“หากมีการโกหก ฟ้าร้องห้าครั้งจะฟาดลงมาจากสวรรค์”หลิวเฟยตกตะลึง เห็นได้ชัดว่านี่เป็นของปลอมและเขายังคงสาบานอย่างรุนแรงเช่นนี้ไม่กลัวว่ามันจะเป็นจริงเหรอ?หลงเจี๋ยโกรธมาก โชคดีที่พวกเขายังมีพยานอยู่ เขาหันกลับมาทันทีและพูดว่า “หลิวเฟย เจ้าไม่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าเย่เทียนหยู่อาศัยกังฟูของเขาเองเพื่อกระทำการอย่างป่าเถื่อนและทำร้ายผู้คนตามอำเภอใจเหรอ?”เมื่อได้ยินแบบนั้น หลิวเฟยก็ปฏิเสธทันที: “ไม่ คุณเย่เป็นคนดีมาก เราโหดร้ายมากและเขาไม่เคยเต็มใจที่จะทำร้ายเราเลย เขาจะทำร้ายคนอื่นแบบสุ่ม ๆ ได้ยังไง”เมื่อหลงเจี๋ยได้ยินแบบนั้น เขาก็โกรธทันที: “หลิวเฟย อย่าคิดว่าคุณจะสามารถลบทุกสิ่งด้วยการเปลี่ยนเรื่องราวของคุณตอนนี้ เรามีบันทึกการเฝ้าระวัง”เมื่อได้ยินการเฝ้าระวัง ใบหน้าของหลิวเฟยก็เปลี่ยนไป เขาควรทำยังไง ด้วยความสิ้นหวัง เขาจึงสารภาพอย่างตรงไปตรงมาและพูดว่า: “ใช่ ฉันเคยพูดแบบนั้นมาก่อน แต่มีคนจงใจขอให้ฉันพูดแบบนั้น”“จงใจ?”“ถูกต้อง!”หลิวเฟยยืนยันว่า: “อีกฝ่ายให้เงินฉัน ห้าแสนบาทและบอกให้ฉันพูดแบบนี้ เขายังบอกด้วยว่าขอแค่เขาสามารถจัดการกับ เย่เทียนหยู่และจับเขาเข้าคุกได้ เขาจะให
“ทำไมล่ะ คุณยังเสียใจอยู่เหรอ”เมื่อเห็นท่าทางที่สมเพชของหลงเจี๋ย ผู้อำนวยการจางก็ไม่หยุดตำหนิเขาและพูดอย่างเย็นชา: “ถ้าคุณทนฉันไม่ไหวจริงๆ หรือถ้าคุณยังต้องการทำตัวแบบนี้ด้วยตัวเอง โปรดขอให้โอนย้าย”“วัดเล็กๆ ของเราไม่สามารถรองรับพระพุทธรูปองค์ใหญ่เช่นท่านได้”หลังจากพูดด้วยคำพูดที่จริงจังเช่นนี้ น้ำตาแห่งความคับข้องใจของหลงเจี๋ยก็หลั่งไหลออกมา และเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “แต่เย่เทียนหยู่มีปัญหาในการเริ่มต้น ตัวตนของเขาคืออะไรที่ทำให้คุณปกป้องเขาเช่นนี้”“มีอะไรผิดปกติกับเขาหรือเปล่า?”“หลักฐานอยู่ไหน?”“ไม่มีหลักฐาน ทำไมคุณถึงบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเขา”“เป็นไปได้ไหมว่าเพียงเพราะฉันคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับคุณ ฉันจึงสามารถจับกุมคุณเพื่อสอบสวนได้ทันที” ผู้อำนวยการจางถามทันทีเมื่อเขาเห็นว่าเธอยังไม่กลับใจ“ผม…”หลงเจี๋ยอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พบว่าเขาดูเหมือนจะไม่สามารถปฏิเสธได้“คุณไม่มีอะไรจะพูดเหรอ?”“หากคุณยังต้องการทำงานที่สถานีตำรวจ ให้ไปขอโทษคุณเย่ทันที แล้วขอให้เขาออกไปจากที่นี่” ผู้อำนวยการจางกล่าวอย่างเคร่งขรึมหลงเจี๋ยเงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าที่ดื้อรั้นและอยากจ
