ซูถิงเองก็ยังสงสัยเลยว่าเย่เทียนหยู่ไปอยู่ที่ไหน เธออดไม่ได้ที่จะแอบโทรหาเขา“เย่เทียนหยู่ หว่านหรูขอให้ฉันถามนายว่าตอนนี้นายอยู่ที่ไหน ทำไม่ยังไม่กลับมาอีก? ”“ฉันมาที่โรงพยาบาล ฉันจะกลับไปหลังทำธุระเสร็จ”หลังจากที่เย่เทียนหยู่พูดจบ เขาก็วางสายโทรศัพท์แล้วเดินเข้าไปข้างใน เนื่องจากวิลล่าอยู่ห่างจากโรงพยาบาลชั้นนำของเมืองเทียนไห่ค่อนข้างไกล จึงต้องใช้เวลาเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อยซูถิงตกตะลึงในตอนแรก จากนั้นจึงเข้าใจทันที เย่เทียนหยู่คงต้องการจะระบายความโกรธแทนหลินหว่านหรู หลินหว่านหรูปฏิบัติต่อเขาดีขนาดนั้น เธอไม่เพียงแต่ไม่กล่าวโทษ แต่เธอกลับยิ่งคิดว่าดีซะอีกทันใดนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของหลินหว่านหรูก็ดังขึ้น เธอคิดว่าเป็นเย่เทียนหยู่ จึงรีบรับสายทันที“หลินหว่านหรู ฉันจะให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้าย ตอนนี้เธอกลับมาที่เตียงของลูกชายฉันแต่โดยดี ไม่เช่นนั้น ฉันรับประกันได้เลยว่า เธอจะต้องเจอเรื่องน่าเวทนาแน่ ตระกูลหลินเองก็จะถูกทำลายด้วยเหมือนกัน”หลังจากที่คุณนายซาพูดขู่เสร็จ เธอก็วางสายโทรศัพท์ทันทีในความเห็นของเธอ คำพูดเหล่านี้ก็เพียงพอแล้ว และไม่จำเป็นต้องมีการต่อบทสนทนาอะไรอีก
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป
“ช่างเถอะ เห็นแก่หน้าหว่านหรู ผมเองก็ไม่อยากจะเถียงกับคุณแล้วเหมือนกัน”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และกำลังจะกดโทรออกแต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของโจวฉิงก็ดังขึ้น เธอก้มลงมองครู่หนึ่ง ก่อนที่สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะรีบพูดออกไปว่า “มะ หม่าต้านโทรมาค่ะ”“โอ้ พอดีเลย จะได้ประหยัดค่าโทรศัพท์ด้วย!”เย่เทียนหยู่พูดด้วยท่าทีเรียบเฉย“......”โจวฉิงจึงรีบกดรับสายอย่างช่วยไม่ได้ และเพื่อให้เย่เทียนหยู่ได้ยินเนื้อหาบทสนทนา เธอจึงกดเปิดลำโพงทันทีที่รับสาย พร้อมกับพูดด้วยความสุภาพออกไปว่า “ค่ะ ประธานหม่า!”แต่หม่าต้านกลับไม่สุภาพเลยแม้แต่น้อย เขาส่งเสียงฮึดฮัดออกมา พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ประธานโจว คุณพิจารณาข้อเสนอที่เรามอบให้ไปถึงไหนแล้ว?”โจวฉิงเหลือบมองไปยังเย่เทียนหยู่ ก่อนจะพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ประธานหม่าคะ ข้อเรียกร้องของคุณค่อนข้างที่จะเข้มงวดเกินไป พวกเราไม่สามารถยอมรับได้จริง ๆ ค่ะ”“งั้นเหรอ หมายความว่าพวกคุณไม่ยินยอมสินะ?” หม่าต้านโกรธจัดโจวฉิงหันไปมองเย่เทียนหยู่อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร ในใจก็ยิ่งรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา แต่ก็ย
เมื่อเห็นว่าโจวฉิงเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดสักเท่าไหร่ หลินหว่านหรูเองก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยออกมาว่า “โจวฉิง แค่เงินไม่กี่หมื่นล้าน สำหรับเทียนหยู่แล้ว มันแทบไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยด้วยซ้ำ!”“เอ่อ......”โจวฉิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย ที่เธอพูดออกมาว่าหลายหมื่นล้านนั้น เดิมทีก็เป็นคำพูดที่เกินจริงอยู่แล้ว แน่นอน เกี่ยวกับการสร้างโรงงาน รวมถึงการซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ เงินที่ต้องเตรียมเอาไว้ให้กับค่าใช้จ่ายจำนวนหมื่นล้านมันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากเมื่อหลินหว่านหรูเห็นว่าโจวฉิงยังไม่ค่อยเชื่อ เธอจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะเปิดข้อความให้ดู พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบออกไปว่า “ไม่งั้น คุณก็ลองดูสิ่งนี้ก่อนสิ”โจวฉิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอพยายามลองมองอย่างละเอียด ก่อนที่ต่อมาสีหน้าจะเต็มไปด้วยความรู้สึกตกใจ และถามออกไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อขึ้นว่า “ห้าแสนล้านเหรอคะ?” ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยเห็นจำนวนเงินมหาศาลจนน่าตกใจมากขนาดนี้มาก่อน“นี่ เขาเป็นคนให้คุณเหรอคะ?”“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ พอเขาเห็นว่าฉันอยากจะลงทุนกับอุตสาหกรร
โจวฉิงรู้สึกสับสนนิดหน่อย ทำไมจู่ ๆ ถึงได้มาพูดเรื่องการร่วมมือได้ หรือว่าอีกฝ่ายจะสามารถแก้ปัญหาได้จริง ๆ เพียงแต่รอดูว่าตนจะสามารถให้ผลประโยชน์อะไรได้บ้างก็เท่านั้นใช่ จะต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน!เธอจึงรีบพูดออกไปว่า “คุณเย่คะ แล้วคุณคิดว่าเราควรจะร่วมมือกันในรูปแบบไหนถึงจะดีคะ?”“ผมว่าคุณเป็นคนเสนอจะดีกว่านะครับ” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบโจวฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงขีดจำกัดที่พ่อเธอมี เธอจึงพูดออกไปว่า “หากเป็นไปได้ พวกเราก็หวังว่าจะได้รับเงินลงทุนประมาณสองพันห้าร้อยล้านค่ะ จากนั้นหุ้นให้พวกคุณถือหุ้นหกสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ว่า การบริหารและการดำเนินงานต่าง ๆ ให้อยู่ในความรับผิดชอบของพวกเราค่ะ”ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างพิเศษเช่นนี้ อันที่จริงเธอเองก็ไม่กล้าที่จะหวังอะไรมากเหมือนกัน“สองพันห้าร้อนล้านมันน้อยเกินไป ทำให้น้ำกระเซ็นยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”“งั้นเอาอย่างนี้นะ พวกเราจะมอบเงินลงทุนให้คุณหนึ่งหมื่นล้าน แลกกับหุ้นแปดสิบเปอร์เซ็นต์! และต้องให้หลินหว่านหรูเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการบริหารด้วย คุณคิดว่าแบบนี้เป็นไงบ้าง?”หนึ่งหมื่นล้านงั้นเหรอ?โจวฉิงรู้สึกตกใจ นี
โจวฉิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย นี่หลินหว่านหรูกำลังจะไปถามใครกันอย่างไรก็ตาม เธอเองก็ไม่ได้ถามอะไรมากนัก ทำได้เพียงรีบเดินตามไปเท่านั้น แม้เรื่องนี้จะเร่งด่วนมากก็ตาม แถมอีกฝ่ายยังกำหนดเวลาให้ถึงแค่ภายในวันนี้อีกต่างหาก ตำแหน่งที่เย่เทียนหยู่ทานข้าวก็อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลมากนัก ใช้เวลาเดินเพียงสามนาทีเท่านั้น ไม่นานทั้งสองก็เดินมาถึงด้านหน้าของห้องอาหารสุดหรูกันแล้วเห็นได้ชัดว่าราคาจะต้องแพงหูฉีกแน่นอน คนธรรมดาไม่มีทางมาทานข้าวในที่แบบนี้ได้ บรรยากาศด้านในเองก็ดีมากเช่นกัน ทั้งสะอาดเรียบร้อยทั้งสะดวกสบายตามห้องอาหารส่วนตัวที่เย่เทียนหยู่บอกเอาไว้ หลินหว่านหรูจึงได้เดินเข้าไปในทันทีโจวฉิงเองก็เดินตามหลังไปติด ๆ ทันทีที่เดินเข้าไป เธอก็เห็นชายหนุ่มอายุราว ๆ ยี่สิบกว่า ๆ คนหนึ่งนั่งอยู่ด้านในรูปลักษณ์ของเขานั้น ทั้งหล่อและมีเสน่ห์อย่างมาก รูปร่างเองก็ได้มาตรฐาน แค่มองแวบแรก ก็รู้ได้เลยว่าเขาจะต้องเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าสาว ๆ อย่างแน่นอนเขาคือใครกัน อย่าบอกนะว่าเขาคือแฟนของหลินหว่านหรู หลินหว่านหรูช่างตาดีเสียจริง แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถมากแค่ไหน คงไม่ได้เป็นแค่ผู้ชาย
และการที่มู่หรงอินทำดีกับตนแบบนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเทียนหยู่ รักรังนกก็ต้องรักตัวนกด้วยเมื่อย้อนกลับมาดูตัวเอง ทำไมตนถึงไม่มีแม่แบบนี้บ้างกันนะพูดถึงความแตกต่าง ความแตกต่างระหว่างเธอกับเทียนหยู่ในตอนนี้มันก็คือความรู้สึกแตกต่างที่แม่ของเธอเคยมองเธอกับเย่เทียนหยู่มาก่อน แต่คุณป้ากลับไม่เคยดูถูกตัวเธอเลยสักครั้ง กระทั่งอาจจะดูแลเอาใจใส่เธอมากกว่าเสียด้วยซ้ำเมื่อนึกถึงแม่ของตัวเอง ไม่รู้เลยว่าช่วงนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง อย่างจะโทรหาอยู่ลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังคงอดทนเอาไว้และต่อให้เธอจะไม่โทร แม่ของเธอก็ไม่คิดจะโทรหาเธออยู่ดีช่างเถอะ ทำไมจะต้องคิดมากขนาดนั้นด้วย อย่างน้อยก็ยังมีเทียนหยู่ที่ดีกับเธอ เมื่อนึกถึงเย่เทียนหยู่ ริมฝีปากหลินหว่านหรูก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อเวลาล่วงเลยจนมาถึงเที่ยงวัน หลินหว่านหรูก็ได้รับสายของเย่เทียนหยู่ ไม่นานเธอก็รีบลงจากตึกเพื่อออกไปข้างนอกทันทีที่เธอเพิ่งจะเดินออกมา เธอก็เห็นโจวฉิงที่ดำลังเดินอย่างเร่งรีบอยู่ด้านนอกเข้าในทันทีโจวชิงสวมใส่ชุดเดรส ร่างกายของเธอเพรียวบาง ขาเรียวยาว แต่สีหน้าของเธอกลับดูอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด ใ
หลังจากที่คำนั้นถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที หนึ่งในพนักงานถึงกับอดไม่ได้จนต้องร้องอุทานออกมาเสียงดัง“ประธานเย่คะ พวกเรารู้ดีค่ะ ว่าประธานหลินมีข้อขัดแย้งกับคุณ แต่ว่าประธานหลินเป็นคนดีมากเลยนะคะ เธอคือความหวังของบริษัท อย่างไล่เธอออกเลยได้ไหมคะ?”“ใช่ค่ะ ประธานเย่คะ ขอร้องล่ะค่ะ ให้ประธานหลินได้ทำงานที่นี่ต่อด้วยเถอะนะคะ”“ใช่แล้วครับ ประธานเย่ พวกเราต้องการประธานหลินครับ!”“ช่วยให้ประธานหลินได้ทำงานที่นี่ต่อด้วยเถอะนะครับ!”“......”เมื่อมีผู้นำ ก็ย่อมมีผู้ตาม ไม่นาน ทุกคนต่างก็พากันพูดขอร้องด้วยความตื่นเต้นเพื่อให้หลินหว่านหรูได้ทำงานที่บริษัทต่อ จะเห็นได้ว่า ในสายตาของพวกเขา หลินหว่านหรูทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากจริง ๆฉากแบบนี้ อย่าว่าแต่เย่ซานที่ได้รู้เรื่องอะไรยังรู้สึกอึ้งเลย แม้แต่หลินหว่านหรูเองก็รู้สึกสับสนไปด้วยเช่นกันเธอคิดไม่ถึงเลยว่า นี่เพิ่งจะผ่านไปเพียงไม่กี่วัน แต่ทุกคนก็กลับให้การสนับสนุนเธอมากถึงขนาดนี้เย่ซานรู้สึกตกใจ ในเวลานี้เขาเองก็เพิ่งจะเข้าใจ ว่าหลินหว่านหรูยอดเยี่ยมกว่าที่ตนคิดเอาไว้มาก การที่ท่านประธานพูดแบบนั้น เกรงว่าไม่ใช
“ฉันเองก็ไม่รู้ เธออาจจะต้องพึ่งตัวของเธอเองแล้วล่ะ”เมื่ออดีตราชามังกรพูดมาถึงตรงนี้ เขาจึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกมาอีกว่า “เทียนหยู่ เรื่องของตระกูลเย่เธอเองก็น่าจะได้ยินมาบ้างแล้วใช่ไหม?”“อือ!”เย่เทียนหยู่พยักหน้า“เธอคิดเอาไว้บ้างไหม ว่าจะจัดการยังไง?” อดีตราชามังกรถาม“อีกไม่นานผมจะเดินทางไปที่อาณาจักรมังกรแล้วครับ” นี่คือแผนที่เย่เทียนหยู่คิดเอาไว้ในใจ สำหรับอาจารย์แล้ว เขาเองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบัง“เธอนี่นะ จิตใจดีจนเกินไปจริง ๆ กะแล้วว่าจะต้องเลือกแบบนี้ แต่มีอีกเรื่องที่ฉันอาจจะต้องบอกเธอให้รู้เอาไว้ เกี่ยวกับเรื่องที่ตระกูลเย่ถูกกดขี่อยู่ตอนนี้ อันที่จริงเบื้องหลังมีผู้มีอำนาจที่แข็งแกร่งมาก ๆ ผู้หนึ่งคอยหนุนหลังอยู่น่ะสิ”“ใครเหรอครับ?”“ตอนนี้ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นใคร แต่เขาก็เป็นถึงยอดฝีมือระดับเทพยาดาแดนดินที่แข็งแกร่งมากเลยทีเดียว”“แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอครับ หากเป็นเช่นนี้ ตระกูลเย่ก็แทบไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยน่ะสิครับ?”“นั่นเพราะยังไม่จำเป็นต้องให้เขาเป็นคนลงมือด้วยตัวเองน่ะสิ ถ้าหากเธอช่วยตระกูลเย่ เธอก็อาจจะเผลอไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตผู้นั้นเข้าก็ไ
เมื่อคืนเธอสามารถหลับได้อย่างสบายใจ หลักจากที่ตื่นเช้าขึ้นมา พอหลินหว่านหรูลงจากเตียง เธอก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารเช้าใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุขช่วงหลายวันมานี้ เธอไม่เคยรู้สึกสบายใจเท่ากับเมื่อคืนมาก่อนเลยรู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างสวยงามเหลือเกิน ทำไมตัวเองถึงได้มีความสุขมากขนาดนี้ช่วงเวลาเก้าโมงเช้า หลินหว่านหรูปรากฏตัวที่บริษัทตามเวลาเข้างาน หลังจากที่เธอทบทวนมาทั้งคืน เธอก็เปลี่ยนการตัดสินใจของเธอ นี่ยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะต้องจากเทียนเฟิงกรุ๊ปไปเพราะแบบนั้นมันก็เท่ากับเธอกำลังหนีปัญหาในช่วงเวลาที่สำคัญ หรือต่อให้เธอจะต้องจากไปจริง ๆ เธอก็ควรที่จะสร้างผลงานให้เป็นชิ้นเป็นอันเสียก่อน เพราะไม่อย่างนั้น เธอคงจะรู้สึกผิดต่อความรักความเอ็นดูที่มู่หรงอินมีต่อเธอเป็นแน่เมื่อเห็นหลินหว่านหรู ทุกคนต่างก็แสดงความเคารพต่อเธอด้วยความจริงใจแม้ว่าจะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่การบริหารและการจัดการของหลินหว่านหรูก็ทำให้ทุกคนรู้สึกประทับใจมากจริง ๆประสิทธิภาพของบริษัทเองก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าปัจจุบันผลทางสถิติอาจจะยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่มันก็ทำให้ทุกคนสามารถ