เย่เทียนหยู่ฟังจบก็ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาอย่างตกใจ “ไอ่บ้านั่นยังไม่ไปจากเมืองเทียนไห่อีกเหรอ?” “นายว่าอะไรนะ?” หลินหว่านหรูชะงักไปเล็กน้อย “ไม่มีอะไร ไปทานข้าวกันตอนไหนล่ะ?” เย่เทียนหยู่ถาม “สิบเอ็ดโมงครึ่ง ที่ตึกสี่ฤดู” “ไปเร็วจัง โอเค ผมรู้แล้วคุณไปตามนัดก็พอ ทางนี้ผมมีเรื่องนิดหน่อยเดี๋ยวผมไปหา” เย่เทียนหยู่วางสายโทรศัพท์ หลินหว่านหรูงงเล็กน้อย เทียนหยู่หมายความว่ายังไง เขาคงไม่ได้คิดจะมาก่อเรื่องหรอกมั้ง แต่เขาบ้าไปเลยก็ดีอีกฝ่ายจะได้โมโห แต่ถ้าเกิดว่าเขาไม่มาเธอจะทำยังไงดีล่ะ จากที่ฟังคุณปู่และแม่พูด ถ้ารอบนี้เธอไม่ยอมเชื่อฟังก็คงจบเห่แน่ และเธอก็จะได้ชื่อว่าเป็นคนที่ทำลายตระกูลหลินด้วย ช่างเถอะ ไม่สนใจแล้ว ยังไงมันก็ต้องมีหนทางอยู่แล้ว บางทีเย่เทียนหยู่อาจจะมีวิธีก็ได้ เขาอาจจะดูดุดันไปหน่อยแต่ก็ยังปลอดภัยดีทุกครั้งนี่นา เย่เทียนหยู่วางโทรศัพท์ก่อนจะมองนาฬิกาเล็กน้อย ตอนนี้สิบโมงเข้าไปแล้ว จากนี่ไปตึกสี่ฤดูก็ไกลพอสมควร ดูท่าคงต้องรีบหน่อยแล้ว เย่เทียนหยู่เดินไปหยิบเก้าอี้มาก่อนจะเอาเก้าอี้มาวางซ้อนกันไว้ เมื่อวงซ้อนกันสูงมากพอ เขาก็กระโดดขึ้นไป
เมื่อเอ่ยคำสั่งนี้จบ ทุกคนก็ต่างพากันงงงวย เพราะเสียงของเย่เทียนหยู่ดังมากๆ ต่อให้จะไม่ได้ยินชัดแต่คำพูดนี้มันก็ลอยเข้าหูของทุกคน และทุกคนก็ได้ยินอย่างชัดเจน หวังชิ่ง! ก็แค่พนักงานธรรมงานคนหนึ่งในฝ่ายการขาย แต่กลับได้เป็นรองประธานบริษัท และท่านประธานยังพูดเองด้วยว่าให้ช่วยดูแลเรื่องการบริหารของบริษัท แบบนี้ก็ไม่ต่างจากประธานบริษัทเลยนี่นา ทำไมฟังดูแปลกๆกันนะ หนิงเกอเองก็ชะงักไปเล็กน้อย แต่เมื่อผ่านเรื่องที่แล้วมาเธอก็พอรู้ว่าเย่เทียนหยู่จะต้องจัดการอะไรบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะเลยจินตนาการไปขนาดนี้ นี่ก็ไม่ต่างจากการปั่นหัวผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆเลย โจวม่านยิ้มขื่น เธอนึกถึงสิ่งที่ประธานเย่พูดเมื่อสักครู่ ตอนแรกคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะมันดูจะยากเย็นซะเหลือเกิน แต่ได้ยินคำสั่งนี้ ประธานเย่เขาตั้งใจจะทำแบบนี้จริงๆ แต่ปัญหาคือคนอื่นๆจะฟังเขาไหม จางฉีเองก็งงๆ คนอื่นๆเองก็เช่นกัน แม้กระทั่งตัวหวังชิ่งเองก็ไม่เข้าใจ ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากรอบข้าง หวังชิ่งก็ได้แต่ทำหน้างงงวย นี่มันสถานการณ์อะไรกัน เมื่อกี้เขายังคิดอยู่เลยว่าจะเปลี่ยนบริษัทดีไหมทางที่ดีก็คงจะเล
“ดี พวกเราชอบความมั่นใจแบบนี้” “งั้นก็ตกลงตามนี้ ตั้งแต่วันนี้ไปคุณรับตำแหน่งรองประธานบริษัทไป” เย่เทียนหยู่พูด “เดี๋ยวก่อน!” ในตอนนี้เองที่หลิวชั่วรู้สึกเหมือนตกที่นั่งลำบาก เขาพูดขึ้น “ประธานเย่ คุณเพิ่งจะมาที่บริษัทไม่เข้าใจสถานการณ์ก็จะเปลี่ยนรองประธานคนใหม่เลยคุณไม่คิดว่ามันง่ายไปหน่อยเหรอ?” “เราควรจะโหวตกันไม่ใช่เหรอ?” “ไม่ต้องปรึกษา!” “เจ้านายของผมมีหุ้นอยู่ที่บริษัทนี้ทั้งหมด เขาอนุญาตให้ผมจัดการได้เต็มที่” เย่เทียนหยู่พูดต่อ หลิวชั่วได้ฟังก็โมโหก่อนจะพูดออกมาเสียงดัง “คุณบ้าอำนาจแบบนี้ไม่กลัวว่าจะทำให้บริษัทล้มละลายหรือไง แบบนี้ใครจะกล้าทำงานกับคุณ?” “งั้นแล้วใครไม่กล้าบ้าง?” “ได้นะ ถ้าใครไม่กล้าก็ลุกออกมาเลย” เย่เทียนหยู่พูดเสียงเนิบ หลังจากพูดคำนี้จบสีหน้าทุกคนก็เปลี่ยนไป ยิ่งเมื่อเห็นท่าทีของเย่เทียนหยู่ที่พร้อมจะจัดการทุกคนที่ขวางหน้าด้วยแล้ว “ผมไม่กล้า” ในตอนนี้เองเฉินฮั่นก็ลุกขึ้นแล้วก้าวออกมา เพราะเมื่อกี้ถือดีว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าอีกฝ่าย ตอนนี้ได้โอกาสเอาคืนแล้ว เมื่อกี้อยากจะไล่เขาออกไม่ใช่หรือไงสุดท้ายก็กลัว เพราะอย่างนั้นเขาจึงกล้า
“งั้นเหรอ?” เย่เทียนหยู่อดจะยิ้มออกมาไม่ได้ก่อนจะพูดออกมาเสียงเรียบ “เฉินฮั่น จากที่ผมรู้มาคุณเอาผลงานการออกแบบของบริษัทไปขายให้บริษัทคู่ต่อสู้เพื่อจะได้รับเงินจากตรงนั้น นี่มันเรื่องจริงหรือเปล่า?” “โกหก!” “นี่มันเรื่องโกหกชัดๆ!” “ใครมันพูด ฉันจะจัดการมันให้เละเลย!” เฉินฮั่นหน้าถอดสีก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดังอย่างระแวง เสียงที่ดังขนาดนี้ทำเอาทุกคนในที่นั้นได้ยินกันจนหมด เห็นได้ชัดเลยว่าเฉินฮั่นกลัวมากจริงๆ “โกหกเหรอ?” “งั้นทำไมมันถึงได้ชัดเจนขนาดนี้ล่ะ” เย่เทียนหยู่หัวเราะเบาะๆ ก่อนจะพูดช้าๆ “ปีก่อนตอนวันที่แปดมิถุนายน ปีที่แล้ว แล้วก็ยังมีของปีนี้อีกด้วย” “วันที่หกของเดือนนี้เอง นายเอาแหวนที่โจวม่านออกแบบแล้วก็ของหนิงเกอและของคนอื่นๆในฝ่ายไปขายให้บริษัทคู่แข่ง ได้เงินมาหลายแสน” ทุกๆเรื่องและวันที่ที่ปรากฏและยังมียอดเงินที่ชัดเจนอีกด้วย เฉินฮั่นได้ฟังก็อดจะหน้าซีดไม่ได้ เขาปฏิเสธพร้อมกับท่าทีตื่นกลัว “โกหก มันเป็นเรื่องโกหก นี่มันเรื่องมั่วๆ ไม่ใช่ความจริง” เห็นได้ชัดว่าเขากลัวจนแทบบ้า เห็นได้ชัดเลยว่าช็อคไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเย่เทียนหยู่พูดถูกต้อง ถึงจะยังไม
แต่ไม่แน่ เขาอาจจะรู้แค่เรื่องของฝ่ายออกแบบก็ได้ เพราะวันนี้มาถึงเขาก็ไปฝ่ายออกแบบเลย ดูท่าแล้วฝ่ายออกแบบคงมีคนปล่อยความลับ ถูกต้อง มันต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ คิดได้แบบนี้เฉินฮั่นก็สบายใจมากขึ้น เห็นเฉินฮั่นคุกเข่าด้วยท่าทีน่าสงสารอยู่ตรงหน้า เย่เทียนหยู่มองไปอีกฝ่ายด้วยสายตาแน่นิ่งก่อนจะพูดออกมาเสียงเรียบ “ถ้าหากเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ผมก็คงจะปล่อยไปได้ แต่คุณยังทำเรื่องที่แย่จนผมรับไม่ได้อีก” “อะ…อะไรนะครับ ผม…ผมไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน ไม่เคยทำผิดอะไรต่อคุณนี่?” เฉินฮั่นหวั่นใจ “ผู้หญิง!” เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบ “นายใช้อำนาจในการเป็นหัวหน้าฝ่าย หลอกล่อผู้หญิงคนอื่นในฝ่าย ทำให้เกิดแผลในใจของพวกเธอ ถึงจะมีคนที่ออกจากบริษัทไปแล้วแต่ผลที่นายทำมันทำให้เกิดปัญหาระยะยาว” ได้ยินคำนี้เฉินฮั่นจึงหน้าถอดสีก่อนจะล้มลงไปนั่งกับพื้น เย่เทียนหยู่ไม่สนใจก่อนจะพูดต่อ “หลิวชั่ว นายเองก็ไม่พอใจนี่ ตอนนี้มีอะไรจะพูดไหม?” ได้ยินคำนี้สีหน้าของหลิวชั่วก็เปลี่ยนไป แต่เมื่อคิดดูอีกฝ่ายคงไม่มีหลักฐานอะไรสาวมาที่ตัวเขา ไม่อย่างนั้นก็คงจัดการเขาก่อน ถ้าจัดการเขาได้ก็เหมือนจัดการได้ทั้งหมด
หานถงไม่กล้าเสี่ยง ขนาดคนที่ปกปิดอย่างดีอย่างหลิวชั่วยังไม่รอดเรื่องของเธอไม่ต้องถามคนอื่นก็ยังได้ เพราะหวังชิ่งเองก็คงพอรู้มาบ้าง ไม่แน่ก็เป็นหวังชิ่งเองนั่นแหละที่เป็นคนพูดเพื่อที่จะได้ตำแหน่ง ภาพทุกภาพในวันนี้ปรากฏสู่สายตาของทุกคนทั้งน่าตกใจและน่ายินดี ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าเย่เทียนหยู่จะทำได้ขนาดนี้แต่เมื่อความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้าประธานบริษัทคนใหม่ก็ไม่ต่างจากเทพมาโปรดเลยสักนิด หนิงเกอเองก็มองอย่างเหม่อๆ เย่เทียนหยู่เก่งกว่าที่เธอคาดคิดเอาไว้ นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว โจวม่านและคนอื่นๆเองก็ช็อคไปแล้ว เพราะใช้เวลาไม่นานก็จัดการเรื่องน่าเหลือเชื่อนี่เสร็จแล้ว รองประธานหลิวชั่ว หัวหน้าฝ่ายออกแบบเฉินฮั่นและยังจะมีหัวหน้าฝ่ายการขายอีกด้วย นี่มันหัวหน้าใหญ่สามคนภายในบริษัทเชียวนะ และนอกจากนี้ยังมีฝ่ายจัดซื้อและฝ่ายอื่นๆอีกด้วย แค่สามคนนี้โดนลิดรอนอำนาจ คนอื่นๆก็ไม่กล้าทำอะไรแล้ว เย่เทียนหยู่มองทางหานถงก่อนจะพูดออกมาเสียงเรียบ “ดีมาก แบบนี้สิ” “อีกเดี๋ยวก็ไปบอกหวังชิ่งทุกอย่างแล้วก็ชดใช้เงินคืนด้วยนะ“ “ค่ะ!” หานถงก้มหน้า เธอหวั่นใจจนแทบไม่กล้าพูดอะไ
เดิมทีเขาก็ความจำดีอยู่แล้ว เพราะอย่างนั้นจึงสามารถพูดชื่อของทุกคนออกมาและมอบหมายงานและตำแหน่งใหม่ให้ได้ จริงๆการประกาศตำแหน่งงานใหม่ในวันนี้ดูเหมือนจะง่าย แต่จริงๆแล้วเย่เทียนหยู่เพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งแต่กลับรู้จักชื่อและเข้าใจความสามารถในการทำงานของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี เขารู้ว่าใครชื่ออะไรและควรจะทำตำแหน่งอะไร ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีการใช้โพยกระดาษเลยสักนิด นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้ พูดได้แค่ว่าประธานบริษัทคนใหม่นี่เก่งเกินไปและยังทุ่มเทให้บริษัทมากๆด้วย และเพราะแบบนี้คนที่มีปัญหาในใจจึงคิดแค่เพียงว่าจะต้องรีบไปสารภาพความผิดซะ “การมอบหมายงานในวันนี้ก็ประมาณนี้แต่ว่าถ้าต่อจากนี้ใครที่มีความสามารถมากพอ และยังค่อนข้างที่จะโดดเด่นก็สามารถมีโอกาสแบบนี้ได้” “ผมถือเอาคนที่มีความสามารถโดดเด่นเป็นหลัก ใครเก่งก็ได้เลื่อนขั้น” “และแน่นอน นิสัยก็จะต้องดีด้วยอย่างน้อยก็ต้องไม่ทำผิดกฎหมายหรือทำอะไรที่มันผิดหลักคุณธรรม” “เอาล่ะ ต่อจากนี้ก็รอดูทุกคนนะครับ” “ผมยังมีธุระ ขอตัวก่อน” เย่เทียนหยู่พูดจบก็กระโดดลงมาก่อนจะพูดขึ้น “หวังชิ่งคุณมากับผมหน่อย” “ครับ” หวังชิ่งรีบดินตาม
หลินหว่านหรูมาที่ตึกสี่ฤดูและเดินเข้าไปในห้องทานอาหารส่วนตัวก็เพราะการบังคับคนที่บ้าน ในตอนที่เธอรู้เลขห้องอาหารก็รีบส่งให้เย่เทียนหยู่ เพราะเย่เทียนหยู่บอกว่าต้องส่งที่อยู่ให้กับเขา “หว่านหรู มาแล้วเหรอ” เห็นหลานสาวของตัวเองเข้ามาแล้วนายท่านหลินก็ถอนหายใจก่อนจะรีบพูด พ่อและแม่ของเธอเองก็ดีใจมากๆ นอกจากพวกเขาสามคนยังมีหลี่ว์เจิ้งอยู่ด้วย บนใบหน้ามีร่องรอยเหมือนถูกทำร้ายมา เพราะว่ามีการจัดการแล้วจึงไม่สามารถมั่นใจได้ว่าถูกทำร้ายมาจริงไหม หลี่ว์เจิ้งเห็นว่าหลินหว่านหรูมาแล้วก็อดจะตาลุกวาวไม่ได้ เพราะว่าการปรากฏตัวของเย่เทียนหยู่ ทำให้เขาไม่สามารถฮุบตระกูลซ่งและตัวซ่งหลิงมาครองไว้ได้ แต่ว่าการที่จะได้คนที่สวยมากๆอย่างหลินหว่านหรูกลับเป็นเรื่องที่โชคดี ทำให้เขารู้สึกชอบมากขึ้นกว่าเดิม เพราะว่าหลินหว่าหรูดีกว่าซ่งหลิงมากอีกฝ่ายก็เหมือนแค่ต้องการเข้ามาหลอกเอาเงินเขาก็เท่านั้น หลี่ว์เจิ้งพยายามเก็บอาการเขามองไปทางด้านขวาของตัวเองหน้านิ่งก็จะพูดออกมายิ้มๆ“หว่านหรู มานั่งทางนี้สิ” หว่านหรูมองไปทางนั้นก่อนจะพูด “ไม่ล่ะค่ะ ฉันขอนั่งข้างๆแม่ของฉันดีกว่า” พูดจบก็เดินมานั่งลงตร