“พูดง่ายนะ คุณควรจะเป็นแบบนี้มานานแล้ว” เย่เทียนหยู่ยิ้มเบา ๆ และพูดว่า: “อย่ากังวล ฉันไม่ใช่คนใจแคบ เมื่อเห็นว่าคุณจริงใจมาก ฉันจะยกโทษให้” คุณ”“ขอบคุณ ฉันจะพาคุณออกไป”นี่เป็นคำขอของลุงจาง หลงเจี๋ยก้าวไปข้างหน้าและปลดล็อคกุญแจมือของเย่เทียนหยู่เป็นการส่วนตัว และพาเธอออกไปผู้อำนวยการจางออกไปข้างนอกแล้วก้าวไปข้างหน้าทันทีแล้วพูดว่า “คุณเย่ ฉันขอโทษจริงๆ ลูกน้องของฉันไม่มีความรู้และทำให้คุณขุ่นเคือง ฉันมาเพื่อขอโทษคุณ”“ไม่เป็นไร มันจบแล้ว” เย่เทียนหยู่กล่าว“ดีมาก หลงเจี๋ย คุณเห็นไหมว่าคุณชายเย่ผู้ใจดีขนาดนี้ จะไม่ทำผิดพลาดครั้งหน้า” ผู้อำนวยการจางเตือน“ใช่ ฉันจำได้!”“จำไว้ แล้วคุณสามารถส่งคุณชายเย่กลับมาด้วยตนเองได้ในภายหลัง”“เรื่องนั้น…”หลงเจี๋ยอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของลุงจาง เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ตกลง!”มีคนเสนอของขวัญให้เธอ ดังนั้นเย่เทียนหยู่จึงไม่ปฏิเสธโดยธรรมชาติ เขาจึงขึ้นรถของเธอและขอให้เขาขับรถกลับไปที่บริษัท ท้ายที่สุด เขาถูกพาตัวออกจากบริษัท ดังนั้นเขาจึงต้องกลับไปที่นั่นโดยธรรมชาติไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะเลอะเทอะแบบไหนเห็นได้ชัดว่าหลงเจ
“แน่ใจที่สุด” หลงเจี๋ยพูดอย่างเย็นชาและหนักแน่นเย่เทียนหยู่ส่ายหน้า ต้องมีบางอย่างแน่ที่ทำให้ท่าทางของหญิงสาวคนนี้เปลี่ยนไปกะทันหัน ยังไงก็ตาม ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ จะสามารถเอาชนะตัวเองได้ยังไง?รถขับไปได้สักพักก็มาถึงชั้นล่างของบริษัท“ถึงแล้ว เสี่ยวเจี๋ยเจี๋ย คุณอยากจะมานั่งในบริษัทของฉันสักพักไหม?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้มชื่อเสี่ยวเจี๋ยเจี๋ยนี้ทำให้หลงเจี๋ยแทบจะอาเจียนออกมาทันที และจ้องมองไปที่ เย่เทียนหยู่อย่างดุเดือด แต่เมื่อเธอลงจากรถ เธอก็ก้าวไปข้างหน้าและกอดเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่สับสนไปหมด เกิดอะไรขึ้น เด็กนี่โดนของเหรอ?แต่หลงเจี๋ยรีบปล่อยมือและพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “เอาล่ะ ฉันเพิ่งเป็นผู้หญิงของนาย แต่ฉันว่านายไม่เพียงแต่น่าเกลียดเท่านั้น แต่ยังนิสัยเสียด้วย ดังนั้นฉันเลิกกับนายแล้วตอนนี้”“เลิกกันเหรอ?”ในที่สุด เย่เทียนหยู่ก็เข้าใจสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้กำลังทำอยู่หลงเจี๋ยมองดูท่าทางตกตะลึงของเย่เทียนหยู่ และรู้สึกภูมิใจทันทีในที่สุดไอ้หมอนี่นี้ก็ถูกฉันเล่น แต่เมื่อกี้ตอนก่อนหมอนี่กลับไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดแบบที่คิดแต่เย่เทียนหยู่ยิ้มและพูดว่า: “เอาล่ะ เราเลิกกันก
“มันเป็นปัญหาเล็กๆ แน่นอน ไม่เป็นไร” เย่เทียนหยู่กล่าว“เยี่ยมมาก พี่เย่ คุณไม่รู้หรอก ไม่นานหลังจากที่คุณจากไป แผนกภาษีของสำนักงานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ก็รออยู่…” หลิวสุ่ยรีบพูดสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เขาฟัง และใบหน้าของเขาก็เย็นชา เขาไม่คาดหวังว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นมากมายในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงรีบถาม: “แล้วมันจะแก้ไขได้ยังไงในภายหลัง? รูเรน?”“หว่านหรู?”หลิวสุ่ยตกใจเล็กน้อย นั่นชื่อประธานหลินไม่ใช่เหรอ?แน่นอนว่าพี่เย่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคุณปู่ตระกูลหลินและพูดอย่างเร่งรีบ: “ประธานลินก็ได้รับข่าวเช่นกัน แต่เธอไม่ได้กลับมาที่บริษัท ดูเหมือนว่าคุณปู่ตระกูลหลินจะหาคนมาแก้ปัญหาได้”“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”เย่เทียนหยู่วางสายโทรศัพท์แล้วโทรหาหลินหว่านหรูก่อนหลินหว่านหรู เพิ่งแยกจากหลี่ว์เจิ้งในเวลานี้ ท้ายที่สุดแล้วคุณหลี่ว์ได้ช่วยเหลือมามาก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทิ้งเขาไว้ตามลำพังได้อย่างสมบูรณ์นอกจากนี้คุณปู่ยังขอให้เขาไปเดินเล่นกับประธานหลี่ว์เพียงลำพังหลินหว่านหรู ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้บอกกับคุณหลี่ว์โดยเฉพาะ โดยบอกว่าป
เมื่อได้ยินคำยืนยันจากเย่เทียนหยู่ หลินหว่านหรูก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า: “ก็ใช่นะ ปากนายน่ะอย่างกับพวกปากอัปมงคลเลยละ บอกว่าใครจะโชคร้ายเป็นได้โชคร้ายจริง ๆ ทุกที”“นี่จะเรียกว่าปากอัปมงคลได้ยังไง นี่เรียกว่าทำนายดุจเทพเจ้าต่างหาก”“ค่ะ ๆ ฉันใช้คำผิดเอง น่าจะบอกว่าเป็นคำทำนายแสนอัศจรรย์มากกว่าสินะ” หลินหว่านหรูพูดด้วยรอยยิ้ม เธอรู้สึกดีขึ้นมากเมื่อได้ยินเย่เทียนหยู่พูดแบบนั้น แม้เธอจะไม่ค่อยเชื่อว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับหลี่ว์เจิ้ง แต่ไม่รู้ว่าทำไม เธออดไม่ได้ที่จะเชื่อสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดเย่เทียนหยู่วางสายโทรศัพท์ ความเย็นชาวาดผ่านดวงตาของเขา หลี่ว์เจิ้งนะหลี่ว์เจิ้ง รังควานแค่ตระกูลซ่งไม่พอ ยังดันหันปากกระบอกปืนมาทางผมเสียได้ รนหาที่ตายจริงๆแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการจัดการคนคนหนึ่งก่อน เย่เทียนหยู่โทรหาหวงหงเจี้ยนทันที“คุณชายเย่!”“ว่ามา เรื่องที่เกิดกับหลินซื่อกรุ๊ปวันนี้มันเรื่องอะไรกัน” เย่เทียนหยู่ถามเขาตามตรง กระทั่งใช้น้ำเสียงหยาบคายแฝงด้วยความสงสัยอย่างชัดเจนหากคนธรรมดากล้าทำแบบนี้กับหวงหงเจี้ยนคงจบเห่ไปนานแล้วแต่เมื่อเผชิญหน้ากับเย่เทียนหยู่ผู้ทรงอิทธิพล หว
สำหรับตู้อีฝานที่ถูกจับ ในสถานการณ์ปกติเขาคงหมดโอกาสได้กลับออกมาด้านนอกแล้วเมื่อต้องเผชิญกับเซอร์ไพรส์ใหญ่ที่เข้ามากะทันหันเช่นนี้ สื่อเฉียงจึงตั้งใจโทรไปขอบคุณเย่เทียนหยู่โดยเฉพาะ ในคำพูดของเขาเผยนัยพิเศษบางอย่างออกมาแต่เย่เทียนหยู่ไม่สนใจ เขาเพียงขอให้อีกฝ่ายทำประโยชน์เพื่อประชาชน ไม่อย่างนั้น เย่เทียนหยู่ทำให้เขาขึ้นตำแหน่งได้ ก็ทำให้เขาลงมาได้เหมือนกันสื่อเฉียงตอบตกลงทันที เดิมทีนี่ก็เป็นอุดมคติของเขาเอง และเพราะมีความคิดแบบเดียวกัน เขากับหวงหงเจี้ยนจึงร่วมมือกันได้อย่างมีความสุขหลังจากได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ เขาก็รู้สึกว่าคนอย่างคุณเย่เป็นคนที่มีความเมตตาอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงในทางตรงกันข้าม ตู้อีฝานกลับต้องย่อยยับไป แต่เขาก็พอจะเดาออกว่าทำไมถึงเกิดเรื่อง อาจเป็นเพราะเรื่องที่เขาในช่วงนี้ไปล่วงเกินผู้ทรงอิทธิพลเข้ารวมกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลหม่า ในที่สุด ตู้อีฝานก็เดาทุกอย่างได้ นี่อาจเป็นเพราะปัญหาที่เกิดจาก ตู้อิ๋ง ลูกสาวของเขาด้วยเหตุนี้ เขาจึงให้ตู้อิ๋งได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดโดยการส่งต่อข้อความตู้อิ๋งแทบไม่เชื่อเรื่องทั้งหมดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าชายหนุ่
“คุณชายเย่ คุณมาแล้ว เชิญนั่งก่อนสิคะ”แม้ว่าซ่งหลิงจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง แต่เธอก็ยังลุกขึ้นทักทายเขาอย่างรวดเร็วตู้อิ๋งลุกยืนพร้อมมองดูเย่เทียนหยู่อย่างหวาดกลัว การเจอหน้ากันหนนี้ต่างออกไปจากครั้งที่แล้วอย่างเห็นได้ชัดเย่เทียนหยู่ไม่มองซ่งหลิงเลย เขาก้าวไปข้างหน้าและนั่งลงตรงตำแหน่งของตนเอง “บอกมาว่ามีเรื่องอะไร”เมื่อตู้อิ๋งได้ยินแบบนั้น เธอก็พุ่งตัวเข้าไปพูดทันทีว่า “คุณชายเย่ เป็นฉันเองค่ะ ฉันมาเพื่อขอโทษคุณ”“ซ่งหลิงถูกฉันบังคับให้พาฉันมาพบคุณ อย่าตำหนิเธอเลยนะคะ” เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้นเขาก็ไม่ได้ตอบ เขายังคงนั่งทำหน้าไร้อารมณ์ บ่งบอกว่าให้เธอพูดต่อได้“ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้วค่ะ!”“ฉันไม่ควรให้พ่อใช้อำนาจของเขาทำร้ายคุณ และยังให้คนอื่นไปสอบสวนหลินซื่อกรุ๊ป ทั้งหมดเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุของฉันเองค่ะ”“ตอนนี้ฉันรู้ว่าฉันผิดเอง โปรดให้โอกาสฉันด้วย ขอแค่คุณปล่อยพ่อของฉันไป ฉันจะยอมทำทุกอย่างที่คุณขอ” ตู้อิ๋งขอร้องอย่างน่าสงสารเธอรู้ว่าขณะที่อีกฝ่ายกำลังโกรธ เธอจะต้องแสดงความจริงใจการยอมรับทุกคำขอของเขาจึงเป็นความจริงใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่ทุกคนหรอกท
ซุนซวี่หัวเราะเยาะอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางดุดัน “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ แกจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้อย่างแน่นอน”“พอถึงตอนนั้น ก็อย่ามาอ้อนวอนขอความเมตตาก็แล้วกัน ฮ่า ๆ......”ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของซุนซวี่ บวกกับคำพูดเหล่านั้น หลินจื่อตงยังไม่ทันจะพูดอะไร สวี่เจียเจียก็เริ่มได้สติ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “พ่อคะ นี่พ่อ......”“เจียเจีย เรื่องถัดจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะสามารถจัดการได้ เขาเพิ่งบอกว่าเขาสามารถปกป้องตัวเองได้ใช่ไหม เช่นนั้นต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว” พ่อตระกูลสวี่พูดขัดขึ้นมา“จะดูความสามารถอะไรกัน เขาเป็นแค่คนที่มาจากครอบครัวธรรมดา จะเอาอะไรไปสู้กับตระกูลซุนได้” สวี่เจียเจียพูดด้วยความร้อนใจ“เจียเจีย ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตระกูลซุนมีการดำรงอยู่แบบไหน ลูกก็เข้าใจดี พ่อของลูกสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ก็ถือว่าทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีของตระกูลสวี่แล้ว”คุณแม่ตระกูลสวี่พูดขึ้น พร้อมส่ายหัวว่า “หลังจากนี้ ก็ต้องดูที่ตัวเขาแล้วล่ะ หากเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ แม่ก็จะสนับสนุนให้พวกลูกคบกัน”“ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่พวกลูกสองค
“ยินดีครับ!”“ต่อให้จะต้องตาย ผมก็จะอยู่กับเธอ ขอให้คุณลุงสบายใจได้ ถึงไม่มีตระกูลสวี่ พวกเราก็สามารถปกป้องเจียเจียได้เช่นกัน”หลินจื่อตงนึกถึงพี่เขยของตน พี่เขยของเขาเป็นถึงราชามังกร“พูดจาใหญ่โตไม่อายปาก คนอย่างแกที่แค่มากจากครอบครัวขยะในเมืองเทียนไห่ จะเอาอะไรมาเผชิญหน้ากับตระกูลซุนของฉัน” ซุนซวี่อดไม่ได้ที่จะพูดจาเย็นชาออกมาเพราะเขารู้สึกว่าท่าทีของคุณพ่อตระกูลสวี่เริ่มมีบางอย่างแปลกไปหลินจื่อตงที่กำลังจะตอบ แต่พ่อตระกูลสวี่กลับพูดออกมาทันทีว่า “ดีมาก หลินจื่อตง แค่เธอมีจิตใจที่มั่นคงแบบนี้ ฉันก็จะสนับสนุนเอง!”เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็อึ้งไปชั่วขณะไม่มีใครคาดคิดว่า พ่อตระกูลสวี่จะตัดสินใจในทางที่คิดไม่ถึงอย่างกะทันหันแบบนี้ แม้แต่สมาชิกในตระกูลสวี่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน อาจเป็นเพราะวิดีโอเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า?สวี่เจียเจียก็รู้สึกงงงวยไปชั่วขณะ เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลย“พี่ใหญ่!”สวี่อี้อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “พี่กำลังทำอะไรอยู่ ทำแบบนี้ พี่คิดจะให้ตระกูลสวี่ไม่เหลือจุดยืนเลยรึไง?”สวี่กวงเองก็อยากจะเชื่อหูตัวเองเช่นกัน และรีบพูดออกไปว่
ทุกคนต่างตกใจเล็กน้อย พ่อตระกูลสวี่เองก็เช่นกัน แต่เขาก็ยังคงรับมันมาอยู่ดี เพียงแต่ทันทีที่เขาเห็นเนื้อหาข้างในวิดีโอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปจนดูน่าเกลียดมากประเด็นสำคัญคือไม่ได้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว ซุนซวี่แทบจะเปลี่ยนเป็นคนวิปริตไปโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ได้ยินแค่ว่าในช่วงวัยหนุ่มของซุนซวี่นั้น เขาเป็นคนที่เจ้าชู้มาก จึงคิดว่าเขาอาจจะพอแก้ไขได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ในขณะเดียวกันแม่ตระกูลสวี่เองก็ลุกขึ้นเช่นกัน ทันทีที่เห็นฉากเหล่านั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะรีบปิดวิดีโอเร็วแค่ไหน แต่สายตาของเธอก็กลับมั่นคงอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าอย่างไร ก็ห้ามให้ลูกสาวแต่งงานกับคนอย่างซุนซวี่เด็ดขาดเพราะไม่เช่นนั้น ลูกสาวก็ต้องจะถูกย่ำยีเป็นแน่พ่อตระกูลสวี่รีบลบวิดีโอทันที ก่อนที่จะส่งคืนให้กับเย่เทียนหยู่ พร้อมกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ขอบคุณสำหรับวิดีโอ แต่ฉันได้ลบวิดีโอพวกนั้นไปแล้ว และหวังว่าจะไม่มีการสำรองข้อมูลเอาไว้นะ”พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่ซุนซวี่ และกล่าวเตือนขึ้นว่า “เพราะไม่อย่างนั้น แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้!”เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ทุกคนต่างก็นิ่งไปชั่วขณะ เจ้าหนุ่มนี่มาจากไหนกัน เขารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่แม้แต่สวี่เจียเจียเองก็ยังตกใจ นี่ใครกัน เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลินจื่อตงด้วยความสงสัย หลินจื่อตงจึงรีบอธิบายออกไปว่า “เขาคือพี่เขยของฉันเอง”ทันทีที่สวี่เจียเจียได้ยิน เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นี่คือพี่เขยที่คนในตระกูลหลินพูดถึงงั้นเหรอ ท่าทีก็เหมือนจะไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น ดูเหมือนคนธรรมดาที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่าสวี่กวงทนไม่ได้อีกต่อไป เขาหัวเราะเยาะ และพูดขึ้นว่า “ไอ้หนู แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ที่นี่มีพื้นที่ให้แกออกความเห็นรึไง?”“แน่นอนว่าต้องมีสิ!”“ฉันขอแนะนำตัวหน่อยก็แล้วกัน ฉันชื่อเย่เทียนหยู่ เป็นพี่เขยของหลินจื่อตง ที่มาในวันนี้ ก็ไม่ได้ต้องการที่จะมาพาตัวสวี่เจียเจียไป”เย่เทียนหยู่ไม่สนใจท่าทีดูถูกและความไม่พอใจของคนอื่น ๆ เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่เพื่อเป็นการทดสอบดูว่า สวี่เจียเจีย เหมาะสมกับจื่อตงหรือไม่ต่างหาก”ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็พูดไม่ออกกันหมดแกรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองยังเด็กอยู่ แถมยังพูดออก
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก