หานถงไม่กล้าเสี่ยง ขนาดคนที่ปกปิดอย่างดีอย่างหลิวชั่วยังไม่รอดเรื่องของเธอไม่ต้องถามคนอื่นก็ยังได้ เพราะหวังชิ่งเองก็คงพอรู้มาบ้าง ไม่แน่ก็เป็นหวังชิ่งเองนั่นแหละที่เป็นคนพูดเพื่อที่จะได้ตำแหน่ง ภาพทุกภาพในวันนี้ปรากฏสู่สายตาของทุกคนทั้งน่าตกใจและน่ายินดี ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าเย่เทียนหยู่จะทำได้ขนาดนี้แต่เมื่อความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้าประธานบริษัทคนใหม่ก็ไม่ต่างจากเทพมาโปรดเลยสักนิด หนิงเกอเองก็มองอย่างเหม่อๆ เย่เทียนหยู่เก่งกว่าที่เธอคาดคิดเอาไว้ นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว โจวม่านและคนอื่นๆเองก็ช็อคไปแล้ว เพราะใช้เวลาไม่นานก็จัดการเรื่องน่าเหลือเชื่อนี่เสร็จแล้ว รองประธานหลิวชั่ว หัวหน้าฝ่ายออกแบบเฉินฮั่นและยังจะมีหัวหน้าฝ่ายการขายอีกด้วย นี่มันหัวหน้าใหญ่สามคนภายในบริษัทเชียวนะ และนอกจากนี้ยังมีฝ่ายจัดซื้อและฝ่ายอื่นๆอีกด้วย แค่สามคนนี้โดนลิดรอนอำนาจ คนอื่นๆก็ไม่กล้าทำอะไรแล้ว เย่เทียนหยู่มองทางหานถงก่อนจะพูดออกมาเสียงเรียบ “ดีมาก แบบนี้สิ” “อีกเดี๋ยวก็ไปบอกหวังชิ่งทุกอย่างแล้วก็ชดใช้เงินคืนด้วยนะ“ “ค่ะ!” หานถงก้มหน้า เธอหวั่นใจจนแทบไม่กล้าพูดอะไ
เดิมทีเขาก็ความจำดีอยู่แล้ว เพราะอย่างนั้นจึงสามารถพูดชื่อของทุกคนออกมาและมอบหมายงานและตำแหน่งใหม่ให้ได้ จริงๆการประกาศตำแหน่งงานใหม่ในวันนี้ดูเหมือนจะง่าย แต่จริงๆแล้วเย่เทียนหยู่เพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งแต่กลับรู้จักชื่อและเข้าใจความสามารถในการทำงานของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี เขารู้ว่าใครชื่ออะไรและควรจะทำตำแหน่งอะไร ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีการใช้โพยกระดาษเลยสักนิด นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้ พูดได้แค่ว่าประธานบริษัทคนใหม่นี่เก่งเกินไปและยังทุ่มเทให้บริษัทมากๆด้วย และเพราะแบบนี้คนที่มีปัญหาในใจจึงคิดแค่เพียงว่าจะต้องรีบไปสารภาพความผิดซะ “การมอบหมายงานในวันนี้ก็ประมาณนี้แต่ว่าถ้าต่อจากนี้ใครที่มีความสามารถมากพอ และยังค่อนข้างที่จะโดดเด่นก็สามารถมีโอกาสแบบนี้ได้” “ผมถือเอาคนที่มีความสามารถโดดเด่นเป็นหลัก ใครเก่งก็ได้เลื่อนขั้น” “และแน่นอน นิสัยก็จะต้องดีด้วยอย่างน้อยก็ต้องไม่ทำผิดกฎหมายหรือทำอะไรที่มันผิดหลักคุณธรรม” “เอาล่ะ ต่อจากนี้ก็รอดูทุกคนนะครับ” “ผมยังมีธุระ ขอตัวก่อน” เย่เทียนหยู่พูดจบก็กระโดดลงมาก่อนจะพูดขึ้น “หวังชิ่งคุณมากับผมหน่อย” “ครับ” หวังชิ่งรีบดินตาม
หลินหว่านหรูมาที่ตึกสี่ฤดูและเดินเข้าไปในห้องทานอาหารส่วนตัวก็เพราะการบังคับคนที่บ้าน ในตอนที่เธอรู้เลขห้องอาหารก็รีบส่งให้เย่เทียนหยู่ เพราะเย่เทียนหยู่บอกว่าต้องส่งที่อยู่ให้กับเขา “หว่านหรู มาแล้วเหรอ” เห็นหลานสาวของตัวเองเข้ามาแล้วนายท่านหลินก็ถอนหายใจก่อนจะรีบพูด พ่อและแม่ของเธอเองก็ดีใจมากๆ นอกจากพวกเขาสามคนยังมีหลี่ว์เจิ้งอยู่ด้วย บนใบหน้ามีร่องรอยเหมือนถูกทำร้ายมา เพราะว่ามีการจัดการแล้วจึงไม่สามารถมั่นใจได้ว่าถูกทำร้ายมาจริงไหม หลี่ว์เจิ้งเห็นว่าหลินหว่านหรูมาแล้วก็อดจะตาลุกวาวไม่ได้ เพราะว่าการปรากฏตัวของเย่เทียนหยู่ ทำให้เขาไม่สามารถฮุบตระกูลซ่งและตัวซ่งหลิงมาครองไว้ได้ แต่ว่าการที่จะได้คนที่สวยมากๆอย่างหลินหว่านหรูกลับเป็นเรื่องที่โชคดี ทำให้เขารู้สึกชอบมากขึ้นกว่าเดิม เพราะว่าหลินหว่าหรูดีกว่าซ่งหลิงมากอีกฝ่ายก็เหมือนแค่ต้องการเข้ามาหลอกเอาเงินเขาก็เท่านั้น หลี่ว์เจิ้งพยายามเก็บอาการเขามองไปทางด้านขวาของตัวเองหน้านิ่งก็จะพูดออกมายิ้มๆ“หว่านหรู มานั่งทางนี้สิ” หว่านหรูมองไปทางนั้นก่อนจะพูด “ไม่ล่ะค่ะ ฉันขอนั่งข้างๆแม่ของฉันดีกว่า” พูดจบก็เดินมานั่งลงตร
ที่เคยเสียหน้าไปก่อนหน้านี้ เขาจะต้องทวงคืนกลับมาให้หมด เขาตอบปฏิเสธออกมาหน้าตาเฉย “แน่นอนว่าไม่ใช่!” แต่เมื่อตอบคำนี้ออกมา นายท่านหลินก็ช็อคไปเหมือนกัน แบบนี้ไม่ให้เกียรติกันเลยนี่นา พ่อแม่ของเธอเองก็ชะงักไป แต่ว่าพวกเขาก็ลังเลเล็กน้อย และยังคงอยากจะทำให้บรรยากาศมันดีขึ้น เพราะนี่ถือว่าเป็นโอกาสที่จะได้เปลี่ยนชีวิต ถ้าลูกสาวของพวกเขาได้แต่งงานกับคนรวยของเมืองหลงตู สถานะทางสังคมของพวกเขาทั้งสองคนก็จะสูงตามไปด้วย หลี่ว์เจิ้งปฏิเสธเสร็จก็ไม่รอให้คนอื่นได้พูดอะไรต่อ “นายท่านหลิน พูดกันตามจริงนะ พรุ่งนี้ผมก็จะไปจากเมืองเทียนไห่แล้ว” “วันนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกคุณ” “ที่ผมมาที่นี่ก็เพราะหว่านหรู ผมหวังว่าพรุ่งนี้เธอจะไปจากที่นี่พร้อมกับผมได้” ตอนแรกหลี่ว์เจิ้งไม่ได้คิดเช่นนี้ แต่ยิ่งเห็นว่าตระกูลหลินกลัวตัวเองมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งได้คืบจะเอาศอกมาเท่านั้น คนในตระกูลหลินได้ฟังก็ชะงักไป เพราะไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ หลินหว่านหรูสีหน้าเปลี่ยนไป ช่วงนี้เธอได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลหลี่ว์มามากมาย ตอนนี้หลี่ว์เจิ้งกำลังวางท่าทางว่าพรุ่งนี้จะพาตนเองไปให้ได้ แน่นอนว่าเธอไม
เย่เทียนหยู่มาทันช่วงเวลาที่สำคัญพอดี มาในตอนที่หลินหว่านหรูรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจ นายท่านหลินพูดจบก็มองไปทางหลานสาวตาไม่กระพริบเพราะรู้ว่าเรื่องนี้มันมีผลต่อเธอมากๆ แต่ว่าเขาเองก็ไม่มีหนทางที่ดีกว่านี้ อีกอย่าง ในอนาคตหลานของเขาจะต้องเข้าใจแน่ๆ พอถึงตอนนั้นหลานของเขาจะต้องรู้สึกขอบคุณเขาแน่ๆที่ทำเพื่อเธอในวันนี้ ส่วนหลี่ว์เจิ้งก็ตั้งตารอยิ่งกว่าใครเพราะว่าคนสวยตรงหน้าจะกลายเป็นคนของเขาแล้ว ทำให้สิ่งที่ทำให้เขาอารมณ์เสียก่อนหน้านี้หายไปจนหมด แต่ในตอนนี้กลับมีเสียงของเย่เทียนหยู่ลอยมา อะไรกัน ไม่ตกลงงั้นเหรอ? ไอ่บ้าคนไหนที่มันกล้าเขามาขัดขวางกัน แต่ลองฟังดูเสียงนี้ช่างฟังดูคุ้นเคย สีหน้าของนายท่านหลินเปลี่ยนไป พ่อและแม่ของหลินหว่านหรูเองก็เช่นกัน ให้ตายเถอะ เย่เทียนหยู่มาได้ยังไงกัน เหมือนวิญญาณที่ตามติดเลย เขามาก็ไม่รู้จะมาสร้างเรื่องอะไร ถ้าทำให้คุณชายหลี่ว์โมโหแล้วจะทำยังไงดี แต่จากท่าทีของครอบครัวของเธอเมื่อสักครู่ก็ทำให้ใจของเธอด้านชาไปแล้ว อย่างน้อยในตอนนี้เธอไม่อยากสนใจอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าเย่เทียนหยู่จะทำอะไรเธอก็สนับสนุนทั้งนั้น ในตอนที่ทุกคนต่
“หว่านหรู นี่ลูกพูดอะไรออกมา?” “ทำไมถึงไปนอนกับไอ่สวะนี่ได้?” “ลูกนอนที่บ้านตลอดไม่เคยออกไปไหน แม่รู้นะว่าลูกกำลังพูดเพื่อมันถึงได้พูดแบบนี้” “นี่แกบ้าหรือเปล่า ถ้าคุณชายหลี่ว์เข้าใจผิดจะทำยังไง” “คนอย่างเย่เทียนหยู่ทั้งชาติตระกูลและความหล่อเหลาก็สู้คุณชายหลี่ว์ไม่ได้ ถ้าเทียบกันมันก็ไม่ต่างจากขยะ แกชอบอะไรมัน” แม่ของเธอพูดออกมาไม่หยุด หลินหว่านหรูได้ฟังก็ตั้งท่าจะเถียงกลับเรื่องที่เธอนอนกับเย่เทียนหยู่เป็นเพราะถูกคนวางยา เธอไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด แต่ในตอนนี้หลี่ว์เจิ้งก็ได้สติกลับมา ที่แท้คุณชายเย่ชื่อว่าเย่เทียนหยู่ จึงรีบเอ่ยขัด “นายท่านหลิน คุณน้าพวกคุณเข้าใจผิดแล้วนะครับ ผมไม่เคยคิดว่าจะคบกับหลินหว่านหรู” “คุณชายหลี่ว์ นี่คุณ…?” “ที่ผมมาในวันนี้ก็เพราะว่านายท่านหลินเอาแต่รบเร้าให้ผมมาเจอเธอ ผมถึงได้มาแต่ไม่ได้คิดอะไรเลยแน่นอน” “เพราะว่าคนที่สวยจนโลกตะลึงอย่างคุณหลินถึงเหมาะกับคนที่หล่อเหลาอย่างคุณชายเย่” “ผมจะนับว่าเป็นอะไรได้ ถ้าเทียบกับเขาผมก็ไม่ต่างจากขยะ เป็นแค่คนไร้ค่าจะไปกล้าคิดอะไรแบบนั้นกับคุณหลินได้ยังไง” หลี่ว์เจิ้งแทบจะยกคำชมทั้งหมดออกมาพูดชมอีกฝ
“นี่…นี่” “ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้?” เพียงเท่านี้ทุกคนต่างก็พากันงงงวยไปตามๆกัน ทุกคนต่างก็ไม่เชื่อสายตาของตัวเอง นี่มันเกินสิ่งที่พวกเขาจินตนาการไปมาก พ่อแม่ของเธอตาโตก่อนจะอ้าปากกว้างเหมือนอยากจะพูดแต่พูดไม่ออก ถึงแม้หลี่ว์เจิ้งจะรู้สึกอับอายมากๆ แต่เมื่อลอดตัวเสร็จก็ไม่กล้าออกไป ได้แต่มองหน้าเย่เทียนหยู่อยู่แบบนั้น “คะ…คุณเย่เชื่อผมแล้วใช่ไหม?” “อืม เชื่อแล้วล่ะ” “นายไสหัวไปได้แล้ว!” “ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ ขอบคุณคุณเย่มากครับ” หลังพูดคำนี้จบหลี่ว์เจิ้งก็รีบออกไปจากห้องอาหารแล้วก็รีบจากไปในทันที เห็นได้ชัดว่าเขากลัวมากจริงๆ เขาไม่เคยมีครั้งไหนที่จะกลัวเท่าครั้งนี้เลย ต่อให้เป็นเมื่อวานก็ยังดีกว่าวันนี้ เพราะเขารู้ดีว่าเรื่องที่ทำในวันนี้อาจจะทำให้เขาตายไปเลยก็ได้ เพราะว่าอีกฝ่ายเป็นภรรยาของเขาเชียวนะ นี่มันผิดมากๆ ในตอนที่ออกจากตึกสี่ฤดู หลี่ว์เจิ้งก็รีบจากไป ในตอนนี้ก็มีวัยรุ่นคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาคือหม่าเผิง เขาพูดออกมาอย่างตื่นเต้น “คุณชายหลี่ว์ สวัสดีครับ!” เขาอุตส่าห์ได้ยินมาว่าอีกฝ่ายจะมาที่ตึกสี่ฤดูก็รีบมาดักทางไว้ “นายเป็นใคร?” ในใจของเขาเต็มไป
“ได้เลยครับ!” “คือมันเป็นแบบนี้…” หม่าเผิงอธิบายว่าเย่เทียนหยู่เข้ามายึดตระกูลแล้วยังถือดีรังแกคนอื่นๆ อยากให้หลี่ว์เจิ้งช่วยเขาทวงคืนสมบัติของตระกูล หลี่ว์เจิ้งได้ฟังก็รีบพูด “มีคนแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย แต่ว่านะเขายึดเอาบริษัทในเครือของตระกูลหม่าไปจนหมด ถ้าจะให้ฉันช่วยทวงคืนกลับมา ให้แค่ร้อยล้านมันน้อยไปหรือเปล่า?” “งั้นคุณชายหลี่ว์อยากได้เท่าไหร่?” “อย่างน้อยก็สักพันล้าน!” หลี่ว์เจิ้งพูด ครั้งนี้เขาอับอายมากเกินไปถ้าก่อนกลับยังทำเงินได้สักร้อยล้าน ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี และยังมีเหตุผลไปอธิบายให้คุณปู่ฟังด้วย ถ้าไม่อย่างนั้นเรื่องที่เขาไปรุกล้ำราชามังกรก็มากพอให้เขาถูกปู่จัดการอย่างหนักหน่วงแล้ว อะไรนะ! พันล้าน! หม่าเผิงหน้าเปลี่ยนสี ให้เขาจ่ายพันล้านเพื่อที่จะได้หงหม่ากรุ๊ปกลับคืนมา นี่มันไม่คุ้มเอาซะเลย และเงินจำนวนมากมายขนาดนั้นเขาก็ไม่มีด้วย แต่เขาคิดแล้วว่าถ้าเอาบริษัทกลับคืนมาได้ก็ค่อยหาทางขายทอดตลาด ต่อให้เขาจะขาดทุนหน่อยก็ไม่เป็นไร ขอแค่อย่าให้เย่เทียนหยู่ได้รับมันไปฟรีๆก็พอ เพราะอย่างนั้นหม่าเผิงจึงรีบพูด “ไม่มีปัญหา แต่ผมไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้นในตอนนี้
ซุนซวี่หัวเราะเยาะอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางดุดัน “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ แกจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้อย่างแน่นอน”“พอถึงตอนนั้น ก็อย่ามาอ้อนวอนขอความเมตตาก็แล้วกัน ฮ่า ๆ......”ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของซุนซวี่ บวกกับคำพูดเหล่านั้น หลินจื่อตงยังไม่ทันจะพูดอะไร สวี่เจียเจียก็เริ่มได้สติ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “พ่อคะ นี่พ่อ......”“เจียเจีย เรื่องถัดจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะสามารถจัดการได้ เขาเพิ่งบอกว่าเขาสามารถปกป้องตัวเองได้ใช่ไหม เช่นนั้นต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว” พ่อตระกูลสวี่พูดขัดขึ้นมา“จะดูความสามารถอะไรกัน เขาเป็นแค่คนที่มาจากครอบครัวธรรมดา จะเอาอะไรไปสู้กับตระกูลซุนได้” สวี่เจียเจียพูดด้วยความร้อนใจ“เจียเจีย ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตระกูลซุนมีการดำรงอยู่แบบไหน ลูกก็เข้าใจดี พ่อของลูกสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ก็ถือว่าทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีของตระกูลสวี่แล้ว”คุณแม่ตระกูลสวี่พูดขึ้น พร้อมส่ายหัวว่า “หลังจากนี้ ก็ต้องดูที่ตัวเขาแล้วล่ะ หากเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ แม่ก็จะสนับสนุนให้พวกลูกคบกัน”“ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่พวกลูกสองค
“ยินดีครับ!”“ต่อให้จะต้องตาย ผมก็จะอยู่กับเธอ ขอให้คุณลุงสบายใจได้ ถึงไม่มีตระกูลสวี่ พวกเราก็สามารถปกป้องเจียเจียได้เช่นกัน”หลินจื่อตงนึกถึงพี่เขยของตน พี่เขยของเขาเป็นถึงราชามังกร“พูดจาใหญ่โตไม่อายปาก คนอย่างแกที่แค่มากจากครอบครัวขยะในเมืองเทียนไห่ จะเอาอะไรมาเผชิญหน้ากับตระกูลซุนของฉัน” ซุนซวี่อดไม่ได้ที่จะพูดจาเย็นชาออกมาเพราะเขารู้สึกว่าท่าทีของคุณพ่อตระกูลสวี่เริ่มมีบางอย่างแปลกไปหลินจื่อตงที่กำลังจะตอบ แต่พ่อตระกูลสวี่กลับพูดออกมาทันทีว่า “ดีมาก หลินจื่อตง แค่เธอมีจิตใจที่มั่นคงแบบนี้ ฉันก็จะสนับสนุนเอง!”เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็อึ้งไปชั่วขณะไม่มีใครคาดคิดว่า พ่อตระกูลสวี่จะตัดสินใจในทางที่คิดไม่ถึงอย่างกะทันหันแบบนี้ แม้แต่สมาชิกในตระกูลสวี่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน อาจเป็นเพราะวิดีโอเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า?สวี่เจียเจียก็รู้สึกงงงวยไปชั่วขณะ เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลย“พี่ใหญ่!”สวี่อี้อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “พี่กำลังทำอะไรอยู่ ทำแบบนี้ พี่คิดจะให้ตระกูลสวี่ไม่เหลือจุดยืนเลยรึไง?”สวี่กวงเองก็อยากจะเชื่อหูตัวเองเช่นกัน และรีบพูดออกไปว่
ทุกคนต่างตกใจเล็กน้อย พ่อตระกูลสวี่เองก็เช่นกัน แต่เขาก็ยังคงรับมันมาอยู่ดี เพียงแต่ทันทีที่เขาเห็นเนื้อหาข้างในวิดีโอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปจนดูน่าเกลียดมากประเด็นสำคัญคือไม่ได้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว ซุนซวี่แทบจะเปลี่ยนเป็นคนวิปริตไปโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ได้ยินแค่ว่าในช่วงวัยหนุ่มของซุนซวี่นั้น เขาเป็นคนที่เจ้าชู้มาก จึงคิดว่าเขาอาจจะพอแก้ไขได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ในขณะเดียวกันแม่ตระกูลสวี่เองก็ลุกขึ้นเช่นกัน ทันทีที่เห็นฉากเหล่านั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะรีบปิดวิดีโอเร็วแค่ไหน แต่สายตาของเธอก็กลับมั่นคงอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าอย่างไร ก็ห้ามให้ลูกสาวแต่งงานกับคนอย่างซุนซวี่เด็ดขาดเพราะไม่เช่นนั้น ลูกสาวก็ต้องจะถูกย่ำยีเป็นแน่พ่อตระกูลสวี่รีบลบวิดีโอทันที ก่อนที่จะส่งคืนให้กับเย่เทียนหยู่ พร้อมกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ขอบคุณสำหรับวิดีโอ แต่ฉันได้ลบวิดีโอพวกนั้นไปแล้ว และหวังว่าจะไม่มีการสำรองข้อมูลเอาไว้นะ”พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่ซุนซวี่ และกล่าวเตือนขึ้นว่า “เพราะไม่อย่างนั้น แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้!”เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ทุกคนต่างก็นิ่งไปชั่วขณะ เจ้าหนุ่มนี่มาจากไหนกัน เขารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่แม้แต่สวี่เจียเจียเองก็ยังตกใจ นี่ใครกัน เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลินจื่อตงด้วยความสงสัย หลินจื่อตงจึงรีบอธิบายออกไปว่า “เขาคือพี่เขยของฉันเอง”ทันทีที่สวี่เจียเจียได้ยิน เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นี่คือพี่เขยที่คนในตระกูลหลินพูดถึงงั้นเหรอ ท่าทีก็เหมือนจะไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น ดูเหมือนคนธรรมดาที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่าสวี่กวงทนไม่ได้อีกต่อไป เขาหัวเราะเยาะ และพูดขึ้นว่า “ไอ้หนู แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ที่นี่มีพื้นที่ให้แกออกความเห็นรึไง?”“แน่นอนว่าต้องมีสิ!”“ฉันขอแนะนำตัวหน่อยก็แล้วกัน ฉันชื่อเย่เทียนหยู่ เป็นพี่เขยของหลินจื่อตง ที่มาในวันนี้ ก็ไม่ได้ต้องการที่จะมาพาตัวสวี่เจียเจียไป”เย่เทียนหยู่ไม่สนใจท่าทีดูถูกและความไม่พอใจของคนอื่น ๆ เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่เพื่อเป็นการทดสอบดูว่า สวี่เจียเจีย เหมาะสมกับจื่อตงหรือไม่ต่างหาก”ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็พูดไม่ออกกันหมดแกรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองยังเด็กอยู่ แถมยังพูดออก
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก