“งั้นเหรอ?” เย่เทียนหยู่อดจะยิ้มออกมาไม่ได้ก่อนจะพูดออกมาเสียงเรียบ “เฉินฮั่น จากที่ผมรู้มาคุณเอาผลงานการออกแบบของบริษัทไปขายให้บริษัทคู่ต่อสู้เพื่อจะได้รับเงินจากตรงนั้น นี่มันเรื่องจริงหรือเปล่า?” “โกหก!” “นี่มันเรื่องโกหกชัดๆ!” “ใครมันพูด ฉันจะจัดการมันให้เละเลย!” เฉินฮั่นหน้าถอดสีก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดังอย่างระแวง เสียงที่ดังขนาดนี้ทำเอาทุกคนในที่นั้นได้ยินกันจนหมด เห็นได้ชัดเลยว่าเฉินฮั่นกลัวมากจริงๆ “โกหกเหรอ?” “งั้นทำไมมันถึงได้ชัดเจนขนาดนี้ล่ะ” เย่เทียนหยู่หัวเราะเบาะๆ ก่อนจะพูดช้าๆ “ปีก่อนตอนวันที่แปดมิถุนายน ปีที่แล้ว แล้วก็ยังมีของปีนี้อีกด้วย” “วันที่หกของเดือนนี้เอง นายเอาแหวนที่โจวม่านออกแบบแล้วก็ของหนิงเกอและของคนอื่นๆในฝ่ายไปขายให้บริษัทคู่แข่ง ได้เงินมาหลายแสน” ทุกๆเรื่องและวันที่ที่ปรากฏและยังมียอดเงินที่ชัดเจนอีกด้วย เฉินฮั่นได้ฟังก็อดจะหน้าซีดไม่ได้ เขาปฏิเสธพร้อมกับท่าทีตื่นกลัว “โกหก มันเป็นเรื่องโกหก นี่มันเรื่องมั่วๆ ไม่ใช่ความจริง” เห็นได้ชัดว่าเขากลัวจนแทบบ้า เห็นได้ชัดเลยว่าช็อคไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเย่เทียนหยู่พูดถูกต้อง ถึงจะยังไม
แต่ไม่แน่ เขาอาจจะรู้แค่เรื่องของฝ่ายออกแบบก็ได้ เพราะวันนี้มาถึงเขาก็ไปฝ่ายออกแบบเลย ดูท่าแล้วฝ่ายออกแบบคงมีคนปล่อยความลับ ถูกต้อง มันต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ คิดได้แบบนี้เฉินฮั่นก็สบายใจมากขึ้น เห็นเฉินฮั่นคุกเข่าด้วยท่าทีน่าสงสารอยู่ตรงหน้า เย่เทียนหยู่มองไปอีกฝ่ายด้วยสายตาแน่นิ่งก่อนจะพูดออกมาเสียงเรียบ “ถ้าหากเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ผมก็คงจะปล่อยไปได้ แต่คุณยังทำเรื่องที่แย่จนผมรับไม่ได้อีก” “อะ…อะไรนะครับ ผม…ผมไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน ไม่เคยทำผิดอะไรต่อคุณนี่?” เฉินฮั่นหวั่นใจ “ผู้หญิง!” เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบ “นายใช้อำนาจในการเป็นหัวหน้าฝ่าย หลอกล่อผู้หญิงคนอื่นในฝ่าย ทำให้เกิดแผลในใจของพวกเธอ ถึงจะมีคนที่ออกจากบริษัทไปแล้วแต่ผลที่นายทำมันทำให้เกิดปัญหาระยะยาว” ได้ยินคำนี้เฉินฮั่นจึงหน้าถอดสีก่อนจะล้มลงไปนั่งกับพื้น เย่เทียนหยู่ไม่สนใจก่อนจะพูดต่อ “หลิวชั่ว นายเองก็ไม่พอใจนี่ ตอนนี้มีอะไรจะพูดไหม?” ได้ยินคำนี้สีหน้าของหลิวชั่วก็เปลี่ยนไป แต่เมื่อคิดดูอีกฝ่ายคงไม่มีหลักฐานอะไรสาวมาที่ตัวเขา ไม่อย่างนั้นก็คงจัดการเขาก่อน ถ้าจัดการเขาได้ก็เหมือนจัดการได้ทั้งหมด
หานถงไม่กล้าเสี่ยง ขนาดคนที่ปกปิดอย่างดีอย่างหลิวชั่วยังไม่รอดเรื่องของเธอไม่ต้องถามคนอื่นก็ยังได้ เพราะหวังชิ่งเองก็คงพอรู้มาบ้าง ไม่แน่ก็เป็นหวังชิ่งเองนั่นแหละที่เป็นคนพูดเพื่อที่จะได้ตำแหน่ง ภาพทุกภาพในวันนี้ปรากฏสู่สายตาของทุกคนทั้งน่าตกใจและน่ายินดี ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าเย่เทียนหยู่จะทำได้ขนาดนี้แต่เมื่อความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้าประธานบริษัทคนใหม่ก็ไม่ต่างจากเทพมาโปรดเลยสักนิด หนิงเกอเองก็มองอย่างเหม่อๆ เย่เทียนหยู่เก่งกว่าที่เธอคาดคิดเอาไว้ นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว โจวม่านและคนอื่นๆเองก็ช็อคไปแล้ว เพราะใช้เวลาไม่นานก็จัดการเรื่องน่าเหลือเชื่อนี่เสร็จแล้ว รองประธานหลิวชั่ว หัวหน้าฝ่ายออกแบบเฉินฮั่นและยังจะมีหัวหน้าฝ่ายการขายอีกด้วย นี่มันหัวหน้าใหญ่สามคนภายในบริษัทเชียวนะ และนอกจากนี้ยังมีฝ่ายจัดซื้อและฝ่ายอื่นๆอีกด้วย แค่สามคนนี้โดนลิดรอนอำนาจ คนอื่นๆก็ไม่กล้าทำอะไรแล้ว เย่เทียนหยู่มองทางหานถงก่อนจะพูดออกมาเสียงเรียบ “ดีมาก แบบนี้สิ” “อีกเดี๋ยวก็ไปบอกหวังชิ่งทุกอย่างแล้วก็ชดใช้เงินคืนด้วยนะ“ “ค่ะ!” หานถงก้มหน้า เธอหวั่นใจจนแทบไม่กล้าพูดอะไ
เดิมทีเขาก็ความจำดีอยู่แล้ว เพราะอย่างนั้นจึงสามารถพูดชื่อของทุกคนออกมาและมอบหมายงานและตำแหน่งใหม่ให้ได้ จริงๆการประกาศตำแหน่งงานใหม่ในวันนี้ดูเหมือนจะง่าย แต่จริงๆแล้วเย่เทียนหยู่เพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งแต่กลับรู้จักชื่อและเข้าใจความสามารถในการทำงานของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี เขารู้ว่าใครชื่ออะไรและควรจะทำตำแหน่งอะไร ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีการใช้โพยกระดาษเลยสักนิด นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้ พูดได้แค่ว่าประธานบริษัทคนใหม่นี่เก่งเกินไปและยังทุ่มเทให้บริษัทมากๆด้วย และเพราะแบบนี้คนที่มีปัญหาในใจจึงคิดแค่เพียงว่าจะต้องรีบไปสารภาพความผิดซะ “การมอบหมายงานในวันนี้ก็ประมาณนี้แต่ว่าถ้าต่อจากนี้ใครที่มีความสามารถมากพอ และยังค่อนข้างที่จะโดดเด่นก็สามารถมีโอกาสแบบนี้ได้” “ผมถือเอาคนที่มีความสามารถโดดเด่นเป็นหลัก ใครเก่งก็ได้เลื่อนขั้น” “และแน่นอน นิสัยก็จะต้องดีด้วยอย่างน้อยก็ต้องไม่ทำผิดกฎหมายหรือทำอะไรที่มันผิดหลักคุณธรรม” “เอาล่ะ ต่อจากนี้ก็รอดูทุกคนนะครับ” “ผมยังมีธุระ ขอตัวก่อน” เย่เทียนหยู่พูดจบก็กระโดดลงมาก่อนจะพูดขึ้น “หวังชิ่งคุณมากับผมหน่อย” “ครับ” หวังชิ่งรีบดินตาม
หลินหว่านหรูมาที่ตึกสี่ฤดูและเดินเข้าไปในห้องทานอาหารส่วนตัวก็เพราะการบังคับคนที่บ้าน ในตอนที่เธอรู้เลขห้องอาหารก็รีบส่งให้เย่เทียนหยู่ เพราะเย่เทียนหยู่บอกว่าต้องส่งที่อยู่ให้กับเขา “หว่านหรู มาแล้วเหรอ” เห็นหลานสาวของตัวเองเข้ามาแล้วนายท่านหลินก็ถอนหายใจก่อนจะรีบพูด พ่อและแม่ของเธอเองก็ดีใจมากๆ นอกจากพวกเขาสามคนยังมีหลี่ว์เจิ้งอยู่ด้วย บนใบหน้ามีร่องรอยเหมือนถูกทำร้ายมา เพราะว่ามีการจัดการแล้วจึงไม่สามารถมั่นใจได้ว่าถูกทำร้ายมาจริงไหม หลี่ว์เจิ้งเห็นว่าหลินหว่านหรูมาแล้วก็อดจะตาลุกวาวไม่ได้ เพราะว่าการปรากฏตัวของเย่เทียนหยู่ ทำให้เขาไม่สามารถฮุบตระกูลซ่งและตัวซ่งหลิงมาครองไว้ได้ แต่ว่าการที่จะได้คนที่สวยมากๆอย่างหลินหว่านหรูกลับเป็นเรื่องที่โชคดี ทำให้เขารู้สึกชอบมากขึ้นกว่าเดิม เพราะว่าหลินหว่าหรูดีกว่าซ่งหลิงมากอีกฝ่ายก็เหมือนแค่ต้องการเข้ามาหลอกเอาเงินเขาก็เท่านั้น หลี่ว์เจิ้งพยายามเก็บอาการเขามองไปทางด้านขวาของตัวเองหน้านิ่งก็จะพูดออกมายิ้มๆ“หว่านหรู มานั่งทางนี้สิ” หว่านหรูมองไปทางนั้นก่อนจะพูด “ไม่ล่ะค่ะ ฉันขอนั่งข้างๆแม่ของฉันดีกว่า” พูดจบก็เดินมานั่งลงตร
ที่เคยเสียหน้าไปก่อนหน้านี้ เขาจะต้องทวงคืนกลับมาให้หมด เขาตอบปฏิเสธออกมาหน้าตาเฉย “แน่นอนว่าไม่ใช่!” แต่เมื่อตอบคำนี้ออกมา นายท่านหลินก็ช็อคไปเหมือนกัน แบบนี้ไม่ให้เกียรติกันเลยนี่นา พ่อแม่ของเธอเองก็ชะงักไป แต่ว่าพวกเขาก็ลังเลเล็กน้อย และยังคงอยากจะทำให้บรรยากาศมันดีขึ้น เพราะนี่ถือว่าเป็นโอกาสที่จะได้เปลี่ยนชีวิต ถ้าลูกสาวของพวกเขาได้แต่งงานกับคนรวยของเมืองหลงตู สถานะทางสังคมของพวกเขาทั้งสองคนก็จะสูงตามไปด้วย หลี่ว์เจิ้งปฏิเสธเสร็จก็ไม่รอให้คนอื่นได้พูดอะไรต่อ “นายท่านหลิน พูดกันตามจริงนะ พรุ่งนี้ผมก็จะไปจากเมืองเทียนไห่แล้ว” “วันนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกคุณ” “ที่ผมมาที่นี่ก็เพราะหว่านหรู ผมหวังว่าพรุ่งนี้เธอจะไปจากที่นี่พร้อมกับผมได้” ตอนแรกหลี่ว์เจิ้งไม่ได้คิดเช่นนี้ แต่ยิ่งเห็นว่าตระกูลหลินกลัวตัวเองมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งได้คืบจะเอาศอกมาเท่านั้น คนในตระกูลหลินได้ฟังก็ชะงักไป เพราะไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ หลินหว่านหรูสีหน้าเปลี่ยนไป ช่วงนี้เธอได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลหลี่ว์มามากมาย ตอนนี้หลี่ว์เจิ้งกำลังวางท่าทางว่าพรุ่งนี้จะพาตนเองไปให้ได้ แน่นอนว่าเธอไม
เย่เทียนหยู่มาทันช่วงเวลาที่สำคัญพอดี มาในตอนที่หลินหว่านหรูรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจ นายท่านหลินพูดจบก็มองไปทางหลานสาวตาไม่กระพริบเพราะรู้ว่าเรื่องนี้มันมีผลต่อเธอมากๆ แต่ว่าเขาเองก็ไม่มีหนทางที่ดีกว่านี้ อีกอย่าง ในอนาคตหลานของเขาจะต้องเข้าใจแน่ๆ พอถึงตอนนั้นหลานของเขาจะต้องรู้สึกขอบคุณเขาแน่ๆที่ทำเพื่อเธอในวันนี้ ส่วนหลี่ว์เจิ้งก็ตั้งตารอยิ่งกว่าใครเพราะว่าคนสวยตรงหน้าจะกลายเป็นคนของเขาแล้ว ทำให้สิ่งที่ทำให้เขาอารมณ์เสียก่อนหน้านี้หายไปจนหมด แต่ในตอนนี้กลับมีเสียงของเย่เทียนหยู่ลอยมา อะไรกัน ไม่ตกลงงั้นเหรอ? ไอ่บ้าคนไหนที่มันกล้าเขามาขัดขวางกัน แต่ลองฟังดูเสียงนี้ช่างฟังดูคุ้นเคย สีหน้าของนายท่านหลินเปลี่ยนไป พ่อและแม่ของหลินหว่านหรูเองก็เช่นกัน ให้ตายเถอะ เย่เทียนหยู่มาได้ยังไงกัน เหมือนวิญญาณที่ตามติดเลย เขามาก็ไม่รู้จะมาสร้างเรื่องอะไร ถ้าทำให้คุณชายหลี่ว์โมโหแล้วจะทำยังไงดี แต่จากท่าทีของครอบครัวของเธอเมื่อสักครู่ก็ทำให้ใจของเธอด้านชาไปแล้ว อย่างน้อยในตอนนี้เธอไม่อยากสนใจอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าเย่เทียนหยู่จะทำอะไรเธอก็สนับสนุนทั้งนั้น ในตอนที่ทุกคนต่
“หว่านหรู นี่ลูกพูดอะไรออกมา?” “ทำไมถึงไปนอนกับไอ่สวะนี่ได้?” “ลูกนอนที่บ้านตลอดไม่เคยออกไปไหน แม่รู้นะว่าลูกกำลังพูดเพื่อมันถึงได้พูดแบบนี้” “นี่แกบ้าหรือเปล่า ถ้าคุณชายหลี่ว์เข้าใจผิดจะทำยังไง” “คนอย่างเย่เทียนหยู่ทั้งชาติตระกูลและความหล่อเหลาก็สู้คุณชายหลี่ว์ไม่ได้ ถ้าเทียบกันมันก็ไม่ต่างจากขยะ แกชอบอะไรมัน” แม่ของเธอพูดออกมาไม่หยุด หลินหว่านหรูได้ฟังก็ตั้งท่าจะเถียงกลับเรื่องที่เธอนอนกับเย่เทียนหยู่เป็นเพราะถูกคนวางยา เธอไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด แต่ในตอนนี้หลี่ว์เจิ้งก็ได้สติกลับมา ที่แท้คุณชายเย่ชื่อว่าเย่เทียนหยู่ จึงรีบเอ่ยขัด “นายท่านหลิน คุณน้าพวกคุณเข้าใจผิดแล้วนะครับ ผมไม่เคยคิดว่าจะคบกับหลินหว่านหรู” “คุณชายหลี่ว์ นี่คุณ…?” “ที่ผมมาในวันนี้ก็เพราะว่านายท่านหลินเอาแต่รบเร้าให้ผมมาเจอเธอ ผมถึงได้มาแต่ไม่ได้คิดอะไรเลยแน่นอน” “เพราะว่าคนที่สวยจนโลกตะลึงอย่างคุณหลินถึงเหมาะกับคนที่หล่อเหลาอย่างคุณชายเย่” “ผมจะนับว่าเป็นอะไรได้ ถ้าเทียบกับเขาผมก็ไม่ต่างจากขยะ เป็นแค่คนไร้ค่าจะไปกล้าคิดอะไรแบบนั้นกับคุณหลินได้ยังไง” หลี่ว์เจิ้งแทบจะยกคำชมทั้งหมดออกมาพูดชมอีกฝ
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป